อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 236 คืนนี้เราไปดูกันเถอะ
ตอนพิเศษ 236 คืนนี้เราไปดูกันเถอะ
ตอนพิเศษ 236 คืนนี้เราไปดูกันเถอะ
เริ่นเมิ่งไม่พูดอีกต่อไป เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าเรื่องที่ควรคุยกับนางได้จบลงแล้ว
ส่วนเรื่องฝากส่งข้อความนั้น นางไม่ได้นึกถึงเลย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เนี่ยนเนี่ยนมองนางเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหันหลังเดินออกจากห้อง
คนรับใช้คนสนิทของไท่จื่อยืนรออยู่หน้าประตู เมื่อเขาเห็นนางออกมา เขาก็ปิดประตูทันที “จวิ้นจู่?” จะจัดการกับคนที่อยู่ข้างในอย่างไรดี?
เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ให้คำอธิบาย แต่เดินไปยังตำหนักไท่จื่อ
คนรับใช้ตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากลังเลอยู่สักพักก็เปิดประตูเดินเข้าไป จังหวะเดียวกับที่เริ่นเมิ่งผู้นอนอยู่บนพื้นกำลังยัดยาในมือเข้าไปในปากตัวเอง
ไม่นานนัก มุมปากของนางก็เผยรอยยิ้ม ก่อนจะหลับตาลง พร้อมเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของนาง
คนรับใช้ตกใจ เขารีบปิดประตูอีกครั้ง แล้วรีบไปรายงานไท่จื่อ
เนี่ยนเนี่ยนไปถึงก่อนเขา เมื่อเหวินหย่าเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เหวินหย่ายังคงเล่าเรื่องเริ่นเมิ่งให้ถังมู่เทียนฟัง “… นางกับเนี่ยนเนี่ยนเข้ากันได้ดีมาก เนี่ยนเนี่ยนจึงให้ยาพิษสองสามขวดแก่นาง โดยบอกให้นางพกติดตัวไว้เพื่อใช้งานยามจำเป็น ตั้งแต่ต้นจนจบ ยาเหล่านั้นเนี่ยนเนี่ยนเป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง หลังจากมอบให้เริ่นเมิ่งแล้ว นางก็ไม่ได้เก็บติดตัวไว้อีก ครั้งนี้ท่านถูกพิษของยาดังกล่าว และเริ่นเมิ่งเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬข้างกายของท่าน จึงไม่มีใครโจมตีท่านได้นอกจากนาง”
ถังมู่เทียนนั่งบนเก้าอี้ พลางยกมือขึ้นก่ายหน้าผากตัวเอง แล้วหลับตาฟังเงียบ ๆ
“แม้ยาพิษนี้จะไม่มีสีไม่มีกลิ่น หมอหลวงทั่วไปยากที่จะตรวจพบ แต่คนคิดค้นยาพิษนี้คือเนี่ยนเนี่ยน เนี่ยนเนี่ยนจึงสามารถบอกได้ว่าไท่จื่อมีอาการบางอย่างที่แปลกประหลาดเพคะ”
เหวินหย่าพูดจบแล้ว เมื่อเห็นว่าถังมู่เทียนไม่ตอบสนอง นางจึงหยุดพูด แล้วเงียบลงด้วยท่าทีสำรวม
จนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวที่ประตู ถังมู่เทียนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมองเนี่ยนเนี่ยนที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เขาลอบถอนหายใจ แล้วกวักมือเรียกเนี่ยนเนี่ยน “มานี่สิ”
เนี่ยนเนี่ยนนั่งข้างเขา พลางเม้มปากนิ่งเงียบ
ถังมู่เทียนมองนางอยู่นาน แล้วถามว่า “นางบอกว่าอะไรบ้าง?”
“ไม่ได้พูดอะไรมากเจ้าค่ะ นางตกหลุมรักเจี่ยงโม่เซิง จนยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเขา ก่อนจากมา ข้าได้ช่วยนาง… ให้พ้นทุกข์แล้วเจ้าค่ะ” นางทิ้งยาพิษไว้ เริ่นเมิ่งกินเข้าไปแล้ว จึงไม่ต้องตายอย่างเจ็บปวดเกินไป
ถังมู่เทียนขมวดคิ้ว แสดงออกว่าไม่ค่อยเห็นด้วย
เริ่นเมิ่งเป็นตัวการสำคัญที่สามารถดึงข้อมูลจากปากของนางได้
แต่เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของเนี่ยนเนี่ยน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “ช่างเถิด ข้าก็ไม่มีอะไรจะถามอยู่แล้ว”
เริ่นเมิ่งได้รับการฝึกมาตั้งแต่เด็ก และได้รับการฝึกฝนให้เข้มแข็งและอดทน นางที่เป็นผู้พิทักษ์ทมิฬย่อมคุ้นเคยกับวิธีการทรมาน เพื่อดึงคำสารภาพออกมาเป็นอย่างดี
นางจะต้องไม่ยอมพูดอะไร และฆ่าตัวตายแน่นอน ถังมู่เทียนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ตายเสียยังดีกว่าอยู่แล้วทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
เนี่ยนเนี่ยนจับชีพจรของถังมู่เทียนอีกครั้ง จากนั้นยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าจะไปพบเสด็จตา ท่านถูกวางยาพิษ ข้ากังวลว่าพวกเขาจะ…”
สีหน้าของถังมู่เทียนเปลี่ยนไปทันที เขารีบลุกขึ้นยืน ก่อนรีบพยักหน้าและพูดว่า “เจ้ารีบไปเถิด”
เนี่ยนเนี่ยนพาเหวินหย่าไปยังตำหนักที่ฮ่องเต้ประทับอยู่ทันที
โชคดีที่เริ่นเมิ่งมีโอกาสใกล้ชิดเพียงแค่ถังมู่เทียนเท่านั้น ทุกคนจึงปลอดภัยดี
