อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 193 ตาบอดแบบเลือกปฏิบัติ
ตอนที่ 193 ตาบอดแบบเลือกปฏิบัติ
มู่เถาเยา เฉิงอันนั่ว และปาอินต่างไม่เข้าใจ
จนมุมกับเรื่องนี้จริงๆ
ตอนที่ทั้งสามคนไปถึงบ้านอาจารย์อาเล็ก เฉิงหรานกับเหลยโจวพ่อของเหลยถิงกำลังช่วยอาจารย์อาเล็กทำกับข้าวอยู่ในครัว
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยดื่มชาอยู่ในห้องรับแขก
“เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวอิน มาแล้วเหรอ นั่งลงกินผลไม้สักหน่อยสิจ๊ะ เดี๋ยวข้าวก็เสร็จแล้ว”
เฉิงอันนั่ว “…”
แม่ของเขาอาจเป็นโรคตาบอดแบบเลือกปฏิบัติหรือเปล่า หรือไม่เขาก็เป็นพวกล่องหนโดยอัตโนมัติไปแล้ว
กู่ย่ายิ้มพูด “อันนั่วก็นั่งสิจ๊ะ เดี๋ยวไปเอาน้ำชามาให้นะ”
“อาจารย์ย่าเล็กนั่งเถอะครับ ผมจัดการเอง”
เฉิงอันนั่วไปรินน้ำชงชาด้านข้างอย่างรู้งาน
“นั่นสิคะ จะให้ผู้ใหญ่ชงชาให้เขาได้ยังไง คุณน้าเป็นรุ่นย่าเขาแล้ว เขาคู่ควรเหรอคะ!”
หลี่อวี้เสวี่ยจับกู่ย่าไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
พอได้ยินแบบนั้นปากของปาอินก็เป็นรูปตัวโอ
“คุณนายอธิการดูเหมือนเพิ่งอายุสามสิบกว่า ยืนกับเสี่ยวเฉิงเหมือนพี่สาวน้องชาย จะเป็นรุ่นย่าได้ยังไงกัน…”
กู่ย่ามีบุคลิกที่งามสง่า ใส่ชุดกี่เพ้าสีน้ำหมึกยิ่งช่วยขับให้ดูงดงาม สบายตาชวนให้รู้สึกน่ามองตั้งแต่แรกเห็น
“ฉันเป็นย่าคนแล้วจ้ะ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปากเล็กน้อย สีหน้าแบบนั้นดูมีความภูมิใจ!
เด็กในหมู่บ้านเถาหยวนบางคนเรียกกู่ย่าว่าย่า เหลนชายทั้งสามของอาจารย์เล็กเรียกว่าอาจารย์ย่าเล็ก
ปาอิน “…”
ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นย่าวัยสิบแปดได้แล้วสิ
ลองคิดดูว่าคนที่อายุเท่าเธอเรียกเธอว่าย่า แค่นี้ก็มึนแล้ว…
หลี่อวี้เสวี่ย “เสี่ยวอินจ๊ะ อันนั่วเรียนระดับสูงกว่าหนูหน่อย ทำไมถึงไม่เรียกเขาว่ารุ่นพี่ล่ะจ๊ะ”
“พี่สะใภ้ ฉันเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเสี่ยวเยาเยา ก็เลยเรียกตามลำดับอาวุโสของเสี่ยวเยาเยาค่ะ แต่เสี่ยวเฉิงไม่ยอมเรียกฉันว่าอา”
เฉิงอันนั่ว “…” ต่อให้ฝันก็อย่าฝันหวานขนาดนั้นเลยน่า!
หลี่อวี้เสวี่ยกับกู่ย่าหลุดขำ
“เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวอิน ในเมื่อมากันแล้วงั้นพวกเรากินข้าวกันเถอะ” เฉิงหรานเดินออกมาจากห้องครัว
เฉิงอันนั่ว “…” เขาอาจไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็ได้นะ
ปวดใจน้ำตาจะไหล!
