อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 411 ฉันไม่ใช่คนเหรอ
ตอนที่ 411 ฉันไม่ใช่คนเหรอ
วันรุ่งขึ้น มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และหยวนเหยี่ยพาปาอิน ลู่หันซู และถังถังไปปรุงยาที่ห้องด้านข้าง
วันที่สามคนตระกูลน่าหลานกลับฝั่งตะวันตก
เดิมทีมู่เถาเยาอยากให้เหลียงจีไปส่งลู่หันซู ถังถัง และตี้อู่หลันฉือ แต่สามคนนั้นปฏิเสธ แค่ให้ไปส่งในตัวอำเภอ จากนั้นพวกเธอค่อยนั่งรถไปเมืองกังตูเพื่อต่อเครื่องบิน
วันนี้เครื่องบินของตี้อู๋เปียนไปส่งคนตระกูลซย่าโหวกลับฐานที่มั่นของพวกเขา
ปีที่แล้วไม่ได้กลับ ยังไงปีนี้ก็ต้องกลับ
หลังกลับมาจากลานจอดเครื่องบิน ตี้อู๋เปียนก็ถามมู่เถาเยาขณะดื่มชา “ซาลาเปาน้อย เธอจะกลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์เมื่อไรเหรอ”
“อีกไม่กี่วันก็จะตรุษจีนแล้ว โรงงาน บริษัท ห้องทดลองของหมู่บ้านเถาหยวนซานจะเริ่มหยุดวันมะรืน ช่วงสองวันนี้ฉันจะช่วยคุณลุงผู้ใหญ่บ้านกับป้าเฟยแจกของขวัญปีใหม่ พอเสร็จธุระพวกนี้อาจารย์สามกับเหลียงจีคงกลับมาพอดี พวกเราก็จะกลับพร้อมกัน พอนักบินของคุณกลับมาจากส่งพวกอาจารย์รอง คุณก็กลับเมืองหลวงพร้อมอาจารย์ใหญ่ของฉันไปก่อนเถอะ”
หยวนเหยี่ยจะไปฉลองตรุษจีนที่เมืองหลวงกับคนตระกูลตี้ และจะไปเยี่ยมเสี่ยวจินเหยี่ยกับตี้อู๋เสียด้วย
ตี้อู๋เสียก็ตั้งท้องแล้ว เพิ่งได้รับแจ้งข่าวดีเมื่อคืน หยวนเหยี่ยจึงตัดสินใจไปเมืองหลวง
เวลานี้เย่ว์เลี่ยงอยู่ในช่วงตั้งท้องที่ค่อนข้างสุขสบาย แถมยังมีมู่เถาเยากับลู่จือฉินไปดูแล เขาจึงไม่ตามไปดีกว่า
ตี้อู๋เปียน “ฉันกับปู่หยวนรอพวกเธอค่อยออกพร้อมกัน”
หยวนเหยี่ยพยักหน้า
“พวกเราไม่ได้ไปทางเดียวกันเสียหน่อย”
ตี้อู๋เปียน “พวกเราจะอยู่กับเธออีกสองวัน ไม่อย่างนั้นเธออยู่ที่นี่คนเดียวได้เหงาแย่”
ปาอินมองมู่เถาเยาด้วยสีหน้างุนงง ‘หรือว่าฉันไม่ใช่คน’
มู่เถาเยาเข้าใจความหมายของปาอิน เธอเองก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
แต่เธอลองคิดดู ตี้อู๋เปียนอาจหมายถึงว่าเสี่ยวอินกับพี่เหลียงจีพักอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ว์ งั้นเธอก็ต้องอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆ
วันนี้อาจารย์สามกับเหลียงจีเป็นตัวแทนเธอกลับเมืองเย่ว์ตูเอาของขวัญปีใหม่ไปให้พวกศิษย์พี่ วันมะรืนถึงจะกลับมา
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “พวกเราก็ไม่ได้รีบร้อนกลับ รอเสร็จแล้วไปพร้อมกันก็ได้ ถึงจะไปคนละทางก็ไม่เห็นเป็นไร”
“ก็ได้ค่ะ” มู่เถาเยาไม่พูดอะไรมากอีก
“ซาลาเปาน้อย อีกเทอมนึงเธอก็จะเรียนจบแล้ว พอถึงตอนนั้นจะไปเมืองหลวงเลยหรือเปล่า”
“อืม ช่วงหลายวันนี้ฉันจะดูมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงไว้ก่อน อยากหาที่ไม่ได้เข้มงวดมากนัก”
“เธอต้องการฝึกฝนเพื่อสร้างชื่อให้ประเทศ ไม่ว่ามหาวิทยาลัยไหนก็ล้วนแต่อยากต้อนรับให้ดี เลือกเอาที่เธอชอบก็พอ”
