อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 383 น้องชื่อเบบี๋น้อย
ตอนที่ 383 น้องชื่อเบบี๋น้อย
เดือนมีนาคม เป็นฤดูใบไม้ผลิแห่งการเปิดภาคเรียน
ปู่ย่าตายายของมู่เถาเยา รวมถึงเย่ว์เลี่ยงกับอวิ๋นไป๋ต่างมาที่เมืองเย่ว์ตูด้วย
ไปเยี่ยมศิษย์พี่หญิงห้ากับเยี่ยจั๋วแล้วถือโอกาสกินเลี้ยงร่วมกัน
สุดสัปดาห์แรก บรรดาผู้อาวุโส เย่ว์เลี่ยง มู่เถาเยา ตามอวิ๋นไป๋กลับบ้านตระกูลอวิ๋นที่เมืองเจียงตู
ตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลมหาเศรษฐี บ้านอยู่ในสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเจียงตู
ลานจอดเครื่องบินอยู่ด้านหลังสวนสาธารณะ
คนตระกูลอวิ๋นทั้งหมดรวมถึงอวิ๋นสุ่ยเหยาที่เรียนที่เมืองหลวงก็กลับมาร่วมต้อนรับแขกด้วย
เรื่องที่ทำให้คนตระกูลเย่ว์รู้สึกเหนือความคาดหมายคือ ราชาตี้ตี้จิ่งเทียนกับคุณนายอวิ๋นเหอ รวมถึงสองผู้อาวุโส เจ้าถุงลมน้อย มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน หลินเหอเฟิงศิษย์หลานของมู่เถาเยาที่เป็นอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวให้เจ้าถุงลมน้อยก็อยู่ด้วย
หลังจากทักทายกันตามมารยาทเสร็จเจ้าบ้านตระกูลอวิ๋นก็เรียกให้ทุกคนขึ้นรถ
รถเคลื่อนผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ถัดมาเป็นป่าทึบที่เข้ามาอยู่ในสายตา
ผ่านโลกสีเขียวขจีนี้ไปเป็นเทือกเขาเขียวชอุ่มที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กไม่สูงไม่เตี้ย
ถัดจากเทือกเขาไปเป็นทะเลสาบธรรมชาติ จากนั้นถึงเห็นหมู่อาคาร
สีสันใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันมาก ลวดลายหินอ่อนอันงดงามสร้างเสน่ห์หรูหราต้อนรับแขกที่มา
เงาวาวเหมือนกระจก สะท้อนภาพทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน
มู่เถาเยามองเงาสองคนที่สะท้อนอยู่บนผนัง ดวงตาลูกกวางกลมโตอดโค้งมนไม่ได้
สองผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋น ตระกูลตี้ ราชาตี้ มหาเศรษฐีอวิ๋นพูดคุยกับปู่เย่ว์ย่าเย่ว์ ตาเป่ยยายเป่ย
อวิ๋นไป๋ยิ้มเหมือนคนบ้าคอยฟังอยู่ข้างๆ
เขาไม่มีสีหน้าอื่นอีกนอกจากยิ้ม
อวิ๋นเหอกับหยางชิงเฉวียนจับมือเย่ว์เลี่ยง ดีใจยิ้มไม่หุบ
เย่ว์เลี่ยงมาที่บ้านเป็นครั้งแรก หมายความว่าอะไรทุกคนต่างรู้โดยไม่ต้องพูดออกมา
ในที่สุดอวิ๋นไป๋น้องชายคนเล็กของพวกเขาก็รอมาจนถึงวันนี้ได้
อวิ๋นสุ่ยเหยาคุยกับหลินเหอเฟิง
อวิ๋นสุ่ยเหยาพาเจ้าถุงลมน้อยมารับรองมู่เถาเยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน
“เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน มาได้ยังไง” มู่เถาเยาโอบเจ้าถุงลมน้อยพลางถามสองคนนั้น
มู่หว่านยิ้มฮี่ๆ “เสี่ยวเหยาชวนพวกเรามา”
อวิ๋นสุ่ยเหยายิ้มพลางพยักหน้า “ฉันถามแม่กับอาแล้วค่ะ” รู้ว่าวันนี้วันอะไร เธอรู้กาลเทศะจึงถามคนในครอบครัวก่อน
แต่มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนไม่ถือเป็นคนนอกสำหรับตระกูลตี้ตระกูลอวิ๋น
อย่างไรเสียตอนพวกเขาไปหมู่บ้านเถาหยวน พวกเธอก็ไม่มองพวกเขาเป็นคนนอก
เจียงเฟิงเหมียนเหลือบมองเย่ว์เลี่ยงแล้วหันกลับมากระซิบ “พี่เยาเยา อาของพี่ยอมแต่งงานแล้วเหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย…”
มู่เถาเยาหลุดขำ “มันแปลกตรงไหน น้าเล็กอวิ๋นตามจีบมายี่สิบปีแล้ว วันไหนเกิดอยากแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเปล่า”
“ไม่แปลก แต่อาเย่ว์เปลี่ยนใจเร็วไปหน่อย…ฮี่ๆ…” แต่เธอก็อยากให้ทั้งสองคนลงเอยกัน
หนุ่มหล่อสาวสวย เห็นแล้วเจริญหูเจริญตา!
