อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่56 หยุนหว่านหนิงโดนรังเกลียด
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่56 หยุนหว่านหนิงโดนรังเกลียด
“เกิดอะไรขึ้น?”
โม่เยว่ถามขึ้นทันที
หยุนหว่านหนิงกระพริบตาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ตอนเช้าพวกข้าออกมารีบเกิน ลืมเอาของขวัญวันประสูติที่เตรียมไว้ให้เสด็จแม่มา!”
“เจ้า……”
ไอหมูโง่นี้!
โม่เยว่อยากจะโมโห
แต่เมื่อเห็นฉินซื่อเสวียวางถ้วยน้ำชาลงอย่างลับๆ และมองมาทางนี้ จึงต้องระงับความโกรธในใจลง
“ไม่เป็นไร ข้าส่งคนกลับจวนไปเอาเอง”
เขาพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกังวล”
“งั้นข้าก็ไว้วางใจแล้ว! ท่านพดีที่สุด”
หยุนหว่านหนิงอ้อนโม่เยว่ต่อหน้าฉินซื่อเสวีย
โม่เยว่:“……”
สีหน้าของฉินซื่อเสวียเปลี่ยนไปทันที หันหลังกลับและยิ้มแห้งๆ “ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องหมิงกับพระชายาหมิงดีมากเลย!”
คำพูดที่ฝืนใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา
กาลครั้งหนึ่ง โม่หุยเฟิงก็เคยอ่อนโยนกับนางเช่นนี้มาก่อน!
เมื่อสี่ปีก่อน โม่เยว่ก็พูดจานุ่มนวลเช่นนี้กับนาง!
ไม่รู้ว่าฉินซื่อเสวียกำลังนึกคิดถึงเขาในอดีต โม่เยว่มองดูหยุนหว่านหนิงด้วยความโปรดปราน “ครั้งหน้าห้ามประมาทอีกล่ะ”
“ต่อให้จะประมาทอีก ก็มีท่านค่อยช่วยเก็บกวาดสิ่งที่ข้าทำลงไปไม่ใช่หรือ?”
หยุนหว่านหนิงยิ้ม “หวาน”
โม่เยว่:“……”
ช่วยเจ้าเก็บกวาดครั้งหนึ่ง เริ่มต้นที่เงินหนึ่งพันตำลึง
หยุนหว่านหนิง:“……”
ท่านไปปล้นเถอะ? !
ทั้งสองดูเหมือนจะสีหน้าปกติ แต่ใช้สายตาสื่อสารกัน และเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
แต่ฉากนี้ตกอยู่ในตาของฉินซื่อเสวีย เพียงรู้สึกว่าทั้งสองกำลังอวดความรักต่อหน้านาง แสบตาขัดลูกหูลูกตา นางรีบลุกขึ้นยืน
“ท่านอ๋องยังรอข้าอยู่ในอี้ว์ฮวาหยวน ดังนั้นข้าขอลาก่อนนะ”
ขณะที่นางพูดอย่างนั้น นางก็ไม่ลืมที่จะเดินไปที่ประตูห้อง และพูดเบาๆกับโม่เฟยเฟยที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างในว่า “เฟยเฟย”
“ในเมื่อท่านอ๋องหมิมกับพระชายาหมิงรอท่านอยู่ งั้นข้าไปก่อนล่ะ”
“เจอกันที่ตำหนักหย่งโซ่ว! วันนี้ข้างนอกลมแรง ท่านอย่าลืมสวมเสื้อคลุมล่ะ”
เมื่อได้ยินโม่เฟยเฟยตอบ นางจึงค่อยพยักหน้าอย่างสุภาพให้กับหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ จากนั้นก็รีบออกไป ราวกับว่ามีผีกำลังไล่ตามนางอยู่
หยุนหว่านหนิงละสายตาออก หัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ
หลังจากที่โม่เฟยเฟยแต่งตัวเรียบร้อย ทั้งสามก็ไปที่ตำหนักหย่งโซ่วพร้อมกัน
ระหว่างทาง โม่เยว่ให้นางอย่างพึ่งนำคำสารภาพของเปี้ยจูและโหยวเอ้อ บอกให้กับเต๋อเฟย
รอหยุนหว่านหนิงรักษาคอของเปี้ยจูเสร็จแล้วค่อยให้นางเป็นคนพูดออกมาเอง
เมื่อถึงตอนนั้น มันจะทำให้คนน่าเชื่อกว่า
แม้โม่เฟยเฟยจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง
ณ ตำหนักหย่งโซ่วในตอนนี้นั้นคึกคักกันอย่างมาก
โม่จงหรานยังจัดการกับเรื่องการเมืองอยู่ ฮองเฮาจ้าวไม่เต็มใจที่จะลดสถานะมายังในตำหนักหย่งโซ่ว นอกจากนี้ นางสนม พระชายา องค์หญิงจวิ้นจู่น้อย ล้วนมากันหมด
ยังมีฮูหยินเก้ามิ่งหลายท่านที่เข้ามาในวังแต่เช้า มาน้อยทักทายเต๋อเฟยที่ตำหนักหย่งโซ่ว
นางไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของวันประสูติ แถมยังเป็นคนโปรดปรานของฝ่าบาทอีกด้วย
มีคนมากมายที่ต้องการเอาใจเต๋อเฟย
เมื่อทั้งสามเข้ามา ทุกคนต่างก็หันไปมอง
เมื่อเห็นหยุนหว่านหนิง ก็ประหลาดใจ……
คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในนี้ ล้วนไม่เคยเห็นหยุนหว่านหนิง โดยเฉพาะหยุนหว่านหนิงในสี่ปีต่อมา แตกต่างจากคนในเมื่อสี่ปีก่อนยิ่งนัก ราวกับว่าเป็นคนละคนกันเลย!
