อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 373 ฉันชอบเด็กผู้ชาย
ตอนที่ 373 ฉันชอบเด็กผู้ชาย
หลังเลิกเรียนช่วงเช้าของวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม เหลียงจีไปส่งมู่เถาเยาเยี่ยมศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลิน
คาดว่าศิษย์พี่หญิงห้าจะคลอดกลางเดือนหน้า ของที่ต้องเตรียมก็เตรียมเสร็จหมดแล้ว
“เสี่ยวเยาเยาว่าเยี่ยจั๋วจะเป็นเด็กผู้หญิงไหม”
มู่เถาเยาพูดด้วยความจนปัญญาอย่างหนัก “ศิษย์พี่คะ เขาเป็นเด็กผู้ชายค่ะ”
อันที่จริงศิษย์พี่รู้อยู่นานแล้ว แต่ยังไม่ตัดใจ ราวกับว่าหากพูดเยอะๆ เด็กผู้ชายจะกลายเป็นเด็กผู้หญิงได้
แม่สามีของศิษย์พี่หญิงห้ารีบพูดขึ้น “อาหลิน จะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็เหมือนกัน เลิกพูดเถอะ เดี๋ยวจั๋วจั๋วจะเสียใจเอา”
“แม่คะ เยี่ยจั๋วเป็น…”
“แม่รู้ๆ เยี่ยจั๋วเป็นเด็กผู้ชาย อันที่จริงเด็กผู้ชายก็ดี ดูอย่างอันนั่วกับหลิงอีสิ ช่างเอาใจใส่”
หลี่อวี้เสวี่ยกับอันเย่ว์รีบพยักหน้าไม่หยุด พวกเธอไม่กล้าพูดวีรกรรมความแสบของลูกชายเวลานี้ กลัวชิงหลินจะยิ่งไม่พอใจลูกชายที่อยู่ในท้อง
เยี่ยหนานเฉินเหงื่อแตกท่วมตัวทั้งที่อยู่ช่วงกลางฤดูหนาว
ระยะนี้ภรรยาของเขาบ่นกับเด็กในท้องทุกวันอยากให้กลายเป็นเด็กผู้หญิง…
ถึงแม้เขาจะชอบเด็กผู้หญิงมากกว่า แต่ความจริงก็คือความจริง พวกเราต้องยอมรับ
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ศิษย์พี่ห้าคะ ฉันชอบเด็กผู้ชายค่ะ”
แน่นอนว่าก็ชอบเด็กผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอไม่มีความลำเอียงแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่ห้าได้ยินศิษย์น้องคนเล็กพูดว่าชอบเด็กผู้ชายก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที จับมือพลางพูด “พอเยี่ยจั๋วคลอดออกมาแล้วต้องมาหาเขาบ่อยๆ นะ ให้เขาเอาอย่างเธอ อย่าเอาอย่างพี่”
“…ค่ะ”
ทุกคนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็โล่งอกไปมาก
หญิงสูงวัยตั้งครรภ์เอาใจยากเหลือเกิน ก็มีแค่เสี่ยวเยาเยาที่เอาอยู่
มู่เถาเยาลูบท้องกลมโตโดยมีเสื้อกันหนาวตัวหนากั้นอยู่พลางพูด “รอใกล้ได้เวลาฉันจะส่งอาจารย์ใหญ่มาค่ะ แต่ตอนนั้นฉันจะต้องเข้าเขตป่าชั้นในพอดี…”
ศิษย์พี่หญิงห้าพูดขัดจังหวะ “เสี่ยวเยาเยา ทำธุระของเธอไปเถอะ พี่จะคลอดเยี่ยจั๋วออกมาอย่างสมบูรณ์แน่นอน”
เห็นเธออายุเยอะแบบนี้ แต่สุขภาพของเธอแข็งแรงกว่าคนอายุยี่สิบกว่าเสียอีก
ตลอดการท้องเธอไม่มีอาการทรมานอะไรยกเว้นช่วงแรกที่มีอาเจียนแพ้ท้องบ้าง
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ค่ะ มีอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่หกอยู่ ฉันก็วางใจ ศิษย์พี่ห้าคลอดลูกให้สบายใจนะคะ รอฉันกลับมาจะมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้ศิษย์พี่กับเยี่ยจั๋วค่ะ”
