อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 277 ตัวเองรนหาที่ตาย
ตอนที่ 277 ตัวเองรนหาที่ตาย
บ้านครอบครัวเจียงในเมืองหลวง
บนโต๊ะอาหาร เจียงเย่ว์บอกพ่อแม่ว่าสุดสัปดาห์นี้เหลยถิงต้องไปทำงานต่างที่ จึงมาเมืองหลวงไม่ได้
เนื่องจากก่อนหน้านี้พูดไว้ว่าจะมา ตอนนี้มาไม่ได้แล้วก็ย่อมต้องอธิบายให้ชัดเจน
เจียงจี๋ “งั้นบอกเขาให้มาสุดสัปดาห์หน้า”
เหมียวฉีมองเจียงจี๋ด้วยสายตาเย็นชา
นับตั้งแต่เจียงจี๋ถูกตัดชื่อออกจากสำนักแพทย์โบราณ เขาก็เปลี่ยนชื่อโดยใช้อักษรอีกตัวหนึ่งที่ออกเสียงคล้ายกัน
“คุณมองผมแบบนั้นทำไม มองมายี่สิบกว่าปียังไม่พออีกเหรอ”
“ฉันเคยเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งเรื่องของเจียงเย่ว์อีก”
เธอเองก็เป็นหมอ ย่อมมองออกว่าแฟนของลูกสาวผิดปกติ
เจียงจี๋อยากรนหาที่ตายก็อย่าลากเจียงเย่ว์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ต่อให้เธอไม่รักลูกสาวคนนี้ แต่นี่ก็เลือดเนื้อเชื้อไขที่เธอคลอดออกมาเอง
ปกติไม่สนใจไม่ดูแลก็เกินพอแล้ว เธอไม่เคยคิดจะลากลูกลงมาแปดเปื้อนด้วย
เจียงจี๋มองเจียงเย่ว์ที่มีท่าทีนิ่งเฉยแล้วหันมองใบหน้าเย็นชาของเหมียวฉี ยิ้มประชดเธอ
“ผมก็คิดว่าคุณไม่แคร์อะไรทั้งนั้นเสียอีก”
เขาเองก็อยากลองดี รู้ทั้งรู้ว่าเหมียวฉีไม่เคยมีเยื่อใยให้เขาสักนิดก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
และก็รู้ว่าเหมียวฉีไม่แคร์ลูกสาว เพราะเธอไร้หัวใจ แล้วจะรักได้อย่างไร
ตอนลูกสาวเกิด เขายังแอบมีความหวัง เดิมทีคิดว่ามีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขึ้นมาบ้าง แต่แล้วไงล่ะ ยังคงเป็นเหมือนเดิม!
เธอไม่เคยเฝ้ารอการเกิดมาของลูกสาว
ถ้าไม่ติดว่าร่างกายไม่เหมาะที่จะทำแท้ง เธอคงไม่มีทางอุ้มท้องลูกของเขา
เจียงจี๋ทั้งรักทั้งเกลียดภรรยาที่แสนเย็นชาและเหมือนมีแต่ปริศนาคนนี้
เธอปรากฏตัวในช่วงที่เขาตกต่ำที่สุดในชีวิต แค่เห็นหน้าก็เหมือนรู้จักกันมานาน
ทว่ากลับมีแค่เขาที่เกิดความรู้สึกรักเพียงฝ่ายเดียว
เหมียวฉีไม่ตอบเจียงจี๋ กลับหันไปพูดกับเจียงเย่ว์ “เดี๋ยวแม่จะโอนเงินให้ ช่วงปิดเทอมนี้ก็กลับไปเย่ว์ตูดูหน่อยว่าที่ไหนมีขายบ้าน”
เจียงเย่ว์ได้ฟังก็วางตะเกียบ ถามด้วยความสงสัย “แม่จะย้ายไปอยู่เย่ว์ตูเหรอคะ”
“เปล่า ซื้อให้ลูกอยู่ ใส่เป็นชื่อลูก”
“ทางมหา’ลัยคุมเข้มมาก นักศึกษาต้องพักหอพักของมหา’ลัย เดี๋ยวเรียนจบหนูก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องซื้อบ้านที่เย่ว์ตูหรอกค่ะ”
เธอไม่รู้ว่าพ่อกับแม่มีเงินมากน้อยแค่ไหน แต่ราคาบ้านในเย่ว์ตูไม่ได้ถูกไปกว่าเมืองหลวงเลยสักนิด
“ซื้อก่อนค่อยว่ากัน ถ้าอีกหน่อยไม่ได้อยู่ค่อยขายทิ้งก็ได้” เหมียวฉีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธ
“ก็ได้ค่ะ”
“ลูกไปเย่ว์ตูวันเสาร์เลยแล้วกัน ซื้อบ้านเสร็จค่อยกลับมา ถ้าซื้อไม่ได้ ถึงตอนเปิดเทอมก็ไปมหาวิทยาลัยเลย ไม่ต้องกลับมาอีกรอบ”
เจียงเย่ว์ “…พ่อคะ?”
