อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 148 โค้ชทีมขี่ม้า
ตอนที่ 148 โค้ชทีมขี่ม้า
ในวันพฤหัสบดี หลังจากจบชั้นเรียนในครึ่งวันแรก มู่เถาเยาก็ขี่จักรยานไฟฟ้าตัวเล็กๆ ของเธอไปที่บ้านพักของอาจารย์อาเล็กในรั้วมหาวิทยาลัย
อาสะใภ้เล็กยังไม่กลับมาจากทัวร์แสดงดนตรี และเจียงเฟิงเหมียนลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาก็กลับไปเรียนแล้วและจะกลับมาที่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นตอนนี้จึงมีเพียงอาจารย์อาเล็กเพียงคนเดียวอยู่ในบ้าน
มือบางยกขึ้นเคาะประตู อาจารย์อาเล็กเจียงของเธอก็เดินมาเปิดประตูในสภาพสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกเล็กๆ จากนั้นเขาก็หมุนตัวแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอย่างมีความสุขพร้อมกับทำอาหารมื้อเที่ยงที่แสนอร่อย
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของอาจารย์อาเล็ก มู่เถาเยาก็ถอนหายใจอีกครั้งว่าโลกนี้ช่างดีเสียจริง อัตราส่วนการเข้าครัวทำอาหารของผู้ชายและผู้หญิงนั้นมีมากพอๆ กัน
ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอ แม้แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซาน ทักษะการทำอาหารของผู้ชายนั้นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าแม่ ภรรยาและลูกสาวของพวกเขาเลย
มู่เถาเยาไม่มีแนวคิดแบบปิตาธิปไตยหรือสตรีนิยม ดังนั้นจึงไม่ได้มองว่าการให้ผู้ชายเข้าครัวทำอาหารนั้นถือเป็นสตรีนิยม
ในครอบครัวหนึ่ง ถ้าผู้ชายเป็นฝ่ายเข้าครัวทำอาหาร อาจจะเป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของเขานั้นดีกว่าฝ่ายผู้หญิง หรืออาจเป็นเพราะผู้ชายคนนี้มีเวลามากกว่า หรือเป็นเพราะเขารักภรรยาและลูกของเขามาก…
โดยรวมแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามนี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
มู่เถาเยาช่วยจัดจานและเสิร์ฟอาหาร
“เสี่ยวเยาเยา หลังจัดจานเสร็จแล้วก็กินเลยก็ได้นะ เพื่อนฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
เขาและเพื่อนของเขาได้นัดกันไว้แล้ว ส่วนเสี่ยวเยาเยามาหาเขาที่นี่อย่างกะทันหัน
“หนูรอกินพร้อมกับทุกคนก็ได้ค่ะ” เจ้าบ้านจะเริ่มกินก่อนแขกมาถึงได้ยังไง
“ร่างกายของเธอกำลังเติบโต ระบบเผาผลาญเร็วและหิวง่าย เพราะงั้นไม่ต้องรอเรา กินก่อนเลย”
“รออีกสักหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปทำน้ำนมหมาป่ามาไว้สักสามแก้ว”
ไม่ต้องพูดถึงว่าอาจารย์อาเล็กจะมีเพื่อนมาหาในวันนี้ ต่อให้ไม่มี เธอก็ไม่คิดกินก่อนที่อาจารย์อาเล็กจะมานั่งโต๊ะอยู่แล้ว
“…ได้”
เพื่อนของเขาไม่คิดมากจริงๆ แต่เสี่ยวเยาเยาก็มีหลักการของเธอเช่นกัน
มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อยและหยิบผลนมหมาป่าแปดผลและนมสดสองกล่องออกมาจากตู้เย็น
