อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 324 ผ้าเช็ดหน้าสีขาว
ตอนที่ 324 ผ้าเช็ดหน้าสีขาว
ถังซั่วพยายามเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าในมือของเขาที่กอดไว้แน่น แต่ว่าใช้แรงแค่ไหนก็ไม่สามารถหยิบมาได้ ทั้ง ๆ ที่เขายังมึน ๆ อยู่ด้วยซ้ำ แต่กลับพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีกอดกระเป๋านั้นไว้
ช่างเถอะ
ถังซั่วเอามือออก ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยโคลนและเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเลย
“เช็ดหน่อยเถอะค่ะ!” อันหยาพั่นยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาให้เขา
“ขอบคุณ” เขารับมันมาเช็ดมืออย่างไม่เกรงใจ
ทันทีที่เช็ดมือเสร็จเรียบร้อย ในมืออันหยาพั่นที่ถือแก้วอยู่ก็ส่งมาให้เขา “ดื่มน้ำหน่อยไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก” ถังซั่วมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินและก้มหน้าลง เขาไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว
เมื่อวานก็นอนไปได้แค่สามชั่วโมง พวกเขาวางแผนจะผลัดกันนอน
ภายในรถพยาบาลนั้นเงียบมาก อันหยาพั่นเหลือบมองใบหน้าที่เคร่งขรึมของจิ่งเป่ยเฉิน หวังว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาจะไม่โทษเธอ
ไม่นานรถพยาบาลก็ขับไปที่โรงพยาบาล โดยมีรถสีดำสองคันคอยประกบอยู่
ผู้ชายหนึ่งคนที่กำลังกอดสิ่งของของหญิงที่รักกำลังถูกนำหามลงจากรถและส่งเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันที
จิ่งเป่ยเฉินเข้าไปที่ห้องฉีดยาชั้นเจ็ด พวกเขาอยู่ห่างจากแผนกตรวจของตึกที่อยู่ด้านข้าง อันโหรวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้แผนกตรวจชั้นสอง
“อ๊อก……”
“อ๊อก……”
เสียงกระเพาะร้องดังไม่หยุด โอวหยางลี่ยืนร้อนรนอยู่ข้าง ๆ เธอ เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ
โหรวโหรวของเขานั้นกล้าหาญจริง ๆ กล้าที่จะกลืนกินน้ำยาล้างจานเข้าไปแบบนี้ ถ้าหากว่าเขาเข้าไปไม่ทัน ตอนนี้เธอคงได้ไปหาจิ่งเป่ยเฉินแน่ ๆ ใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จากความกังวลนั้นก็กลายเป็นความเกลียดชัง ไม่ลังเลที่จะใช้วิธีนี้เพื่อหนีไปจากเขา แม้ตัวเองจะบาดเจ็บ
เวลานี้ในหัวของอันโหรวมีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น ถ้าหากรู้ว่าการล้างท้องเป็นเรื่องที่เจ็บปวดแบบนี้เธอก็คงเลือกใช้วิธีอื่นแทนเพื่อที่จะได้มาที่โรงพยาบาล
และสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือโอวหยางลี่จะพาเธอเข้าโรงพยาบาลทันที แต่ก็ไม่เคยห่างเธอเลยแม้แต่ก้าวเดียว เธอคิดว่าเธอจะใช้ช่วงเวลานี้คิดหาทางหนีออกไป
เขาเฝ้าเธออยู่ตลอดโดยไม่เคยให้คลาดสายตา
โอวหยางลี่ที่เป็นแบบนี้ทำให้เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“อ๊อก……”
เธอนอนอยู่บนเตียงและอาเจียนไม่หยุด เธออาเจียนจนเริ่มรู้สึกเหมือนว่าอวัยวะภายในจะหลุดออกมาให้ได้
