อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 245 มีเพียงเลือดเนื้อ
ตอนที่ 245 มีเพียงเลือดเนื้อ
ในเวลาเดียวกัน เหลยถิงกับเจียงเย่ว์กำลังจิบชายามบ่ายอยู่ในร้านอาหารตะวันตก
พอตักขนมเค้กเข้าปาก เหลยถิงรู้สึกเวียนศีรษะ ตาลาย คลื่นไส้อยากอาเจียน สีหน้าก็เริ่มซีดลง
เขาวางช้อนเล็ก หยิบกระดาษทิชชู่มาปิดปาก
เจียงเย่ว์ “อาถิง เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนเหรอ”
เหลยถิงพักชั่วครู่แล้วถึงตอบ “ไม่เป็นไร สงสัยตอนเที่ยงกินของไม่สะอาดเข้าไป”
“ตอนเที่ยงคุณก็กินเหมือนฉัน ยื่นมือมาหน่อย”
เหลยถิงยื่นมือออกไป
เจียงเย่ว์จับชีพจร แต่มือกลับสั่นเล็กน้อย
เหลยถิงเห็นท่าทางของเธอก็พูดปลอบ “เสี่ยวเย่ว์ ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“อาถิง คุณมีอาการวิงเวียน ตาลาย คลื่นไส้อยากอาเจียนหรือเปล่า”
“คุณมองออกเลยเหรอ เสี่ยวเย่ว์ ผมเป็นอะไรเหรอ เมื่อหลายวันก่อนก็เคยมีอาการแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง”
“คุณเล่าให้น้าชายฟังหรือเปล่า”
“เปล่า แต่อาจารย์อาเล็กน่าจะมองออกแล้ว เธอช่วยฝังเข็มให้ผม อาการพวกนี้เลยหายไป เมื่อวานเย็นก็ฝังเข็มอีกครั้ง ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะเลย”
สีหน้าของเจียงเย่ว์เริ่มซีดลงทีละนิด
“เสี่ยวเย่ว์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ อาจารย์อาเล็กของผมเก่งมาก ต้องรักษาผมหายแน่นอน”
เหลยถิงไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร แต่เขาเชื่อในฝีมือน้าชาย เชื่อในฝีมือของอาจารย์อาเล็ก
“อาถิง…” ขอโทษนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบอกพ่อแม่ว่าอาถิงเป็นหลานชายของผู้อำนวยการเฉิง พ่อของเธอคงไม่…
เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของเธอเคยบาดหมางอะไรกับผู้อำนวยการเฉิง นับตั้งแต่รู้ว่าอาถิงเป็นญาติกับผู้อำนวยการเฉิง พ่อของเธอก็คัดค้านเรื่องเธอคบกับอาถิงอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้พ่อของเธอไม่สนด้วยซ้ำว่าแฟนของเธอจะเป็นใคร เป็นคนที่ไหน
พ่อแม่ที่เดิมทีไม่สนใจใยดีเธอ แต่ระยะนี้กลับผิดปกติมาก
ถึงขั้นที่พ่อของเธอ…
“อาถิง ฉันจะสั่งยาให้ คุณกินไหม”
เธอฝังเข็มไม่เก่ง ไม่กล้าเอาชีวิตของเหลยถิงมาเสี่ยง
“กินสิ ผมเชื่อในความสามารถของคุณ เสี่ยวเย่ว์ คุณสั่งยามาได้เลย เดี๋ยวผมไปซื้อที่ร้านขายยา”
“…อาจารย์อาเล็กมู่…ได้บอกไหมว่าคุณป่วยเป็นอะไรตอนฝังเข็มให้”
“เปล่า แค่บอกว่าร่างกายผมมีพิษเยอะ อาจารย์อาเล็กเลยฝังเข็มให้ผมสามครั้ง แต่ผมไม่ได้ถามละเอียดเพราะติดเรื่องเวลา เสี่ยวเย่ว์ ผมป่วยเป็นอะไรเหรอ”
“…ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก”