ล้างเครื่องปั่นด้วยน้ำสะอาด ปอกเปลือกและหั่นผลไม้เป็นชิ้นๆ แล้วใส่ลงไป เทนม ใส่น้ำแข็ง จากนั้นก็กดปุ่มปั่นสักครู่แล้วเทพวกมันลงในแก้วสามใบ
กลิ่นหอมของนมนั้นเข้มข้นมากจนไม่ถูกกลบด้วยกลิ่นของกับข้าวมากมายบนโต๊ะ
“เสี่ยวเยาเยา ถ้าเธอชอบกินผลไม้นี้มาก คราวหน้าเก็บมันไว้กินเองเถอะอย่าแบ่งมันไปให้กับทุกคนอีกเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูได้มาเยอะมาก กินคนเดียวคงกินไม่หมด”
“มันเก็บไว้ได้นานไม่ใช่เหรอ”
“แต่อาสะใภ้เล็กกับเสี่ยวเหมียนก็ชอบกินมันมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”
“…นั่นก็ใช่” อาจารย์อาเล็กเจียงไม่สามารถปฏิเสธได้
เป็นความจริงที่ภรรยาและลูกสาวของเขาชอบกินผลไม้นี้มาก
เสี่ยวเยาเยาช่างเป็นเด็กสาวที่กตัญญูเสียจริง
‘ติ๊งต่อง…’
“เสี่ยวเยาเยา ไปเปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ คิดว่าเหล่าเถียนเพื่อนของฉันคงมาถึงแล้ว”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยาจัดเรียงน้ำผลนมหมาป่าสามแก้วไว้บนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปเปิดประตู
เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่นอกประตู เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “สวัสดีค่ะโค้ชเถียน”
บังเอิญว่าเพื่อนของอาจารย์อาเล็กคนนี้ เธอเคยเห็นเขาในทีวีมาก่อน
“เอ๋ ทำไมถึงมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่ที่นี่ด้วยล่ะ เธอไม่ใช่เฟิงเหมียนใช่ไหม”
โค้ชเถียนเพิ่งจะได้พบหน้ากับเจียงเฟิงเหมียนเมื่อไม่กี่ปีก่อน แม้ว่าเธอจะยังเด็กในเวลานั้น แต่เธอก็ไม่ได้มีลักษณะที่โดดเด่นมากเช่นนี้อย่างแน่นอน
“โค้ชเถียน ฉันชื่อมู่เถาเยาไม่ใช่เสี่ยวเหมียนหรอกค่ะ เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิคะ”
โค้ชเถียนไม่รีบร้อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน แต่ยืนรออยู่ด้านหลังประตูและรอให้มู่เถาเยาปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเธอ
“เธอเป็นลูกศิษย์ของเหล่าเจียงหรือเปล่า”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เขาเป็นอาจารย์อาเล็กของฉันเอง” เธอเรียนการผ่าตัดกับอาจารย์อาเล็ก ดังนั้นจึงนับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง
“อาจารย์อาเล็ก? นี่เธอเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวนเหรอ หรือว่าเป็นหนึ่งในศิษย์ของศิษย์พี่ศิษย์น้องของหมอเทวดาหยวน”
“ฉันเป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวนค่ะ”
“ฮ่า เป็นเธอนี่เอง! เหล่าเจียงมักจะโอ้อวดให้ฉันฟังอยู่เสมอว่าศิษย์พี่ของเขามีลูกศิษย์อายุน้อยที่มีพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ใจมาก!”