“คุณหมอ ทำไมเธอถึงได้รู้สึกไม่สบายขนาดนี้ พวกคุณไม่มีวิธีอื่นบ้างเลยเหรอ เช่นล้างท้องหรืออะไรพวกนั้น?” โอวหยางลี่เริ่มโมโห เมื่อมองดูไปที่ใบหน้าซีดเซียวของอันโหรวที่ตอนนี้เริ่มซีดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อาเจียนออกมาถือว่าเป็นวิธีที่นุ่มนวลที่สุดแล้ว ถ้าขืนใช้วิธีอื่น เธออาจจะทนรับไม่ไหว!” หมอเองก็รู้สึกว่ายาก ไม่รู้เลยว่าเธอพยายามทำอะไรลงไป
ร่างกายของหญิงสาวที่ดูบอบบางและดูสูงส่งขนาดนั้น หากพิจาณามองดูดี ๆ แล้วก็เหมือนกับว่าตัวเธอนั้นกลืนน้ำยาล้างจานเข้าไป
“อ๊อก……”
อันโหรวยังคงอาเจียนออกมาไม่หยุด นมทั้งหมดที่เธอดื่มเมื่อตอนเช้า ขนมปังที่กินเข้าไป ทุกอย่างล้วนถูกอ้วกออกมาจนหมด
เรี่ยวแรงของเธอค่อย ๆ หมดลง แต่สตินึกคิดของเธอยังคงมีอยู่ เธอค่อย ๆ เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋า
ถึงแม้ว่าโอวหยางลี่จะเฝ้าดูเธออยู่ตลอดหลายวัน แต่ตอนอยู่ที่บ้าน ตราบใดที่ไม่ได้คิดวางแผนจะออกไป เขาก็จะจัดหาให้ทุกอย่าง
พอเธอบอกว่าจู่ ๆ ก็มีเรี่ยวแรงคิดอยากจะวาดรูปออกแบบขึ้นมา เขาก็อนุมัติให้ทันที
เธอใช้ปากกาพวกนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด หากมีใครพบกระดาษแผ่นนี้ก็จะพบข่าวคราวของเธอที่มีชีวิตอยู่ และเธอก็แนบหมายเลขเบอร์โทรของถังซั่วเอาไว้ในภาพพวกนั้นด้วย
จิ่งเป่ยเฉินและฉีเซิ่งเทียนตอนนี้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง เธอจึงได้แต่ฝากความหวังเอาไว้ที่ถังซั่ว
เธอเอื้อมมือไปที่เสื้อคลุมของหมออย่างช้า ๆ แสร้งทำเป็นอาเจียนอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบคว้าตัวหมอและสอดกระดาษเล็ก ๆ เข้าไปในเสื้อคลุมสีขาวของเขา กระดาษแผ่นเล็ก ๆ หล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อกราวนด์ของหมอทันที
เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้งด้วยท่าทีที่อ่อนแรง ก่อนจะหลับตาสนิทและหายใจอย่างรวยริน
“น่าจะประมาณนี้” หมอมองมาที่เธอก่อนจะพูดขึ้น
“อะไรคือน่าจะ? ผมต้องการความแน่ใจ!” โอวหยางลี่หุนหันตะโกนออกมา เกือบคิดจะจับคอเสื้อของเขา เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้าทำท่าเหมือนกำลังจะตายอยู่แล้ว!
“ครับ ครับ ครับ คือสารตกค้างไม่น่าจะมีแล้ว! แต่อาจจะมีเหลืออยู่นิดหน่อย ดูไม่น่ามีผลอะไร ตราบใดที่น้ำยาล้างจานไม่ได้ถูกกลืนเข้าไปมากจนเกินไปก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ครับ คุณโอวหยางไม่ต้องกังวลเรื่องนี้!”
โอวหยางลี่แทบไม่มีอารมณ์อยากจะฟังคำพูดของเขาเท่าไร ก่อนจะมองไปที่อันโหรวและตะโกนออกมา “เอายา เอายามาให้เธอกิน!”
โอวหยางลี่รีบออกจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับอุ้มอันโหรวเดินออกไป ส่วนบอดี้การ์ดด้านหลังก็รีบไปรับยาทันที
หลังจากที่ส่งพวกเขาออกไป แพทย์ก็ดมเสื้อคลุมของตัวเอง มันมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากอาเจียน เขาเลยถอดมันออกและยื่นไปให้พยาบาลที่อยู่ด้านหลังทันที “เอาไปซักที”
“ค่ะ!”
