อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 132 ถูกทำให้โกรธจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
ตอนที่ 132 ถูกทำให้โกรธจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าไปราวสี่สิบนาที มู่เถาเยาก็หยิบกล่องยาขนาดเล็กจากชั้นบนลงมาเพื่อฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
เมื่อเห็นเธอเดินตรงไปที่ประตู ตี้อู๋เปียนก็รีบตามไป
“ซาลาเปาน้อย เราฝังเข็มในบ้านไม่ได้เหรอ” ให้เขาเปลื้องผ้าต่อหน้าคนเหล่านี้มันน่าอายจริงๆ!
“ข้างนอกแดดกำลังดี เหมาะกับการฝังเข็มโดยใช้ทักษะหุยหยาง”
“…”
หยวนเหยี่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าหนูอู๋เปียน ฟังที่เสี่ยวเยาเยาพูดถูกต้องที่สุด”
ตี้อู๋เปียนรู้สึกอายเล็กน้อย
ปู่หยวนจะไม่รู้ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาได้อย่างไร
ไป๋เฮ่าอวี๋อยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า
ซย่าโหวโซ่วกระตุ้น “เจ้าหนูอู๋เปียน ทำไมชักช้าอย่างนี้”
ตี้อู๋เปียน “…”
ไป๋เฮ่าอวี๋เกือบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น แต่โชคดีที่เขาปิดปากไว้ได้ทัน!
นายน้อยเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตายไป!
มู่เถาเยาเดินไปที่โต๊ะไม้ยาวและนั่งลงบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน วางกล่องยาขนาดเล็กลง เปิดออก หยิบม้วนเข็มเงินออกมา และโบกมือให้ตี้อู๋เปียนที่อยู่ข้างหลังเธอนั่งลง
“เปลื้องผ้า”
“…ไม่ถอดได้ไหม” ผิวขาวๆ นุ่มๆ แบบนี้ไม่แมนเลย!
เขาไม่อยากถอด!
เขาไม่อยากอับอายต่อหน้าคนอื่นๆ!
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาลังเลอย่างยิ่งที่จะให้ครอบครัวของซาลาเปาน้อยเห็นร่างกายของเขาแบบนี้!
“ผู้ชายคนหนึ่งอิดๆ ออดๆ แบบผู้หญิงอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน” ซย่าโหวโซ่วขมวดคิ้ว
ผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จะมีบุคลิกที่ร่าเริงและเปิดเผยที่สุด
อู๋เปียนที่ดูเหมือนสาวน้อย!
ทำให้เขาไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด!
เหมือนกับสะใภ้ตัวน้อย ภายใต้การเฝ้าดูของฝูงชน ตี้อู๋เปียนก็ถอดเสื้อของเขาอย่างโศกเศร้า
ซย่าโหวโซ่ว “เด็กคนนี้ผอมมาก! ร่างกายแทบจะไม่มีกล้ามเนื้อเลย น่าเกลียดจริงๆ!”
ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างหลังเขาตบกล้ามหน้าท้องและกล้ามเนื้อแขนขาของตัวเอง มองไปที่ตี้อู๋เปียน จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกันด้วยสีหน้าได้ใจ
ตี้อู๋เปียนรู้สึกเหมือนกำลังจะกระอักเลือดเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์และทุกคนไม่ได้ไปทำงาน บรรดาลูกศิษย์ของซย่าโหวโซ่วจึงมาเยี่ยมที่บ้านเขา
ร่างกายที่ผอมและขาวราวหิมะของตี้อู๋เปียนถูกจับตามองโดยคนกลุ่มนี้ที่หุ่นฟิตมาก
ไป๋เฮ่าอวี๋อยากจะหัวเราะแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคนกลุ่มนี้เองก็ทำให้หุ่นของเขากลายเป็นดูธรรมดาไปเลย!
ถ้าเขาไม่มาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน เขาคงไม่รู้จริงๆ ว่าร่างกายของผู้ชายสามารถดีได้ถึงขนาดที่ผู้ชายด้วยกันเองยังอิจฉาจนตายได้!
กล้ามเนื้อของโค้ชในยิมนั้นยังไม่สวยเท่ากับเส้นกล้ามที่แน่นปึ้กของพี่น้องคู่นี้!
หลังจากวันนี้ เขาก็มีความคิดที่จะอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซานอีกครั้ง
เขาไม่เคยเห็นหมู่บ้านบนภูเขาที่มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์แบบนี้มาก่อน
ใบหน้าของตี้อู๋เปียนเปลี่ยนเป็นสีแดงและขาวด้วยความโกรธจากเหล่าศิษย์พี่ของมู่เถาเยา
แต่พวกเขาเป็นคนตรงๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงโจมตีเขาต่อไป
“อู๋เปียน ไม่ใช่ว่าเราอยากจะว่านายหรอกนะ แต่นายควรออกกำลังกายแล้วจริงๆ! ดูรูปร่างที่ผอมแห้งที่แทบจะถูกลมพัดปลิวได้สิ…” บลาๆๆ
คนแบบนี้จะปกป้องภรรยาและลูกๆ ได้อย่างไรในอนาคต!
