อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 354 คนที่ชอบที่สุด
ตอนที่ 354 คนที่ชอบที่สุด
หลังเลิกเรียนวันรุ่งขึ้นหลังหยุดเทศกาล เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีไปรับลูกสาวสุดที่รักที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูกลับเรือนอุ่นรักด้วยตัวเอง
เนื่องจากลู่หันซูกับครอบครัวมากันแล้ว ลู่จือฉินจึงรับไปอยู่ที่เรือนอุ่นรักชั่วคราว
ถึงแม้จะโอนบ้านอาจารย์หลี่เสร็จแล้ว แต่ครอบครัวลูกชายอาจารย์หลี่กลับมาตอนก่อนเทศกาล ลู่จือฉินจึงจัดให้พวกลู่หันซูไปอยู่บ้านของหยวนเหยี่ยโดยขออนุญาตจากมู่เถาเยาแล้ว
ลู่จือฉินกับเหลียงจีก็ย้ายเข้ามาตอนบ่ายวันนี้ อยู่เป็นเพื่อนทั้งสามคนระยะหนึ่ง
หลังจากพวกมู่เถาเยาเข้าไป เหมียวอวี้แม่ของลู่หันซูก็เอียงศีรษะมองมู่เถาเยากับเป่ยซี คล้ายกับสนใจพวกเธอ
ลู่หันซูกับย่าลู่มองเหมียวอวี้ด้วยความกังวล กลัวว่าอาการจะกำเริบอยากหาเจ้าหญิงน้อย
มู่เถาเยาแนะนำครอบครัวลู่หันซูให้รู้จักกับพ่อแม่ตัวเอง
ลู่หันซูรู้สถานะครอบครัวของศิษย์พี่นานแล้ว ตอนเจอเย่ว์หลั่งกับเป่ยซีจึงไม่ได้ตกใจมาก แค่รู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อย
ย่าลู่กลับใช้เวลาถึงครึ่งวันเต็มๆ กว่าจะทำความเข้าใจกับสถานะของลูกสะใภ้ได้
พวกเธอมาถึงกันตอนเช้า ลู่จือฉินเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตัวตนของแม่ลู่ให้พวกเธอฟัง จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะย่อยข้อมูลเหล่านั้นเสร็จ
มิน่าตอนนั้นถึงสืบหาข้อมูลของลูกสะใภ้ไม่พบ ที่แท้ก็ไม่ใช่คนประเทศเหยียนหวง
ย่าลู่มองลูกสะใภ้ที่กำลังมองมู่เถาเยากับเป่ยซีตาไม่กะพริบ ในใจรู้สึกสับสน
มู่เถาเยาไปจับมือแม่ลู่แล้วยิ้มถาม “น้าเหมียวคะ ยังจำหนูได้ไหม”
แม่ลู่ฉีกยิ้ม จากนั้นก็อยากจับเป่ยซี แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีมือไปจับแล้ว จึงเบะปากอยากร้องไห้
เป่ยซีขอบตาแดงเล็กน้อย ยื่นมือไปกอดแม่ลู่
แม่ลู่ยิ้มออกทันที ทั้งยังพูดว่า “ชอบคุณ”
เป่ยซีลูบรอยแผลเป็นบนใบหน้าของแม่ลู่ น้ำตาคลอพลางพูด “ถึงเธอจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ไม่ถึงกับความรู้สึกหายไปหมด”
คนที่เหมียวอวี้ชอบที่สุดคือเธอ รองลงมาก็คือเจ้าหญิงน้อยของเธอ
“เสี่ยวอวี้ ลำบากแล้วนะ”
แม่ลู่เห็นเป่ยซีจะร้องไห้ จึงปล่อยมือจากมู่เถาเยามาจับมือเป่ยซี อยากเช็ดน้ำตาที่ยังไม่ร่วงหล่นของเป่ยซี จากนั้นก็พูดซ้ำไปซ้ำมา “ไม่ร้องๆ…ไม่เจ็บๆ…”
เป่ยซีจับมือแม่ลู่ พูดเสียงสะอื้น “ขอโทษนะ ฉันเกลียดเธอมาสิบแปดปีเพราะลูกสาวฉันหายไป…”
“ไม่เกลียดๆ…ไม่ร้องๆ…”
แม่ลู่เห็นเป่ยซีร้องไห้ก็ร้อนใจจนแทบร้องตาม
คนอื่นๆ ต่างขอบตารื้น
ลู่หันซูเจ็บปวดใจเหลือเกิน
ความรู้สึกของแม่เธอยังไม่หายไปทั้งหมด นี่เป็นเรื่องดี
มู่เถาเยา “ศิษย์น้อง พวกเราไปหาที่คุยกัน”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาพาลู่หันซูไปห้องน้ำชาเล็กที่อยู่ข้างห้องรับแขก
ต้มน้ำชงชา
พอได้กลิ่นหอม ลู่หันซูก็อดชมไม่ได้ “ชานี่หอมมากเลยค่ะ…เอ๊ะ เหมือนมีกลิ่นยาด้วย”
“อืม เขตป่าชั้นนอกของป่าเซียนโหยวมีต้นชาโบราณอยู่จำนวนหนึ่ง ศิษย์พี่ขอให้พวกชาวบ้านปลูกสมุนไพรรอบๆ พวกมัน ต้นชาดูดกลิ่นสมุนไพรเข้าไปก็จะมีสรรพคุณทางยาด้วย”
“ศิษย์พี่สุดยอดเลยค่ะ!”
