อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 397 เร็วแต่ทำลายไม่ง่าย
ตอนที่ 397 เร็วแต่ทำลายไม่ง่าย
วันอาทิตย์ ฟ้ายังไม่สว่างมู่เถาเยากับถังถังก็เหาะไปลานฝึกยุทธ์แล้ว
เรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้พวกเธอคือ น่าหลานอวิ๋นไคมาฝึกก่อนแล้ว
พวกเธอไม่รบกวนเขา พวกเธอไปฝึกห่างจากเขาหน่อย
นับตั้งแต่ถังถังมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู นอกจากเวลาเรียน เธอแทบจะตัวติดกับมู่เถาเยา ดังนั้นฝีมือจึงก้าวหน้าไปเร็วมาก
อีกทั้งยังกินยาจื่อตัน พอฝึกก็ไปได้เร็ว
เมื่อคนของตระกูลน่าหลานมาถึงก็ตะลึงที่เห็นเด็กสาวสองคนสู้กัน แม้แต่น่าหลานอวิ๋นไคก็หยุดฝึก
มู่เถาเยากับถังถังไม่ได้ใช้กำลังภายใน ใช้แรงมือแรงเท้าล้วนๆ ในการสู้กัน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็หยุดลงในสภาพหน้าแดงก่ำ
“เสี่ยวเยาเยา พี่ก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว!”
“ค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ประมาณหนึ่งปีก็สามารถเข้าเขตป่าชั้นในเองได้แล้วค่ะ”
ถังถังดีใจมาก
เจ้าพวกน่ารักที่เธอเฝ้านึกถึงใกล้มาแล้ว!
มู่เถาเยาเห็นคนตระกูลน่าหลานมองพวกเธอตาค้างจึงยิ้มพูด “ขอโทษด้วยค่ะที่พวกเราใช้พื้นที่ลานฝึกเยอะ”
น่าหลานรั่วหงส่ายมือ “ไม่เลยๆ พวกเราแค่ดูเพลิน เสี่ยวเยาเยา ทำไมกระบวนท่าของเธอมันคุ้นๆ แอบคล้ายกระบวนท่าของตระกูลตี้อู่”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ใช่ค่ะ หนูเคยประลองกับคุณลุงตี้อู่ และก็ฝึกกับพี่หลันฉือบ่อย เลยเรียนกระบวนท่าของตระกูลตี้อู่มาไม่น้อยค่ะ จากนั้นก็เอามาดัดแปลงเอง กลายเป็นแบบตอนนี้ค่ะ”
“สำนักซย่าโหวสนิทกับตระกูลตี้อู่เหรอ” ถึงขั้นที่แลกเปลี่ยนวิชากันเลยเหรอ
“พี่หลันฉือเป็นเพื่อนร่วมคลาสเรียนตอนหนูเรียนปริญญาโทปีที่แล้วค่ะ คุณลุงตี้อู่กับอาจารย์สามของหนูเคยรู้จักกันมาก่อน ตอนนี้หนูก็เตรียมเปิดร้านอาหารบำรุงกับคุณลุงตี้อู่ด้วยค่ะ ช่วงสองปีนี้เลยได้คลุกคลีกัน”
คนตระกูลน่าหลานพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่าเข้าใจ
น่าหลานอวิ๋นไค “คุณหมอเทวดา ประลองกับผมหน่อยได้ไหมครับ”
“น่าหลานอวิ๋นไค เราอายุเท่ากัน ไม่ต้องเรียกแบบเคารพขนาดนั้น ประลองน่ะได้ ฉันก็กำลังอยากทดสอบวิชาตัวเบาของตระกูลน่าหลานอยู่เหมือนกัน”
“งั้นพวกเราเหาะจากตรงนี้ไปที่ภูเขาแล้วเหาะกลับมาไหมครับ”
“ได้”
“อยากพักสักหน่อยก่อนไหม”
“ไม่ต้องครับ”
“งั้นพวกเราเริ่มกันเลยนะ”
“ครับ”
ทั้งสองคนแตะปลายเท้าแล้วเหาะออกไปพร้อมกัน
คนอื่นๆ ก็เหาะขึ้นหลังคา
น่าหลานรั่วเซิงมองตามหลังสองคนนั้นที่ออกไปไกลแล้วยิ้มพูด “อวิ๋นไคน่าจะแพ้หมดรูป”
ลูกชายเขาช่างไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเยาเยามีกำลังภายในสี่ร้อยกว่าปี
กำลังภายในกับวิชาตัวเบาช่วยเสริมกันและกัน
ถังถังพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ใช่น่าจะแพ้หมดรูป แต่เป็นแพ้หมดท่าแน่นอนค่ะ เสี่ยวเยาเยาเก่งกว่าปู่ซย่าโหวอีกนะคะ!”
