อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 394 สุดลูกหูลูกตา
ตอนที่ 394 สุดลูกหูลูกตา
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จมู่เถาเยากับถังถังก็หิ้วกล่องยาใบน้อยไปที่เรือนของท่านผู้เฒ่ากับคุณนายผู้เฒ่าพร้อมคนของตระกูลน่าหลาน
ท่านผู้เฒ่ากับคุณนายผู้เฒ่าไม่ได้อยู่เรือนใหญ่ แต่พักอยู่ในอาคารเล็กๆ หลังหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด
ทั้งสองท่านชอบความสงบ
ทั้งสองท่านไม่ค่อยออกจากเรือนไปไหนยกเว้นตอนฝึกยุทธ์ตามปกติทุกวัน
ปกติกินข้าวก็ทำกินกันเล็กน้อย
บ้านของตระกูลน่าหลานใหญ่มาก ถ้าอิงตามการเดินของคนทั่วไป หากเดินจากเรือนใหญ่ที่น่าหลานรั่วหงอยู่กับภรรยาไปจนถึงเรือนเล็กของสองผู้อาวุโส น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงกำลังนั่งรถนำเที่ยวไปกัน
อันที่จริงอาณาเขตของบ้านจะว่าใหญ่ก็ใหญ่ แต่จำนวนห้องกลับมีไม่เยอะ อย่างไรเสียก็มีแค่สายหลักของตระกูลที่อาศัยอยู่ที่นี่
สาเหตุที่ใหญ่เป็นเพราะมีลานฝึกยุทธ์อยู่ด้วย กินพื้นที่หนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดเลยทีเดียว
รถนำเที่ยวขับผ่านลานฝึกที่เต็มไปด้วยอาวุธประชิดเรียงราย ไปถึงเรือนเล็กของผู้อาวุโสทั้งสอง
เนื่องจากโทรมาบอกก่อนแล้ว ท่านผู้เฒ่าจึงให้คนมารออยู่ที่ประตูเรือน
พอเห็นรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก็เดินขึ้นหน้าเล็กน้อย
“อาหง อาอวี๋…” หญิงวัยกลางคนทักทายทุกคน จากนั้นก็ถามด้วยความตกใจเล็กน้อย “สองคนนี้คือหมอเทวดาหรือ” เด็กขนาดนี้เลย!
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มตอบ “พี่ฟางคะ สองคนนี้คือลูกศิษย์คนเล็กของหมอเทวดาหยวนชื่อมู่เถาเยากับผู้สืบทอดตระกูลถังชื่อถังถัง เสี่ยวเยาเยา ถังถัง พี่ฟางเป็นญาติห่างๆ กับคุณนายผู้เฒ่าจ้ะ พักอยู่เรือนนี้เหมือนกัน”
ป้าฟางสูญเสียสามีกับลูกชายไปจากอุบัติเหตุ ญาติทางฝ่ายครอบครัวสามีก็ไม่เหลือใครแล้ว คุณนายผู้เฒ่าสงสารลูกสาวของญาติผู้พี่จึงรับมาอาศัยอยู่ด้วยกัน
หร่วนฟางเป็นคนใสซื่อจิตใจดีอยู่แล้ว ย่อมไม่อยากมาอาศัยอยู่ฟรีๆ จึงเข้ามาอยู่ในฐานะคนดูแล ทำอาหารให้สองผู้อาวุโสกิน ช่วยทำความสะอาดบ้าน
ผู้อาวุโสทั้งสองชอบความสงบ มีแค่หร่วนฟางพอแล้วไม่ต้องการคนอื่นอีก
มู่เถาเยากับถังถังเรียกพร้อมกัน “น้าฟาง”
“เอ๊ะ เด็กสองคนนี้หน้าตาดีมากเลยนะ! เอ๊ะ น้าคุ้นๆ หน้าถังถังนะ…” เธอเคยเจอผู้สืบทอดตระกูลถังเหรอ เป็นไปไม่ได้!
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มกว้างช่วยคลายข้อสงสัย “พี่ฟางคะ พี่ต้องเคยเห็นถังถังในทีวีแน่ เดิมทีเธอเป็นนักแสดงค่ะ”
“อ้อ พอพูดแบบนี้พี่ก็นึกออกแล้ว!”