“อาจารย์อาเล็กเพียงแค่ชมฉันในฐานะผู้อาวุโสที่เอ็นดูผู้เยาว์ก็เท่านั้นแหละค่ะ”
หลังจากจัดอาหารขึ้นโต๊ะแล้ว อาจารย์อาเล็กก็เดินเข้ามาและเพิ่งได้ยินสิ่งที่มู่เถาเยาพูด เขาคัดค้านออกไปทันทีว่า “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน! เสี่ยวเยาเยา เธอมีความสามารถที่จะทำให้คนทั้งโลกตะลึงพรึงเพริดได้ แถมยังเป็นแบบที่ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด็กหรือใครก็ตามต่างก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยความตกตะลึง! เหล่าเถียน ฉันจะเล่าให้นายฟัง…”
เป็นเรื่องปกติที่ผู้อาวุโสจะคุยโวเกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของหลานๆ ของพวกเขา
มู่เถาเยา “…”
สีหน้าของโค้ชเถียนเองก็ดูมีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจมาก
“…อาจารย์อาเล็กคะ กินข้าวเที่ยงกันก่อนดีไหม อย่าให้แขกต้องท้องว่างสิคะ”
อาจารย์อาเล็กเจียงยังคงเต็มไปด้วยคำชมเต็มหัว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเยาเยาพูด เขาก็คิดว่าเธอพูดถูก
ไม่สำคัญว่าเหล่าเถียนจะหิวไหม แต่เขาจะปล่อยให้เสี่ยวเยาเยาหิวไม่ได้!
ทั้งสามคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร
“เหล่าเถียน ให้ฉันแนะนำพวกเธอให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะ นี่คือเสี่ยวเยาเยา เป็นลูกศิษย์ปิดสำนักสุดที่รักของศิษย์พี่ของฉัน”
“อื้ม ลูกศิษย์ผู้เก่งกาจที่ก้าวข้ามเหนืออาจารย์ของเธอไปแล้ว” เพื่อนเก่าของเขาพูดประโยคนี้ให้เขาฟังนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“ใช่แล้ว และเสี่ยวเยาเยา นี่คือเหล่าเถียน เป็นโค้ชของทีมขี่ม้าแห่งชาติที่เป็นที่รู้จักกันในฉายา ราชาแห่งม้า”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ฉันจำเขาได้ค่ะ”
โค้ชเถียนถามด้วยรอยยิ้ม “โอ้ สาวน้อยเธอชอบกีฬาเหรอ”
“ชอบดูค่ะ”
เธอสนใจกีฬาบางประเภทมาก
ยกตัวอย่างเช่น ยกน้ำหนัก ยิงธนู ยิงปืน ฟันดาบ ชกมวย ขี่ม้า เรือใบ และอื่นๆ
ดูเหมือนจะมากเกินไปหน่อย…
“เธอขี่ม้าได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
เธอมีฟาร์มม้าส่วนตัวในทุ่งหญ้าทางทิศเหนือของประเทศ
แถมในเผ่ายังมีอีกสถานที่หนึ่งที่พี่รองจัดเตรียมไว้ให้เธออีก!
โค้ชเถียนเริ่มสนใจและถามเธอมากขึ้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นการแข่งม้าแบบพื้นบ้าน การแข่งขันขี่ม้า ไปจนถึงการเลี้ยงดูม้า ไม่มีอะไรที่มู่เถาเยาตอบเขาไม่ได้
โค้ชเถียนดีใจจนแทบบ้า
“สาวน้อย เธอยินดีจะเข้าร่วมกับทีมขี่ม้าทีมชาติของเราไหม มาเถอะๆ ให้ฉันได้ดูว่าทักษะของเธอดีพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติครั้งนี้หรือเปล่า”
สีหน้าของอาจารย์อาเล็กแตกร้าวเล็กน้อย
มักจะมีคนชอบแย่งเสี่ยวเยาเยาไปจากพวกเขาเสมอ!
“โค้ชเถียน ฉันคงไม่มีเวลาไปฝึกหรอกค่ะ”
“ถูกต้อง เสี่ยวเยาเยาของฉันเธอยุ่งมาก และเธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต จะไปมีเวลาขี่ม้าได้ยังไง!”
โค้ชเถียนยังคงมุ่งมั่น “แต่นี่คือเกียรติของประเทศเรานะ!”
“แต่นักกีฬาจำเป็นต้องมีการฝึกฝนและเข้าร่วมการแข่งขัน เสี่ยวเยาเยาของฉันเธอยังต้องไปเรียน เธอไม่มีเวลาจริงๆ” เอาเวลาว่างพวกนั้นไปพักผ่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ!