มู่เถาเยาหลุดขำ “สุดยอดอะไรกัน หมู่บ้านเถาหยวนซานของพวกเรามีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่าที่อื่น ของทุกอย่างดีกว่าข้างนอก วันหน้าถ้าว่างก็ไปดูได้นะ”
“ค่ะ”
“ศิษย์น้อง อาจารย์สามคงบอกแล้ว พวกเราอยากให้ครอบครัวศิษย์น้องไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่เผ่าหน่อย…”
“ย่าก็บอกให้ฉันพาแม่ไปค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง…แต่ฉันกลัวว่า…คุณตาคุณยายจะยิ่งสะเทือนใจหนักกว่าเดิม…”
“เธออาจมองคนแก่อ่อนแอเกินไป ที่ย่าอยากให้เธอพาน้าเหมียวไปเป็นเพราะเข้าใจหัวอกคนแก่เหมือนกัน มีเธออยู่ คุณตาคุณยายจะต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน…อีกทั้งจะเอาความเสียดายมาทุ่มเทให้เธอแทน”
ถ้าไม่มีลู่หันซู ไม่รู้ว่าสองผู้อาวุโสจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
แต่พอมีลู่หันซู ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะตั้งใจมีชีวิตอยู่ต่อไป อยากเห็นหลานสาวสายนอกเพียงคนเดียวแต่งงานมีลูก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกเขาถึงจะวางใจ
“ค่ะ ฉันจะพาแม่ไปเจอคุณตาคุณยายที่เผ่า”
“ย่าลู่ดีต่อน้าเหมียวเหมือนลูกสาวแท้ๆ คุณตาคุณยายของเธอจะต้องดีใจมากแน่ที่ได้เจอย่าลู่”
“ย่าบอกไม่ไปค่ะ”
มู่เถาเยาขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “ยังไงก็ไม่ได้จะไปเดี๋ยวนี้ เธอตื๊อทุกวันต้องสำเร็จแน่”
“อืม”
“พรุ่งนี้วานให้อาจารย์สามนัดอาจารย์หลี่มากินข้าวด้วยกัน หลังจัดการเรื่องบ้านเสร็จหมดแล้วก็กลับเผ่าไปพร้อมครอบครัวศิษย์พี่ได้เลยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะศิษย์พี่”
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องก็คือพี่น้อง วันหน้าไม่ต้องเกรงใจนะ”
“ค่ะศิษย์พี่”
“อืม เธอกับย่าลู่คิดไว้ว่าอยากสร้างบ้านเมื่อไรเหรอ ศิษย์พี่มีคนงานอยู่”
“…รอเทอมหน้าฉันมาเรียนหนังสือค่อยว่ากันค่ะ”
“ก็ได้ ต่อไปมีเรื่องอะไรก็บอกได้ เธอมีอาจารย์กับศิษย์พี่อยู่นะ”
ลู่หันซูขอบตาแดงพยักหน้าจริงจัง “ค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งดื่มชาอยู่สักพักเหลียงจีก็มาเรียกกินข้าว
หลังกินเสร็จ ทั้งสามคนก็ออกจากเรือนอุ่นรักท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของแม่ลู่ กลับเซิ่งซื่อฉางอัน
ยายหลานถามขึ้นมาก่อน “เจอเหมียวอวี้แล้วเหรอ”
