อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 2 เจ้าเข้ามาได้อย่างไร
ตอนพิเศษ 2 เจ้าเข้ามาได้อย่างไร
ตอนพิเศษ 2 เจ้าเข้ามาได้อย่างไร
คุณหนูใหญ่ของตระกูลรองเจ้ากรมหลานแห่งกรมราชทัณฑ์หรือ?
อวี้ชิงลั่วและสวีโหรวมองหน้ากันแล้วตะลึงไป
“เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้า ฉีกส่วนผสมยาไปพลางเอ่ยตอบ “ครั้งก่อนท่านพี่ฮ่องเต้ให้ข้าไปดูหญิงสาวผู้นั้น ทั้งยังถามข้าว่านางเป็นคนอย่างไร หากแต่งงานต่อไปจะเข้ากันได้ดีหรือไม่ ข้าคิดว่าไม่เลวเลย ท่านพี่ฮ่องเต้ก็ดีใจมากเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วถลึงตาอย่างตกตะลึง มองเย่หลานเฉิง “เจ้าให้เนี่ยนเนี่ยนประเมินนิสัยของหญิงผู้นั้นหรือ?”
นางสงสัยอย่างมากว่าเนี่ยนเนี่ยนใช้วิธีใดประเมินนิสัยของหญิงผู้นั้นกันแน่ รู้สึก… น่ากลัวอย่างมาก
“…เอ่อ ท่านน้าชิง” เย่หลานเฉิงมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก หัวเราะแห้งๆ สองครั้ง
สวีโหรวกลับมีความสุขอย่างมาก บุตรชายของนางผู้นี้เอาแต่สนใจการบ้านการเมือง เฉยชากับเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงอย่างมากจริงๆ ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ยินว่าเขามีหญิงที่สนใจแล้ว นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก
ถึงแม้ตำแหน่งของรองเจ้ากรมผู้นี้จะไม่สูงนัก แต่นิสัยของหญิงสาวที่เขาชอบนั้นสำคัญที่สุด
สวีโหรวคิดถึงตรงนี้ ก็หมุนตัวมากล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “ข้าว่า อีกเดี๋ยวต้องเรียกแม่นางหลานผู้นั้นมาพบเสียหน่อย”
“ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อนขอรับ” หนานหนานที่เงียบอยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา พยักหน้าให้อวี้ชิงลั่วทั้งสองคน จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมา
อวี้ชิงลั่วอึ้งไป แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใด ตั้งแต่หนานหนานเป็นหัวหน้าของอวี้เฟิงถัง ก็มักจะมีงานรัดตัวอยู่ตลอด หลายครั้งก็จะมีเหตุการณ์กะทันหันเช่นนี้เกิดขึ้น
อีกอย่างนางก็ได้ยินว่าช่วงนี้ภายในอวี้เฟิงถังมีระบบใหม่เข้ามาใช้ มีหลายคนที่ต่อต้าน ช่วงนี้หนานหนานก็คงจะลำบากมากจึงจะถูก
นางจึงเพียงพยักหน้าแล้วกล่าว “เจ้าไปทำธุระเถิด”
เย่หลานเฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นทันที “ข้าก็ยังมีสาส์นต้องอ่าน ขอตัวก่อนขอรับ”
“เอ๋…” สวีโหรวยังไม่ทันเอ่ยปาก ทั้งสองคนที่เพิ่งเข้ามาไม่ถึงหนึ่งเค่อก็จากไปทีละคนเสียแล้ว
สวีโหรวส่ายหน้า “สองคนนี้… ช่างเถิด ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว เรามาคุยกันเองดีกว่า”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ละความสนใจของนางกลับมา
แต่เนี่ยนเนี่ยนที่ก้มหน้าจัดการวัตถุดิบยามาโดยตลอดนั้น จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น มองทั้งสองคนที่เดินจากไปทีละคน จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายเล็กน้อย หัวเราะออกมาอย่างไร้เสียง
ต่อจากนั้นก็ก้มหน้าลงไปจัดการวัตถุดิบยาต่อ เพียงแต่ว่าหูกลับตั้งขึ้นเล็กน้อย ฟังบทสนทนาของอวี้ชิงลั่วและสวีโหรว
“ข้าว่าอีกสองวันนี้แหละ ข้าจะให้คนไปแจ้งราชโองการ เรียกตัวแม่นางหลานเข้าวังมาดูเสียหน่อย”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “เช่นนั้นไม่ดีนัก ท่านแจ้งราชโองการ คนอื่นไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ของหลานเฉิง จวนหลานก็จะมีศัตรูเพิ่มขึ้น ทั้งยังไม่แน่ว่าจะมีข่าวลืออันใดแพร่ออกไปอีก สิ่งที่เราจะได้เห็นตอนนั้น ก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลหลานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว อีกอย่าง ถึงแม้หลานเฉิงจะชอบพอ แต่ก็ต้องดูความต้องการของแม่นางผู้นั้นด้วยไม่ใช่หรือ?”