ถังถังพูดอย่างอารมณ์ดี “ตอนนี้หนูกลับไปเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ เลยหยุดงานแสดงไว้”
“เรียนสูงๆ มันดีนะ!” ถึงเธอจะความรู้ไม่เยอะ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ชอบอ่านหนังสือ
“ค่ะ”
“รีบเข้ามาเถอะ ท่านผู้เฒ่ากับคุณนายผู้เฒ่ารอจนร้อนใจแล้ว”
ทุกคนตามพี่ฟางเข้าไปในเขตเรือนแล้วขึ้นชั้นบนไปห้องนอนใหญ่
ครอบครัวศาสตราจารย์หลินสามคนเข้าไปทักทายสองผู้อาวุโสเสร็จก็ตามพี่ฟางลงมานั่งดื่มชาในห้องรับแขกด้านล่าง
มู่เถาเยานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง จับชีพจรให้คุณนายผู้เฒ่าที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่
ตรวจเสร็จก็แน่ใจการสันนิษฐานของตัวเองก่อนหน้านี้
“พี่ถังถังคะ พี่มาดูหน่อย”
“จ้ะ”
ถังถังก็จับชีพจรก่อน จากนั้นก็ดูลูกตากับนิ้วมือ
“ถูกพิษค่ะ ก่อนหน้านี้คุณนายผู้เฒ่าไปเก็บดอกอะไรที่มีสีน้ำเงินแดงมีกลิ่นหอมบ้างไหมคะ”
คุณนายผู้เฒ่ากะพริบตา
ท่านผู้เฒ่าอึ้งไปสักพักแล้วตอบ “ดอกนั่นมีพิษเหรอ แต่ว่าคุณนายเอากลับมาวางในบ้านตั้งหลายวัน ฉันกับอาฟางไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“ดอกไม่ได้มีพิษหรอกค่ะ แต่ในดอกมีแมลงมีพิษตัวเล็กๆ สีน้ำเงินอาศัยอยู่ แมลงชนิดนั้นชอบกลิ่นหอมของดอกหลานหลัว อีกทั้งยังใช้ชีวิตในกลิ่นหอมของดอกหลานหลัว คุณนายไปเก็บมาดอกไม้ก็โรยราไปเร็ว แมลงหลานกู่มันโมโหก็เลยต่อยคุณนาย ผลก็เลย…”
ถังถังยกมือขวาของคุณนายผู้เฒ่าที่ไร้ความรู้สึกให้ทุกคนดูนิ้วชี้ของเธอ ตรงบริเวณใกล้เล็บมีจุดสีน้ำเงินเล็กๆ ที่เล็กจิ๋วมาก หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็น
คุณนายผู้เฒ่าไร้ความรู้สึกไปครึ่งตัว ทำได้เพียงกะพริบตา ด้วยเหตุนี้ถังถังพูดอะไรเธอก็กะพริบตาหมด
“จำได้ว่าตอนกินข้าววันรุ่งขึ้นหลังจากที่เก็บดอกไม้กลับมามือของคุณนายก็เริ่มสั่น จากนั้นอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ในเวลาครึ่งเดือนพูดไม่ได้สักคำ พวกเราให้หมอมาดูก็บอกไม่ได้ว่าโรคอะไร ขนาดโรงพยาบาลยังตรวจไม่พบเลยด้วยซ้ำ…พิษชนิดนี้มันทั้งโหดร้ายและทารุณ…”
ท่านผู้เฒ่ามองภรรยาตัวเองแล้วยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย
ถังถังยิ้มพูด “โรงพยาบาลตรวจไม่พบก็ปกติค่ะ ในความเป็นจริงมีอีกหลายโรคที่ใช้เครื่องมือตรวจไม่พบค่ะ ยกตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยก็ สุขภาพของสามีภรรยาไม่พบปัญหาอะไร แต่กลับไม่มีลูกสักที แบบนี้คิดว่าเป็นโรคกันไหมคะ ยังมีบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย ทำอะไรก็ไม่สดชื่น แต่ก็ไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน…”
ทุกคนเข้าใจความหมายของถังถัง
“ถึงแม้มองภายนอกคุณนายผู้เฒ่าจะอาการหนัก แต่พิษชนิดนี้ ต่อให้ไม่ถอนออกก็ทำอันตรายถึงชีวิตไม่ได้ เพราะมันมีวันหมดฤทธิ์ค่ะ อย่างมากก็ห้าเดือน พอถึงตอนนั้นร่างกายก็ขยับได้แล้วค่ะ”