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน” กู่ย่าลุกก่อน
บนโต๊ะอาหาร อาจารย์อาเล็กคีบกับข้าวให้มู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยา นี่กับข้าวที่หนูชอบ กินเยอะๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์อาเล็ก”
กู่ย่าก็ชวนปาอินกิน
“เสี่ยวอิน พวกเราไม่รู้ว่าหนูชอบกินอะไร คีบตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
“ค่ะคุณนายอธิการ”
“ได้ยินมาว่าหนูทำอาหารเก่งมาก ช่วยพวกเราติชมอาหารพวกนี้หน่อย ครั้งหน้าจะได้ปรับปรุง”
“คุณยายหนูเกิดในครอบครัวพ่อครัว เป็นเชฟเทวดาอันดับสองของเผ่า หนูอยู่บ้านคุณยายตั้งแต่เด็กเพราะต้องเรียนหนังสือ เลยได้เรียนทำอาหารไปด้วย โชคดีที่ยังพอมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ไว้วันหน้าจะเข้าครัวทำอาหารของเผ่าให้ทุกคนได้ลองชิมนะคะ”
เนื่องจากเสี่ยวเยาเยาชอบกินอาหารที่เธอทำ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว
“เอาสิจ๊ะ พวกเรารอเลย” หลี่อวี้เสวี่ยเห็นด้วยเป็นคนแรก
มู่เถาเยา “อาจารย์อาเล็กคะ ตี้อู๋เปียนชวนทุกคนกินข้าวเที่ยงวันศุกร์ที่บ้านตระกูลตี้ค่ะ ว่างกันไหมคะ”
ทุกคนพยักหน้า
“งั้นก็ตามนี้ค่ะ หลังเลิกเรียนของช่วงเช้าวันศุกร์หนูจะรออาจารย์อาเล็ก อันนั่ว เสี่ยวอิน กลับพร้อมกัน ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไปรับพี่สะใภ้กับอาสะใภ้เล็ก”
“ได้”
อาจารย์อาเล็ก “กินข้าวก่อน สาวๆ สองคนคงหิวกันแล้ว”
เฉิงอันนั่ว “…”
เขาไม่ใช่สาวๆ ก็เลยไม่มีสิทธิ์หิวงั้นเหรอ
งั้นเขาแปลงเพศเป็นสาวน้อยได้ไหม
คนทั้งโต๊ะไม่มีใครสนใจเขา มัวแต่สนใจผู้หญิงที่นั่งอยู่
แน่นอนว่าเขาก็ร่วมเอาใจผู้หญิงทุกคนในที่นี้ด้วย
ฝีมือทำอาหารของชายสูงวัยทั้งสามใช้ได้เลยทีเดียว มู่เถาเยากับปาอินกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังกินเสร็จเฉิงอันนั่วก็เก็บโต๊ะทำความสะอาดครัวอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ย้ายไปนั่งคุยที่ห้องรับแขก
เฉิงหรานเข้าประเด็น “เสี่ยวเยาเยา วันนี้ศิษย์พี่ชวนพี่เขยมาเพราะอยากคุยเรื่องที่อาถิงถูกวางยาพิษ”
“ใช่ เสี่ยวเยาเยา ตอนที่อาหรานบอกว่าเหลยถิงถูกพิษ พี่เหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เลยล่ะ! อาถิงนิสัยดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางมีความแค้นกับใคร จุดนี้คล้ายแม่ของเขา”
เหลยโจวผู้เป็นพ่อรู้สึกเจ็บปวดใจมาก
เฉิงหรานพูดปลอบเขา “พี่เขย ไม่ต้องเป็นห่วง ศิษย์น้องของผมถอนพิษให้อาถิงได้ แต่ก่อนจะถอนพิษต้องรู้ก่อนว่าใครเป็นคนวางยา ไม่อย่างนั้นถอนเสร็จก็ถูกวางอีก อาจยิ่งอันตราย”
เหลยโจวอดพูดด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เข้าใจ พี่จะอดทน เสี่ยวเยาเยา พวกเราไม่รู้เรื่องถอนพิษ แต่เรื่องสืบหาต้นตอ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่ออย่างพี่นะ”
“เสี่ยวเยาเยา พี่เขยของศิษย์พี่เป็นทนาย”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ทนายมีสายของตัวเอง สิ่งที่สืบมาล้วนเป็นความจริงที่พิสูจน์แล้ว
เหลยโจว “เสี่ยวเยาเยา จากที่พี่วิเคราะห์ในช่วงสองวันนี้ เห็นด้วยกับข้อสงสัยของพวกเธอ เจียงเย่ว์น่าสงสัยมากที่สุด แต่สีหน้าและพฤติกรรมของเจียงเย่ว์ไม่มีพิรุธเลยสักนิด พี่เลยสงสัยว่า ต่อให้ไม่ใช่เจียงเย่ว์ก็อาจเป็นคนที่ใกล้ชิดเจียงเย่ว์…”