และโม่เฟยเฟยที่อยู่ข้างนาง ก็ไม่ปรากฏตัวมาเป็นเวลาสี่ปีเช่นกัน
โม่เยว่อยู่ทางซ้ายของนาง โม่เฟยเฟยอยู่ข้างหลังนาง
ไม่ว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาจะเป็นอย่างไร แต่ในสายตาของทุกคน พวกเขาเป็นครอบครัวที่รักใคร่กัน
ดูพี่น้องคู่นี้สิ “โปรดปราน” หยุนหว่านหนิงแค่ไหน?
คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา ปกป้องนาง? !
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
หลังจากตั้งสติได้ ต่างก็ลุกขึ้นและคารวะทั้งสามคน
แม้แต่เต๋อเฟย ก็ยังตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ไม่อาจสนใจที่จะแสดงความรังเกียจและดูถูกต่อหยุนหว่านหนิง รีบลุกขึ้นยืนและจับมือของโม่เฟยเฟย ทั้งตกใจและดีใจ “เฟยเฟย องค์หญิงน้อยของข้า”
“รีบมาข้างเสด็จแม่!”
นางน้ำตาคลอ
สี่ปีแล้ว ในที่สุดลูกสาวของนางก็เดินออกมาจากปมในใจได้!
เต๋อเฟยเมินคำทักทายของหยุนหว่านหนิง โม่เยว่ก็จับมือนางและนั่งลงที่ด้านข้าง
ข้างๆพวกเขา คืออ๋องฉู่โม่หุยเหยียนและพระชายาฉู่หนานกงเยว่
โม่หุยเฟิงและฉินซื่อเสวียนั่งอยู่ตรงข้าม แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ถูกกันมานานแล้วก็ตาม แต่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งสองก็ยังคงแสร้งทำเป็นสนิทสนมกัน บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่สุภาพ
ข้างๆพวกเขา คืออ๋องห้านหม้อห้านอี่ว์และพระชายาห้านโจวหยิงหยิง
เมื่อสังเกตเห็นหยุนหว่านหนิงมองมา หม้อห้านอี่ว์ก็รีบหันไปมองที่อื่น
ส่วนโจวหยิงหยิงก็ไม่ได้แสร้งทำเป็นสุภาพ ทำเสียงเชอะเบาๆแล้วก้มหน้าเล่นขนอันแสนนุ่มที่อยู่ในแขนเสื้อ
ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบนางสักเท่าไหร่
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ใส่ใจ
นางยิ้มจางๆ และพยักหน้าเล็กน้อย
นั่งถัดจากโจวหยิงหยิง เป็นองค์หญิงห้าหม้อโยวโยว
องค์ชายสี่หม้อเว่ย ถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องโจวในตอนอายุยี่สิบ
แต่เนื่องจากสุขภาพที่อ่อนแอและป่วยตั้งแต่เด็ก จึงพักรักษาอยู่ที่จวนอ๋องโจวมาโดยตลอด วันนี้ก็เหมือนกัน ไม่ได้เข้าวังมาอวรพรให้กับเต๋อเฟย
เมื่อหลายปีก่อน องค์ชายหกผู้ที่มีความสัมพันธ์ดีที่สุดกับโม่เยว่
ก็ได้จากไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อไม่กี่ปีก่อน
เจ้าเจ็ดก็คือโม่เยว่
เจ้าแปดเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ทันเกิด
องค์หญิงเก้าก็คือโม่เฟยเฟย
ลูกของโม่จงหรานเยอะดี ดีนะที่เป็นฝ่าบาท ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงคนเยอะเช่นนี้ได้อย่างไร——หยุนหว่านหนิงคิดอยู่ในใจ
หยุนหว่านหนิงถูกกักขังอยู่ในจวนอ๋องหมิงเป็นเวลาสี่ปี โดยบอกกับด้านนอกว่ากำลังบำรุงร่างกาย
แต่คนในราชวงศ์เหล่านี้ มีใครที่ไม่รู้ความจริงบ้าง?