นอกจากลูกสาวแล้ว พวกเขาสองคนก็ผูกพันกับเหมียวอวี้ไม่แพ้กัน อย่างไรเสียก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกันมาสิบกว่าปี
“เจอแล้วค่ะ เสี่ยวอวี้สภาพแย่มากจริงๆ ร่างกายมีแต่รอยแผลเป็น ต่อให้ผ่านไปสิบกว่าปีแล้วรอยแผลเป็นก็ยังลึกอยู่ มือด้วนหนึ่งข้าง…สติปัญญาเหมือนเด็กสองสามขวบ แต่กลับยังรู้ว่าตัวเองชอบหนูที่สุด…”
ขณะที่พูดๆ อยู่เป่ยซีก็ขอบตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง
ตาเป่ยถอนหายใจ “เด็กคนนั้นชะตาขื่นขม ต้องมาอาศัยบ้านคนอื่นแต่เด็ก ทนถูกพี่สาวที่เป็นญาติกันรังแกอิจฉาริษยาอยู่เงียบๆ ไม่เคยฟ้องผู้ใหญ่เลย ตอนนั้นที่ถูกเหมียวฉีทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ได้ลูกช่วยกลับมาคงตายไปนานแล้ว สุดท้ายก็แค่ขอตัดความสัมพันธ์ ไม่ถือสาหาความ…”
ยายหลานพยักหน้า “เสี่ยวอวี้เป็นเด็กดี ที่ไม่เอาเรื่องเหมียวฉีที่ทำเขาถึงตายก็เพราะสำนึกบุญคุณที่ช่วงหลายปีนั้นครอบครัวเหมียวฉีดูแลมาอย่างดี หลายปีมานี้พวกเราโทษผิดคนแล้ว”
มู่เถาเยา “ต่อไปหนูจะดูแลศิษย์น้องให้ดีค่ะ น้าเหมียว…หนูก็จะพยายามรักษาอย่างเต็มที่”
เป่ยซีลูบผมยาวของลูกสาว “พยายามเต็มที่ก็เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดในภายหลัง”
“ค่ะ”
เย่ว์หลั่งมองลูกสาวสุดที่รัก “ไว้ถึงตอนนั้นก็ลองถามพ่อแม่ของเหมียวอวี้ดูว่าอยากมาอยู่กับศิษย์น้องของลูกที่ประเทศเหยียนหวงไหม ถ้าไม่อยากมา พ่อจะให้คนคอยไปเยี่ยมสองผู้อาวุโสบ่อยๆ ลูกไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งใจทำหน้าที่ของลูกไปก็พอ”
“ได้ค่ะ”
ยายหลานครุ่นคิดแล้วพูด “พรุ่งนี้ยายกับตาจะไปดูเหมียวอวี้ก่อน ลองดูว่ารู้สึกอะไรกับพวกเราไหม”
ตาเป่ยพยักหน้า
เย่ว์หลั่งส่ายหน้า “ผมว่าความหวังมีไม่มาก เด็กสองสามขวบจะรู้สึกอะไรมากมายที่ไหนกัน…”
ยายหลาน “ก็จริง แต่เจอกันก่อนก็ดี”
เป่ยซี “หนูจะไปเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ค่ะ”
มู่เถาเยา “พรุ่งนี้อาจารย์สามนัดอาจารย์หลี่มากินข้าวกับศิษย์น้อง ไม่รู้ว่าน้าเหมียวกับย่าลู่จะไปกินข้าวด้วยไหมนะคะ”
เย่ว์เลี่ยงเขกหน้าผากมู่เถาเยาเบาๆ พูดปนขำ “ไม่ต้องกังวลเรื่องแค่นี้หรอกน่า เดี๋ยวอาโทรคุยกับอาจารย์สามให้ กะเวลาให้ดีก็จบแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ”
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้เสี่ยวเยาเยายังต้องไปเรียนอีก”
ทุกคนพยักหน้า ขึ้นชั้นบนพร้อมกัน แยกย้ายกลับห้องตัวเอง