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกโล่งใจ แล้วปลอบโยนพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถึงยามพลบค่ำไป๋หลิวอี้ก็มารับนางที่ประตูวัง
เมื่อเห็นว่านางดูเหนื่อยล้าทันทีที่เข้าไปในรถม้า ไป๋หลิวอี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้ สายตาสงสัยของเขาจับจ้องไปที่เหวินหย่า
เหวินหย่ายักไหล่ มีบางเรื่องที่นางไม่อาจเล่าได้
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้ว แล้วแหวกม่านเดินเข้าไป เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนนอนเหม่อลอยอยู่ เขาก็เม้มปากและนั่งข้างนาง
“แม้ข่าวลือที่แพร่กระจายตามตลาดจะถูกระงับแล้ว แต่ก็ไม่อาจระงับได้ทั้งหมด โชคดีที่พี่ชายของเจ้าไปยังจวนลู่และจวนหวงทันเวลา ทั้งสองตระกูลจึงตระหนักได้ และเริ่มวางแผนเฝ้าระวังตระกูลเจี่ยง เมื่อต้องติดต่อกับตระกูลถง ตระกูลเจี่ยงจะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายในระหว่างพวกเขา ข้าเกรงว่าตระกูลเจี่ยงอาจใช้กลอุบายเดิม เมื่อต้องร่วมมือกับตระกูลหวงกับตระกูลลู่ ทั้งสองตระกูลจึงเริ่มสนใจคนที่มีพฤติกรรมผิดปกติในตระกูลเมื่อเร็วๆ นี้ และรอจนกว่า…”
ไป๋หลิวอี้ไม่ได้พูดต่อ ด้วยเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนยังคงเหม่อลอย
เขายิ้มอย่างเสียไม่ได้ แล้วนอนลงพลางโอบแขนรอบเอวนาง
เนี่ยนเนี่ยนตกใจจนแทบสะดุ้ง
แม้ทั้งสองจะเคยมีประสบการณ์กอดกันมาก่อน แต่นางก็ยังรู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้ว “ในที่สุดเจ้าก็ได้สติแล้วหรือ?” ขณะที่พูดก็ยังไม่ปล่อยแขนที่โอบเอวนางไว้
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นอะไร” ไป๋หลิวอี้ขยับเข้าใกล้นางอีกเล็กน้อย
เนี่ยนเนี่ยนกำลังคิดถึงเริ่นเมิ่ง จึงไม่ได้ใส่ใจกับระยะห่างและท่าทางของเขากับนางไปชั่วขณะ นางแค่ขมวดคิ้วพูดว่า “ข้ากำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่ข้าเคยอยู่กับเริ่นเมิ่ง”
หวังว่าจะพบเบาะแส และได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
เริ่นเมิ่งหรือ? ไป๋หลิวอี้ประหลาดใจ
เขาเคยได้ยินเย่ฉิงเป่ยพูดชื่อนี้มาก่อน นางน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเนี่ยนเนี่ยน ถึงได้คอยปกป้องนางตลอดทาง
แล้วเหตุใดถึงต้องพูดถึงนางด้วย?
“เหตุใดถึงคิดถึงนาง?”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก “นางเป็นคนของเจี่ยงโม่เซิง”
ไป๋หลิวอี้ตกใจจนผุดลุกขึ้นนั่งทันที เขาดึงตัวเนี่ยนเนี่ยนให้ลุกขึ้นด้วย แล้วกวาดสายตามองนาง “แล้วเหตุใดนางถึงเข้าหาเจ้า? นางทำร้ายเจ้าหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา มองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างแน่วแน่ จึงเห็นความวิตกกังวลของเขา
อารมณ์เสียตลอดทั้งวันที่เกิดจากเริ่นเมิ่ง ถูกชะล้างออกไปในทันใด
ในที่สุดตอนนี้ นางก็เข้าใจสิ่งที่แม่ของนางพูดไว้…เมื่อมีพ่อของเจ้าอยู่เคียงข้าง ก็รู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าความจริงแล้ว ประโยคนี้สามารถใช้กับไป๋หลิวอี้ได้
“เนี่ยนเนี่ยน? เหตุใดเจ้าไม่พูด?” ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก แล้วเล่าเรื่องเริ่นเมิ่งให้เขาฟัง
เมื่อฟังจบแล้ว ไป๋หลิวอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็หรี่ตาลงหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
“เจ้าเพิ่งบอกว่าตอนที่เจอกันครั้งที่สอง นางพาเจ้าไปที่บ้านร้างหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้า
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “คืนนี้พวกเราไปดูกันเถอะ”
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึง “แต่ในบ้านหลังนั้นมีคนตาย ทางการจึงให้คนไปปิดตายไว้ แม้ว่าจะมีเบาะแสใด ๆ อยู่ในบ้านหลังนั้น ข้าก็เกรงว่ามันคงถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้นแล้ว”
ไป๋หลิวอี้ใช้นิ้วม้วนผมสีดำขลับของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ทางการปิดตายมาสองสามวันแล้ว อาจมีคนสร้างเบาะแสขึ้นมาใหม่แล้วก็ได้ ไม่ใช่หรือ?”
เป็นเพราะมีคนเสียชีวิตและถูกทางการปิดตาย จึงอาจใช้ประโยชน์ได้สะดวกกว่าเดิม
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะมีใครทิ้งเบาะแสอะไรไว้ที่บ้านร้างหลังนั้นไหมนะ
ขออภัยที่ลงช้านะคะ คอมงอแงมาก
ไหหม่า(海馬)