“เชื่อฟังแม่ เดี๋ยวพ่อจะให้บัตรไป ลูกเรียนปริญญาโทแล้ว โตเป็นสาวแล้ว ควรใช้เงินยังไงย่อมตัดสินใจเองได้ พ่อกับแม่เชื่อว่าลูกดูแลตัวเองได้”
เจียงจี๋ยังพอมีเยื่อใยกับลูกสาวอยู่บ้าง อย่างไรเสียก็เป็นลูกที่เขาตั้งตารออยากให้เกิด
“ขอบคุณค่ะพ่อ แม่”
“ส่วนเรื่องแฟนของลูก เลิกได้ก็เลิกนะ”
“เจียงจี๋!” น้ำเสียงของเหมียวฉีเจือไปด้วยอารมณ์โมโห
เจียงเย่ว์เพิ่งเคยเห็นแม่โกรธเป็นครั้งแรก เธอตกใจมาก
แต่สักพักก็อดถามไม่ได้ “พ่อมีอะไรไม่ชอบครอบครัวเฉิงหรือเปล่าคะ”
“เปล่า พ่อไม่ได้กลับเย่ว์ตูตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วนอกจากครั้งก่อนที่กลับบ้านเกิดแล้วแวะไปดูลูก พ่อไม่รู้จักครอบครัวเฉิง”
เจียงเย่ว์หลับตาลง
เธอไม่รู้อดีตของพ่อแม่เลย ไม่สนิทกับปู่ย่า ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยเจอตายายเลยสักครั้ง แค่เคยวิดีโอคอลคุยด้วยไม่กี่ประโยค
เธอไม่เข้าใจจริงๆ
“พ่อคะ เหลยถิงดีกับหนูมาก คนในครอบครัวเขาก็ดีกับหนู หนูไม่อยากเลิกค่ะ”
“เขาไม่มีทางกลับเมืองหลวงกับลูก เลิกกันแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า”
เจียงเย่ว์ค้านไม่ออก
“ถ้าลูกเรียนจบแล้วเขายินดีตามลูกมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง งั้นพ่อก็จะไม่คัดค้าน”
“…พ่อคะ เหลยถิงก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน”
“ดังนั้นเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า”
“ตอนที่เพิ่งคบกันหนูก็บอกพ่อกับแม่แล้วว่าเหลยถิงไม่ใช่คนในเมืองหลวง…”
“มีใครบ้างไม่เคยลองคบแฟนสักสองสามคน คนที่มีแฟนคนเดียวไปตลอดจนแต่งงานมีน้อยมาก พ่อเลยไม่ได้จริงจัง”
เจียงเย่ว์ “…”
เหมียวฉีพูดอย่างเย็นชา “เจียงจี๋ ถ้ายังเข้าไปยุ่งเรื่องของเจียงเย่ว์อีกก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
“พอๆ แล้วแต่คุณ! ขอแค่เขาไม่มาป้วนเปี้ยนตรงหน้าผม ผมก็จะไม่ยุ่งด้วย”
พอเห็นเหลยถิงเขาก็จะอดไม่ได้ทุกที
ยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาไม่ได้กลับไปเย่ว์ตูเลยจริงๆ…ยกเว้นก่อนหน้านี้ที่กลับบ้านเกิดแล้วถือโอกาสแวะไปเย่ว์ตู
เหมือนจะทำใจได้นานแล้ว แต่พอเห็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเหลยถิง เขาก็อดเกิดความคิดอกุศลไม่ได้
เจียงเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูด “พ่อคะ แม่คะ หนูไม่รู้ว่าพ่อกับแม่มีเรื่องอะไรปิดบังหนูกันแน่ แต่หนูอยากเลี้ยงพ่อกับแม่ตอนแก่…”
ดังนั้นขอร้องอย่าถูก…
เหมียวฉี “พวกเราไม่ต้องการให้ลูกมาเลี้ยงตอนแก่ ลูกใช้ชีวิตของลูกไปก็พอ”
เธอเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้าน
“แม่คะ เรื่องของพ่อกับแม่ให้หนูรู้ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
นับตั้งแต่เหลยถิงถูกพิษเธอก็รู้สึกว่าพ่อกำลังทำเรื่องที่ร้ายแรงอยู่
เธอยากให้หยุดแต่เพียงเท่านี้ก่อนจะสายเกินไป
เจียงจี๋ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ลูกอยากรู้อะไรล่ะ”
“…พ่อคะ ทำอะไรช่วยนึกถึงหนูกับแม่หน่อยได้ไหมคะ”
“แม่ของลูกไม่ต้องการให้พ่อเป็นห่วง”
“งั้นหนูล่ะคะ”
“ลูกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว…”
เจียงจี๋ก็ไม่พูดอะไรมาก เขาไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว
พ่อกับแม่ของเขามีพี่น้องดูแล ลูกสาวอยู่ได้ด้วยตัวเอง เหมียวฉี…ก็น่าจะเหมือนเขาที่ไม่มีหน้าไปพบใครได้แล้วหรือเปล่า
เขาแอบนึกเสียใจที่อยากพาเธอไปจากเมืองหลวงให้ได้แล้ว
เพราะนับตั้งแต่กลับมาเขาก็พบว่าทุกคำพูดที่เหมียวฉีพูดกับลูกสาวเหมือนเป็นการสั่งเสีย…
เขาไม่รู้ว่าเธอมีอดีตอะไรบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่