อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 334 ไท่ซุ่ยที่น่ากลัว
ตอนที่ 334 ไท่ซุ่ยที่น่ากลัว
ตี้อู๋เปียนได้ดู ‘ไลฟ์สด’ ที่มาช้าหน่อยทุกวัน
วันเวลาแบบนี้ดำเนินต่อเนื่องหนึ่งสัปดาห์
หยวนเหยี่ยจิบชา ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง “พวกเสี่ยวเยาเยาใกล้ออกมากันแล้ว”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพลางพยักหน้า “เสี่ยวเยาเยาบอกว่าไม่เกินครึ่งเดือน วันนี้หรือพรุ่งนี้น่าจะกลับมาแล้ว”
เหล่าผู้สูงวัยต่างมีรอยยิ้ม
เป่ยซี “ก็ไม่รู้ว่าเจอสมุนไพรที่แม่ของศิษย์น้องเสี่ยวเยาเยาต้องใช้หรือเปล่า”
ยายหลานพูดต่อ “ไม่รีบ เดี๋ยวกลับมากันก็รู้แล้ว”
ลูกสาวของเธอยังไม่รู้ว่าแม่ของศิษย์น้องเสี่ยวเยาเยาคือเหมียวอวี้
พวกเขาคิดไว้ว่ารักษาเหมียวอวี้ให้หายก่อนค่อยบอก แต่ถ้าไม่หาย…งั้นก็รอลูกสาวหายป่วยก่อนค่อยบอก
ลูกสาวกับเหมียวอวี้สนิทและจริงใจต่อกัน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่เพียงแต่ลูกสาวเธอจะเจ็บปวดเจียนตาย ยังทำใจไม่ได้ด้วย ตำหนิและโทษตัวเองจนซึมเศร้า
อีกทั้งเสี่ยวเยาเยากลับมาแล้ว ลูกสาวเธอก็เริ่มคิดถึงเหมียวอวี้ขึ้นมาอีก…
ลูกสาวเธอไม่ได้โง่ ย่อมพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า การที่เด็กทารกคนหนึ่งถูกหมอเทวดาหยวนเก็บมาเลี้ยงจนโตได้ เหมียวอวี้จะต้องมีบทบาทไม่น้อยแน่
ถ้าอย่างนั้นเหมียวอวี้เป็นหรือตาย ลูกสาวเธอต้องอยากรู้แน่นอน
แต่ว่าตอนนี้สภาพเหมียวอวี้น่าเวทนาแบบนั้น ยังให้ลูกสาวเธอรู้ไม่ได้จริงๆ อาจสะเทือนใจจนล้มป่วยไปอีก
ย่าเย่ว์ยิ้มถามลูกสะใภ้ “เสี่ยวซี พอเสี่ยวเยาเยาเปิดเทอม เธอจะกลับเผ่าพร้อมพวกเราด้วยไหม ไปอยู่สักพัก”
เป่ยซีลูบผมที่มีสีดำปนขาวของตัวเอง “ได้ค่ะ กลับไปอยู่สักพักค่อยกลับมา”
เธออยากปลูกต้นท้อให้ลูกสาว
ลูกสาวชอบดอกท้อ
“อืม”
ยายอวิ๋นมองหลานชายที่อยู่ข้างไป๋เฮ่าอวี๋ เยี่ยอิ่ง เฉิงซิ่น “อู๋เปียน วันนี้ทำไมไม่ไปที่ตีนเขาแล้วล่ะ”
ตรงนั้นมีกลิ่นดอกไม้ผลไม้โชยหอม อยู่ใกล้ป่า สดชื่นเย็นสบาย พวกเขาก็เลยไม่คัดค้านที่ตี้อู๋เปียนจะไปตากลมตรงตีนเขาทุกวัน
ลมเย็นจากธรรมชาติย่อมสดชื่นกว่าตากแอร์
ตี้อู๋เปียนเขี่ยใบของดอกฉยงฮวาที่อยู่บนโต๊ะเล่น “คุณยาย ผมคิดว่าซาลาเปาน้อยกับอาจารย์สามน่าจะใกล้กลับมาแล้วน่ะครับ” ในความเป็นจริงคือเดินทางกลับกันแล้ว
พวกเธอเหาะกลับมา ไม่ได้แวะพักตรงตีนเขา เขาไปก็ใช่ว่าจะได้เจอเป็นคนแรก ไม่สู้รออยู่ที่บ้านดีกว่า
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “ย่าก็คิดว่าเสี่ยวเยาเยากับอาจารย์สามน่าจะกลับมาวันนี้”
พ่อบ้านจงพูดด้วยความดีใจ “งั้นผมไปทำอาหารนะครับ เสี่ยวเยาเยากับอาจารย์อยู่ในป่ามาตั้งหลายวัน ต้องอดอยากจนผอมแน่ ผมจะทำอาหารที่เธอชอบมาบำรุงหน่อย”
อาจารย์อาเล็ก “ฉันไปด้วย”
คนที่ใกล้จะกลับมาสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นศิษย์หลานที่เขาเอ็นดูมาตั้งแต่เด็กจนโต อีกคนเป็นน้องสาวแท้ๆ
ไป๋เฮ่าอวี๋เดินตามอาจารย์ไปติดๆ อย่างรู้งาน
ตี้อู๋เปียนเหลือบมองเยี่ยอิ่งกับเฉิงซิ่น
เฉิงซิ่น “…เดี๋ยวนะ พี่สามมองผมทำไม ผมทำอาหารไม่เป็นเสียหน่อย!”