ท่านผู้เฒ่าอึ้ง เขาถาม “งั้นจะปล่อยให้คุณนายอยู่แบบนี้ไปเป็นเดือนๆ เหรอ”
ถังถังส่ายหน้า “ไม่ใช่แน่นอนค่ะ ถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ความเสียหายมันมีแน่ค่ะ ขนาดยายังมีความเป็นพิษแล้วนับประสาอะไรกับพิษ”
น่าหลานรั่วหงถามด้วยความร้อนใจ “งั้นจะทำยังไงดี”
ถังถังยิ้มพูด “หนูกับเสี่ยวเยาเยาจะไปเก็บสมุนไพรมาหน่อย กินสักครึ่งเดือนก็เริ่มดีขึ้น รับรองเลยค่ะว่าคุณนายผู้เฒ่าจะกลับมาแข็งแรงกว่าเดิมแน่นอน คุณนายผู้เฒ่าก็ได้รับประโยชน์จากการถูกพิษครั้งนี้นะคะ”
น่าหลานรั่วเซิง “ประโยชน์อะไรเหรอ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนอธิบายให้คนตระกูลน่าหลานฟัง “ถึงแม้แมลงหลานกู่จะทำคนบาดเจ็บ แต่กลับช่วยเสริมความแข็งแกร่งได้ ใช้มันเป็นส่วนผสมในยาจะช่วยล้างเอ็นคลายเส้นได้ หนูเลยตามหาดอกหลานหลัวมาตลอด เพราะมีแค่ดอกหลานหลัวเท่านั้นที่จะมีแมลงหลานกู่อยู่”
ถังถังพยักหน้า “ดังนั้นหลังจากคุณนายผู้เฒ่ากินยาเข้าไป ร่างกายจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยสามเท่าขึ้นไป ขอแค่ไม่เกิดอุบัติเหตุ อยู่ได้ถึงร้อยสี่สิบร้อยห้าสิบปีก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นคนตระกูลน่าหลานก็ดีใจกันมาก
น้ำเสียงของสวีเสี่ยวเจิงเต็มไปด้วยความดีใจ “เสี่ยวเยาเยา ถังถัง แล้วสมุนไพรหายากไหม หาซื้อข้างนอกได้หรือเปล่า”
มู่เถาเยา “สมุนไพรสดใหม่จะดีกว่าค่ะ แถวนี้มีป่าเก่าแก่หรือป่าลึกบ้างไหมคะ”
อวี้อวี๋ยิ้มตอบ “มีจ้ะ สุดปลายทุ่งนาบ้านเราก็คือภูเขา”
มู่เถาเยากับถังถังทำหน้างง “สุดปลายทุ่งนาเหรอคะ”
ตอนพวกเธอมาถึงก็เห็นแล้วว่าบริเวณรอบบ้านของตระกูลน่าหลานมีแต่ทุ่งนาสีเหลืองทองกับสวนผักผลไม้เขียวขจี
บ้านของเกษตรกรที่อยู่ประปรายคล้ายสิ่งประดับในทุ่งนาที่สุดลูกหูลูกตานี้ มองไปแม้แต่ภูเขาที่อยู่ไกลๆ ก็ยังเห็นไม่ชัด
แล้วสุดปลายนา แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าไกลแค่ไหน!
ตระกูลน่าหลานรวยมาก!
เศรษฐีตัวจริง! รวยจริง!
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “อันที่จริงพวกผลผลิตทางการเกษตรในระยะร้อยลี้นี้เป็นของตระกูลน่าหลานหมด หมู่บ้านนี้ยากจน ชาวบ้านออกไปหางานทำข้างนอก ไม่ทำสวนทำนากันแล้ว พวกเราก็เลยขอเช่าที่ทั้งหมด จ่ายค่าเช่าเป็นรายปี และก็จ่ายค่าแรงให้พวกชาวบ้านช่วยเฝ้าช่วยดูแลหน่อย”
ธัญพืช ผัก ผลไม้ แน่นอนว่ากินยังไงก็ไม่หมด ถ้าพวกชาวบ้านอยากซื้อก็ขายในราคาทุน
มีแบ่งให้กับครอบครัวที่ประสบความยากลำบากที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เช่น ครอบครัวตกยาก ครอบครัวทหาร ครอบครัวเด็กกำพร้า เป็นต้น ส่วนที่เหลือส่งไปขายในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นของครอบครัวตัวเอง
ตระกูลน่าหลานใจบุญมาตั้งแต่สมัยโบราณ