อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 265 ข้าเชื่อฟังนาง
ตอนพิเศษ 265 ข้าเชื่อฟังนาง
ตอนพิเศษ 265 ข้าเชื่อฟังนาง
โลหิตที่เปรอะคมกระบี่ในมือของเนี่ยนเนี่ยนหยดลงสู่พื้นทีละนิด พร้อมกับเสียงของเนี่ยนเนี่ยนที่ดังขึ้น
“ตั้งแต่เริ่มแรก ข้าคิดว่าสี่ตระกูลใหญ่เป็นรากฐานของอาณาจักรเทียนอวี่ ใครก็ตามที่คิดจะก่อกบฏจะต้องเผชิญหน้ากับสี่ตระกูลใหญ่ก่อน แต่การจัดการกับสี่ตระกูลใหญ่ก็เป็นเรื่องยากมาก ดังนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่จึงน่าสงสัยที่สุดในใจข้า”
“และเจ้า” เนี่ยนเนี่ยนเอียงคอพูดด้วยรอยยิ้ม “จู่ ๆ เจ้าก็มาปรากฏตัวต่อหน้าข้า และยังต้องการจะแข่งขันกับข้า แน่นอนมันไม่ได้หมายความว่าเจ้าอยากรู้อยากเห็นทักษะของข้าซึ่งสอดคล้องกับความหลงใหลในวรยุทธ์ของเจ้า มันก็แค่การประลอง เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับคนที่สงสัยแม้แต่น้อย”
“สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทำให้ข้าแน่ใจว่าเจ้ามีพิรุธ คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น”
เจี่ยงโม่เซิงรู้สึกวิงเวียน ไม่อาจยืนได้มั่นคงอีกต่อไป ขาทั้งคู่เริ่มอ่อนแรง พลังชีพของเขาเริ่มมอดดับไปทีละนิด
แต่เขายังไม่อยากตายตอนนี้ ต่อให้ตาย ต่อให้ต้องตายก็ยังอยากจะเข้าใจ “สิ่งนั้น…คืออะไร?”
“เจ้าบอกว่าเจ้าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องวรยุทธ์ กิริยาอาการต่าง ๆ ของเจ้าแสดงให้เห็นว่าเจ้าอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นกับคนที่มีทักษะพิเศษ ตอนแรกเจ้าคิดว่าข้ามีกำลังภายในและมีทักษะที่แข็งแกร่ง ถึงเดินผ่านพวกเจ้าทั้งสี่คนไปได้โดยไม่สะทกสะท้าน ดังนั้นแม้ว่าเจ้าจะไม่ลังเลที่จะโจมตี และบังคับให้ข้าลงมือ แต่ต่อมาข้าบอกว่าที่ข้าสงบนิ่งและเดินผ่านพวกเจ้าไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้านั้นเป็นเพราะคุ้นชินกับแรงกดดันจากคนที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งมานานแล้ว เจ้ากลับไม่แยแสเมื่อได้ยินเช่นนั้น และในที่สุดก็คิดว่าข้าไม่ได้ซ่อนเร้นทักษะไว้”
“คนที่หมกมุ่นกับเรื่องการฝึกวรยุทธ์ คนที่ไม่รู้จักตัวตนของข้าเลย กลับไม่อยากรู้เลยสักนิดว่าคนที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งที่ข้าพูดถึงคือใคร ข้ารู้จักบุคคลหนึ่งที่หลงใหลในวรยุทธ์เช่นเจ้า แต่ท่าทางของเขาแตกต่างจากเจ้าอย่างสิ้นเชิง”
ในฐานะที่เป็นคนหลงใหลในวรยุทธ์ พฤติกรรมของฟ่านซิวอวิ๋นสามารถเรียกได้ว่าบ้าแน่นอน
ถ้าเขาได้ยินว่ามีปรมาจารย์วรยุทธ์ เขาต้องค้นหาให้ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร เก่งอะไร มีกำลังภายในลึกล้ำเพียงใด ทิ้งตำราลับฝึกวรยุทธ์ไว้หรือไม่ และจะรับมือกับการท้าทายของเขาได้หรือไม่
แน่นอนว่าเจี่ยงโม่เซิงอาจไม่ได้เป็นถึงขั้นนั้น แต่สิ่งสำคัญคือเขาไม่ควรแสดงท่าทางเฉยเมยเพียงนี้