“พี่กับเยี่ยจั๋วไม่อยากได้ของขวัญชิ้นใหญ่หรอก ขอแค่เธอกลับมาโดยไม่บาดเจ็บก็เป็นของขวัญชิ้นใหญ่แล้ว”
พี่เขยห้าพยักหน้า “ใช่ เสี่ยวเยาเยา พวกเธอเข้าเขตป่าชั้นในต้องระวังให้มาก อย่าประมาทเพราะเข้าไปบ่อย สถานที่แบบนั้นอันตรายอย่าบอกใครเชียว”
“เข้าใจค่ะ พี่เขยดูแลศิษย์พี่ของฉันดีๆ นะคะ ฉันจะไม่เสียสมาธิแน่นอนค่ะ”
“วางใจได้ พี่จะดูแลสองแม่ลูกให้ดี”
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มดวงตาโค้งมน “พรุ่งนี้พ่อแม่พี่ก็มาแล้ว มีเยี่ยหนานเฉินกับพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายอยู่ เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องเป็นห่วงพี่กับเยี่ยจั๋วนะ”
“ค่ะ”
เวลานี้พ่อสามีของศิษย์พี่หญิงห้าเดินเข้ามา ยิ้มพูด “อาหารเสร็จแล้วนะ”
มู่เถาเยากับพี่เขยห้าประคองศิษย์พี่หญิงห้าเดินไปห้องอาหารด้วยความระมัดระวัง
กินอาหารกลางวันเสร็จนั่งสักพักมู่เถาเยาก็รีบกลับไปสอบที่มหาวิทยาลัยต่อ
สอบเสร็จเธอก็พาปาอิน ถังถัง และตี้อู่หลันฉือไปกินข้าวเย็นข้างนอก
กินเสร็จก็กลับหมู่บ้านเถาหยวน
คนตระกูลเย่ว์ย้ายไปอยู่ที่บ้านของตัวเองแล้ว ลู่จือฉิน ครอบครัวลู่ และคนครอบครัวเหมียวก็พักอยู่บ้านตระกูลเย่ว์
มู่เถาเยาจึงจัดให้เหลียงจี ปาอิน ถังถัง และตี้อู่หลันฉืออยู่ที่บ้านตัวเอง สองคนต่อห้อง
ห้องว่างมีไม่เยอะ คงต้องแบบนี้
ห้องของพี่ชายทั้งสองคนว่างอยู่ แต่คงไม่สะดวกให้ผู้หญิงเข้าไปอยู่
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ย้ายมาที่นี่ แต่คนตระกูลเย่ว์ก็มีห้องไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ตอนนี้ให้ลู่จือฉินพัก
คุยกับคนในครอบครัวเล็กน้อย จากนั้นมู่เถาเยาก็ไปดูแม่ลู่พร้อมลู่จือฉินกับลู่หันซู
จับชีพจรเสร็จ ผลตรวจแย่กว่าสัปดาห์ก่อน
ลู่จือฉินพูดเสียงเบา “เสี่ยวเยาเยา แม่หันซูนอนเยอะกว่าตื่นแล้วนะ วงจรชีวิตคล้ายเด็กทารกที่เพิ่งเกิดเข้าไปทุกที”
มู่เถาเยาพยักหน้า
พ่อแม่ของเหมียวอวี้คอยเฝ้าลูกทั้งวันยกเว้นเวลานอนตอนกลางคืน
“เสี่ยวเยาเยา ย่ากับพ่อแม่เหมียวเหมียวปรึกษากันแล้ว อยากพาเหมียวเหมียวกลับบ้าน” ดวงตาที่สงบนิ่งของย่าลู่มีความเศร้าโศก
พวกเขาเป็นเพียงคนชราทั่วไป มีขนบธรรมเนียมที่ยึดถือ จะปล่อยให้ตายในบ้านคนอื่นไม่ได้…
มู่เถาเยามองลู่จือฉิน
ลู่จือฉินพยักหน้า
“ย่าลู่คะ ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว งั้นอีกสองสามวันจะให้เหลียงจีไปส่งกลับนะคะ จากนั้นจะให้เหลียงจีอยู่กับอาจารย์สามก่อน เกิดมีเรื่องอะไรจะได้ไปหาได้ทันที”
“ขอบใจนะเสี่ยวเยาเยา”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะย่าลู่ น้าลู่…พรุ่งนี้หนูยังต้องเข้าเขตป่าชั้นในไปเก็บสมุนไพรถอนพิษ ย่าลู่กับตาเหมียวยายเหมียวคะ ถ้ายังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย พวกเราห้ามยอมแพ้นะคะ”