เต๋อเฟยไม่ชอบนาง ดังนั้นจึงไม่มีใครเคารพนางอย่างสุภาพ เหมือนว่านางไม่มีตัวตน
ความรู้สึกที่ถูกรังเกลียด……อึดอัดนิดหน่อย
เมื่อเห็นนางวางมือไว้บนเข่า นิ้วทั้งสองถูไปมาเบาๆ และเห็นแสงเย็นเล็กน้อยในระหว่างนิ้ว
โม่เยว่ตระหนักว่า มันเป็นเข็มเงินที่นางใช้ชำนาญที่สุด
ผู้หญิงคนนี้ เห็นใครขัดตา ก็จะเอาเข็มเงินทิ่มเขาหรือ? !
โม่เยว่จับมือนางได้ทันเวลา และหยิบเข็มเงินที่อยู่ในมือนางออกอย่างใจเย็น “วันนี้เป็นวันฉลองพระชันษาของเสด็จแม่ ลูกและหนิงเอ๋อร์ได้เตรียมของขวัญวันประสูติมอบให้ท่าน”
“ขอให้เสด็มอายุยืนยาว”
เขายืนขึ้น จูงหยุนหว่านหนิงลุกขึ้นพร้อมกัน และโค้งคำนับให้เต๋อเฟยด้วยความเคารพ
จากนั้นเต๋อเฟยถึงค่อยใช้หางตา เหลือบมองหยุนหว่านหนิงอย่างไม่เต็มใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะภายใต้การจ้องมองของคนมากมาย แม้แต่ชำเลืองมองนางอยากขี่เกลียดเลย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องก็ให้หน้าลูกชาย
ดังนั้นนางจึงให้ “อืม” ไปคำนหนึ่ง เห็นคนรับใช้ในวังยกของขวัญวันประสูติขึ้นมา
เป็นงานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่ง เป็นเมฆมงคลนกกระเรียนมงกุฎแดง ก็ตรงกับหัวข้อ——วันประสูติของเต๋อเฟยดี
โจวหยิงหยิงเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงงานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่ง นางก็เยาะเย้ยทันที “ข้ายังนึกว่า พระชายาหมิงเตรียมของขวัญวันประสูติที่ล้ำค่าอะไรให้กับเสด็จแม่”
“ที่แท้ ก็เป็นเพียงแค่งานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่งเท่านั้น!”
นางรู้แค่เรื่องวิทยายุทธ ไม่เข้าใจเรื่องงานเย็บปักถักร้อย
เพียงแค่มองครั้งเดียว ก็รู้สึกว่าของสิ่งนี้มีไปทั่วที่?
ไม่มีอะไรน่าแปลกประหลาดเลย? !
เต๋อเฟยก็ไม่ได้มองสังเกตดีๆ แต่ก็ทำให้โม่เยว่เสียหน้าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงโบกมืออย่างเฉยชา “พวกเจ้ามีใจแล้ว! เก็บเถอะ!
ไม่สนใจของขวัญชิ้นนี้แม้แต่นิดเลย
“พระชายาหมิง ข้าว่านะมีสิ่งของดีๆอะไรบ้างที่เสด็จแม่ไม่เคยเห็น?”
โจวหยิงหยิงเหลือบมองฉินซื่อเสวียจากหางตา
เมื่อเห็นรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของนาง ราวกับกำลังเยาะเย้ย จึงพูดต่อว่า “เจ้าเขียนตัว“โซ่ว”หนึ่งพันตัวส่งมา ก็ต้องใส่ใจหน่อย”
“งานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่ง มีอะไรน่าอวด?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่นาง โดนรังเกลียดหรือ? !
แต่นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จู่ๆก็เห็นหนานกงเยว่ลุกขึ้นยืน “เสด็จแม่ ขอข้าดูงานเย็บปักถักร้อยนี้หน่อยได้หรือไม่?”