เจี่ยงโม่เซิงไม่เคยรู้ว่าข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดอยู่ตรงนี้ เขาเห็นว่าในตอนนั้นเนี่ยนเนี่ยนแสดงออกเป็นปกติ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะรู้ตัวชัดเจนแล้ว
“ฉึก” เนี่ยนเนี่ยนชักกระบี่ออกมา
นางไม่มีเวลาอธิบายให้เขาฟังมากนัก เพราะยังต้องไปหาโม่เพียว
เนี่ยนเนี่ยนคิดแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
“โครม”
เจี่ยงโม่เซิงล้มลงกับพื้นอย่างแรง เขานอนอยู่บนพื้นหินชนวน พลางจ้องมองแผ่นหลังของนางด้วยความโกรธแค้น เลือดเริ่มไหลออกมาจากมุมปาก ทันใดนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “พวกเจ้าอย่าได้ชะล่าใจ อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะชนะด้วยการทำลายตระกูลเจี่ยงของข้า ฮ่าๆๆ พวกเจ้าไม่มีวันชนะ ไม่มีวันชนะ…”
ไป๋หลิวอี้ออกมาจากประตูและยืนอยู่ข้างหน้าเขา ขณะมองท่าทางบ้าคลั่งและดุร้ายของเขาด้วยความเหยียดหยาม แล้วหัวเราะออกมา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังเจ้าอีกหรือ? วางใจได้ ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว และรู้ด้วยว่าคนผู้นั้นคือใคร”
ไป๋หลิวอี้คุกเข่าลง ทันใดนั้นก็เอนเข้าไปหาเขาแล้วกระซิบบางอย่าง
ดวงตาของเจี่ยงโม่เซิงเบิกกว้าง และยกมือขึ้นหมายจะคว้าตัวเขา
เนี่ยนเนี่ยนรีบออกมาดึงไป๋หลิวอี้ถอยหลังไปสองก้าว แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงวิ่งไปหาเขา? เจ้ายังบาดเจ็บอยู่นะ”
คนที่เดินยังไม่ค่อยได้กลับมีใจจะยั่วยุเจี่ยงโม่เซิง คนผู้นี้กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร
ไป๋หลิวอี้ถือโอกาสคว้าเอวของเนี่ยนเนี่ยน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้อยู่แล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็เหลือบมองไปทางเจี่ยงโม่เซิง
แน่นอนว่าเจี่ยงโม่เซิงทำเพียงเบิกตากว้าง มือยังคงเหยียดออกไปในอากาศ ก่อนจะหมดลมหายใจ แล้วกระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
เนี่ยนเนี่ยนหันไปพ่นลมหายใจใส่เขาเบา ๆ ก่อนเดินออกจากอ้อมแขนของเขาโดยไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่าย แล้วรีบเข้าไปในห้องอีกครั้ง เพื่อรักษาบาดแผลของโม่เพียว
โม่เพียวมีฝีมือไม่ค่อยเอาไหน แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางจะหลีกเลี่ยงส่วนสำคัญในช่วงเวลาวิกฤติได้
อาเวินได้จัดเตรียมฉากกั้นห้องไว้ให้นางแล้ว หลังจากที่ส่งมอบโม่เพียวให้กับเนี่ยนเนี่ยนแล้ว เขาก็รีบวิ่งออกไปช่วยประคองเจ้านายของเขากลับเข้ามา
ไป๋หลิวอี้นั่งบนเตียงพลางหรี่ตามองเจี่ยงโม่เซิงที่ลานบ้าน แล้วพูดกับอาเวินว่า “เจ้าไปรายงานถงเวยหลิน”
อาเวินพยักหน้า แต่ครู่ต่อมาเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้งด้วยความลังเล “แต่นี่…”
ทั้งเจ้านายและโม่เพียวต่างก็ได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าจะเหลือเพียงจวิ้นจู่น้อยเท่านั้นที่คอยดูแล
ไป๋หลิวอี้ก็โบกมือ “ไปเถิด ไม่เป็นไรหรอก เขากลับมาแล้ว”
