อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 334 จิ่งเป่ยเฉินนายมันโอเวอร์เกินไป
ตอนที่ 334 จิ่งเป่ยเฉินนายมันโอเวอร์เกินไป
จิ่งเป่ยเฉินนายมันโอเวอร์เกินไปแล้ว!
คนที่อยู่ด้านหลังนั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะวางชามกับตะเกียบไว้แล้วนั่งลงบนเตียงพลางมองเธอกินข้าว
ครอบครัวของเธออยู่ข้างกาย ยังมีเรื่องอะไรที่มีความสุขกว่านี้อีกงั้นเหรอ?
ถ้าหากหาแม่เจอ เธออาจจะดีใจกว่านี้แน่ ๆ
แม่… จิ่งเป่ยเฉิน…
เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาพลางมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน เธอยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น ดังนั้นก็ไม่ควรด่วนสรุปกับเขาแบบนั้น ค่อยพูดแล้วกัน!
อย่าเพิ่งตัดสินโทษประหารเขา ถ้าเกิดเขาไม่มีความเกี่ยวข้องขึ้นมาคงไม่ยุติธรรม
แต่ถ้าเกิดว่ามีความเกี่ยวข้องกันจริง ๆ เธอจะทำยังไง?
เธอมองไปที่หน่วนหน่วนและหยางหยาง ลูก ๆ ที่น่ารักทั้งสองของเธอ เธอจะทิ้งพวกเขาไปได้ยังไง
ทันใดนั้นน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตา ทำให้ภาพตรงหน้าเลือนรางจนมองอาหารตรงหน้าไม่ชัดเจน
แปะ
น้ำตาไหลหยดลงมาบนมือซ้ายของเธอ
“แม่จ๋า แม่จ๋า หน่วนหน่วนดื้อเหรอ ทำไมแม่จ๋าถึงร้องไห้?”
จิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ด้านขวามองไม่เห็นน้ำตาของเธอ เมื่อได้ยินหน่วนหน่วนพูดขึ้นมาก็ตื่นตระหนก รีบหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตาของเธออย่างเบา ๆ
อันโหรวยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม ไม่ขยับไปไหน แม้แต่ตอนที่จิ่งเป่ยเฉินเช็ดน้ำตาให้กับเธอ เมื่อเช็ดเสร็จเรียบร้อย เธอถึงได้เงยหน้ามองทั้งสามคนและหัวเราะออกมา “แม่จ๋าแค่รู้สึกดีใจ ตอนที่ออกไปทำงานนอกสถานที่ ลูก ๆ ไม่ได้อยู่กับแม่จ๋า แม่จ๋าเลยคิดถึงเอามาก ๆ”
เมื่อหน่วนหน่วนได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็ลูบไปที่แก้มเธอเบา ๆ “แม่จ๋าไม่ร้องนะ หน่วนหน่วนก็คิดถึงแม่จ๋า”
“เรื่องนี้เป็นความผิดของพ่อจ๋า” หยางหยางยืนขึ้นบนเตียงและพูดออกมาอย่างเย็นชา
จิ่งเป่ยเฉินเองก็ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเขาจริง ๆ เป็นเพราะเขาที่หาเธอเจอช้าไป
เขาอุ้มหยางหยางเข้ามานั่งลงบนตักของเขาที่อยู่ห่างจากอันโหรวไม่ไกล “เป็นความผิดของพ่อ ต่อไปนี้พ่อจ๋าจะไม่ให้แม่จ๋าไปทำงานที่อื่นนาน ๆ แล้ว โอเคไหม?”