“ไม่เป็นแล้วเรียนไม่ได้หรือไง ไปๆๆ ไปหัดทำ ทำเป็นแล้วจะได้เอาไว้ทำให้แฟนกิน” มือเยี่ยอิ่งวางบนบ่าของเฉิงซิ่น พูดพลางดันตัวเฉิงซิ่นไปทางห้องครัว
“ไม่เอาไม่เรียน วันหน้าแฟนผมจะเป็นคนทำให้กินเอง…” เฉิงซิ่นเข้าห้องครัวอย่างไม่สบอารมณ์
“นายเป็นผู้ชาย จะเอาแต่กินอย่างเดียวได้ยังไง! รีบไปหัด…”
ตี้อู๋เปียนก็ชักสนใจ แต่ไม่ได้ไปห้องครัว กลับเดินออกไปโทรศัพท์
เขาจะเรียกเชฟจากเมืองเย่ว์ตูมา
ซาลาเปาน้อยชอบกินอาหารที่เชฟคนนั้นทำ เขาจะเรียนกับเชฟคนนั้น
ย่าตี้มองไปทางห้องครัวพลางพูด “ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นจะได้คะแนนเพิ่ม ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง”
ย่าเย่ว์พยักหน้า “นั่นสิ ผู้ชายบ้านเราทำอาหารเป็นทั้งนั้น” แม้จะเคยทำอยู่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ทำเป็น
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “ผู้ชายหมู่บ้านเถาหยวนซานส่วนใหญ่ทำอาหารเป็นกันหมด”
ยายอวิ๋น “แบบนี้สิดี ผู้ชายที่ทำอาหารเป็นส่วนใหญ่จะเข้าอกเข้าใจภรรยา”
ตาอวิ๋นกับอาจารย์รองแอบเดินหนี
ร้อนตัว!
พวกเขาทำอาหารไม่เป็น!
พวกเขามีเวลาเรียนทำอาหารที่ไหนกัน!
คนหนึ่งมัวแต่วุ่นกับการหาเงิน อีกคนวุ่นเรื่องฝึกยุทธ์!
แต่ทำอาหารไม่เป็นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เข้าอกเข้าใจภรรยานะ
ควันทำอาหารในครัวกำลังโชยได้ที่ ในห้องรับแขกก็เสียงดังครึกครื้น เพราะเจ้าถุงลมน้อยกับพวกข่ายเกอกลับมากันแล้ว
เด็กที่โตหน่อยอย่างซย่าโหวจิ่งเหยา มู่ซือจิ่น ถังเซิ่นอวี๋ ตามหลังพวกเด็กเล็กเข้ามาพร้อมตะกร้าผลไม้เล็กๆ ในมือ
แก้วมังกร เนคทารีน แตงหวาน ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานปลูกเองตอนนี้สุกหมดแล้ว
ย่าตี้จับเหลนเข้ามาแล้วถอดหมวกให้ “ดูแต่ละคนซิ เหงื่อท่วมเชียว”
พวกย่าๆ ยายๆ จับเด็กๆ มาช่วยกันเช็ดเหงื่อให้บราวนี่ออนไลน์
ย่าเย่ว์ลูบหลังจยาเย่ว์พลางพูด “เสื้อเปียกหมดแล้ว ต้องเปลี่ยน”
พวกเด็กๆ ชอบออกไปเล่น ไม่นานเหงื่อก็ท่วมตัว ที่นี่เลยมีเสื้อผ้าของพวกเขาอยู่
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พวกมู่หว่านกับเสิ่นรุ่ยก็มาถึง เตรียมรับเด็กๆ กลับไปกินข้าวเย็น
อาจารย์แม่รองก็ไม่ได้รั้งไว้
ห้องครัวกับห้องกินข้าวของที่นี่ไม่ได้ใหญ่ หม้อหุงข้าวหุงไม่พอกิน
เดิมทีคนที่พักอยู่ที่นี่ก็มีเยอะอยู่แล้ว ถ้าให้เพิ่มคนอีกจะนั่งไม่พอ
ถ้าต้องกินเลี้ยงรวมกางหลายโต๊ะ ปกติจะไปทำที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็ให้พวกเพื่อนบ้านไปช่วยกัน
พอพวกเด็กๆ กลับไปได้ไม่นานมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็กลับมา