สวีโหรวเห็นด้วยกับคำพูดของนางอย่างมาก “นี่ก็มีเหตุผล เช่นนั้นเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจช้าๆ เอนหลังเล็กน้อยพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มออกมาอย่างเนือยๆ “ตำหนักอ๋องซิวดูเหมือนจะไม่เคยจัดงานเลี้ยงใดๆ เลย ปกติก็ดูเย็นชาผิดปกติ เช่นนี้ก็ดี ตอนนี้ดอกบัวในตำหนักอ๋องซิวกำลังบานงดงามนัก ส่งเทียบเชิญออกไปให้คุณหนูที่ถึงวัยเหล่านั้นมาดูเสียหน่อย”
แววตาสวีโหรวเป็นประกาย “เช่นนี้ก็ดีเหลือเกิน ครั้งก่อนข้ายังได้ยินฮูหยินหูกั๋วโหวกล่าวว่าในเมืองหลวงนี้มีหลายคนที่สนอกสนใจตำหนักอ๋องซิว หนานหนานอีกคนก็ถึงวัยที่จะหาหญิงที่พึงใจได้แล้ว ข้ารู้ว่าเขาเองก็ยุ่ง แต่เสี่ยวอวี้ที่เป็นประมุขดินแดนเหมิงแล้วก็ยุ่งมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ นางยังแต่งงานมาตั้งหลายปีแล้ว”
เนี่ยนเนี่ยนที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว มาชมดอกบัวที่ตำหนักอ๋องซิวหรือ?
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกอยากจะนำดอกบัวในสระทั้งหมดมาทำเป็นยา
แต่เมื่อนึกถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานแล้ว… เนี่ยนเนี่ยนก็อดทน ถอนหายใจเล็กน้อย และไม่ได้กล่าวอันใด
ด้านเย่หลานเฉิงนั้น หลังออกจากตำหนักของสวีโหรวแล้ว ก็เอ่ยปากเรียกหนานหนานที่อยู่ด้านหน้าทันที แต่หนานหนานกลับไม่หันหน้ามา ฝีเท้าก้าวไวขึ้น ไม่นานนักก็ออกจากวังหลวงไป
สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก เมื่อขึ้นหลังม้าแล้วก็กลับไปยังตำหนักอ๋องซิว
แต่เมื่อไปได้ครึ่งทาง เขาก็ขมวดคิ้ว ดึงบังเหียนแล้วค่อยๆ หยุดม้าลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ม้าก็หันหัว มุ่งหน้าไปสู่จวนหลาน
เมื่อมาถึงประตูหลังจวนหลานแล้ว เขาก็ผูกม้าเอาไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขย่งเท้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนกำแพงจวนหลาน
เมื่อเทียบผู้อารักขาของจวนหลานกับตำหนักอ๋องซิวแล้วช่างต่างกันมากนัก สำหรับหนานหนานในตอนนี้ การจะเข้าไปข้างในไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
หลังยืนอยู่บนกำแพงพักหนึ่ง เขาก็ครุ่นคิด จากนั้นจึงมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตก
ไม่นานนักก็มาหยุดอยู่ที่เรือนที่ดูห่างไกลและรกร้างอย่างมาก
หนานหนานขมวดคิ้ว เรือนหลังนี้ดูจะเล็กไปเสียหน่อย