เธอไม่ได้ดูถูกตระกูลน่าหลานที่เลื่องลือเรื่องวิชาตัวเบา แต่เสี่ยวเยาเยาเก่งเกินไปต่างหาก! คนตระกูลน่าหลานไม่มีทางเก่งไปกว่าปู่ซย่าโหวมือหนึ่งในยุทธภพหรือเปล่า
ผู้เฒ่าน่าหลานมองสองจุดดำบนท้องฟ้าแล้วพูด “บนโลกนี้มีเด็กแบบเสี่ยวเยาเยาด้วยเหรอ!” ทำไมไม่มาเกิดในตระกูลน่าหลานของพวกเขานะ!
เอ๊ะ…แต่เขามีหลานชายที่หน้าตาไม่เลวแถมอายุยังใกล้เคียงกับเสี่ยวเยาเยาถึงสองคนเลยนะ!
ฮ่าๆ…
อยู่ๆ ผู้เฒ่าน่าหลานก็หัวเราะออกมา
น่าหลานรั่วหงถามด้วยความไม่เข้าใจ “ขำอะไรครับพ่อ”
“ว่างๆ พวกแกพาลูกๆ ไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสหมู่บ้านเถาหยวนซานบ้าง”
“…?” สองพี่น้องทำหน้างง
หลายปีที่ผ่านมาตระกูลจอมยุทธ์ต่างคนต่างอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง ไม่หาเรื่องกัน แต่ก็ไม่ได้ผูกมิตร ถ้าพวกเขาตั้งใจไปเยี่ยมเยียนก่อนจะดู…นั่นไปไหม
ผู้เฒ่าน่าหลานหัวเราะ ไม่พูดต่อ
ถังถังอยู่ตรงนี้ เขาไม่กล้าพูดชัดเจนเกินไป เดี๋ยวสาวน้อยจะตกใจกลัว
หลานชายคนโตอายุยี่สิบสอง ก็ดูเหมาะกับถังถัง
หลานชายคนเล็กอายุสิบเก้า เท่ากับเสี่ยวเยาเยา
พอดีเลย!
ไอ๊หยา แค่คิดหัวใจแก่ๆ ของเขามันก็ตื่นเต้นเหลือเกิน!
อวี้อวี๋กับสวีเสี่ยวเจิงเข้าใจขึ้นมาทันที มองหน้ากันแล้วยิ้ม
ความสนใจของถังถังอยู่ที่สองคนนั้นที่หายไปไกล จึงไม่ทันสังเกตว่าคนตระกูลน่าหลานกำลังคิดไม่ซื่อ
ไม่นานมู่เถาเยาก็กลับถึงกลางวง ยิ้มพูดกับผู้เฒ่าน่าหลาน “วิชาตัวเบาของตระกูลน่าหลานสมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ!”
เธอไม่ได้พูดเอาใจ
ถ้าไม่มีกำลังภายในที่เพิ่มมาหนึ่งเท่าก็ใช่ว่าเธอจะชนะ
“อวิ๋นไคมีพรสวรรค์มากที่สุดในบ้านเรา ขนาดเขายังแพ้หมดท่า…น่าอายนัก!”
ท่านผู้เฒ่าไม่โกรธ เพราะเขารู้ว่ามู่เถาเยาไม่ได้ประชด
มู่เถาเยาส่ายหน้า “หนูกินยาจื่อตันเข้าไป มีกำลังภายในสี่ห้าร้อยปีถึงได้มีความเร็วขั้นนี้ แต่ของตระกูลน่าหลานเกิดจากการฝึกฝน เอาแค่วิชาตัวเบาสำนักซย่าโหวก็สู้ไม่ได้ค่ะ”
“กำลังภายในของซย่าโหวไม่มีใครเทียบได้”
“แต่ละสำนักต่างมีวิชาที่สืบทอดกันมาค่ะ”
ท่านผู้เฒ่าพยักหน้า “นั่นสินะ”
น่าหลานรั่วหงยิ้มพูด “อาเคยได้พูดคุยกับนายใหญ่ตระกูลตี้อู่อยู่บ้าง กระบวนท่าของพวกเขาลึกล้ำสวยงาม ต่อให้เราเร็วกว่าเขาก็ใช่ว่าจะทำลายได้ เว้นเสียแต่กำลังภายในขั้นสุดยอดข่มอีกฝ่ายได้”
มู่เถาเยาพยักหน้าเห็นด้วย เธอเคยประลองฝีมือกับคุณลุงตี้อู่ เธอใช้กำลังภายในข่มอีกฝ่าย
แต่ก่อนหน้านี้อาจารย์สามสู้กับคุณลุงตี้อู่ก็ชนะแบบหวุดหวิด เป็นเพราะอาจารย์สามเคยกินยาจื่อตัน จึงชนะคุณลุงตี้อู่ที่ไม่ได้กินยาจื่อตันมาแบบเฉียดฉิว
แสดงให้เห็นว่าวิชาของตระกูลตี้อู่ร้ายกาจขนาดไหน!
