อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 407 อวยเยาคืออะไร
ตอนที่ 407 อวยเยาคืออะไร
วันรุ่งขึ้น ฟ้าเริ่มมีแสงอรุณพวกมู่เถาเยาก็ตื่นออกไปฝึกกำลังกันแล้ว
หมู่บ้านเถาหยวนซานพื้นที่กว้างขวางผู้คนเบาบาง มีที่ให้ฝึกยุทธ์มากมาย ทุกคนจึงเลือกฝึกบริเวณพื้นที่โล่งใกล้บ้าน
จุดที่อยู่ใกล้เรือนหลังน้อยของครอบครัวหยวนมากที่สุดคือโรงเรียนประถมเถาหยวน คนที่พักอยู่เรือนครอบครัวหยวนอย่างเช่นมู่เถาเยาปกติจะฝึกวิทยายุทธกันที่สนามกีฬาของโรงเรียนประถม
หากฝึกวิชาตัวเบาจะเหาะขึ้นเหาะลงจากหลังคาไปทั่วหมู่บ้าน หรือไม่ก็เหาะไปป่าเซียนโหยว
คนตระกูลน่าหลานเวลานี้ก็กำลังทำเช่นนั้น
เมื่อวานมู่หว่านกับเหลียงจีได้บอกชัดเจนแล้วตอนที่พาพวกเขาเดินเล่นในหมู่บ้าน จึงไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาที่เป็นคนแปลกหน้าจะทำชาวบ้านแตกตื่น
ตอนพวกเขามาถึงโรงเรียนประถม มู่เถาเยากับซย่าโหวโซ่วกำลังสู้กันอย่างตั้งใจ
คนตระกูลน่าหลานอยากให้ตัวเองมีหลายดวงตาเหลือเกิน
สู้กันจนตาลาย ดวงตาคู่เดียวมองไม่ทัน!
ที่แท้นี่ก็คือการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือ!
เกรงว่าลูกหลานสายตรงอย่างพวกเขารวมกันทั้งหมดก็ยังสู้สองศิษย์อาจารย์คู่นี้ไม่ได้หรือเปล่า
มองจนไม่อาจละสายตา!
พอมู่เถาเยากับซย่าโหวโซ่วสู้เสร็จ คนตระกูลน่าหลานยังมองพวกเขาอย่างอึ้งๆ อยู่ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้สติกลับมา
มู่เถาเยาที่หน้าแดงก่ำเดินเข้าไปใกล้พวกเขาแล้วเอามือโบกตรงหน้า “อาใหญ่ อารองคะ”
น่าหลานรั่วหง “เอ่อ…”
น่าหลานรั่วเซิง “…เสี่ยวเยาเยา พวกเราเองก็กินยาจื่อตัน พละกำลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ทำไมยังเหมือนห่างชั้นกับพวกเธอเยอะเลยล่ะ”
“หนู อาจารย์รอง อาจารย์สาม และยังมีคุณอากับพี่รองของหนู ต่างกินดอกจื่อตันสดทั้งต้นค่ะ ถ้าพละกำลังไม่พอจะกระตุ้นฤทธิ์ของมันไม่ได้ ดังนั้นคนอื่นๆ จึงกินยาจื่อตันแบบเม็ด”
“งั้นถ้ากินแบบสดทั้งต้นพละกำลังจะเพิ่มขึ้นเท่าไรเหรอ”
“เท่าตัวกว่าๆ หลักๆ คือการกระตุ้นให้ดอกจื่อตันแบบสดทั้งต้นออกฤทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นพืชที่มีจิตวิญญาณ…” มู่เถาเยาอธิบายให้คนตระกูลน่าหลานฟังอย่างละเอียดถึงความแตกต่างของการกินยาจื่อตันแบบเม็ดกับกินแบบสดทั้งต้น
น่าหลานอวิ๋นจือถามด้วยความสงสัย “ในเมื่อพละกำลังเพิ่มขึ้นพอกัน งั้นทำไมต้องกินทั้งต้นด้วย ดอกจื่อตันหนึ่งต้นทำยาออกมาได้ตั้งหลายเม็ด แบบนั้นไม่เท่ากับสิ้นเปลืองเหรอ”
“ถึงแม้การกินทั้งต้นกับกินแบบเม็ดจะทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นพอๆ กัน แต่การฝึกฝนในอนาคตจะพัฒนาเร็วกว่ากินแบบเม็ดค่ะ ตอนนี้ฉันถึงได้มีกำลังภายในสี่ห้าร้อยปี”
“ที่แท้ก็แบบนี้”
น่าหลานอวิ๋นไคถาม “เราปลูกดอกจื่อตันเองไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ค่ะ”
