อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 272 เขากลับบ้านกับฉัน
ตอนที่ 272 เขากลับบ้านกับฉัน
เช้าวันอังคาร เมื่อคนมากันครบแล้ว มู่เถาเยากับพวกตี้อู๋เปียนก็ขึ้นเครื่องบินไปเผ่าหมาป่าพระจันทร์ท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของทุกคน
ขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ปาอินก็พูดแนะนำประเพณีความเป็นอยู่และสภาพภูมิประเทศของบ้านเกิดตัวเองให้กลุ่มคนเหล่านี้ที่เพิ่งไปเผ่าหมาป่าพระจันทร์ครั้งแรกฟังอย่างละเอียด
“…เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเรามีรถนำเที่ยวพิเศษโดยเฉพาะ วิ่งรอบทั่วเผ่า ขณะอยู่ในขบวนรถสามารถดื่มด่ำกับภูเขาหิมะ ทุ่งหญ้า หุบเขา ทะเล ทะเลทราย ตัวเมือง…”
ดวงตาของปาอินเปล่งประกาย คำพูดเต็มไปด้วยความรู้สึก เห็นได้ชัดว่ารักบ้านเกิดของตัวเองมาก
“…เผ่าหมาป่าพระจันทร์พื้นที่กว้างใหญ่ประชากรน้อย ทัศนียภาพงดงามมากทั่วทั้งเผ่า…แต่ก็มีอยู่หลายที่ที่ไปไม่ได้ เช่น ภูเขาเทพจันทรา ป่าพิษหมาป่า…”
มู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน ลู่จือฉิน เฉิงอันนั่ว และพ่อบ้านจงต่างตั้งใจฟังปาอินเล่าเรื่องพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
ลู่จือฉิน “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ก็ไปไม่ได้เหมือนกัน”
น่าเสียดายมาก!
เย่ว์เลี่ยงเคยบอกเธอว่าในนั้นมีเยี่ยนหงกับชวนไป๋พืชที่ไม่ทราบชนิดทั้งสอง
“อาจารย์สามเข้าไปในป่าพิษหมาป่ากับเสี่ยวเยาเยาได้ค่ะ มีคนตระกูลเย่ว์อยู่ด้วยก็พอ หนูกับพี่ชายเคยเข้าไปเก็บสมุนไพรกับพี่รองของเสี่ยวเยาเยา แต่ภูเขาเทพจันทราห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดยกเว้นหัวหน้าเผ่า”
ลู่จือฉินพยักหน้า
มู่เถาเยา “เสี่ยวอิน กลับไปครั้งนี้เธอนอนบ้านตระกูลปาหรือนอนบ้านคุณตาคุณยายเหรอ”
“คงทั้งสองที่ บ้านละครึ่งเดือน บ้านคุณยายฉันอยู่ชานเมืองตอนเหนือ เป็นเมืองการศึกษา บ้านตระกูลปาอยู่ไกลออกไปอีก เป็นหมู่บ้านชนบททางใต้ ดังนั้นช่วงที่ฉันเรียนจะอยู่บ้านคุณตาคุณยายตลอด กลับบ้านตระกูลปาแค่ตอนปิดเทอม”
บ้านหนึ่งอยู่ทางเหนือ อีกบ้านอยู่ทางใต้ ไม่ใกล้เลยจริงๆ
มู่เถาเยาไม่แปลกใจถึงตำแหน่งบ้านตระกูลปา
หมู่บ้านที่ตระกูลปาอยู่เป็นหมู่บ้านสมุนไพรที่ขึ้นชื่อของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ทุ่งสมุนไพร ภูเขาสมุนไพร โรงงานสมุนไพร และศูนย์วิจัยเวชภัณฑ์ต่างอยู่ที่นั่นหมด
มู่เถาเยา “งั้นเธอต้องกลับบ้านคุณยายก่อนไหม”
“ใช่แล้ว หลานเทียนพี่ชายที่เป็นญาติฉันจะมารับที่ตำหนักพระจันทร์”
มู่เถาเยาถามต่อ “คนที่ปาเยี่ยนอีอาของเธอแต่งงานด้วยคือญาติตระกูลหลานของคุณยายฉันใช่ไหม”
ก่อนหน้านี้พี่รองไล่เรียงความสัมพันธ์กับคนในเผ่าให้ฟัง บอกว่าปาเยี่ยนอีเป็นหมอทหาร คุณยายเป็นแม่สื่อให้
