อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 136 ตามแต่ที่คุณต้องการ
ตอนที่ 136 ตามแต่ที่คุณต้องการ
หลังจากถังถังถ่ายทำฉากของวันนี้เสร็จ เธอก็กลับไปที่บ้านของสองศิษย์อาจารย์ เธอรู้ว่ามู่เถาเยาและคนอื่นๆ กำลังจะกลับไปที่เมืองเย่ว์ตูหลังมื้อเย็นนี้
ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น ดังนั้นเธอจึงเดินขึ้นไปยังชั้นบนที่ห้องของมู่เถาเยา
“เสี่ยวเยาเยา…เฮ้ เสี่ยวอันเหยี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย”
“พี่สาวถังถัง” ถุงลมน้อยทักทายผู้คนด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“โอ้! ว้าว! เสี่ยวอันเหยี่ยของพวกเราพับเสื้อผ้าได้เองด้วย น่าทึ่งมาก!”
ใบหน้าที่ขาวใส อ่อนนุ่ม และมีเลือดฝาดจางๆ น่ารักน่าหยิกของถุงลมน้อยแย้มยิ้มสดใสทันที ดวงตาที่กลมโตของเขาสว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ยามค่ำคืน
ใช่ เขาเก่งมาก! เขาสามารถช่วยพี่สาวได้!
ถังถังยิ้มพลางลูบหัวเล็กๆ ของเขา
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ข้างล่างเลยล่ะ” ในเวลานี้ไม่ใช่ว่าทุกคนควรอยู่ที่บ้านเหรอ
“อาจารย์เล็กพาพี่รองและพวกศิษย์พี่ของฉันเข้าป่าไปเก็บลูกท้อแล้ว ส่วนแม่ไปที่ห้องของพี่รองช่วยเขาจัดกระเป๋าน่ะ เหลียงจีและหมอไป๋กลับไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเพื่อเก็บของด้วยเหมือนกัน ส่วนอาจารย์ใหญ่…ตอนนี้น่าจะไปขลุกตัวอยู่ในห้องปรุงยาข้างๆ จัดการกับโสมวิญญาณที่เพิ่งได้มา…”
“โสมวิญญาณเหรอ เสี่ยวเยาเยา เธอกับพี่ชายเธอเข้าป่าไปหาโสมวิญญาณเหรอ” ถังถังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะเธอรู้ว่าโสมวิญญาณนั้นหายากมาก เธอจึงแสดงออกเช่นนี้
ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างยากับยาพิษ ทุกคนในตระกูลถังของเธอก็รู้จักพิษดีพอๆ กับที่พวกเขารู้เรื่องยา ท้ายที่สุดแล้วเมื่อตัวเองถูกพิษโดยไม่ตั้งใจก็ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนไม่ใช่เหรอ!
“อืม โชคดีนะ”
“ถังถัง เธอจะถ่ายทำฉากที่นี่เสร็จเมื่อไหร่”
ถังถังบีบใบหน้าที่เต็มไปด้วยความนุ่มนิ่มแบบทารกของมู่เถาเยาเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะบอกเธอเมื่อเธอเรียกว่าพี่สาว”
“…พี่สาว ฉันเรียกชื่ออื่นได้ไหม”
“อะไร”
“พี่สะใภ้รอง” มู่เถาเยารู้สึกอยากแกล้งคนขึ้นมา
“อุ๊บ…เสี่ยวเยาเยา ไม่คิดเลยว่าเธอเองก็ชอบเรื่องซุบซิบนินทาด้วย”
มู่เถาเยาก็หัวเราะเช่นกัน
อันที่จริงเธอมองออกว่าทั้งสองคนไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากแทบจะในทุกๆ ด้าน ราวกับว่าพวกเขาถูกกำหนดให้เป็นคู่รักกันอย่างไรอย่างนั้น
“เสี่ยวเยาเยา เธอจะกลับมาอีกเมื่อไหร่เหรอ”
“อาจเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเลย ฉันอยากจะไปที่ตระกูลถังด้วย”
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงอยากไปที่ตระกูลถังล่ะ”
“ฉันต้องการเลือดหยดหนึ่งจากบรรพบุรุษของเธอเพื่อเอามาวิจัยน่ะ ตี้อู๋เปียนต้องการใช้ดอกไม้สองวิญญาณหรือไม่ก็หญ้าพิษชีวิตรักษาโรคให้หาย”
แม้ว่าเยี่ยนหังน้องชายของเธอจะได้รับดอกไม้สองชีวิตไปแล้ว แต่การรักษาในยุคนั้นยังล้าหลังมากและไม่มีเครื่องมือใดๆ ที่จะตรวจสอบได้
“เสี่ยวเยาเยา ฉันดูออกว่านายน้อยตี้ป่วย แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไรหนักมากนี่ ทำไมเธอถึงต้องการสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ ด้วยทักษะทางการแพทย์และทักษะพิษของเธอที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานแล้ว ไหนจะทักษะการฝังเข็มของเธอ เท่านี้ยังรักษาเขาไม่ได้เหรอ”
หมอที่เก่งกาจสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดด้วยการฝังเข็มและการรมยาเท่านั้น สมุนไพรส่วนใหญ่เพียงช่วยเร่งผล นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากหมอทั่วไป
“ถ้าเขาเพียงแค่ป่วยไข้ธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรหรอก แค่ฝังเข็มอย่างเดียวก็ช่วยชีวิตเขาได้แล้ว แต่ความอ่อนแอของเขาไม่ได้เกิดจากการป่วยไข้น่ะสิ…”
มู่เถาเยาบอกถังถังเกี่ยวกับสภาพร่างกายของตี้อู๋เปียนอย่างคร่าวๆ
ถังถังสีหน้าดูเหลือเชื่อมาก
ถ้าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้ออกมาจากปากของมู่เถาเยา เธอคงไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีโรคที่มนุษย์ค่อยๆ สูญเสียพลังชีวิตไปแบบนี้ด้วย!