คนตระกูลน่าหลานก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบ ไม่อย่างนั้นครั้งก่อนตอนเสี่ยวเยาเยาอยู่บ้านตระกูลน่าหลานคงไม่มีทางพูดว่าหลังเดือนกรกฎาคมสิงหาคมก็อาจจะไม่มีแล้ว
ของดีได้มาง่ายๆ ที่ไหนกัน
สวีเสี่ยวเจิงยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ระหว่างทางที่พวกเรามา เห็นชาวบ้านก็ฝึกยุทธ์กัน”
“ค่ะ ชาวหมู่บ้านเถาหยวนซานมีวรยุทธกันทั้งนั้น”
“มิน่าล่ะ! ชาวบ้านที่พวกเราเห็นเมื่อวานแทบจะไม่มีใครอ้วนหรือผอมเกินเลย” ไม่ว่าจะผู้ชายผู้หญิงเด็กหรือแก่ รูปร่างดูสมส่วนสุขภาพดีกันมาก
ผู้หญิงยิ่งดูสะโอดสะอง
เพราะออกกำลัง ทำให้สัดส่วนโค้งเว้าเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ
น่าหลานรั่วหงยิ้มพูด “หมู่บ้านเถาหยวนซานชวนให้รู้สึกเหนือความคาดหมายจริงๆ”
ถ้าพวกเขาไม่มาก็ไม่มีทางรู้ว่าประเทศเหยียนหวงยังมีหมู่บ้านที่ไม่เหมือนใครแบบนี้ด้วย
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “คนหมู่บ้านเถาหยวนซานดีมากค่ะ”
น่าหลานรั่วเซิงพูดต่อ “ถ้าไม่ดี หมอเทวดาหยวนกับผู้อาวุโสซย่าโหวคงไม่มีทางปักหลักเกษียณที่นี่ ในหมู่บ้านก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบนี้นะครับ”
พวกเขาเพิ่งมาได้ครึ่งวันกว่าก็ได้รู้ถึงความเก่งกาจของกลุ่มศิษย์อาจารย์นี้จากปากของชาวบ้าน โดยเฉพาะเสี่ยวเยาเยา ไอเดียเกือบทั้งหมดมาจากเธอก่อน
พวกเขารู้ดีว่าเดิมสำนักซย่าโหวเป็นอย่างไร ดังนั้นสภาพหมู่บ้านในสมัยก่อนไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพราะสำนักซย่าโหว
ถึงแม้สำนักแพทย์โบราณจะช่วยรักษาคนเจ็บป่วย แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ ได้แค่ช่วยชีวิต ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนความคิด
พอพวกเขามาที่นี่ก็ได้รู้จักเสี่ยวเยาเยาในมุมใหม่
ตระกูลน่าหลานใจบุญมาแต่โบราณ แต่ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงชาวบ้านนัก
พวกเขาให้ปลาชาวบ้าน แต่เสี่ยวเยาเยาสอนชาวบ้านจับปลาอย่างแท้จริง
ทั้งหมู่บ้านก้าวหน้าไปพร้อมกัน
นี่คือคนที่ทำงานใหญ่!
อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า วันหน้าหากเสี่ยวเยาเยาขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ จะเปลี่ยนแปลงเผ่าที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นโลกในอุดมคติแล้วไปเป็นแบบไหนกัน
น่าติดตามเหลือเกิน!
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “เพราะพวกเขายินดีเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ และก็ขยันด้วย”
อวี้อวี๋ยิ้มพูด “แต่ก็เกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจก่อนนะ”
“ใช่ค่ะ ความเชื่อใจมาจากที่อาจารย์ใหญ่ของหนูสะสมมาค่ะ” ไม่อย่างนั้นเด็กอย่างเธอในตอนนั้นจะทำให้ทุกคนยอมฟังได้อย่างไร
สวีเสี่ยวเจิงเอ่ยชม “เสี่ยวเยาเยา หมู่บ้านเถาหยวนซานของพวกเธอเป็นแดนสวรรค์เลยนะ!”