ทุกคนครุ่นคิดอยู่สักพัก รู้สึกว่าการวิเคราะห์นี้มีเหตุผล
“หนูได้ยินมาว่าพ่อของเจียงเย่ว์เปิดคลินิก เขาจะรอบรู้เรื่องพิษไหมก็ไม่แน่ใจ…” มู่เถาเยาพูดๆ อยู่ก็หยุด
เฉิงหราน “เสี่ยวเยาเยา เป็นอะไรไป นึกอะไรออกงั้นเหรอ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้อาจพุ่งเป้ามาที่พี่ หรือไม่ก็สำนักแพทย์แผนโบราณ เหลยถิงน่าจะเดือดร้อนเพราะพวกเรา”
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา แต่ไหนแต่ไรมาสำนักแพทย์แผนโบราณของพวกเราชื่อเสียงดีมาก ต้องการเล่นงานสำนักแพทย์แผนโบราณก็ต้องมีสาเหตุ จุดนี้มีความเป็นไปได้ไม่มาก”
มู่เถาเยามองศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์อาเล็กแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วถ้ามีคนอยากแก้แค้นล่ะคะ”
เฉิงหรานพูดด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวเยาเยา ศิษย์พี่ไม่เคยมีความแค้นกับใคร สำนักแพทย์แผนโบราณยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่”
มู่เถาเยาพยักหน้า หันไปถามเหลยโจว “พี่เขยเหลยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของเจียงเย่ว์ไหมคะ”
เหลยโจวส่ายหน้า “พี่ยังไม่เคยสืบเรื่องครอบครัวของเจียงเย่ว์ อาถิงก็ไม่น่าจะรู้นะ”
ลูกชายของเขาซื่อบื้อ ถึงขั้นพามาที่บ้านแล้วแต่กลับไม่รู้เรื่องของอีกฝ่ายเลย
เห็นได้ชัดว่าเจียงเย่ว์ไม่เห็นลูกชายของเขาเป็นแฟน
“อืม เสี่ยวอินไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นของเจียงเย่ว์ ยังเป็นรูมเมทกันด้วย จากการสังเกตในช่วงหลายวันนี้ก็ไม่มีจุดที่ชวนสงสัย คนที่น่าสงสัยมากที่สุดกลับไม่มีจุดที่เป็นพิรุธ มันไม่สมเหตุสมผล ฉันคิดว่าอาจเป็นคนในครอบครัวเธอหรือเปล่า ยังไงซะพวกเขาก็เคยเจอเหลยถิง”
เหลยโจว “ได้ พี่จะให้คนไปสืบข้อมูลของเจียงเย่ว์”
“ค่ะ พี่เขยเหลยต้องให้คนสืบระวังตัวด้วย อย่าให้ถูกจับได้”
“พี่รู้”
“งั้นระยะนี้พวกเราก็คอยดูคนที่ปรากฏตัวข้างกายเจียงเย่ว์ไปก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องสังเกตอาการของเหลยถิง ถ้าถูกวางยาพิษครั้งที่สองก็ไม่ต้องตระหนก ยาถอนพิษที่ฉันให้ไปช่วยถอนพิษได้ค่ะ”
เหลยโจวพยักหน้า “ได้ พี่จะคอยดูอาถิงไว้”
เฉิงหราน “พี่เขย ถ้าถึงเวลานั้นจริง อาการไม่ถึงขั้นวิกฤตก็ยังไม่ต้องใช้ยาถอนพิษนะ ข้อแรกจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้อสองยาถอนพิษมีค่ามาก เสี่ยวเยาเยาต้องเสี่ยงอันตรายเข้าไปในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวเพื่อเก็บสมุนไพรเอามาทำยา”
เหลยโจวมีสีหน้าขอบคุณจากใจ
มู่เถาเยา “…ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าทำให้คนอื่นตกใจสิคะ”
เหลยโจว “พี่รู้ว่าเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวเป็นยังไง เสี่ยวเยาเยา ขอบใจเธอมากนะ”
“ครอบครัวเหลยเป็นญาติของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”
เหลยโจวยิ้มพลางพูดขอบคุณอีกหนึ่งรอบ
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา งั้นตอนนี้พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยเหรอ”
“ค่ะ รอไปก่อน”
พวกเขาไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แต่เธอจะทำบางอย่างหน่อย
เพราะเธอไม่อนุญาตให้ใครมาเป็นภัยคุกคามสำนักแพทย์แผนโบราณ มิฉะนั้นเรื่องแย่ๆ พวกนี้จะส่งผลต่อการเกษียณอย่างมีความสุขของอาจารย์ใหญ่ของเธอ