ราวกับว่ามีเสียงเบาๆ ดังออกมาจากด้านในเรือน หนานหนานเดินเข้าไปข้างในสองสามก้าว ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังเข้ามา
“เยียนจือ เจ้าไม่ต้องทำงานแล้ว เจ้าเพิ่งจะหายไข้ ไปพักเสียหน่อยเถิด”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะคุณหนู ข้าหายดีแล้ว อีกอย่าง เพียงแค่ปักดอกไม้ไม่กี่ดอกเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไรมากเจ้าค่ะ”
หนานหนานเดินเข้าไปใกล้อีก เมื่อมาถึงประตู ก็ได้ยินเยียนจือเมื่อครู่เอ่ยออกมาอีกครั้ง “ดูเหมือนจะไม่มีน้ำชาแล้ว ข้าจะไปรินอีก คุณหนูรออีกเดี๋ยวนะเจ้าคะ”
ต่อจากนั้น หญิงสาวที่แต่งตัวเป็นคนรับใช้ก็หยิบถาดยืนขึ้น หมุนตัวเดินออกมาข้างนอก
แต่นางยังไม่ทันเงยหน้าขึ้น ก็รู้สึกว่าร่างกายชา ยังไม่ทันมองอะไรได้ชัดเจน นางก็ล้มลงอย่างอ่อนแรง
ถาดในมือร่วงหล่นลง แต่ยังไม่ทันที่มันจะกระทบพื้น ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือแข็งแรงอย่างมากคู่หนึ่งมารองรับไว้ วางกลับลงไปบนโต๊ะอย่างมั่นคง
หลานสุ่ยชิง คุณหนูใหญ่ตระกูลหลานที่นั่งอยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นทันที มองชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน “เจ้า เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“มาหาเจ้าอย่างไรเล่า” หนานหนานยกเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงตรงหน้านาง
หลานสุ่ยชิงกัดฟัน หันหน้าไปมองเยียนจือที่อยู่ตรงพื้น รีบไปพยุงนางขึ้นมา “สาวใช้ของข้าเป็นอะไรไป?”
“เพียงแต่หลับไปเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอก”
“เจ้า… เยียนจือเพิ่งหายป่วย เจ้าทำเช่นนี้ หากอาการนางหนักขึ้นจะทำอย่างไร” หลานสุ่ยชิงเดินไป ก้มลงพยุงเยียนจือขึ้นมา แล้ววางนางลงบนเก้าอี้ยาวด้านข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นำผ้าห่มมาคลุมร่างของนางไว้ จากนั้นก็หมุนตัวกลับมามองหนานหนานอย่างไม่พอใจ
หนานหนานหรี่ตา จากนั้นก็จ้องมองนางอย่างพิจารณาครู่หนึ่ง น้ำเสียงเคร่งขรึม “เหตุใดไม่ได้เจอสองสามวัน ดูเหมือนเจ้าจะผอมลงเล็กน้อยอีกแล้ว?”
หลานสุ่ยชิงถูกเขามองก็รู้สึกไม่สบายตัวไปทั้งร่าง อีกทั้งปากเขายังกล่าวอะไรอย่างนี้ออกมา สีหน้าของนางก็แดงขึ้นในทันใด
“เจ้า เจ้าเข้าใจผิดไปเอง ข้าสบายดี” หลานสุ่ยชิงนั่งลงตรงหน้าเขา กล่าวอย่างไม่พอใจนัก “เจ้าต่างหาก เจ้าเข้ามาทำไมกัน?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ๋ หรือว่าหลานเฉิงกับหนานหนานจะชอบคุณหนูคนนี้เหมือนกันหว่า?
ไหหม่า(海馬)