อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 349 เสียใจทั้งครอบครัว
ตอนที่ 349 เสียใจทั้งครอบครัว
เรื่องเจียงจี๋ปิดฉากลงไปอย่างรวดเร็ว
เจียงเย่ว์จะตามเหมียวฉีไปเผ่าหมาป่าพระจันทร์ให้ได้
ไม่ว่าอย่างไรขออยู่ด้วยกันนานอีกหน่อยก็ยังดี
เหมียวฉีจนปัญญา จำต้องจัดการเรื่องทางนี้แทนเจียงเย่ว์ให้เรียบร้อยถึงจะพาลูกกลับบ้านเกิดที่จากมานานกว่ายี่สิบปีได้
มองสองคนชราที่ผมขาวหมดทั้งศีรษะแล้ว เหมียวฉีน้ำตาคลอ
แม่เธอเจ็บป่วยตอนคลอดเธอ เธอจึงเป็นลูกคนสุดท้องของพ่อแม่ มีพี่ชายสองคน ตามใจทุกอย่างตั้งแต่เด็ก เธอก็เลยมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง…
“เสี่ยวฉี กลับมาทำไม กลับมาทำไม” แม่ของเหมียวฉีกอดลูกสาวร้องไห้โฮ
ไม่กลับมาอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ไม่ได้เจอตัวจริงพวกเขาก็ยังวิดีโอคอลให้ได้เห็นหน้าคลายความคิดถึงได้บ้าง
“แม่ พ่อ หนูขอโทษค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่เจียงเย่ว์เห็นแม่ตัวเองแสดงอารมณ์อื่นออกมาขนาดนี้ เธอรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
ที่แท้แม่ก็ไม่ได้เย็นชามาแต่เกิด
เมื่อก่อนเธอไม่รู้ว่าแม่มีเรื่องหนักกดไว้ในใจ จึงคิดว่าทะเลาะกับทางครอบครัว เลยไม่ยอมกลับบ้านพ่อแม่บ้าง…
เจียงเย่ว์มองสองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ หัวใจเธอก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
เหมียวเคอกับเหมียวช่านพี่ชายสองคนของเหมียวฉีรู้สึกสับสน
ถึงแม้พ่อแม่จะไม่เคยเล่าเรื่องที่น้องสาวทำไว้ให้พวกเขาฟัง แต่นับแต่น้องสาวแต่งงานก็ไม่เคยกลับบ้านเลย แม้แต่โทรมา วิดีโอคอล ก็มีน้อยมาก อีกทั้งยังไม่พูดถึงเผ่าสักคำ…
ตอนแรกพวกเขาไม่เข้าใจ ถามพ่อแม่อยู่บ่อยครั้ง พ่อแม่ก็บอกแค่ว่าน้องสาวทำความผิดเอาไว้…
ความผิดอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งจากบ้านไปยี่สิบกว่าปีไม่กล้ากลับมา พวกเขาคิดดูแล้วก็รู้สึกกลัว
นี่คือน้องสาวแท้ๆ ที่ถูกเอาใจตั้งแต่เด็กจนโต พวกเขายังจะทำอะไรได้
เหมียวฉีกอดแม่ร้องไห้อยู่สักพักถึงเช็ดน้ำตา
เหมียวเคอพูดอย่างยากลำบาก “เสี่ยวฉี พาเสี่ยวเย่ว์กลับไปเหยียนหวงเถอะ ต่อไปไม่ต้องกลับมาอีก”
“ไม่แล้วล่ะพี่ใหญ่ ฉันจัดการเรื่องให้เจียงเย่ว์เรียบร้อยแล้ว” เธอกลับมาแล้วไม่คิดจะกลับไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เธอก็ต้องยอมรับ
คนครอบครัวเหมียวต่างเงียบไป
ผ่านไปสักพักเหมียวช่านก็พูดกับหลานสาวที่ผอมจนไม่เหลือเค้าเดิม แววตาเหม่อลอย เขารู้สึกสงสารจับใจ “งั้นต่อไปเสี่ยวเย่ว์ก็อยู่ที่เผ่าแล้วกัน”
“พี่รอง ลูกฉันยังต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูจ้ะ”
คนครอบครัวเหมียวมองเหมียวฉีด้วยสีหน้าสับสน
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เด็กยังจะมีสมาธิไปตั้งใจเรียนได้อีกเหรอ
