อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 292 เธอไม่รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์
ตอนที่ 292 เธอไม่รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์
ทุกคนพากันครุ่นคิด
เย่ว์หลั่งพูดขึ้นก่อน “มีความเป็นไปได้สูงมาก หมาป่าเมื่อเจอคนตระกูลเย่ว์จะช่วยคุ้มครอง”
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน”
ลูกสาวหลานสาวไปขึ้นเขามาทั้งวัน คงจะหิวกันแล้ว
พอผู้อาวุโสเอ่ยปาก ทุกคนก็พากันกลับเข้าบ้าน
กินอาหารเย็นเสร็จหมอประจำตำหนักพระจันทร์ก็จัดการสมุนไพร มู่เถาเยากับลู่จือฉินไปหอยาเอาพวกสมุนไพรไป่หลิงไปทำเป็นยาทาลบรอยแผลเป็น
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงจนถึงห้าทุ่มกว่าก็ทำเสร็จ
กลับไปที่ห้องรับแขกของอาคารหลัก เหล่าผู้อาวุโสกับตี้อู๋เปียนกลับห้องไปพักผ่อนกันแล้ว
เพราะก่อนหน้านี้มู่เถาเยาเคยพูดไว้ว่าพวกเขาต้องเข้านอนตามเวลา
“ทำเสร็จแล้วเหรอลูกรัก”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาเอาขวดเซรามิกสามขวดเล็กในมือให้พวกเขาดู
เย่ว์หลั่งเปิดฝาออกดูแล้วลองดม “กลิ่นหอมสดชื่นดีนะ”
ตัวยามันวาวกำลังดีมีสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมเตะจมูก ไม่เหมือนยาทาทั่วไปที่ฉุนกลิ่นยา
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “ดูแล้วไม่เหมือนยาทา เหมือนครีมทาหน้ามากกว่า”
มู่เถาเยา “เดี๋ยววางไว้นานเข้ามันจะจับตัวกันยิ่งกว่าเดิม กลิ่นก็จะจางลงค่ะ”
เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา สามขวดนี้พอใช้เหรอ” ได้ยินว่าร่างกายเหมียวอวี้มีรอยแผลเป็นเยอะมาก
“ยาลบรอยแผลเป็นตัวนี้ให้ผลดีมาก สองขวดก็พอแล้วค่ะ ถ้าใครมีแผลเป็นก็เอาไปใช้ได้นะคะ”
เย่ว์เลี่ยงส่ายหน้า
เย่ว์หลั่งกับลูกชายสองคนก็ส่ายหน้า
ต่อให้บนตัวพวกเขามีรอยแผลเป็นก็ไม่มีทางใช้ยาทาตัวนี้ที่ได้มาแสนยากเย็น
ลูกผู้ชายมีเหรอจะกลัวแผลเป็น
มู่เถาเยา “งั้นก็เก็บไว้ในบ้านแล้วกันค่ะ ค่อยเอาออกมาใช้ยามจำเป็น”
อันที่จริงไม่ว่าจะหาสมุนไพรถอนพิษฮ่วนเซี่ยงเจอหรือไม่ มู่เถาเยาก็อยากรักษารอยแผลเป็นบนตัวน้าเหมียวอยู่ดี อย่างไรเสียมันก็มีสาเหตุมาจากการปกป้องเธอ
แต่ด้วยนิสัยของศิษย์น้อง อาจต้องการรอให้ได้ยาถอนพิษก่อนถึงจะฝืนใจยอมรับความหวังดีนี้ เพราะศิษย์น้องก็เรียนหมอ ย่อมรู้คุณค่าของยาทาตัวนี้
อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์
ต่อให้ถอนพิษฮ่วนเซี่ยงได้ แต่ถ้าสติปัญญาไม่กลับมา คนอื่นจะมองยังไงก็ทำน้าเหมียวสะเทือนใจไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจเลย ไม่อย่างนั้นศิษย์น้องกับย่าลู่คงไม่พาน้าเหมียวออกไปเที่ยว
“อาเก็บไว้ให้ดีนะคะ วางในที่แห้ง ไม่โดนแดด อากาศเย็นหน่อย อย่างเช่นลิ้นชักในห้องค่ะ”
“จ้ะ เก็บไว้ในห้องอา วันไหนจำเป็นต้องใช้ก็มาบอกอานะ”
มู่เถาเยาตอบรับ
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ พรุ่งนี้มีเวลาแค่ครึ่งวัน ไม่สู้พวกเราไปเขาเทพจันทรากันไหม”
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วพยักหน้า จากนั้นก็หันไปพูดกับลู่จือฉิน “หนูให้เหลียงจีกับพวกเสี่ยวอินมาอยู่เป็นเพื่อนอาจารย์สามดีไหมคะ”
“ยังเป็นวันหยุดของเหลียงจีอยู่ เสี่ยวอินอยู่กับอันนั่ว อาจารย์อยู่กับคุณชายเล็กตี้กับคุณอวิ๋นเที่ยวในตำหนักพระจันทร์หรือออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้”