พี่น้องตระกูลเย่ว์สนิทกับพี่น้องตระกูลปาขนาดนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะตระกูลปาเป็นหมอสายเวทย์ของเผ่ามาตั้งแต่โบราณ ฟังคำสั่งของหัวหน้าเผ่าแต่เพียงผู้เดียว ยังเป็นเพราะสองครอบครัวมีความสัมพันธ์เป็นญาติกันอย่างอ้อมๆ ด้วย
หลานเทียนเป็นลูกชายของปาเยี่ยนอีอาของปาอิน สนิทกับพี่น้องตระกูลเย่ว์พอสมควร ก็เลยเข้ามาในตำหนักพระจันทร์ได้
ปาอินกับหลานเทียนเป็นญาติกัน สนิทกันไม่ต่างจากญาติๆ ทางสายคุณตาคุณยายของตัวเอง เพราะคุณยายของเธอเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่สนิทกับย่าของหลานเทียนมาก
ตอนเด็กๆ หลานเทียนก็มาอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายของปาอินระยะหนึ่ง
ใครใช้ให้บ้านคุณตาคุณยายไปเรียนสะดวกล่ะ ยังมีสารพัดของอร่อยที่กินไม่เบื่อด้วย นี่เป็นของล่อเด็กน้อยชั้นดีเลยทีเดียว
มีความสัมพันธ์ของปาอินกับครอบครัวคุณยายของเธออยู่แบบนี้ ตระกูลหลานให้ลูกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยระยะหนึ่งย่อมไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียคนในเผ่าก็ไม่ได้ยากจน ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยเรื่องค่ากินค่าอยู่
ปาอินพยักหน้า “อืมๆ อาเขยของฉันเป็นหลานชายของย่าหลาน”
“งั้นปิดเทอมนี้เธอพาอันนั่วไปทำความคุ้นเคยกับเผ่านะ ฉันกับอาจารย์สามจะไปเก็บสมุนไพรกับพี่รอง ไม่ว่างดูแลเขา”
เธอรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ชอบปาอิน จึงตั้งใจจับคู่ให้สองคนนี้
แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่คัดค้าน เพราะเธอก็ชอบปาอิน
เด็กสองคนนี้เหมาะสมกันจริงๆ
ตี้อู๋เปียน “…”
ทำไมซาลาเปาน้อยวกเข้าเรื่องนี้ได้ล่ะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่พูดมาเลยนะ
ลู่จือฉินกลั้นยิ้ม
เสี่ยวเยาเยาพูดมาเสียยืดยาว ก็แค่อยากรอพูดประโยคนี้
ปาอินพยักหน้า “เสี่ยวเยาเยา เธอกับอาจารย์สามไปเก็บสมุนไพรอย่างสบายใจได้เลย ฉันช่วยรับรองเสี่ยวเฉิงได้ ฉันเคยรับปากพี่สะใภ้ว่าจะดูแลเสี่ยวเฉิงแล้วด้วย ให้เขากลับบ้านกับฉัน จะได้ดูแลสะดวก”
“…อืม”
เฉิงอันนั่วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ทำไมเขารู้สึกเหมือนไปแล้วจะไม่ได้กลับ
มู่เถาเยาหันหน้าไปหาตี้อู๋เปียน เธอกลัวว่าตัวเองจะกลั้นขำไม่อยู่
“ตี้อู๋เปียน คุณล่ะ จะพักกับน้าเล็กอวิ๋นหรือพักที่ตำหนักพระจันทร์”
“ฉันพักกับเธอที่ตำหนักพระจันทร์ดีกว่า น้าเล็กอวิ๋นจะได้มีข้ออ้างมาหาฉันทุกวัน”
เขารู้ว่าซาลาเปาน้อยก็อยากให้น้าเล็กของเขาสมหวังกับอาหญิงของเธอ
“ได้”
มู่เถาเยาก็ต้องการแบบนั้น
ลู่จือฉินเลิกคิ้ว
ดูท่าเสี่ยวเยาเยาจะชอบน้าเล็กของคุณชายเล็กตระกูลตี้จริงๆ
อืม เธอต้องจับตาดูเศรษฐีที่ชื่ออวิ๋นไป๋คนนี้ไว้หน่อยแล้ว
ดูว่าคู่ควรกับเย่ว์เลี่ยงหรือเปล่า
แต่เข้าตาเสี่ยวเยาเยาได้ก็คงไม่แย่แน่นอน
ปาอินยิ้มกว้าง “ดูเหมือนทุกคนจะอยากให้อาเย่ว์กับน้าเล็กอวิ๋นลงเอยกันนะ แต่พวกเขาก็เหมาะสมกันมากจริงๆ ค่ะ!”