ยายเหมียวพูดกับมู่เถาเยาด้วยความตื้นตันใจ “เจ้าหญิงน้อย ขอบคุณที่ทำเพื่อเสี่ยวอวี้มากขนาดนี้นะคะ…เหมียวอวี้ทำผิดต่อเจ้าหญิงน้อย…”
“ไม่เลยค่ะ คุณยาย หนูถูกเลี้ยงมาดีตั้งแต่เด็กจนโต กลับเป็นน้าเหมียวที่ต้องตกระกำลำบาก”
“เสี่ยวอวี้เป็นคนพาเจ้าหญิงน้อยออกมา ไม่ว่ายังไงก็สมควรรับความลำบากแล้ว เสี่ยวอวี้ไม่มีทางเสียใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเอาแต่เรียกเจ้าหญิงน้อย”
“ค่ะคุณยาย น้าเหมียวมีตื่นมากินกลางดึกไหมคะ”
“ไม่นะ หลับยาวจนฟ้าสาง แต่หลายวันมานี้กินน้อย ไม่ชอบทำอะไร กินโจ๊กกับน้ำแกงค่อนข้างเยอะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
คุยกันอีกสักพักย่าลู่ก็พูดขึ้น “เสี่ยวเยาเยา นี่ก็เย็นแล้ว ยิ่งดึกยิ่งหนาว กลับไปก่อนเถอะ คนแก่ที่บ้านคงรออยู่”
“ค่ะ พรุ่งนี้เช้าหนูจะมาใหม่นะคะ”
มู่เถาเยาเดินออกมาจากห้องของแม่ลู่ไปที่ห้องรับแขก คุยกับเป่ยซี สองผู้อาวุโสของตระกูลเย่ว์และตระกูลเป่ยเล็กน้อย จากนั้นก็เหาะกลับบ้านครอบครัวหยวนด้วยวิชาตัวเบา
ตอนนี้บ้านของครอบครัวหยวน นอกจากอาจารย์กับลูกศิษย์แล้วก็ยังมีคนตระกูลตี้กับสองผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นและปู่ทวดถังที่พักอยู่
เธอไม่ได้ย้ายออกไป ประการแรกเพราะอาศัยอยู่กับพวกอาจารย์มาสิบแปดปีแล้ว ไม่ใช่แค่เธอ แม้แต่พวกอาจารย์ก็ชินด้วย ประการที่สองเพราะด้านข้างมีห้องปรุงยา พักอยู่ที่นี่สะดวกกว่า
อย่างไรเสียก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงแม้ปกติถ้าเดินก็ครึ่งชั่วโมง แต่ขับรถกลับแค่ไม่กี่นาที
แต่ตอนนี้คงต้องแยกกันกินข้าว มากินด้วยกันบ้างเป็นบางครั้ง
พ่อครัวของบ้านครอบครัวหยวนถูกตี้อู๋เปียนย้ายมาจากเมืองเย่ว์ตู พ่อครัวของตระกูลเย่ว์ถูกเย่ว์เลี่ยงส่งมาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์
มู่เถาเยากินข้าวได้ทั้งสองฝั่ง ไม่มีกำหนดแน่นอน ก็แค่เอาสะดวกเข้าว่า
หมู่บ้านเถาหยวนอยู่ติดกับป่าเขา ในฤดูหนาวอุณหภูมิตอนเย็นจึงต่ำมาก คนมักเข้านอนเร็ว แต่พวกหยวนเหยี่ยรวมถึงเจ้าถุงลมน้อยต่างรอเธอกลับมา
เดิมทีพวกเขาอยากไปรับที่ลานจอดเครื่องบิน แต่มู่เถาเยาไม่ยอมให้คนแก่ เด็ก คนป่วย ฝ่าลมหนาวไปรับเธอ
หยวนเหยี่ยจับมู่เถาเยานั่งลง ตี้อู๋เปียนรีบรินชาร้อนให้ เพื่อให้เธอถือและดื่มให้ร่างกายอบอุ่น
อาจารย์แม่รองยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ไปเจอคุณแม่กับปู่ย่ามาเหรอ”
“ค่ะ น้าเหมียวอาการไม่ค่อยดีแล้วค่ะ ย่าลู่กับครอบครัวเหมียวอยากพาน้าเหมียวกลับหมู่บ้านตงจี๋ค่ะ”
ทุกคนต่างเงียบกันหมด
กลับบ้านเดิม ก็แสดงว่าเตรียมใจกันไว้แล้ว
ต่อให้พวกเขาที่อายุปูนนี้ปลงโลกได้ ความรู้สึกก็ยังหนักอึ้งอยู่ดี
ผ่านไปสองนาทีย่าตี้ก็ถอนหายใจ “เกิดตายแล้วแต่โชคชะตา รวยจนฟ้าลิขิต มนุษย์ยากที่จะฝืนได้”