เหลยถิงยิ้มพลางพยักหน้า “ถ้าเป็นปัญหาใหญ่ อาจารย์อาเล็กต้องบอกพวกเราแน่นอน”
“อืม”
“เดี๋ยวคุณสั่งยามานะ กลับไปผมจะต้มกิน”
“ฉันไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์…ฉันว่า…ให้อาจารย์อาเล็กมู่ฝังเข็มให้คุณดีกว่า ฝังเข็มเห็นผลไว”
เจียงเย่ว์ไม่เข้าใจ มู่เถาเยาฝังเข็มให้เขาแล้วแต่ทำไมไม่หาย
หรือว่ามองไม่ออกว่าอาถิงถูกพิษ งั้นทำไมถึงบอกว่าในร่างกายเขามีพิษเยอะ
เจียงเย่ว์ไม่รู้ว่าฝีมือการรักษาของมู่เถาเยาถึงขั้นไหน รู้เพียงว่าเธอเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน คิดๆ ดูฝีมือคงไม่ธรรมดา
ถึงแม้มู่เถาเยาจะไม่ได้ลงแข่งขันทักษะทางการแพทย์ระดับนานาชาติ แต่เธอสามารถอยู่กับผู้เชี่ยวชาญที่ชี้แนะคนอื่นได้ คงไม่ได้เป็นแค่ลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน
“อาถิง น้าชายของคุณเห็นด้วยที่อาจารย์อาเล็กฝังเข็มให้เหรอ”
“ทำไมจะไม่เห็นด้วยล่ะ น้าผมบอกว่าอาจารย์อาเล็กเก่งกว่าเขาอีก”
เจียงเย่ว์ยิ่งงงหนักกว่าเดิม
คนที่เก่งกว่าผู้อำนวยการเฉิงทำไมถึงมองไม่ออกว่าเหลยถิงถูกพิษ ถ้ามองออกแล้วทำไมถึงไม่ถอนพิษให้
พิษที่สกัดจากเมล็ดกลับสู่ถิ่นไม่ใช่พิษร้ายแรงหรือพิษต้องสงสัย หากยังไม่ถึงหกครั้งก็ถอนได้ง่าย อีกทั้งยังจะไม่มีอาการหลงเหลือเรื้อรัง
มู่เถาเยา…จะจงใจหรือเปล่านะ
มือของเจียงเย่ว์สั่นหนักกว่าเดิม
เพื่อไม่ให้เหลยถิงสังเกตเห็น เธอจึงเอาสองมือวางบนตัก ให้โต๊ะบังไว้
“เสี่ยวเย่ว์ เดี๋ยวไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมนะ แม่ผมกลับมาแล้ว เมื่อวานถามถึงคุณด้วย”
“…ได้”
คนครอบครัวเหลยดีมาก เธอนึกถึงพ่อแม่ตัวเอง
นับตั้งแต่รู้ประสา เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่น
เหลยถิงพยายามอดทนต่ออาการคลื่นไส้ เรียกให้เจียงเย่ว์กินขนมเค้ก
“อาถิง ฉันช่วยนวดให้ เผื่อจะอาการดีขึ้น”
“ผมไม่เป็นไรเสี่ยวเย่ว์”
เหลยถิงในเวลานี้มองเห็นคนโต๊ะข้างๆ เป็นภาพซ้อนแล้ว
เจียงเย่ว์รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร จึงไม่พูดอะไร ลุกไปนั่งข้างเขาแล้วนวดศีรษะให้
ไม่กี่นาทีต่อมาเหลยถิงก็รู้สึกดีขึ้นจริงๆ อย่างน้อยอาการคลื่นไส้ก็ทุเลาลงมาก ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าตัวเองจะอ้วกออกมาจริงๆ
“ดีขึ้นแล้วเสี่ยวเย่ว์ คุณกินขนมก่อน กินเสร็จพวกเรานั่งสักพักค่อยกลับกัน”
“อืม”
อาการหลังถูกพิษกลับสู่ถิ่นจะมาเป็นระยะๆ ไม่มีทางเป็นแบบนี้ไปตลอด เจียงเย่ว์จึงแน่ใจว่าตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว ปล่อยมือแล้วกลับไปนั่งตรงข้ามตามเดิม กินขนมต่อ
“อาถิง หลังจากฉันจบปริญญาเอกอาจต้องกลับเมืองหลวง…ถ้าคุณ…” อยากเลิกกันก็ได้
เธอไม่ได้หวังจะเลิก แต่ก็อยากเลิก
แบบนี้เขาจะได้ไม่ต้องไปเมืองหลวง พ่อของเธอ…ก็น่าจะล้มเลิกความคิดหรือเปล่า
เหลยถิงยิ้มบาง
ถ้าเสี่ยวเย่ว์รักเขา เขารับปากไปเมืองหลวงกับเธอได้ทันทีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
แต่ในความเป็นจริง…เขาไม่อยากเย็นชาปั้นปึ่งเหมือนพ่อแม่ของเธอ…เขาอยากใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน
ขอพยายามอีกห้าปี ถ้าไม่ไหวจริงๆ ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนก็จำต้องปล่อยมือ
“เสี่ยวเย่ว์ คุณเป็นลูกสาวคนเดียว กลับเมืองหลวงก็เป็นเรื่องปกติ ผมจะขอให้คุณอยู่เย่ว์ตูเพื่อผมไม่ได้ แต่คุณจะเรียนปริญญาเอกที่นี่ไม่ใช่เหรอ รอคุณเรียนจบพวกเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ พอถึงตอนนั้นผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณ”
หากต้องเลิกกัน เขาคงเสียดาย ขณะเดียวกันก็คงรู้สึกโชคดีด้วยแหละมั้ง
อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ของเขาก็แก่แล้ว พอถึงตอนนั้นต้องมีเขาคอยดูแล
เรื่องความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนจริงๆ แต่ต้องคำนึงถึงสองครอบครัวด้วย
เจียงเย่ว์รู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล จึงหันไปมองนอกหน้าต่าง
เหลยถิงอยู่เมืองหลวงที่มีแต่คนตัวสูงยังดูไม่เตี้ย หน้าตาก็หล่อเหลา ทั้งยังดีต่อเธอแบบไร้ที่ติ
เดิมทีเธอคิดว่าต่อไปจะแต่งงานกับเขา แม้ในสายตาคนอื่นเธอจะดูเหมือนไม่รักเขาก็ตาม
แต่เล็กจนโตไม่เคยมีคนสอนเธอว่ารักคนอื่นยังไง เธอไม่ประสีประสาเรื่องความรัก จึงคิดว่าเธอกับเขาเป็นแบบนี้ก็แต่งงานกันได้
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เหลยถิงทำให้ เธอไม่เคยตอบสนองเลยสักนิด แค่เป็นฝ่ายรับอยู่อย่างเดียว
ยังไงก็ได้ เหมือนคนไร้วิญญาณ เหมือนแม่ของเธอ แค่มีเลือดเนื้อมีชีวิต
เจียงเย่ว์เงียบไป
“เสี่ยวเย่ว์ ไม่ต้องคิดมาก เรียนหนังสือให้สบายใจ”
“…อือ”
เธอคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์
“อีกหนึ่งอาทิตย์พวกคุณก็จะปิดเทอมแล้ว มีที่ไหนที่อยากไปเที่ยวหรือเปล่า”
“ไม่มี ฉันจะกลับเมืองหลวง” กลับไปคุยกับพ่อ
ไม่ว่าสกุลเจียงกับสกุลเฉิงจะโกรธแค้นฝังลึกขนาดไหน เหลยถิงก็ไม่รู้เรื่องด้วย
“ได้ ไว้ถึงตอนนั้นผมจะไปส่งคุณ”
“ไม่ต้องหรอก ร่างกายของคุณกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น แถมยังเพิ่งเริ่มงานใหม่ มีเวลาก็พักผ่อนให้เยอะๆ ดีกว่า ใช้เวลากับครอบครัว”
“ได้ กินเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านกัน ผมจะทำอาหารของเมืองหลวงให้คุณกิน”
“ขอบใจนะ”
“ดีกับแฟนมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
“อืม”