พวกมู่เถาเยากลั้นขำกันไม่ไหว
คนเราปกติก็ชอบมองๆ คนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว!
ตัวเองก็เป็นแบบนั้นยังไม่รู้ตัวอีก รวมถึงเสี่ยวเยาเยา
ยังจะหัวเราะคนอื่น ตัวเองถูกหมายตาแล้วยังไม่รู้อีก!
ลู่จือฉินมองลูกศิษย์ตัวเอง ขำอยู่ในใจไม่ไหวแล้ว
“ซาลาเปาน้อย ครั้งนี้พวกเธอจะไปหาสมุนไพรอะไรเหรอ”
“หญ้าร้อยรส หญ้าไป่หลิง ดอกพันวัน ดอกไม้สองชีวิต หญ้าพิษชีวิต”
ตี้อู๋เปียน “…สมุนไพรพวกนี้เอามาทำอะไรเหรอ”
รู้แล้วแต่อยากถาม อย่างไรเสียซาลาเปาน้อยก็ไม่รู้ว่าเขารู้
“หญ้าร้อยรสแก้พิษฮ่วนเซี่ยงได้ หญ้าไป่หลิงช่วยลบรอยแผลเป็นเก่าๆ ได้รวดเร็ว ดอกพันวันช่วยเสริมสร้างสติปัญญา”
“เสริมสร้างสติปัญญาได้จริงเหรอ”
“ว่ากันมาแบบนั้น จริงไหมก็ยังไม่เคยมีใครทดลอง”
ชาติที่แล้วเธอไม่เคยเห็น แค่เคยได้ยินมา
“แม่ของศิษย์น้องเธอจำเป็นต้องใช้สมุนไพรพวกนี้เหรอ”
“อืม คุณน้าถูกพิษฮ่วนเซี่ยงกับพิษดอกห้อมช้าง พิษดอกห้อมช้างกัดกร่อนสติปัญญา”
“รีบใช้หรือเปล่า ฉันจะได้ช่วยหาด้วย”
เขาบอกไปตามตรงไม่ได้ว่าเขารู้ว่าหญ้าร้อยรสกับดอกพันวันอยู่ที่ไหน
ถ้าเสี่ยวฉยงเป็นสัตว์ เขาคงใช้ให้มันเก็บมาให้ได้ แต่มันไม่ใช่ คนอื่นเข้าไปก็เอาชีวิตไปทิ้งได้ง่ายๆ…
ทำได้เพียงรอร่างกายของเขาไหวค่อยเข้าไปเก็บกับซาลาเปาน้อย
“ยังมีเวลาอีกครึ่งปี อืม เหมือนฉันจะยังไม่เคยบอกคุณ แม่ของศิษย์น้องฉันเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้”
สีหน้าของตี้อู๋เปียนขรึมลงทันที “เป็นคนที่เคยเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิดเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
“ตอนนี้อาการเป็นยังไง ทำไมไม่พากลับเผ่าล่ะ”
จะเห็นว่าเป็นแม่ของศิษย์น้องแล้วปล่อยไปก็ไม่ได้หรือเปล่า
ตี้อู๋เปียนมองอาจารย์สาม ทำไมต้องรับลูกสาวของคนคนนี้เป็นลูกศิษย์ด้วย
“คุณน้าถูกพิษมาสิบแปดปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะในร่างกายมีพิษสองชนิดต้านกันเองอยู่ คงถูกพิษแทรกซึมทั่วร่างกายตายไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว…”
มู่เถาเยาวิเคราะห์สถานการณ์ของแม่ลู่ให้ตี้อู๋เปียนฟัง
ตี้อู๋เปียนฟังจบก็เงียบไปสักพัก
ดูจากสถานการณ์แล้ว คนคนนี้ก็ไม่เหมือนเป็นคนร้ายจริงๆ…