อันโหรวคิดไม่ถึงเลยว่าการที่ตัวเองพยายามเข้าไปในห้องครัวอย่างยากลำบาก กลืนน้ำยาล้างจานลงท้องเพื่อให้ต้องมาที่โรงพยาบาล แต่กลับต้องเลือกคนที่เธอไม่ควรจะวางใจได้
เมื่อเธอกลับบ้านก็นอนลงบนเตียงใหญ่ ๆ ภายในท้องที่ว่างเปล่าตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะกินอะไรไม่ได้สักอย่าง
เธอหลับตาและเพิกเฉยต่อเขา คนที่เธอคิดอยากจะฆ่าอย่างโอวหยางลี่ ตอนนี้เธอกำลังลุ้นและรอดูอยู่ว่าจะมีใครสักคนไหมที่จะมาช่วยเธอ
ถ้าหากไม่มีคนมาละก็ เธอคงต้องลองคิดหาวิธีอื่นดู
“โหรวโหรว เธอต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ทำแบบนี้ไปจะมีอะไรดีต่อตัวเธอกันแน่? คิดอยากจะฆ่าตัวตายเพื่อให้ตัวเองสบายใจขนาดนั้นเลย? มันเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นงั้นเหรอ? พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ดีตรงไหน?” โอวหยางลี่ยืนอยู่ข้างเตียงตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
เธอไม่ตอบสักคำ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน “ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน”
“เธอ……”
โอวหยางลี่พูดเพียงแค่คำเดียวก็เห็นเธอดึงผ้าห่มมาคลุมโปงจนถึงศีรษะ ทำท่าทางอยากอยู่ห่างจากเขา
เขาเป็นกังวลมาก ก่อนจะรีบก้าวเดินไปข้างหน้า แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
เขาออกไปด้วยท่าทีที่ร้อนรน อันโหรวเองที่กำลังนอนอยู่ก็ลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลา คิดว่าเร็วจริง ๆ ที่มีคนมาเคาะประตูแบบนี้
หรือว่าหมอจะบอกถังซั่วให้รู้เรื่องนี้แล้ว?
พวกเขากำลังมาช่วยเธอใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ได้หุนหันพลันแล่นแต่อย่างใด แต่ทันใดนั้นเองจู่ ๆ ผ้าห่มที่คลุมตัวเธออยู่ก็ถูกดึงออก ก่อนจะเห็นโอวหยางลี่ถือกระดาษสีขาวที่ยับยู่ยี่อยู่ในมือ
“เธอวาดอะไร? SOS? คิดอยากจะขอความช่วยเหลือเหรอ? เธอจะให้ใคร? คิดจะให้ใครมาช่วยกัน?” ตอนนั้นเห็นเธอบอกอยากจะวาดรูปเขาก็ให้เธอวาด แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอวาดนั้นกลับเป็นรูปภาพภาพหนึ่งที่ไม่ได้ตรวจสอบ
อันโหรวลืมตาขึ้นมองกระดาษที่ยับยู่ยี่ ใบหน้าซีดเซียวของเธอเผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา “อะไร? นายตาบอดงั้นเหรอ? ก็เห็นอย่างชัดเจนว่านั่นเป็นสร้อยคอชุดแรก ทุกสิ่งที่ฉันวาดในวันนั้น นายก็เห็นหมดแล้วไม่ใช่หรือไง?”
คิดว่าเธอจะโง่จนเขียนข้อความพวกนั้นลงไปในกระดาษวาดรูปงั้นเหรอ? เธอเขียนมันไว้ในกระดาษชำระต่างหาก
“นี่เป็นแบบร่างแรกของสร้อยคองั้นสินะ แต่ข้อความที่อยู่บนรูป คำว่า SOS นี่คืออะไร?”
“ฉันชอบ SOS ไม่ได้งั้นเหรอ? นายคิดว่ามันดูดีไหม? สินค้าแบบนี้ต้องขายดีแน่นอน สร้อยที่วางเคียงคู่กับกระดูกไหปลาร้า แน่นอนว่ามันต้องสวยมากแน่ ๆ” เธอดึงผ้าห่มมาคลุมโปงตัวเธออีกครั้งหนึ่ง
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวจ้องไปที่เขาอย่างเฉยเมยอีกรอบ “หากนายรู้สึกว่ามันน่าสงสัยขนาดนั้นก็ไปตรวจสอบเอาเองเถอะ ฉันไม่สนใจหรอกนะ”
ตราบใดที่เขาไปตรวจสอบ ตราบใดที่พวกเขายังตามหาเธออยู่ ตราบใดที่ร่องรอยของกลุ่มโอวหยางเผยออกมาเมื่อไหร่ ตระกูลจิ่งก็จะรับรู้สิ่งที่พวกเขาทำแน่
แต่กลัวว่าเขาจะไม่ไปเสียมากกว่า
โอวหยางลี่ขย้ำกระดาษเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนจะโยนลงไปที่ถังขยะ
อันโหรวมองดูกระดาษที่ตกลงไปในถังขยะ หลังจากนั้นโอวหยางลี่ก็ผล็อยหลับไปที่เตียงด้วย ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นเล็กน้อยและเอามือทับไปที่ตัวเธอ
ในช่วงเวลานั้นเรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่มีเหลือ
จึงยากที่จะฝืนยกมือขึ้นเพื่อดันเขาออก