อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 265 สืบทอดสำนักต่อจากเธอ
ตอนที่ 265 สืบทอดสำนักต่อจากเธอ
“หันซู ไว้พวกเรากลับไปก็ทำพิธีคารวะอาจารย์ได้เลยนะ เธอฝากตัวเป็นลูกศิษย์แล้วก็อยู่กับคุณน้าได้นี่นา แบบนี้พวกเราตามหาสมุนไพรให้คุณน้า เธอกับย่าลู่ก็ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้แล้ว ส่วนเรื่องย้ายที่เรียน ฉันจะคุยกับอาจารย์อาเล็ก ให้เขาช่วยคุยกับอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเธอเอง”
มู่เถาเยารู้ดีว่าอาจารย์ตัวเองอยากได้ลูกศิษย์มาสืบทอดสำนักขนาดไหน
เมื่อชาติก่อนเนื่องจากเธอเป็นจักรพรรดินี อีกทั้งยังเป็นจักรพรรดินีของราชวงศ์ที่เสื่อมโทรม เดิมทีก็งานเยอะอยู่แล้ว ยากที่จะช่วยดูแลสำนักแพทย์เทวดาได้
ชาตินี้เธอเข้าสำนักแพทย์โบราณก่อน ต่อให้ไม่เป็นเจ้าสำนัก แต่เธอยังมีตำแหน่งว่าที่หัวหน้าเผ่ารออยู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สะดวก
อาจารย์ก็ไม่อยากให้เธอเหนื่อยเหมือนกัน จึงไม่เคยคิดจะให้เธอสืบทอดสำนักแพทย์เทวดา
ตอนนี้มีคนที่พวกเธอสองคนชอบอยู่ตรงหน้าพอดี ก็ต้องจับไว้ให้มั่น
ลู่หันซูครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “แล้วแต่อาจารย์ลู่กับเสี่ยวมู่เลยค่ะ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “เรียกอาจารย์กับศิษย์พี่สิ”
“อาจารย์ ศิษย์พี่”
ลู่จือฉินดีใจมาก “เยี่ยม! ไว้ออกไปแล้วพวกเราก็ทำพิธีคารวะอาจารย์ตามแบบโบราณนะ”
ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่เป็นศิษย์น้องก็ดีเหมือนกัน
ลู่หันซูก็มีความสุขมาก
“ศิษย์น้อง อาจารย์สามเป็นน้องสาวของอาจารย์อาของศิษย์พี่”
“อาจารย์เป็นน้องสาวของอธิการบดีเจียงแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเหรอคะ”
ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ก่อนหน้านี้อาจารย์เดินทางไปทั่วก็เพื่อตามหาพี่ชายที่ถูกลักพาตัวไปตอนหกขวบ ไม่อย่างนั้นตอนนั้นก็อยากรับเธอเป็นศิษย์แล้ว นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงทิ้งช่องทางติดต่อเอาไว้ให้เธอ เสี่ยวเยาเยาไม่เหมือนเธอ อาจารย์รู้จักเสี่ยวเยาเยาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อก่อนเสี่ยวเยาเยาเลยไม่มีวิธีติดต่ออาจารย์ไงล่ะ”
ลู่หันซูยิ้ม “วาสนาของอาจารย์กับศิษย์พี่เริ่มมานานมากแล้ว”
ดีที่ตอนนั้นเธอไม่ได้สงสัยว่ามู่เถาเยากับอาจารย์รู้จักกันจริงหรือเปล่า ต่อให้ตอนนั้นเพิ่งรู้จักกัน แต่เธอก็มองออกว่ามู่เถาเยาไม่ใช่คนเชื่อถือไม่ได้
“ศิษย์น้อง อาจารย์เตรียมซื้อบ้านไว้ที่เย่ว์ตู ถ้าบ้านไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเย่ว์ตู เธอก็ไปพักกับอาจารย์ดีไหม”
ลู่หันซูมองลู่จือฉิน
“พักด้วยกันจะได้มีเวลาเรียนรู้มากขึ้น ถ้าคุณย่ากับคุณแม่เธอยินดีจะไปพักด้วยกันก็ได้นะ”
“ค่ะ”
เธอเป็นลูกศิษย์ พักอาศัยกับอาจารย์เป็นเรื่องปกติ แต่ย่าต้องไม่ยอมแน่
ถ้าหาสมุนไพรถอนพิษให้แม่ได้ แบบนั้นแม่ก็เป็นฝ่ายดูแลย่าได้ เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่บ้านแล้ว
แต่ถ้า…ย่าก็อาจย้ายไปอยู่กับอาที่เจียงตูระยะหนึ่ง เพื่อให้เธอเรียนได้อย่างสบายใจ
“ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำสายเขียวแล้ว พวกเราเดินไปกินอาหารเที่ยงที่ริมแม่น้ำกัน” มู่เถาเยาวกกลับเข้าจุดประสงค์ที่ขึ้นเขามาครั้งนี้
ลู่จือฉินกับลู่หันซูพยักหน้า
แม่น้ำสายเขียวเป็นเส้นกั้นพรมแดน มีทหารคอยเฝ้าแน่นอน พวกเธอจึงไม่ได้เหาะไปที่แม่น้ำสายเขียวโดยตรง
ระวังไว้ก่อนดีกว่า
ลู่หันซู “ไม่รู้ว่าหน่วยป้องกันชายแดนอยู่ตรงไหน” ไม่มีทางที่จะมีตลอดแนวแม่น้ำ
แบบนั้นต้องใช้กำลังทหารเยอะขนาดไหน!