ขณะที่ทุกคนคุยกันอยู่นั้นอวิ๋นไคก็กลับมา กำมือโค้งคารวะให้มู่เถาเยา “อวิ๋นไคขอน้อมคารวะ!”
“นายเก่งมากแล้ว ฉันใช้กำลังภายในร่วมด้วย”
“แพ้ก็คือแพ้ อวิ๋นไคยอมแพ้จากใจจริง”
อายุเท่ากัน แถมตัวเองยังไปขอท้าประลอง พอแพ้ขึ้นมาก็พูดได้เพียงว่ายังด้อยฝีมือ
มู่เถาเยายิ้ม “นายเก่งมาก”
น่าหลานอวิ๋นไคคารวะอีกครั้ง “ยังอยากให้คุณหมอเทวดาช่วยชี้แนะอีกครับ”
เขายังอยากประลองอาวุธอีก เพื่อดูว่าตัวเองห่างชั้นมากขนาดไหน
มู่เถาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตามีรอยยิ้ม “ได้”
ทุกคนเหาะลงพื้น
“คุณหมอเทวดาถนัดใช้อาวุธแบบไหนครับ”
“ได้หมด”
“งั้นพวกเราใช้หอกยาวไหมครับ”
หอกเป็นราชาเหนือร้อยทหาร ว่องไวดุจมังกรระเริง เจ้าแห่งอาวุธทั้งสี่
เทพแห่งสงครามในยุคโบราณแทบจะใช้หอกยาวทั้งหมด
“ได้เลย”
“เชิญครับคุณหมอเทวดา”
ทั้งสองคนไปตรงหน้าที่วางอาวุธ น่าหลานอวิ๋นไคให้มู่เถาเยาเลือกก่อน
มู่เถาเยาเลือกหอกยาวมาหนึ่งอัน ลองจับแกว่งไปมา ดวงตาโค้งเล็กน้อย
นี่มันอาวุธโบราณนี่!
ตระกูลเก่าแก่มักมีของสะสม
น่าหลานอวิ๋นไคก็เลือกหอกยาวมาหนึ่งอัน
ทั้งสองคนทำความเคารพกันและกันแล้วเริ่มต่อสู้
น่าหลานอวิ๋นไคทนไปได้สามร้อยกระบวนท่า
แน่นอนว่าเพราะมู่เถาเยาอ่อนให้ เพียงแต่คนอื่นมองไม่ออก
น่าหลานอวิ๋นไคยังเด็ก เธอทำให้เขาแพ้หมดรูปมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะไปทำลายความมั่นใจของเขา
ยังดีที่เด็กคนนี้ใช้ได้ แพ้เป็น สีหน้าไม่แย่เท่าไร ไม่มีความริษยาหรือดันทุรัง
อืม ใช้ได้
“มู่หว่านพี่สาวของฉันก็ฝึกด้วยกันมาแต่เด็ก ฝีมือน่าจะพอๆ กับนาย ไว้ว่างๆ นายลองประลองฝีมือกับเธอสิ เธอเรียนที่เมืองหลวงเหมือนกัน”
เสี่ยวหว่านไม่ได้มีพรสวรรค์มาก แต่ขยัน พยายามไล่ตามเธอตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังได้อาจารย์รอง เธอ และพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานช่วยชี้แนะ มียาจื่อตันช่วยเสริม ต่อให้มารุม เสี่ยวหว่านก็สู้ได้!
ถึงได้มีฝีมือพอๆ กับอวิ๋นไคที่เกิดในตระกูลจอมยุทธ์
น่าหลานอวิ๋นไคยิ้มมุมปากเป็นภาพที่สวยงาม “เอาสิครับ”
มีคนอื่นให้แลกเปลี่ยนความรู้ถึงจะก้าวหน้าได้ไวขึ้น
“อืม เดี๋ยวฉันเอาช่องทางติดต่อเสี่ยวหว่านให้”
“ขอบคุณครับคุณหมอเทวดา”
“ไม่เป็นไร”