เขาปวดใจมาก!
โค้ชเถียนไม่อยากยอมแพ้ “นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้รับเหรียญทองไม่ใช่นักกีฬาที่ดี นอกจากนี้ยังมีนักวิทยาศาสตร์ในประวัติศาสตร์ของต่างประเทศที่ยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย!”
อาจารย์อาเล็กถลึงตาจ้องเขา “คนคนนั้นเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักกีฬาโอเคไหม!”
“ใช่แล้ว! เพราะงั้นวิทยาศาสตร์กับกีฬาไม่ขัดแย้งกัน! มาเป็นนักกีฬาไปพร้อมๆ กับที่เป็นนักวิทยาศาสตร์กันเถอะ! พลังสมองและพลังของร่างกายนั้นต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันสิถึงจะดี เหล่าเจียง นี่น่ะเป็นความผิดของนายนะ สาวน้อยคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถคว้าเหรียญทองนักกีฬามาครองได้!”
“ฮึ่ม ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเสี่ยวเยาเยาของฉันไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่เทียบเธอได้!”
โค้ชเถียน “เด็กสาวตัวเล็กๆ ค่อนข้างเงียบแบบนี้ แต่สภาพร่างกายของเธอก็ดูดีมากจริงๆ แต่มันจะเกินจริงไปหน่อยไหมที่พูดว่าไม่มีใครเทียบเธอได้อีกแล้วในโลกนี้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะมาฝึกสมรรถภาพทางกายกับฉัน”
“ฝันไปเถอะ! ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเยาเยาของฉันน่ะอยู่เหนือจินตนาการของนายไปโดยสิ้นเชิง…” บราๆๆ
มู่เถาเยาอยากจะยกมือขึ้นลูบหน้าผากของเธอจริงๆ
แล้วอาหารกลางวันมื้อนี้ล่ะ ไม่มีใครคิดที่จะขยับตะเกียบกันเลยเหรอ! แค่นั่งลงที่โต๊ะเท่านั้น แค่นี้เหรอ!
“อาจารย์อาเล็กคะ อาหารเย็นชืดหมดแล้ว”
“ไม่เป็นไร อากาศร้อน ต่อให้เย็นแล้วก็ยังกินได้ เสี่ยวเยาเยา เธอกินข้าวไปก่อน ฉันขอคุยกับเหล่าเถียนให้มันรู้เรื่องต่ออีกสักครู่”
โค้ชเถียนพยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “ถูกต้องแล้ว สาวน้อย เธอกินข้าวไปก่อนได้เลย”
เขากำลังพยายามหลอกล่อ…แค่กๆ ไม่ใช่สิ กำลังพยายามโน้มน้าวผู้อาวุโสของเธออยู่!
มู่เถาเยา “…โค้ชเถียนคะ นักกีฬาสามารถลงแข่งขันได้กี่รายการเหรอคะ”
“ตราบเท่าที่ตารางเวลาไม่ชนกันจะลงแข่งกี่รายการก็ได้ อย่างไรก็ตาม มีนักกีฬาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไปถึงระดับโลกได้ในกรณีที่เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการ ดังนั้นส่วนใหญ่เราจึงเลือกเฉพาะทางที่เราถนัดมากที่สุด”
“ถ้าหากว่าฉันไม่ต้องไปเข้าร่วมกับการฝึกซ้อมใดๆ ฉันก็อยากจะไปร่วมสนุกกับงานและคว้าเหรียญทองมาสักสองสามเหรียญ ยกตัวอย่างเช่นในรายการขี่ม้า ยิงธนู ยิงปืน ยกน้ำหนัก ฯลฯ ฉันมั่นใจว่าจะเอาเหรียญทองจากรายการเหล่านี้มาครอบครองได้”