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ดูจากแผนที่ แม่น้ำสายเขียวเป็นแม่น้ำที่กว้างที่สุด ไหลเชี่ยวที่สุดในโลก อาจารย์ว่าตรงนี้ไม่จำเป็นต้องมีทหารประจำการ เพราะตรงนี้เป็นช่วงกว้างสุดของแม่น้ำ น้ำไหลเชี่ยวที่สุด ไม่มีใครกล้าลงน้ำหรอก”
ถ้าคนเผลอตกลงไปก็จะถูกน้ำพัดหายไปในชั่วพริบตา อยากช่วยก็ช่วยไม่ได้
ลู่หันซู “เมื่อก่อนอาจารย์เคยมาแถบนี้ไหมคะ”
ลู่จือฉินส่ายหน้า “ไม่เคย อาจารย์เดินแนวขวาง ทำพูดไป สมุนไพรเยอะมากนะ”
“ตรงนี้ห่างจากหมู่บ้านไกลมาก เอาแค่เดินเท้าอย่างน้อยก็ใช้เวลาหนึ่งเดือน ปกติเลยไม่มีใครขึ้นเขามาลึกขนาดนี้ค่ะ”
เวลาคนในหมู่บ้านว่างๆ ก็จะรวมกลุ่มกันมาเดินหลายวัน แต่ก็แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ไม่มีทางมาถึงแม่น้ำสายเขียว
ส่วนใหญ่เข้ามาแล้วกลับในวันเดียว เดินไม่ได้ไกล
คิดว่าคงมีแค่พวกนักพฤกษศาสตร์ นักธรณีวิทยา คณะนักผจญภัยที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงพวกนักหาสมุนไพรที่จะเข้ามาลึกขนาดนี้
ทั้งสามคนเดินไปคุยไป ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงริมแม่น้ำสายเขียว
เสียงน้ำไหลเชี่ยวสะเทือนเยื่อแก้วหูทำให้พวกเธอต้องพูดเสียงดังขึ้น
“ปีนี้หน้าร้อนฝนน้อย ทำไมน้ำในแม่น้ำสายเขียวถึงไหลแรงขนาดนี้ หรือจะมีแค่ตอนหน้าหนาวที่ไหลเบาลงหน่อยเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “คิดว่าเป็นแบบนั้น น้ำฝนทางนี้น้อยไม่ได้หมายความว่าน้ำฝนจากทางต้นน้ำจะน้อยด้วย”
ลู่หันซู “อืม น้ำที่อยู่ทางพวกเราเขียวมากเลยนะ! แต่น่าเสียดายที่แม่น้ำกว้างมาก มองไม่เห็นน้ำสีเขียวเหลืองที่อยู่อีกด้าน”
ลู่จือฉิน “แม่น้ำสายนี้ไม่ใช่แค่กว้าง ยังลึกถึงแปดพันเมตร ความลึกเฉลี่ยอยู่ที่สี่พันเมตร…”
มู่เถาเยา “น้ำจากแม่น้ำสายเขียวจะไหลสู่ทะเลเขียว…อย่างสถานที่ที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แบบนี้ จะไปทางต้นน้ำหรือปลายน้ำก็น่าจะมีหมู่น้ำตกแน่นอน”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “มีจ้ะ ไปทางต้นน้ำไม่ไกลมีหมู่น้ำตกขนาดใหญ่สองแห่ง ห่างกันประมาณหนึ่งร้อยเมตรได้”
ทั้งสามคนหาที่เรียบๆ นั่งกินอาหารกลางวัน
กินเสร็จก็เก็บขยะ เปลี่ยนที่นั่งพักผ่อน ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ธรรมชาติของแม่น้ำสายเขียว
ประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งสามคนถึงสะพายของค่อยๆ เดินกลับ เดินไปหาสมุนไพรไป ไม่ถือว่าเหนื่อยมาก
แน่นอนว่าหลักๆ คือเพื่อรักษาระยะการเดินของลู่หันซู
ก่อนฟ้ามืดทั้งสามคนหาที่เหมาะๆ เพื่อตั้งเต็นท์
เต็นท์สามเหลี่ยมสามหลังตั้งเรียงกัน ทางเข้าหันออก
ตั้งเต็นท์เสร็จก็กินอาหารเย็น มีขนมปัง นม และผลไม้ป่า