“ถูกต้อง! ผู้ชายควรดูเหมือนผู้ชาย! นายดูไม่เหมือนผู้ชายเลยสักนิด รูปร่างก็ไม่ดีพอ แบบนี้หาภรรยาได้ยังไง…” บลาๆๆ
ผู้ชายหน้าตาดีแต่ก็เอามาทำมาหากินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ!
“จะว่าไป น้องอู๋เปียน อยู่ที่นี่กับพวกเราชั่วระยะเวลาหนึ่งดีไหม พี่น้องเราจะฝึกพิเศษให้นายเอง ไม่ต้องกลัวว่านายจะไม่มีกล้ามเนื้อ…” บลาๆๆ
ผู้ชายมาดแมน ผู้หญิงถึงจะชอบ!
“ใช่แล้ว ดูหน้าซีดๆ เหมือนผีนี่สิ ผู้ชายแบบนี้ไม่ดีเลย…” บลาๆๆ
แน่นอนว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายแบบนี้!
“…”
ศิษย์พี่ศิษย์น้องกลุ่มนี้ไม่รู้ว่าตี้อู๋เปียนป่วยเกินกว่าจะออกกำลังกายได้ พวกเขาคิดเพียงว่าเขากลัวความลำบากเพราะชินกับการเป็นนายน้อยมาเป็นเวลานาน
ผู้ชายที่กลัวความลำบากน่าละอายมากที่สุด!
เมื่อเห็นว่าตี้อู๋เปียนกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ มู่เถาเยาก็รีบหยุดคำพูดที่จริงใจแต่แทงทะลุไปถึงปอดของพวกศิษย์พี่ของเธอ
“เอาล่ะศิษย์พี่ทั้งหลาย ฉันจะฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียนแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นตัวแทนของทุกคนกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิงเล็กทำงานไป พวกเราไม่พูดแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
ตี้อู๋เปียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็บังคับระงับเลือดลมที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขา
เขายังสงสัยว่าตัวเองจะถูกฝีปากอันร้ายกาจของเหล่าศิษย์พี่ของซาลาเปาน้อยทำให้โกรธจนตายในวินาทีถัดไปหรือไม่!
คนเหล่านี้เป็นใครกัน! ทุกประโยคล้วนแทงใจคนมาก!
ถ้าส่งพวกเขาไปรบและฆ่าศัตรู พวกเขาอาจจะขับไล่ทหารนับพันไปได้ด้วยฝีปากของพวกเขา!
มู่เถาเยามองไปที่ใบหน้าที่เปลี่ยนสีไปครั้งแล้วครั้งเล่าของตี้อู๋เปียนและพยายามอย่างมากที่จะกลั้นยิ้มไว้
แต่คนอื่นอั้นไว้ไม่ไหวแล้ว!
ผู้เฒ่าหลายคนหัวเราะฮ่าๆ ออกมาโดยไม่มีความละอายใจเลยสักนิด เย่ว์จือกวงและไป๋เฮ่าอวี๋เองก็เหมือนกัน หัวเราะจนน้ำตาเล็ดไปหมด แม้แต่เป่ยซีที่ไม่ค่อยยิ้มให้คนอื่นเห็นนอกจากมู่เถาเยาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
“ตี้อู๋เปียน ฉันจะฝังเข็มให้คุณแล้วนะ” ดังนั้นต้องควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนนั้นไว้ให้ดี
ตี้อู๋เปียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกสองสามครั้ง พยายามทำให้ตัวเองสงบลงให้ได้
ซย่าโหวโซ่วโบกมือให้กลุ่มลูกศิษย์แยกย้ายกันไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการฝังเข็มของลูกศิษย์ตัวน้อย
มู่เถาเยาเริ่มฝังเข็มธรรมดาๆ ลงไปก่อนเพื่อเปิดทาง จากนั้นถึงค่อยใช้ทักษะหุยหยาง
หยวนเหยี่ยและไป๋เฮ่าอวี๋เฝ้ามองดูอย่างระมัดระวัง
เทคนิคการฝังเข็มของมู่เถาเยานั้นเร็วมาก เธอสามารถดึงเข็มออกได้ในไม่กี่วินาทีหลังจากฝังเข็มลงไปในจุดชีพจรที่ต้องการ
แม้ว่าหยวนเหยี่ยมักจะได้รับประโยชน์จากทักษะการฝังเข็มหุยหยางของมู่เถาเยาอยู่เสมอๆ แต่ส่วนใหญ่เข็มที่ลูกศิษย์ตัวน้อยฝังให้เขานั้นอยู่ที่ด้านหลัง แค่ความรู้สึกที่ได้สัมผัสจะเทียบเท่ากับการได้เห็นกับตาตัวเองได้ยังไง
ทักษะสะบัดเข็มของลูกศิษย์ตัวน้อยนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการแพทย์ อาจไม่รู้ว่าการทำให้ความถี่และการสั่นสะเทือนของเข็มทั้งสิบแปดเล่มสม่ำเสมอกันนั้นยากแค่ไหน!