“เสี่ยวเยาเยา เธอกำลังกังวลว่าจะไม่สามารถหาดอกไม้สองชีวิตหรือหญ้าพิษชีวิตได้ในห้าปีนี้ ก็เลยอยากจะวิจัยเลือดบรรพบุรุษของฉันเพื่อดูว่าเธอจะสามารถพัฒนายาออกมาได้ไหมใช่ไหม”
“อืม เตรียมพร้อมไว้ก่อนก็ดีไม่ใช่เหรอ”
“เสี่ยวเยาเยา ดอกไม้สองชีวิตมีอยู่จริง แต่หญ้าพิษชีวิต…ตั้งแต่โบราณมาก็เป็นเพียงสมุนไพรที่มีบันทึกในตำราเท่านั้น…”
“ฉันแค่อยากทำให้ดีที่สุดน่ะ”
“โอเค อย่างไรก็ตาม น้องสาวพี่สาวคนนี้เชื่อในความฉลาดของเธอ ดังนั้นฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องคิดหาวิธีอื่นออกมาได้ภายในห้าปีอย่างแน่นอน เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอไม่กลับมาที่นี่อีกครั้งในสุดสัปดาห์หน้าล่ะ แล้วฉันจะเชิญบรรพบุรุษของฉันมาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน”
ยิ่งได้รับเลือดมาเร็วเท่าไรก็จะยิ่งเริ่มวิจัยได้เร็วขึ้นเท่านั้น
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน ฉันยังอยากจะไปที่ตระกูลถังเองเมื่อมีเวลา”
“ถ้าบรรพบุรุษของฉันรู้ว่าหมอเทวดาหยวนอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องรีบมาที่นี่แน่!”
แม้ว่าบรรพบุรุษของเธอจะมีลำดับอาวุโสสูงกว่าหมอเทวดาหยวนหนึ่งขั้น แต่สำนักแพทย์โบราณมีพระคุณอย่างยิ่งต่อตระกูลถัง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ชายชราจะมาดูลูกศิษย์ของผู้มีพระคุณด้วยตนเอง
เธอยังคิดถึงบรรพบุรุษของเธอ
“…ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยคุยกับผู้อาวุโสก่อน แล้วค่อยโทรหาฉันหลังจากยืนยันได้แล้ว”
“โอเค”
“เสี่ยวเยาเยา หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ฉันเซ็นสัญญาด้วยเสร็จ ฉันว่าจะกลับไปเรียนหนังสือล่ะ เพราะก่อนหน้านี้ฉันยุ่งกับงานมาก…ฉันอยากจะย้ายไปเรียนคณะเภสัช…”
ประธานเย่ว์อายุน้อยกว่าเธอ แต่เขากลับได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตหลายใบแล้ว
ที่เจ็บสุดคือเห็นคนที่เหม็นขี้หน้าเก่งกว่ามาก
“ถ้าพี่ทำแบบนั้นแล้วมีความสุขก็โอเคค่ะ”
“อื้มๆ”
“พี่คะ เห็นสมุนไพรที่อยู่ข้างล่างแล้วใช่ไหม”
“อื้ม ไม่ต้องกังวลนะน้องสาว พี่จะช่วยเธอปรุงยาถอนพิษเอง เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงอยากได้ยาถอนพิษมากขนาดนี้”
“ทำให้คนของตี้อู๋เปียนน่ะ พวกเขาจะเข้าไปตามหาดอกไม้สองชีวิตและหญ้าพิษชีวิตในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยว พี่น่าจะรู้ว่าพิษในป่านั้นไม่สามารถใช้ยาแก้พิษธรรมดาจากที่อื่นมาแก้ไขได้”
“อืม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพิษในป่าเซียนโหยวนี่แหละ พี่สาวกล้าเข้าไปเดินเล่นในป่าอื่นๆ แต่กับที่นี่กลับทำไม่ได้ อาจารย์ทั้งสองคนบอกว่าพี่กำลังมองหาความตาย หากพี่เข้าไปในป่านั้นด้วยระดับวรยุทธ์เท่านี้… ”
ถังถังดูสิ้นหวัง
รู้อยู่ว่าในป่านั้นมีสมบัติเล็กๆ น้อยๆ มากมายที่เธอต้องการ แต่เธอไม่สามารถเอาออกมาได้!