“ค่ะ ภูมิศาสตร์สภาพแวดล้อมดี ผู้คนก็ดีด้วยค่ะ”
“หลักๆ คือผู้คนดี ไม่อย่างนั้นดินแดนไกลโพ้นแบบนี้ ต่อให้สภาพแวดล้อมดีแค่ไหนก็ยากจะพัฒนาขึ้นมาได้”
มู่เถาเยายิ้ม ทั้งหวานทั้งอบอุ่น
น้าเจิงพูดถูก ผู้คนดีต่างหากที่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเธอกับอาจารย์ไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้นาน
น่าหลานอวิ๋นหร่านเหมือนได้ความกระจ่างแล้ว “ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมคนในกลุ่มถึงอวยเยา”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ถามด้วยความไม่เข้าใจ “อวยเยาคืออะไรเหรอ”
“เอ่อ…เป็นต้นว่า ถ้าพี่เป็นแฟนคลับของดาราสักคนหรือไอดอลคนไหนก็ตาม พี่ก็จะใช้การอวย แสดงความรักและความชอบ อารมณ์แบบสนับสนุนอย่างรุนแรงหรือคลั่งไคล้สุดๆ คนในกลุ่มมีแต่แฟนคลับพี่ ก็เลยเรียกอวยเยาค่ะ”
“เข้าใจแล้ว หมายความว่า ถ้าพี่ชอบและสนับสนุนใครหรือสิ่งไหน ก็ใช้ว่าอวยบลาๆๆ ได้ใช่ไหม”
น่าหลานอวิ๋นหร่านพยักหน้า “ใช่ค่ะ ความหมายตามนั้นเลย”
มู่เถาเยาทำสีหน้าบรรยายไม่ถูก
เดิมทีมีแค่พวกผู้ใหญ่ที่ชอบโอ้อวดเธอ ตอนนี้พัฒนาไปถึงว่าคนนอกก็อวยเธอแล้วเหรอ
เสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหมียนไปพูดชมมากเกินไปแน่ เลยทำทุกคนเข้าใจผิด!
สวีเสี่ยวเจิงพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกเย้า “ที่แท้เสี่ยวเยาเยาก็ไม่ได้รู้หมดทุกเรื่อง”
ถ้าเสี่ยวเยาเยารู้ว่าสวีเสี่ยวอวิ๋นน้องสาวของเธอกับสามีเคยแกล้งพูดว่าอยากส่งหลินเฮ่าชุนไปให้เสี่ยวเยาเยาเลี้ยง บอกว่าหลินเฮ่าชุนได้หมดทั้งสายโหดสายแบ๊ว เสี่ยวเยาเยาคงไม่เข้าใจความหมาย ทีนี้ก็รู้แล้วว่าเสี่ยวเยาเยาไม่ประสีประสาในด้านไหน
มู่เถาเยาที่มีใบหน้าซาลาเปาอ่อนเยาว์พูดอย่างจริงจัง “หนูย่อมมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากค่ะ”
อวี้อวี๋มองสีหน้าของสาวน้อย เธอยิ้มพูด “ไม่รู้ก็ไม่สำคัญ แต่หนูรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ นี่ไม่ใช่ความเก่งแบบธรรมดาๆ นะ!”
น่าหลานอวิ๋นหร่านคล้องแขนมู่เถาเยา “พี่เยาเยาไอคิวเท่าไรเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยทดสอบ”
สวีเสี่ยวเจิง “เสี่ยวเยาเยา พวกเรากลับกันเถอะ เมื่อกี้หนูเหงื่อออก ถ้ายังไม่อาบน้ำอีกจะไม่สบายเอาได้”
“ค่ะ ทุกคนกลับไปอาบน้ำล้างหน้าแล้วมากินข้าวเช้านะคะ กินเสร็จจะได้เตรียมของเข้าเขตป่าชั้นในกัน”
คนตระกูลน่าหลานพยักหน้า
แยกย้ายกันเป็นสองกลุ่มกลับห้องพักของตัวเอง
—————————————————-