ไม่รู้จะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่ทำได้
อาจไม่กล้าบอกว่าไม่มีใครเลย แต่ก็มีไม่มากแน่นอน
แถมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ยังไม่ได้พึ่งพาต้นทุนที่พวกเขามอบให้กับเธอด้วยซ้ำ จะไม่ให้พวกเขาอวดลูกศิษย์คนนี้ได้อย่างไร
ดังนั้นหมอเทวดาบางคนถึงอยากจะโห่ร้องออกมาดังๆ ในตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้
การไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงหรือในระดับสากลนั้นไม่ได้หมายความว่าฝีมือของแพทย์คนนั้นไม่ดีพอ ยกตัวอย่างเช่นหมอหญิงเดินเท้าที่เข้าไปในเขตป่าชั้นใน ยังมีคนเก่งๆ อีกมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในแถบถิ่นทุรกันดาร
สำนักแพทย์โบราณเป็นสำนักที่สืบทอดต่อกันมานานนับหมื่นๆ ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาได้ยึดถือคติประจำใจว่าสุขภาพของทุกคนในโลกนี้เป็นความรับผิดชอบของตนเอง ดังนั้นจึงมีการสะสมชื่อเสียงเรื่อยมาในหมู่ผู้คน
ในฐานะเจ้าสำนักแพทย์โบราณ หยวนเหยี่ยจึงได้รับความสนใจแตกต่างจากหมอพื้นบ้านคนอื่นๆ
“เสี่ยวเยาเยา ดูเหมือนว่าทักษะหุยหยางจะเหมาะกับอู๋เปียนมากที่สุดแล้ว”
เมื่อเห็นว่าผิวของตี้อู๋เปียนดูสุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หยวนเหยี่ยก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างมีความสุข
“ใช่ค่ะ หากเราสามารถหาหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตได้ รวมกับทักษะฝังเข็มหุยหยาง ตี้อู๋เปียนก็จะหายเป็นปกติ”
“อย่าเพิ่งท้อ เรายังมีเวลาอีกมาก”
“อื้ม”
เป่ยซี “เสี่ยวเยาเยา หญ้าพิษชีวิตคืออะไรเหรอ แล้วดอกไม้สองชีวิตล่ะคืออะไร”
“หญ้าพิษชีวิตเป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงอย่างมากเมื่อมันมีชีวิตอยู่ แต่จะกลายเป็นยาวิเศษหลังจากที่มันตายลงตามธรรมชาติ เพราะมันเติบโตโดยการดูดซับกลิ่นอายของฟ้าดินและทุกสิ่งในโลกนี้ มันจึงสามารถกักเก็บวิญญาณได้”
“กักเก็บวิญญาณได้เหรอ ช่างน่าทึ่งอะไรอย่างนี้!”
“อืม ผู้ป่วยจะถูกชำระล้างเส้นเอ็นและไขกระดูกทั้งหมดหลังจากกินมันเข้าไป ไม่เพียงแต่จะทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับปรุงทุกด้านของร่างกายมนุษย์ ยกระดับไปจนถึงขีดสูงสุด แถมยังมีฤทธิ์วิเศษพิษร้ายใดๆ ไม่อาจกล้ำกลายอีกด้วย”
ผลของมันกล่าวได้ว่าเป็นยาที่กลั่นจากดอกไม้สองชีวิตเวอร์ชั่นอัพเกรด
ดอกไม้สองชีวิตนั้นคงกระพันต่อพิษส่วนใหญ่ แต่หญ้าพิษชีวิตไม่เพียงแค่ต้านพิษ กลับยังช่วยขจัดพิษทั้งหมดออกไปทำให้พิษใดๆ ในโลกนี้ไม่อาจทำร้ายเขาได้อีก
ดังนั้นด้วยคุณสมบัติที่ราวกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์เช่นนี้ จึงทำให้ใครก็ตามที่มีความละโมบในใจบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย อย่าลืมสิว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่ต้องผ่านการเกิดแก่เจ็บตายและป่วยไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกคนชรา คนป่วย และพิการ พวกเขามีแนวโน้มที่จะโหยหามากที่สุด
ทุกคนในห้องนี้เป็นคนของเธอเองและมู่เถาเยาก็เชื่อใจพวกเขา เธอจึงไม่กลัวว่าข่าวสมุนไพรอันแสนวิเศษนี้จะรั่วไหลออกไป
หรือต่อให้ข่าวรั่วไหลออกไปก็มีประโยชน์ อาจง่ายกว่าด้วยซ้ำหากมีคนค้นหามันมากยิ่งขึ้น
เพราะไม่ว่าใครจะพบมันก่อน นั่นหมายความว่าย่อมมีหนทางที่จะได้มันมาครอบครอง ไม่มีอะไรยากไปกว่าการไม่รู้ว่าหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตที่พวกเขาตามหาอยู่ที่ไหนในตอนนี้