มันน่าอึดอัดมาก!
“ฉันจะพาพี่เข้าไปเองค่ะเมื่อมีเวลา”
พรสวรรค์ของถังถังในด้านศิลปะการต่อสู้นั้นถือว่าสูงมากสำหรับคนทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเหล่าลูกศิษย์ในสำนักฝึกยุทธโบราณจริงๆ นับได้ว่าเธออยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น
ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะฝึกฝนหนักแค่ไหน ก็ไม่สามารถไปถึงระดับที่เหล่าลูกศิษย์ในสำนักไปถึงจริงๆ ได้ ดังนั้นการเข้าไปในป่าคนเดียวจึงเป็นอันตรายอย่างมาก
ถังถังกอดมู่เถาเยาอย่างมีความสุข
“เสี่ยวถังถัง อะไรทำให้เธอมีความสุขมากขนาดนี้” เมื่อเป่ยซีเดินเข้ามา เธอก็บังเอิญเห็นถังถังยิ้มแย้มอย่างสดใส
“คุณป้าคะ เสี่ยวเยาเยาสัญญากับหนูว่าเธอจะพาหนูเข้าไปในเขตป่าชั้นในเพื่อหาสมุนไพรตอนที่เธอมีเวลา แล้วก็เสี่ยวเยาเยาจะกลับมาในสุดสัปดาห์หน้าด้วยค่ะ”
“จริงเหรอ” เป่ยซีมองลูกสาวด้วยความประหลาดใจ
“ค่ะ หนูขอให้ถังถังเชิญบรรพบุรุษของตระกูลของเธอมาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน หนูต้องการเลือดจากผู้อาวุโสมาวิจัย”
“เลือดของผู้อาวุโสมีความพิเศษยังไงเหรอ”
“คุณป้าคะ บรรพบุรุษของฉันเคยรับยาที่ปรุงขึ้นจากดอกไม้สองชีวิตจากอดีตเจ้าสำนักแพทย์โบราณ ตอนนี้มีอายุได้หนึ่งร้อยยี่สิบสามปีแล้ว แต่กลับดูอ่อนวัยและมีพลังมากกว่าคุณปู่ของฉันมาก เหมือนกันกับอาจารย์ทั้งสองคนของเสี่ยวเยาเยาเลย”
เป่ยซีเข้าใจว่าลูกสาวของเธออยากได้เลือดไปทำไมในทันที
“สองแม่ลูกกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่เหรอ เสี่ยวเยาเยา เก็บของเสร็จหรือยัง” อาจารย์แม่เล็กเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“อาจารย์แม่เล็ก เก็บเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องรีบๆ ค่อยๆ เก็บไป เดี๋ยวอาจารย์แม่ลงไปทำอาหารรอทุกคนก่อน”
ถังถังยกมือขึ้น “หนูขอไปด้วยนะคะ”
เป่ยซีหันไปพูดกับพวกเธอว่า “เหลียงจีอาจจะอยู่ในครัวแล้วนะคะ”
เหลียงจีเป็นทหาร ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็รวดเร็วกว่าคนทั่วไปเสมอ แม้แต่ตอนที่เธอช่วยลูกชายคนรองเก็บของ ถ้าเหลียงจีไม่มาช่วย เธอคงต้องยุ่งอยู่ในนั้นอีกสักพัก
“เสี่ยวเยาเยา งั้นฉัน คุณป้า กับอาจารย์แม่เล็กลงไปก่อนนะ”
“อืม”
ถังถังไปช่วยอาจารย์แม่เล็ก เป่ยซีเดินตามหลังทั้งสองคนลงไป
ทันทีที่ทั้งสามคนลงไปที่ชั้นล่าง ตี้อู๋เปียนก็ลงมาจากชั้นสามพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเขา
“อาจารย์เล็ก คุณป้า คุณถัง”
“โอ้ อู๋เปียน ลงมาแล้วเหรอ” อาจารย์แม่เล็กยิ้ม
“ครับ ซาลาเปาน้อยกับเสี่ยวอันเหยี่ยเก็บของเสร็จหมดแล้วเหรอครับ”
ถังถังตอบว่า “อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ ต้องโทษฉันที่เอาแต่ชวนเธอคุยเลยเสียเวลามากขนาดนี้”
“งั้นผมขอไปดูก่อนนะครับ”
อาจารย์แม่เล็กยิ้มและพูดว่า “ไปเถอะๆ เราจะลงไปข้างล่างกันก่อน”
“ครับ”