“แม่คะ หนูไม่อยากกลับไปเรียนที่นั่นแล้ว” ร่างกายของเจียงเย่ว์แผ่ซ่านความรู้สึกเสียใจจนอยากตาย
เธออยากอยู่ที่เผ่า เพราะตราบใดที่แม่ยังอยู่เธอก็ไปเยี่ยมที่คุกทุกวันได้
ตราบใดที่แม่ยังอยู่ เธอก็ไม่ใช่เด็กกำพร้า
ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหน ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็มีคนให้คิดถึง
“เจียงเย่ว์ ลูกต้องไปเรียนต่อนะ” มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเป็นสถานที่ที่ลูกสาวใฝ่ฝันมาตลอด
“หนูอยากอยู่ที่นี่กับแม่”
“ไม่ต้องหรอก อีกไม่นานแม่ก็…”
พ่อแม่ของเหมียวฉีอดร้องไห้อีกครั้งไม่ได้
พี่ชายทั้งสองคนของเหมียวฉีก็ดวงตาแดงก่ำ
เหมียวช่าน “เสี่ยวฉี…ตอนนี้ไม่มีใครรู้ ไม่มีหลักฐานเอาผิดเธอได้ด้วย…”
เหมียวฉีพูดแทรก “พี่รอง ฉันอยากกลับมาตั้งนานแล้ว…ตอนนี้เจียงเย่ว์โตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ไม่มีอะไรที่ฉันต้องเป็นห่วงอีก”
แม่เหมียวพูดทั้งน้ำตา “แล้วพ่อกับแม่ล่ะ แกจะใจดำให้คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำเหรอ”
ครอบครัวเหมียวไม่มีใครคิดว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงแล้วเหมียวฉีจะรอด
“หนูขอโทษค่ะแม่ แม่กับพ่อเลี้ยงหนูมาจนโต…” เหมียวฉีสะอื้นไห้
“พ่อผิดเอง พ่อไม่ควรตามใจแกจนเสียคน พ่อผิดเอง…พ่อทำร้ายแก…” พ่อเหมียวทุบอกตัวเองเหมือนคนขาดสติ
เหมียวฉีปล่อยแม่แล้วไปจับสองมือของพ่อเพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง “พ่อไม่ผิดค่ะ หนูเดินเส้นทางผิดเพราะความอิจฉาริษยา…อย่าทำแบบนี้ค่ะพ่อ หนูเจ็บปวด”
เห็นพ่อแม่เสียใจขนาดนี้ เธอเหมือนถูกลูกธนูนับหมื่นพุ่งทะลุหัวใจ
เหมียวเคอช่วยห้ามพ่อ พูดกับเหมียวฉี “เสี่ยวฉี เชื่อทุกคนเถอะ พาเสี่ยวเย่ว์กลับเหยียนหวงไป ต่อไปไม่ต้องกลับมาอีก”
เมื่อเทียบกับไม่ได้เจอกัน การมีชีวิตอยู่ต่างหากที่สำคัญกว่า
เหมียวฉีไม่ตอบ
หลังจากได้เจอคนในครอบครัว ใช่ว่าใจเธอจะไม่หวั่นไหว
เธอไม่กลัวตาย แต่กลัวคนในครอบครัวเสียใจ
แต่เจ้าหญิงน้อยกับเหมียวอวี้ล่ะ ครอบครัวของสองคนนั้นก็เสียใจเหมือนกัน…
เหมียวฉีเช็ดน้ำตา ประคองพ่อแม่ไปนั่งที่โซฟาก่อนแล้วค่อยๆ พูด “พ่อคะ แม่คะ พรุ่งนี้หนูอยากไปเจออาเล็กค่ะ”
เธออยากพูด ‘ขอโทษ’ แม้มันจะช้าเกินไปบราวนี่ออนไลน์
พ่อเหมียวพูดด้วยความลังเล “อาเล็กกับอาสะใภ้ของลูกไม่มีทางให้พวกเราเจอหรอก”
“ถ้าถูกไล่ออกมา หนูจะแอบเข้าทางบ้านเก่าไปดูพวกเขาค่ะ”
เหมียวเคอรีบพูดขึ้น “เสี่ยวฉี พี่ใหญ่ไปเป็นเพื่อน”
“…ค่ะ”
เวลานี้สะใภ้ทั้งสองคนของครอบครัวเหมียวตะโกนเรียกให้ออกไปกินข้าวเย็น
สะใภ้ทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยต่อน้องสาวของสามีคนนี้ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม
ก่อนหน้านี้พวกเธอรู้แค่ว่าสามีมีน้องสาว แต่กลับไม่เคยเจอหน้า คนในบ้านก็ไม่พูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวสามีต่อหน้าพวกเธอเลย
ปิดบังลึกลับน่าดู
แม่เหมียวเช็ดน้ำตาแล้วเข้าไปจับมือเจียงเย่ว์ “เสี่ยวเย่ว์ เสี่ยวฉี พวกเรากินข้าวกันก่อนนะ นั่งเครื่องบินมาตั้งนานคงหิวกันแล้ว”
เหมียวฉีพยักหน้า “ค่ะ”
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนแสร้งทำเป็นมีความสุข
พ่อแม่ของเหมียวฉีตักกับข้าวให้ลูกสาวหลานสาวไม่หยุด
“เสี่ยวเย่ว์ผอมเกินไป กินเยอะๆ หน่อยสิ” เด็กคนนี้สะเทือนใจอย่างหนัก ในเวลาไม่กี่วันผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
แม่เหมียวสงสารเหลือเกิน
เจียงเย่ว์พยายามยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณยาย”
แม่เหมียวลูบศีรษะหลานสาว “รีบกินเถอะ”
เจียงเย่ว์พยักหน้า นั่งกินข้าวเงียบๆ
มีสองลูกสะใภ้อยู่ พ่อเหมียวแม่เหมียวก็ไม่พูดเรื่องนั้นต่อ
ภรรยาของเหมียวเคอถาม “แม่คะ หนูให้น้องเล็กกับเสี่ยวเย่ว์ไปอยู่ห้องของซินซินกับตัวตัวได้ไหมคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปทำความสะอาดบ้านอีกหลังนึง แล้วหนูกับอาเคอจะย้ายไปอยู่ที่นู่น น้องเล็กกับเสี่ยวเย่ว์จะได้อยู่กับพ่อแม่”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราอยู่แค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวซินซินกับตัวตัวกลับมาตอนสุดสัปดาห์ฉันกับเสี่ยวเย่ว์ก็ไปแล้วค่ะ” เหมียวฉีไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ที่นี่
จะเป็นญาติสนิทแค่ไหนก็คือการอาศัยบ้านคนอื่น เหมือนกับ…เหมียวอวี้ในตอนนั้น
แม่เหมียวอดน้ำตาร่วงอีกครั้งไม่ได้
เหมียวเคอหันมองภรรยาเพื่อบอกให้หยุดพูด
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตึงเครียด ทุกคนกินไม่ลงเท่าไร แต่เหมียวฉีกลับกินไปไม่น้อย
เธอพูดขึ้นหลังจากวางตะเกียบลง “พี่สะใภ้ใหญ่พี่สะใภ้รอง กับข้าวอร่อยมากค่ะ”
ภรรยาเหมียวเคอพูด “ถ้าน้องเล็กชอบพวกเราจะทำบ่อยๆ นะ”
เหมียวฉียิ้มให้ ไม่ตอบอะไร เธอคงกินข้าวที่บ้านได้อีกไม่กี่มื้อแล้วหรือเปล่า
สะใภ้ทั้งสองคนเก็บโต๊ะทำความสะอาดครัวเสร็จก็ไปเก็บกวาดห้องใหญ่ของลูกสาวลูกชายเพื่อให้เหมียวฉีกับเจียงเย่ว์พักชั่วคราว
หลังจากพวกเธอออกมา เหมียวฉีก็พูดกับเหมียวช่านและภรรยาว่า “พี่รอง นี่ก็เย็นมากแล้ว พี่กับพี่สะใภ้รองกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“อืม พรุ่งนี้พวกเราจะมาเร็วหน่อย”
“พี่รอง พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้ใหญ่ไปทำงานกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้พี่ใหญ่ไปหาอาเล็กกับอาสะใภ้เป็นเพื่อนฉันก็พอแล้ว เสี่ยวเย่ว์อยู่บ้านกับตายาย”
“…ก็ได้ งั้นพวกเราเลิกงานแล้วค่อยมานะ”
“อืม”
หลังจากเหมียวช่านกับภรรยากลับไปแล้ว แม่เหมียวก็เร่งให้ลูกสาวกับหลานสาวไปพักผ่อน
เพียงแต่คืนนี้ไม่มีใครข่มตาหลับได้เลย