เมื่ออันโหรวได้ยินคำพูดที่นุ่มนวลก็รู้สึกเหมือนทะลุไปอีกมิติหนึ่ง คนที่ดูเท่และเย็นชาแบบเขาไม่คิดเลยว่าจะมีมุมที่อ่อนโยนแบบนี้
โดยเฉพาะต่อหน้าหยางหยาง ปกติเขาเข้มงวดกับหยางหยางมาโดยตลอด วันนี้กลับอ่อนโยนแบบนี้
“ได้” หยางหยางไม่เพียงแค่พยักหน้าตอบ แต่ยังพูดตอบกลับอีกด้วย
ดูเหมือนว่าตอนที่เธอไม่อยู่ พวกเขาสามคนคงจะเข้ากันดีอย่างมีความสุข
อาหารมื้อนี้แม้ตอนแรกเธอจะร้องไห้ออกมา แต่หลังจากนั้นเธอกลับรู้สึกมีความสุขมาก ๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นหยางหยางและหน่วนหน่วนอยู่ข้างเธอ เธอไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะไม่มีความสุข
เมื่อกินข้าวเสร็จจิ่งเป่ยเฉินก็พาหยางหยางและหน่วนหน่วนออกไป เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของเธอ
โอเค เธอต้องการการพักผ่อนจริง ๆ
แต่การพักผ่อนของเธอไม่ได้ต้องการให้เขานอนอยู่บนเตียงด้วยแบบนี้ เพราะอาจจะเกิดเรื่องอะไรได้ง่าย
เธอถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบชิด ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นมา “โหรวโหรว พวกเราแต่งงานกันเถอะ!”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราแต่งงานกันแล้วเหรอ?”
“ฉันหมายถึงจัดพิธีแต่งงาน”
เขายังเป็นหนี้เธอเรื่องพิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่
“ความจริงก็ไม่ได้รีบนะ ค่อยคุยกันวันหลังดีกว่า!” ภายในใจของเธอตอนนี้ไม่ได้รู้สึกสงบ ไม่รู้ว่าสามารถตอบเขาได้ไหม
“โหรวโหรว เธอคิดอะไรอยู่ในใจงั้นเหรอ?” เธอพลิกตัวหันมาในอ้อมกอดเขา ดวงตาทั้งสองคู่จับจ้องกัน
อันโหรวมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของเขาและใช้มือลูบไปที่หนวดเคราตรงคางของเขา “ความจริงแล้วนายไม่โกนหนวดก็หล่อดีเหมือนกันนะ รู้สึกเหมือนเป็นคุณลุงเหมือนกัน”
“เธอชอบเหรอ?” ถ้าหากว่าเธอชอบ เขาก็จะไว้หนวด
“ไม่ต้องรีบหรอก! เรายังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ได้ รอให้นายโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้แล้วฉันก็จะรู้ได้เอง!” พวกเขายังสามารถอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้นไหม?
“อืม แล้วเธอชอบพิธีแต่งงานแบบไหน?” เขาอยากทำให้เธออย่างดีที่สุด จึงต้องถามความคิดเห็นของเธอด้วย
“พิธีแต่งงานแบบจีนดีไหม? แบบว่าไหว้ฟ้าดินไง”
ถ้าหากต้องเลือก แบบนั้นน่าจะเป็นแบบที่ชอบ! ดูทีวีทีไรรู้สึกว่าน่าสนุกดี
“ชุดจีนโบราณ? ก็ไม่เลวนะ ชุดแต่งงานสไตล์จีนโบราณฉันชอบหมดเลย สีแดงเป็นไง? หรือนายชอบชุดเจ้าสาวสีขาว?” อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเขาดูไม่มีความสุขเลย
“ชอบ เธอชอบอะไรฉันก็ชอบด้วย” แต่ว่าเขาอยากเห็นเธอในชุดเจ้าสาวสีขาว
“งั้นก็เอาแบบนั้นเลย!” ความจริงก็เร็วไปหน่อยนะที่จะเลือกพิธีแต่งงานอย่างไม่เป็นทางการ
แต่ว่าสีหน้าจิ่งเป่ยเฉินกลับไม่ได้ดีใจเลย
อันโหรวจับไปที่ใบหน้าของเขา “นายคิดอะไรอยู่? ถ้านายไม่ชอบจะไม่จัดพิธีแต่งงานก็ได้นะ ฉันได้หมดเลย!”
“ฉันชอบ แต่เพียงแค่คิดว่าพิธีแต่งงานแบบจีน ฉันไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้”
“อ๋อ! ต้องเอาผ้าคลุมหัว” อันโหรวรู้สึกโล่งใจทันที เธอคิดว่าเขาไม่ชอบจริง ๆ เสียอีก!