มู่หว่านก็หันไปมองทางผู้อาวุโส หันกลับมาก็อดขำไม่ได้ “อาเล็กอวิ๋นออกจะหล่อ ทำไมเวลายิ้มเหมือนคนบ้าเลยนะ…”
มู่เถาเยา อวิ๋นสุ่ยเหยา เจียงเฟิงเหมียน หันไปมองพร้อมกันแล้วแอบหัวเราะ
“ความรักทำให้คนดูซื่อบื้อไปเลยเนอะ! น่ากลัวจัง!” เจียงเฟิงเหมียนขนลุกตัวสั่น
มู่หว่านกับอวิ๋นสุ่ยเหยาหัวเราะเปล่งเสียง
มู่เถาเยาก็อดไม่ได้
เจ้าถุงลมน้อยไม่เข้าใจ แต่เขาเห็นพวกพี่สาวหัวเราะก็เอาบ้าง
“วันหน้าฉันไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่” เจียงเฟิงเหมียนตบหน้าอกเบาๆ ท่าทางเหมือนแอบกลัว
มู่หว่านเชิดหน้าขึ้น “ฉันคือคนที่จะทำการใหญ่เชียวนะ!”
อวิ๋นสุ่ยเหยาพูดแซว “พี่เสี่ยวหว่าน วันหน้าพี่จะเป็นดารา บุคคลสาธารณะมีแฟนไม่ได้มีอิสระแบบคนทั่วไปหรอกนะคะ”
“ไม่กังวล เลยสี่สิบพี่ค่อยคิดเรื่องความรัก ก็แค่ไม่รู้ว่าจะโชคดีแบบอาเย่ว์ไหม”
“อืม วันหน้าฉันจะหาแฟนที่ชอบเทคโนโลยีเหมือนกัน แบบนั้นถึงจะคุยกันรู้เรื่อง”
เจียงเฟิงเหมียนครุ่นคิดแล้วพูด “ฉันจะไม่หาแฟนเป็นหมอ อยากได้พวกศิลปิน”
มู่หว่านหันไปถาม “แล้วเสี่ยวเยาเยาล่ะ”
มู่เถาเยามุมปากกระตุก เธอตอบ “ฉันไม่หา วันหน้าฉันจะรับลูกศิษย์ เลี้ยงดูฉันตอนแก่”
มู่หว่านรีบเอาด้วยทันที “งั้นฉันก็ไม่หาเหมือนกัน วันหน้าให้ลูกพี่ชายเลี้ยงดูฉัน”
เจียงเฟิงเหมียนกับอวิ๋นสุ่ยเหยาก็รีบเปลี่ยนคำพูดไม่หาแฟนแล้วเหมือนกัน
มู่เถาเยา “…”
เดี๋ยวนะ ทำไมพวกเธอต้องเอาตามฉันด้วย ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนะ! ตัวเองชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้นสิ!