กินเสร็จก็เดินออกไปไกลหน่อยเพื่อจัดการธุระส่วนตัว
เวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว
มู่เถาเยาเปิดอุปกรณ์ให้แสงสว่าง
“ศิษย์น้อง ถ้ากลัวก็มาอยู่ในเต็นท์เดียวกันได้นะ เบียดหน่อยแต่ก็นอนได้”
ลู่หันซู “ฉันไม่กลัวค่ะศิษย์พี่ ถึงวันนี้จะเจอสัตว์ป่าเยอะ แต่พวกมันก็ไม่ทำร้ายคนก่อน”
ลู่จือฉิน “อาจารย์โรยยาไว้รอบๆ เต็นท์แล้ว ไม่ต้องระแวงนะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์ ศิษย์พี่”
ทั้งสองคนพยักหน้า
“ศิษย์น้อง วันนี้เดินมาทั้งวัน เธอน่าจะพอวิเคราะห์ได้แล้วใช่ไหมว่าเทือกเขานี้มีสมุนไพรอะไรบ้าง…”
“..ศิษย์พี่ ฉันเข้าใจความหมายค่ะ ศิษย์พี่กับอาจารย์วางใจได้ ฉันรับไหว” ตั้งสิบกว่าปีแล้ว
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองหน้ากัน
“หันซู อาจารย์อยากสอนหน่อย”
“ศิษย์น้อมรับคำสอนค่ะ”
“…พึงพยายามอย่างเต็มที่ภายใต้ขอบเขตวิจารณญาณของตน ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมในการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสื่อมทรามและเป็นอันตรายทั้งปวง…”
ลู่หันซูพูดอย่างจริงจัง “หนูจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องเสื่อมเสียค่ะ”
“อาจารย์เชื่อเธอ ศิษย์พี่ของเธอมีเรื่องต้องทำมากมาย ต่อไปยังต้องพึ่งเธอหาลูกศิษย์มาสืบทอดต่อไป ไม่ต้องมีลูกศิษย์เยอะ คนเดียวก็พอแล้ว ขอแค่สืบทอดต่อไปอย่าได้ขาดเป็นพอ…”
อย่างไรเสียในโลกนี้ก็ไม่มีสำนักแพทย์เทวดาแล้ว
“ศิษย์จะจำไว้ค่ะอาจารย์”
“หันซู ฟังให้ดีนะ คุณธรรมสำคัญกว่าความสามารถ…” ลู่จือฉินเข้าสู่โหมดอาจารย์ สั่งสอนลูกศิษย์คนใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนัก
ลู่หันซูก็จริงจังมาก
“ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะอาจารย์”
“อืม อีกครึ่งปีอาจารย์จะสอนวิทยายุทธกับวิชาการแพทย์ให้ เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ วันหน้าเธอจะยุ่งมาก”
“ศิษย์จะพยายาม ขอบคุณค่ะอาจารย์”
“เวลาอาจารย์ไม่อยู่ก็เชื่อฟังศิษย์พี่ วรยุทธของศิษย์พี่เธอเหนือกว่าอาจารย์ วิชาการแพทย์ก็ไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์เลยสักนิด วิชาพิษก็พอสูสีกับผู้อาวุโสของสำนักตระกูลถัง”
“ศิษย์พี่เก่งมากเลยค่ะ!”
ลู่หันซูเลื่อมใสจากใจ
เธอเชื่อคำพูดของอาจารย์อย่างไร้ข้อกังขา
มู่เถาเยายิ้มบาง “เธอตั้งใจเรียนกับอาจารย์ให้ดี วันหน้าก็เก่งได้เหมือนกัน”
“อืมๆ”
“วันนี้เหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ หันซู พรุ่งนี้พอฟ้าสว่างอาจารย์กับศิษย์พี่เธอจะตื่นมาฝึกยุทธ์ ถ้าเธอตื่นมาแล้วไม่เจอใครก็ไม่ต้องตกใจนะ”
“ค่ะ”
“นอนเถอะ”
“ฝันดีค่ะอาจารย์ ศิษย์พี่”
“ฝันดีจ้ะ”