ทุกคนไม่รังเกียจที่พวกเธอเนื้อตัวสกปรก จูงทั้งสองคนมาดูซ้ายดูขวา
มู่เถาเยาสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงอันแรงกล้าของทุกคน เธอยิ้มพูด “พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บค่ะ”
ย่าเย่ว์พูดด้วยความเอ็นดู “ไม่บาดเจ็บแต่ผอมลงนะ”
“ไม่ได้ผอมลงค่ะ”
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ผอมลง”
มู่เถาเยา “…”
ก็ได้ อย่าเถียงพวกผู้ใหญ่เรื่องนี้ดีกว่า
เป่ยซีจับลูกสาว ลูบใบหน้าที่มอมแมมเล็กน้อย “ทั้งสองคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าค่อยลงมากินข้าวนะ”
“ค่ะ”
ลู่จือฉิน “ฉันจะกลับไปอาบน้ำค่ะ” เธอไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่นี่
อาจารย์แม่รอง “จือฉิน อาบน้ำเสร็จแล้วมานะ พี่ชายเธอพาพวกผู้ชายไปทำกับข้าวกันอยู่”
“ได้ค่ะ”
ลู่จือฉินเอาแค่เสื้อผ้าของตัวเองไป อย่างอื่นทิ้งไว้ที่นี่
หยวนเหยี่ย “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ช่วยจัดการกับสมุนไพรให้นะ”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยาขอตัวจากทุกคนเสร็จแล้วขึ้นชั้นบน
เมื่อลงมาอีกครั้งเธอเห็นหยวนเหยี่ยกำลังชื่นชมสมุนไพรเหอโส่วอูที่ต้นใหญ่มากด้วยสายตาแดงก่ำตื้นตันใจ
เหอโส่วอูเป็นสมุนไพรชั้นยอด มูลค่าเทียบเคียงได้กับโสม
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สถานะของมันสูสีกับโสม
สมัยโบราณสภาพแวดล้อมดี ถึงแม้จะหาเหอโส่วอูไม่ได้ง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้
สมัยนี้ธรรมชาติย่ำแย่ เหอโส่วอูในป่าแทบจะไร้ร่องรอย
ชีวิตนี้เขาไปมาหลายป่านับไม่ถ้วน กลับเจอเหอโส่วอูป่าแค่ต้นเล็กๆ ต้นเดียว
เหอโส่วอูที่เห็นกันในท้องตลาดตอนนี้มาจากคนปลูก
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นราคาก็ยังสูงมาก
วิธีคำนวณมูลค่าของมันก็เหมือนกับทองคำ คิดเป็นกรัม นิดเดียวก็หลักหมื่นแล้ว คนส่วนใหญ่ซื้อมากินไม่ไหว
ปู่ทวดถังยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ดวงดีกันใช้ได้เลยนะ ทุกครั้งที่เข้าเขตป่าชั้นในจะมีเซอร์ไพรส์กลับมาเสมอ เหอโส่วอูป่าที่หน้าตาแบบนี้ ปู่อยู่มาร้อยกว่าปียังไม่เคยเห็นเลย”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ดวงดีจริงๆ ค่ะ ไม่ได้มีแค่เหอโส่วอูนะคะ ยังมีไท่ซุ่ยด้วย”
พวกย่าตี้ยายอวิ๋นจับพวกเจ้าถุงลมน้อยกับข่ายเกอไปด้านข้าง
จากนั้นมู่เถาเยาถึงหยิบของที่เหมือนก้อนลูกบอลสภาพน่ากลัวพอสมควรออกมาจากเข่งของอาจารย์สามแล้วยื่นให้หยวนเหยี่ย
นี่ก็คือ ‘ยาอายุวัฒนะ’ ที่จักรพรรดิองค์แรกของประเทศเหยียนหวงเคยตามหามาตลอด ‘ไท่ซุ่ย’
—————————–