มู่เถาเยาอยากอธิบายเพื่อหว่านล้อมความคิดกลับมา แต่มีคนเรียกกินข้าวเสียก่อน
ช่างเถอะ เอาไว้ก่อน
เด็กพวกนี้น่าจะแค่พูดเล่น
กินอาหารเที่ยงเสร็จมู่เถาเยาก็บอกทุกคนว่าจะไปเยี่ยมฉือซาน
ย่อมไม่มีใครคัดค้าน
ก็แค่พวกสาวๆ กับเจ้าถุงลมน้อยขอตามไปด้วย
มู่เถาเยาก็เลยพาไปด้วย
รู้จักกันหมด ฉือซานกับสามีไม่มีทางถือสาแน่นอน
มหาเศรษฐีอวิ๋นสั่งให้คนขับรถไปส่งพวกเด็กสาวกับเจ้าถุงลมน้อยที่บ้านครอบครัวสวี
พ่อแม่ของครอบครัวสวีครอบครัวฉืออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
มู่เถาเยาคือผู้มีพระคุณสำหรับพวกเขา
หลังจากทักทายตามมารยาทเสร็จ มู่เถาเยาก็หยิบหมอนรองมือจากกล่องยาออกมาจับชีพจรให้ฉือซาน
“ร่างกายอาซานไม่มีความผิดปกติ…ยามว่างก็ไปเดินเล่นในสวนด้านล่างบ้าง ตากแดดพอประมาณ จะช่วยกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมค่ะ…ห้ามออกกำลังกายหักโหม อย่ายกของหนัก…หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางไกลด้วยนะคะ…”
พูดเรื่องที่ต้องพึงระวังมากมาย
สวีจิงเทาสามีของฉือซานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกคำพูดของมู่เถาเยา จากนั้นก็ตั้งใจบันทึกลงสมุดโน้ต จะได้พกติดตัวดูได้ตลอดเวลา
กว่าจะได้ลูกคนนี้มาไม่ใช่ง่ายๆ
มู่เถาเยายิ้มพูด “อันที่จริงก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ สุขภาพของอาซานใช้ได้เลยทีเดียว ขอแค่ระวังไว้หน่อยก็พอค่ะ”
ฉือซานรู้สึกโชคดีที่ตัวเองออกกำลังกายมาตลอดตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน
“ขอบใจมากเลยนะเสี่ยวเยาเยา”
“อาเขยไม่ต้องเกรงใจค่ะ เด็กคนนี้มีวาสนาต่อพวกคุณอานะคะ”
พ่อสวียิ้มพูด “ไม่งั้นเสี่ยวเยาเยาช่วยตั้งชื่อให้หน่อยได้ไหม”
“เอ่อ…ตอนนี้ยังไม่รู้เพศเลยนะคะ”
ไม่กล้าบอกพวกเขาไปจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นพวกตั้งชื่อไม่เก่ง…แม้ตัวเองจะไม่อยากยอมรับก็ตาม
ฉือซานยิ้มดวงตาโค้งมน “งั้นไว้รอรู้เพศค่อยตั้งก็ได้จ้ะ” ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็เป็นลูกเพียงคนเดียวของเธอในชีวิตนี้
“เอ่อ…ค่ะ”
เจ้าถุงลมน้อยบอกทุกคนด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “น้องสาวผมมีชื่อแล้วฮะ ชื่อเบบี๋น้อย”
ทุกคนต่างหัวเราะ
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบศีรษะเขา
พวกเด็กสาวกับเจ้าถุงลมน้อยอยู่ที่บ้านครอบครัวสวีตลอดช่วงบ่าย กินข้าวเย็นเสร็จถึงกลับบ้านตระกูลอวิ๋น
จากนั้นมู่เถาเยาก็โทรหาศิษย์พี่รองหวังคุนจื้อ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผิงคังสาขาเจียงตูที่อยู่ภายใต้สำนักแพทย์โบราณ บอกว่าพรุ่งนี้ช่วงเช้าจะไปหา
ตอนวันที่เจ็ดหลังขึ้นปีใหม่ ศิษย์พี่รองกับพี่สะใภ้รองได้พาลูกทั้งสองคนไปเยี่ยมอาจารย์ใหญ่ที่หมู่บ้านเถาหยวน เพียงแต่ตอนนั้นเธออยู่ที่เผ่าก็เลยไม่ได้เจอกัน จึงอยากถือโอกาสนี้ไปเยี่ยมด้วย
พวกศิษย์พี่คนอื่นๆ กระจัดกระจายอยู่ตามเมืองอื่นยกเว้นอาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่หญิงห้า ศิษย์พี่หก