เย่ว์เลี่ยง “จือฉิน พ่อแม่ฉัน ลุงเป่ยป้าเป่ยก็อยู่ตำหนักพระจันทร์ พวกเขาไม่ได้ไปด้วย”
“ได้ งั้นฉันอยู่ดื่มชาคุยกับพวกผู้อาวุโสก็ได้”
มู่เถาเยา “อาจารย์สามคะ งั้นหนูจะเรียกปาเฝ่ย เสี่ยวอิน อันนั่ว แล้วก็เหลียงจีมาที่นี่ ตอนเย็นพวกเรากินอาหารทะเลกัน พี่รองให้คนเอาอาหารทะเลมาส่งค่ะ”
“ได้ แล้วแต่พวกเธอจัดการเลยนะ”
เย่ว์จือกวงมองน้องสาวแล้วพูดด้วยความอ่อนโยนเอาใจใส่ “เสี่ยวเยาเยาชอบกิน พี่ให้คนเอามาส่งทุกวันเลยก็ได้”
“ไม่ต้องทุกวันหรอกค่ะ นานๆ กินทีก็พอ อาหารของเผ่าอร่อยหมด ฉันกินอะไรก็ได้ค่ะ”
เย่ว์จือกวงวางมือบนศีรษะน้องสาว ขยี้เบาๆ สองทีแล้วพูด “พรุ่งนี้เที่ยงกินกวางยอง ตอนเย็นกินอาหารทะเล”
“พี่รองคะ กวางยองไม่ใช่สัตว์คุ้มครองเหรอ ล่าได้ด้วยเหรอ หรือเผ่าเราไม่เหมือนกัน อีกทั้งสัตว์ป่าก็มีเชื้อโรคเยอะ…”
ถึงแม้เธอจะกินบ่อยเมื่อชาติที่แล้ว แต่ชาตินี้มันล่าไม่ได้ไม่ใช่เหรอ
“พวกเรากินแบบที่เลี้ยงเอง ไม่ใช่สัตว์ป่า เผ่าเราก็เหมือนกับข้างนอก ห้ามล่าสัตว์ป่า”
ต่อให้ล่าได้ก็ไม่กิน เพราะในตัวสัตว์ป่ามีเชื้อโรคมากมาย
มู่เถาเยาตอบอ่อ เธอก็ว่าอยู่!
ลู่จือฉินยิ้มพูด “กวางยองเรียกอีกชื่อว่ากวางเตี้ย มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก บำรุงร่างกายได้ เหมาะกับคนที่ร่างกายอ่อนแอ ขาดสารอาหาร แขนขาไม่มีแรง ต่อให้คนปกติกินบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายยิ่งแข็งแรง เจ็บป่วยไม่บ่อย เพราะแบบนี้กวางยองจึงเป็นหนึ่งในสัตว์ที่เชื้อพระวงศ์สมัยโบราณชอบล่ามากินกันมากที่สุด”
เย่ว์จือกวงพยักหน้า “คนสมัยโบราณไม่รู้จักเชื้อโรค กล้ากินสัตว์ป่าจริงๆ”
มู่เถาเยา “หากว่ากันในมุมวิทยาศาสตร์ เชื้อโรคไม่ได้อยู่ๆ ก็มาปรากฏบนตัวสัตว์ แต่มันอยู่ในธรรมชาติมาก่อนแล้ว…สัตว์หลายชนิดเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อโรคต่างๆ”
เย่ว์จือเหิงลองนึกดู “ดูเหมือนตำราประวัติศาสตร์จะไม่เคยมีบันทึกว่าติดเชื้อจากการกินสัตว์ป่าเลยนะ อย่างมากก็เรื่องโรคระบาดที่มีสาเหตุจากอุทกภัย”
มู่เถาเยาอธิบาย “อันที่จริงคนโบราณก็ไม่ได้กินสัตว์ทุกชนิดหรอกค่ะ พวกเขาล่าหมาป่า ล่าเสือ หลักๆ ก็เพื่อเอาหนังของพวกมัน ส่วนใหญ่ที่กินจะเป็นพวกกวางยอง ทาคิน กระต่ายป่า ไก่ป่า เป็นต้น”
“ส่วนเรื่องเชื้อโรค เนื่องจากยุคโบราณมีข้อจำกัดเรื่องการตรวจสอบ ต่อให้กินสัตว์ป่าแล้วป่วย พวกเขาก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของการป่วย ย่อมตรวจหาต้นตอไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแก้ปัญหา เกิดโชคร้ายตายไปก็ทำได้แค่ผลักภาระไปที่เหตุผลงมงาย…”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
เย่ว์หลั่งดวงตาเป็นประกาย “ลูกสาวพ่อเก่งจริงๆ !”
มู่เถาเยา “…”
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
ทุกคนเดินกลับห้องพักด้วยกัน
ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา ยังไม่ได้ส่งรูปให้อาจารย์ใหญ่ใช่ไหม เดี๋ยวส่งเลยหรือจะส่งพรุ่งนี้ หมอเทวดาหยวนน่าจะนอนไปแล้วหรือเปล่า”
“ค่ะ ว่าจะส่งพรุ่งนี้หลังฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียนเสร็จค่ะ”
ส่งให้อาจารย์ใหญ่เสร็จจะต้องพูดคุยกันสักพักแน่ ไหนยังจะต้องคุยกับอาจารย์รอง อาจารย์แม่ และก็แม่ด้วย
หลังจากกลับมาเธอยุ่งตลอดจนถึงตอนนี้ ไม่มีเวลามากขนาดนั้น
ตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนตามปกติ เธอจะรบกวนอาจารย์ก็ไม่ได้