เขาหรือ? อาเวินตกตะลึง แล้วมองไปยังร่างหนึ่งที่อยู่นอกประตู
ชายคนนั้นเหลือบมองเจี่ยงโม่เซิงที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะเดาะลิ้นสองครั้งแล้วเดินเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเป็นเย่ฉิงเป่ย อาเวินก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป
เนี่ยนเนี่ยนยังได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว นางช่วยรักษาบาดแผลให้โม่เพียวแล้ว จึงออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้อง แล้วหันไปมองเป่ยเป่ย “เจ้าหายไปไหนมา? ไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย”
เป่ยเป่ยแอบกลอกตา เขาไม่ต้องการอยู่รบกวนทั้งสองคนที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขามีน้ำใจมาก
เขาไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่เหลือบมองไป๋หลิวอี้ แล้วถามว่า “ดีขึ้นหรือไม่? หากยังมีกำลังใจดีก็มาคุยกันก่อนขอรับ”
“ข้าไม่เป็นไร…”
“สภาพจิตใจของเขาแย่มาก วันหลังค่อยคุยกันก็ได้” เนี่ยนเนี่ยนไม่รอให้ไป๋หลิวอี้พูดจบ พลันไปยืนอยู่ระหว่างทั้งสองคน จากนั้นมองไป๋หลิวอี้พร้อมกับขมวดคิ้ว “ข้าเป็นหมอ ข้าตัดสินใจไปแล้ว เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”
ไป๋หลิวอี้มองนางอย่างทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเย่ฉิงเป่ย “เจ้าก็เห็นแล้ว พี่สาวของเจ้าไม่ยอมให้ข้าคุยกับเจ้า ข้าย่อมเชื่อฟังนาง”
เนี่ยนเนี่ยนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ขณะมองไปที่เป่ยเป่ย ราวกับบอกว่าไป๋หลิวอี้ยังเชื่อฟังข้า เหตุใดเจ้าถึงกล้าไม่เชื่อฟังข้า
เย่ฉิงเป่ยรู้สึกว่าในอนาคตไป๋หลิวอี้จะต้องเป็นคนกลัวภรรยาเป็นแน่ จึงเห็นอกเห็นใจเขามาก “เช่นนั้นข้าจะบอกให้พี่ใหญ่มาบอกเขาเอง”
เนี่ยนเนี่ยนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไป ไป”
เย่ฉิงเป่ยมองไป๋หลิวอี้อย่างเห็นอกเห็นใจอีกครั้ง ก่อนโยนบางอย่างให้เขา แล้วออกจากห้องไป
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว นึกอยากจะจับเย่ฉิงเป่ยมาเตะแรง ๆ สักที พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่รบกวนไป๋หลิวอี้ และให้เขาพักผ่อน แต่สุดท้าย เหตุใดยังทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลัง ให้เขาได้ใช้พลังไปกับมันอยู่อีกเล่า?
เนี่ยนเนี่ยนคว้ากล่องจากมือไป๋หลิวอี้ “ไม่ต้องดู”
“เนี่ยนเนี่ยน…” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้มแล้วจูงมือนางไปนั่งลง “ลองมาดูด้วยกัน ดูเสร็จแล้ว เจ้าตัดสินใจได้เลยว่าจะเก็บไว้หรือไม่ ตกลงหรือไม่?”
ไป๋หลิวอี้เลือกให้นางดูสิ่งนี้ด้วยกัน เพราะกลัวว่าจะถูกเนี่ยนเนี่ยนจัดการไปเสียก่อน โดยอธิบายว่าสิ่งของในกล่องนี้… มีความสำคัญมาก
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จบชีวิตกบฏไปแล้วหนึ่ง เหลือแค่ล่าบอสใหญ่แล้ว
ของในกล่องนั้นคืออะไรกันน้า
ไหหม่า(海馬)