แต่เธอมีวิธีให้เขาตอบตกลง
“เพราะงั้นนายถึงชอบพิธีแต่งงานบ่าวสาวที่สามารถจูบกันได้แบบตะวันออกสินะ ไม่เหมือนกับแบบจีนที่ต้องส่งตัวเข้าหอ เข้าใจแล้ว งั้นพวกเราจัดพิธีแบบตะวันออกกัน!”
“ไม่ แบบจีน!” จิ่งเป่ยเฉินโต้กลับอย่างชอบธรรม
สิ่งที่เขาพูดไปเพียงแค่คิดถึงพิธีภายในงานแต่งที่เขาจะไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้คิดถึงเรื่องตรงนี้เลย
ส่งเจ้าสาวเข้าหอมีประโยชน์มากมาย เมื่อเทียบกับการจูบนั้นมีอย่างอื่นที่น่าตื่นเต้นกว่ามาก
“ที่แท้ก็คิดถึงแต่เรื่องใต้สะดือ!” เธอส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพลิกตัวกลับพลางพิงไปที่ตัวเขาแล้วหลับตาลง “ฉันนอนก่อนนะ”
“อืม”
มือทั้งสองข้างของเขากอดเธอเอาไว้อย่างผ่อนคลาย เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เขาไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
บ้านโอวหยาง
เมื่อโอวหยางลี่รักษาตัวและเอากระสุนออกแล้วก็นอนพักอยู่แต่ในบ้าน โดยข้างกายของเขาก็มีเหอเหมียวคอยนั่งเฝ้าอยู่
มือทั้งสองของเธอลูบไปยังท้องที่นูนออกมาเท่าเดิม เรื่องน่าตกใจเมื่อวานนั้นเธอไม่ได้รับผลกระทบอะไร
แขนข้างขวาของโอวหยางลี่ถูกยิงจึงไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนได้ เวลากินข้าวก็ต้องป้อน
เขานอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ ใบหน้าของเขาซีดขาว ริมฝีปากก็ซีดเซียวแทบไม่มีสี
“พี่โอวหยาง พี่ชอบเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธอถามขึ้นมาเบา ๆ
โอวหยางลี่มองไปที่เพดานเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเธอ แม้จะได้ยินคำพูดของเธออย่างชัดเจน
คำถามนี้เขาไม่เคยถามตัวเองมาก่อน
เขานั้นชอบอันโหรวขนาดนั้นเลยเหรอ?
ต้องชอบสิ!
ถ้าหากไม่ชอบทำไมถึงได้เรียกหาแต่ชื่อเธอ หัวใจที่เจ็บปวด จนกระทั่งคิดแผนเอาไว้หมดแล้วว่าจะไม่เอาบริษัท จะหนีไปอยู่กับเธอโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แล้วผลที่ได้กลับมา?
เธอเดินไปหาจิ่งเป่ยเฉินอย่างไม่ลังเล
ภายในใจของเธอไม่ได้มีเขาอีกแล้ว ภายในใจของเธอมีแต่จิ่งเป่ยเฉิน
ถึงจะเป็นแบบนั้น ความสงสัยภายในใจของอันโหรวก็ยังมีอยู่ พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหรอก
“พวกเราเป็นคู่รักวัยเด็กสิบปี ตั้งแต่อายุสิบปีจนเธออายุยี่สิบปี พวกเราอยู่ด้วยกันตลอด” จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
ราวกับว่าอยากให้เหอเหมียวหึง และราวกับว่ากำลังพูดให้ตัวเองฟัง
แต่ว่าในปีนั้นที่เธออายุยี่สิบปี เขากลับไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน คนที่เขาไม่ได้รัก
“ฉันรู้จักเธอเมื่อตอนบ่าย วันนั้นพระอาทิตย์ส่องแสงใต้ต้นแปะก๊วยในบ้านสวนอัน เธอนั่งอยู่หน้ากระดานวาดภาพและวาดภาพอย่างจริงจัง ฉันคิดว่าเธอจะวาดวิวทิวทัศน์ตรงหน้าฉัน แต่เมื่อเดินไปก็พบว่าเธอวาดภาพสร้อยคอ และเธอก็ออกแบบมัน”
ตอนนั้นเพิ่งสิบขวบ เธอต่างจากเด็กที่อายุสิบขวบคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก