อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 261 เห็นแมวเป็นเสือ
ตอนที่ 261 เห็นแมวเป็นเสือ
“เอ่อ…อันที่จริง ฉันก็เคยเห็นของจริงนะ…”
“ที่ไหน”
พวกมู่เถาเยาพูดเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้ง
“บ้านฉันมีเก็บไว้กิ่งหนึ่ง ตอนฉันยังเด็ก ปู่พาฉันขึ้นเขา ฉันเห็นดอกไม้ชนิดนี้สวยมาก อยากเด็ดกลับไปให้แม่ประดับผม…แต่ปู่บอกว่า มันเป็นดอกไม้มีพิษ ชื่อห้อมช้าง หนามของมันทำให้คนกลายเป็นเด็กได้…ตอนนั้นฉันอายุหกเจ็ดขวบเอง กลัวจะเด็กไปกว่านั้นอีก ก็เลยจำดอกห้อมช้างได้ขึ้นใจ…”
พอโตมาถึงได้เข้าใจความหมายของ ‘กลายเป็นเด็ก’
ปาอินเล่าข้อมูลที่เกี่ยวกับดอกห้อมช้างให้ทุกคนฟังอย่างไม่มีหมกเม็ด
ลู่หันซูถามด้วยความตื่นเต้น “ปาอิน ปู่ของเธอเอาไปเก็บไว้ได้ก็แสดงว่ามันใช้ถอนพิษได้ใช่ไหม”
“อืม ปู่บอกว่าดอกใช้ถอนพิษจากหนามได้ อาจารย์สาม เสี่ยวเยาเยา ใช่หรือเปล่า”
ทั้งสองคนอมยิ้มพยักหน้า ขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมในความหัวไวของลู่หันซู
ลู่หันซูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม “ปาอิน งั้นเธอขายดอกห้อมช้างที่บ้านไหม หรือฉันเอาโสมกับหลิงจือไปแลกก็ได้ บ้านฉันมีโสมพันปีกับหลิงจือ”
นี่เป็นความลับ แต่เวลานี้เธอไม่มัวคิดมากแล้ว อย่างไรเสียคนที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีทางมีความคิดสกปรก
“เรื่องนี้ต้องถามพ่อกับพี่ชายฉันก่อน”
อันที่จริงถ้าเสี่ยวเยาเยาเอ่ยปาก พ่อต้องเอาออกมาให้แน่นอน
แต่เธอไม่มีทางบอกลู่หันซูว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นธุระให้ได้
บอกชาติกำเนิดของเสี่ยวเยาเยาให้คนนอกรู้ไม่ได้
ลู่หันซูพูดด้วยความร้อนใจ “ปาอิน ถามพ่อกับพี่ชายให้หน่อยนะ เอาอะไรไปแลกก็ยอม ฉันต้องหามาให้แน่นอน”
มู่เถาเยาส่ายมือ “หันซู ยังไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้รู้แล้วว่าที่ไหนมีดอกห้อมช้าง พวกเราตามหาหญ้าร้อยรสก่อน ไม่อย่างนั้นต่อให้มีดอกห้อมช้างก็เสียเปล่า แล้วก็ต่อให้ถอนพิษทั้งสองชนิดแล้วสติปัญญาของคุณน้าก็ไม่กลับมา เว้นเสียแต่จะมีดอกพันวัน”
เฉิงอันนั่วถาม “อาจารย์อาเล็ก ดอกพันวันคืออะไรครับ”
เขายังห่างชั้นกับอาจารย์อาเล็กอีกเยอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์อาเล็กเจตนาไม่รับลูกศิษย์ เขาก็ไม่มีทางรับเหมือนกัน เพราะเขารู้สึกว่าความสามารถของตัวเองยังไม่มากพอ จะทำเสื่อมเสียชื่อเสียงของสำนักไม่ได้
ทุกคนมองมู่เถาเยาด้วยสีหน้าสงสัย
“รู้จักดอกสายรุ้งกันไหม”
ปาอินยกมือ “ฉันรู้ ดอกไม้เจ็ดสีแบบในการ์ตูนไง!”
ทุกคน “…”
“ไม่ใช่แบบนั้น ดอกสายรุ้งมีชื่อวิชาการว่าดอกพันวัน ปลูกพันวันถึงจะแตกหน่อ อีกพันวันโตหนึ่งนิ้ว…สำหรับมันแล้ว ทุกพันวันคือการข้ามผ่านอุปสรรค เติบโตมาไม่ง่าย…กว่ามันจะโตเต็มที่ก็ผ่านไปหลายพันวันแล้ว ดอกมีกลีบเจ็ดชั้น ชั้นละสี…”
มู่เถาเยาบรรยายดอกไม้ที่มีความงามยากจะหาใดเปรียบ แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจคือสรรพคุณของมัน
ถ้าแค่สวย เสี่ยวเยาเยาไม่มีทางพูดถึงมันในเวลานี้
“ดอกพันวันไม่ใช่แค่สวย ไร้พิษ ยังเป็นยาวิเศษด้วย ว่ากันว่ากินกลีบดอกเจ็ดชั้นจะช่วยให้สติปัญญา…”
ลู่หันซูแทบหยุดหายใจ นี่มันสมุนไพรที่หายากมากอีกแล้ว!
แม่…
ลู่จือฉิน “หันซู อย่าเพิ่งคิดมาก ทำตามแผนเดิมหาหญ้าร้อยรสก่อนดีกว่า มีหญ้าร้อยรสถึงจะมีเรื่องอื่นตามมานะ”
ทุกคนพยักหน้า
คนต้องรอดก่อนถึงจะคิดเรื่องอื่นได้
มู่เถาเยา “ถ้าหาทางนี้ไม่เจอ พวกเราค่อยไปหาต่อที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์”
“เผ่าหมาป่าพระจันทร์เหรอ ที่นั่นจะหาได้เหรอ”
สมุนไพรวิเศษแบบนี้เอาออกจากอาณาเขตได้เหรอ
ปาอินยิ้มพูด “หาได้สิ!”
ลู่หันซูรู้แล้วว่าปาอินเป็นคนตระกูลปาของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ จึงไม่ได้คิดไปในทางอื่นอีก
“ขอบคุณทุกคนนะ”
ลู่จือฉิน “ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”
อยากไขปริศนาการหายตัวไปของเสี่ยวเยาเยายังต้องพึ่งแม่ลู่ สำนักแพทย์โบราณ ตระกูลซย่าโหว ตระกูลเย่ว์ ตระกูลปา ต่างร่วมแรงร่วมใจกัน
มู่เถาเยามองดอกไม้หลากชนิดที่ตัวเองหอบอยู่ตรงอก “ไปเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในอีกหน่อยค่อยกลับ”
พอจะรู้แล้วว่าภูเขาลูกนี้มีสมุนไพรอะไรบ้าง
ทุกคนเดินไปอีกครึ่งชั่วโมงก็มีแมวภูเขากระโจนออกมาตรงเนิน
แม่ลู่รีบวิ่งไปตรงหน้ามู่เถาเยาแล้วกอดเธอไว้ หันหลังให้แมวภูเขา ร้องด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “เสือ! มีเสือ…เจ้าหญิงน้อยรีบหนีไป…เสือกินคน…”
มู่เถาเยาเอามือข้างหนึ่งลูบปลอบหลังแม่ลู่ “คุณน้า พวกเราอยู่กันตั้งเยอะ ไม่ต้องกลัวมันนะคะ”
“ไม่กลัว ไม่กลัว เจ้าหญิงน้อยไม่ต้องกลัวนะ หมาป่าจะช่วยพวกเรา”
ทันใดนั้นมู่เถาเยาก็นึกได้ว่า ตอนเธอเพิ่งมาถึงประเทศเหยียนหวง ตอนอาจารย์ใหญ่เก็บเธอได้มีเสียงเสือคำรามกับหมาป่าร้องโหยหวน รวมถึงเสียงต่อสู้…
ทุกคนก็คิดได้แล้วว่าทำไมแม่ลู่อุ้มเด็กทารกอยู่ในเขตป่าชั้นในถึงไม่ถูกสัตว์ป่ากิน…
ที่แท้ก็มีหมาป่า!
มู่เถาเยาดิ้นออกจากอ้อมกอดของแม่ลู่เบาๆ
ถึงแม้จะไม่ได้รังเกียจแม่ลู่ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมากอดส่งเดช
พอแม่ลู่ถูกดันออกก็หันไปหาแมวภูเขาตัวนั้นด้วยความระแวง ต่อมาก็ร้องด้วยความดีใจ “หนีไปแล้ว! เจ้าหญิงน้อย เสือถูกหมาป่าไล่ไปแล้ว”
“…ค่ะ หนีไปแล้ว คุณน้าไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีอันตราย”
แมวภูเขาแค่ผ่านมาทางนี้ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่
แม่ลู่ที่เห็นแมวเป็นเสือรีบพูดเร่ง “ไป…เจ้าหญิงน้อย พวกเราไปเถอะ มีเสือ…”
“ค่ะ พวกเราออกไปกัน”
เดิมทีก็ได้เวลาต้องออกแล้ว
แม่ลู่ผ่อนคลายลง แต่ก็จับมู่เถาเยาไว้แน่น
ทุกคนเดินกลับทางเดิม
เมื่อไปถึงล่างเขาแม่ลู่ก็วางใจอย่างสิ้นเชิง ใบหน้ามีรอยยิ้มไร้เดียงสาอีกครั้ง
ลู่หันซูรู้สึกสับสน
มีเสี่ยวมู่อยู่ข้างๆ แม่ของเธอไม่สะเทือนใจเท่าไรจริงด้วย
อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพราะแมวภูเขาไม่ถือเป็นเรื่องเลยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
เธอคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ ทำไมแม่ถึงมั่นใจว่าเสี่ยวมู่ก็คือเจ้าหญิงน้อย
แต่นี่ก็เป็นเรื่องดี
ช่างเถอะ เลิกคิดเรื่องพวกนี้
พรุ่งนี้เข้าไปในหุบเขาลึก หวังว่าจะเจอหญ้าร้อยรส
เธอไม่อยากสูญเสียแม่ไป
พอกลับถึงบ้านครอบครัวลู่ ย่าลู่กำลังเด็ดผักเตรียมทำอาหารเย็น
“กลับมากันเร็วจัง”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ในภูเขาอากาศเย็น พวกเราก็เลยรีบเดินค่ะ”
ลู่หันซูพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ย่าคะ แม่ไม่แตกตื่นเลยค่ะ ก็แค่ตกใจแมวภูเขานิดหน่อย”
“งั้นก็ดี!”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองหน้ากันแล้วพูด “ย่าลู่คะ ตอนนี้ยังไม่มืด พวกเรากลับไปเก็บของมาค้างเลยได้ไหมคะ”
พรุ่งนี้ก็ประหยัดเวลาไปได้แล้ว
หน้าร้อนฟ้าสว่างเร็ว พวกเธอขึ้นเขาเร็วหน่อยได้
ย่าลู่มองมู่เถาเยาด้วยสีหน้าเอ็นดู “ทำความสะอาดห้องเสร็จหมดแล้ว เข้าพักได้ตามสบายเลยจ้ะ”
“งั้นพวกเรากลับไปคืนห้องโรงแรมแล้วจะย้ายมาเลยค่ะ”
“จ้ะ เดี๋ยวย่าจะไปบอกเพื่อนบ้านให้”
“ขอบคุณค่ะย่าลู่ พวกเรากลับก่อน เดี๋ยวกลับมาค่อยกินอาหารเย็นนะคะ”
ย่าลู่ยิ้มพลางพยักหน้า
ลู่หันซู “อาจารย์ลู่คะ เสี่ยวมู่ ฉันกับแม่มีแค่อุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันกับรองเท้าแตะที่อยู่ในโรงแรม รบกวนช่วยเอากลับมาให้ได้ไหมคะ ฉันจะได้อยู่ช่วยย่าทำกับข้าวที่บ้าน”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพยักหน้า
ปาอิน “ฉันก็ช่วยทำกับข้าวได้นะ พี่เหลียงจีช่วยเก็บของเอามาให้หน่อยนะคะ”
เหลียงจี “ได้จ้ะ”
พ่อบ้านจงก็ขอให้เฉิงอันนั่วช่วยเก็บของให้
กลับไปห้องละคนพอแล้ว
ลู่หันซูยิ้ม เห็นลักยิ้มบางๆ ปรากฏ “ไปกลับสองชั่วโมง ฉันกับย่าค่อยๆ ทำก็ได้ค่ะ”
ปาอิน “พวกเราขึ้นเขามาก็เหนื่อยแล้ว ขอพักอยู่ที่นี่แหละ”
มู่เถาเยา “เอาแบบนี้ พวกเธอทำอาหารเสร็จก็กินกันก่อน พวกเรากลับถึงโรงแรมกินข้าวแล้วค่อยมา”
เก็บของ คืนห้อง ยังต้องใช้เวลา ไปกลับอย่างน้อยก็สองชั่วโมงครึ่ง
วันนี้ใช้กำลังไปมาก รอพวกเขากลับมาค่อยกินคงหิวมากแน่ พวกเขาเองก็เกรงใจไม่อยากให้ย่าลู่หิ้วท้องรอด้วย
ลู่จือฉิน “เอาตามเสี่ยวเยาเยาว่า ไม่ต้องทำอาหารเผื่อพวกเรา พวกเราจะได้ขับรถช้าหน่อยด้วย ไม่ต้องรีบ”
สองย่าหลานยังจะพูดอะไรได้
รีบขับรถไม่ได้จริงๆ !
ความปลอดภัยต้องมาก่อนเรื่องกินอยู่แล้ว!