“อืม รอเรียนจบฉันกลับเผ่าไปอยู่เป็นเพื่อนรออาคลอดค่อยตั้งใจเลือกอีกที ช่วงสองสามปีนี้อาฉันต้องเลี้ยงลูก ต่อไปช่วงปิดเทอมหน้าร้อนกับหน้าหนาวฉันอาจต้องกลับเผ่ามากหน่อย ตี้อู๋เปียน คุณต้องตั้งใจหาดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตหน่อยนะ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
เขาส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาบนภูเขาทั่วประเทศแล้ว ถึงขั้นที่นักพฤษศาสตร์จินเฉิงเจียงก็ตามคนของเขาไปด้วย
คนของเขาไปหมดทุกป่ายกเว้นป่าเซียนโหยว จินเฉิงเจียงย่อมยินดีตามไปด้วย
ส่วนทางเขาได้ให้ดอกฉยงฮวาตามหาในป่าเซียนโหยวไปก่อน หากไม่มีค่อยขอตามหาในประเทศเพื่อนบ้านโดยออกตามหาในนามประเทศเหยียนหวง
ยังมีเวลา ไม่รีบ
ปาอิน “เสี่ยวเยาเยา ไว้ถึงเวลาฉันจะช่วยเธอตามหาในเผ่าด้วย ตราบใดที่มีอยู่จริงยังไงก็ต้องหาเจอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม”
ถ้าขนาดคนมีความสามารถอย่างพวกเขายังหาไม่เจอ ก็แสดงว่ามันไม่มีอยู่จริง
ดังนั้นเธอกับพวกอาจารย์ต้องเอาชนะจุดอิ่มตัว เผื่อว่าพอถึงเวลาตี้อู๋เปียนจะได้ยังมีหนทางรอด
“ซาลาเปาน้อย ร้านอาหารสุขภาพที่เธอร่วมทำกับตระกูลตี้อู่เป็นยังไงบ้างแล้ว”
“พอไหว ถึงจะไม่มีใครมาสั่งทำอาหารระยะยาวสำหรับรักษาโรคเรื้อรัง แต่ขายปลีกย่อยก็มีบ้าง คุณลุงตี้อู่ก็ให้คนเอากลุ่มทัวร์ชั้นดีไปลงอยู่”
“คนสมัยนี้ให้ความสำคัญกับการกินเพื่อสุขภาพ ก็เลยชอบทำอาหารกินเอง กลัวข้างนอกทำไม่สะอาด แถมพวกเธอก็ไม่ได้ใช้ชื่อสำนักแพทย์โบราณเพื่อเรียกลูกค้า ระยะแรกก็คงยากหน่อย”
“อืม เชฟฝีมือไม่เลว ยังพอไปไหว”
หยวนเหยี่ย “ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็เพื่อสนองความอยาก หรือไม่ก็หาที่นั่งคุย หรือไม่ก็เอาความสะดวก…ส่วนเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ คนเราขอแค่กินให้ครบสามมื้อก็พอแล้ว…นักโภชนาการบางคนทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก แท้จริงแล้วก็เพื่อขายอาหารเสริม…เฮ้อ…”
สำนักแพทย์โบราณของพวกเขาไม่เคยขายอาหารเสริม
ถ้าแก่แล้วกระดูกไม่ดีกินแคลเซียมช่วยให้ดีขึ้นจริง แบบนั้นคนเราก็ไม่ต้องแก่กันแล้ว
อยากเสริมสร้างกระดูกต้องบำรุงที่ไขกระดูก กินแคลเซียมมันไม่มีประโยชน์หรอก!
เขากล้าพูดเลยว่า พนักงานในร้านขายยาไม่มีทางเอาอาหารเสริมพวกนั้นให้คนในครอบครัวแน่นอน เพราะพวกเขาเห็นคนกินมาเป็นปีๆ แล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมาซื้อกินต่อ
ยาที่เสี่ยวเยาเยาขายเป็นพวกยาบำรุงแบบเจาะจง เช่น เพื่อความงาม เพื่อปลูกผม ผลลัพธ์เห็นได้ชัด ไม่ใช่แบบที่หลอกขายเพื่อเอาเงินเท่านั้น
ปาอินพยักหน้า “นักโภชนาการหลายคนทำเพื่อขายของ ไม่ใช่ว่าศาสตร์ด้านโภชนาการไม่มีประโยชน์ แต่มันไม่ได้เหมาะกับทุกคน อย่างเช่นโฆษณาบางตัวที่บอกว่า ดื่มนมวันละครึ่งลิตร…ต้องดื่มไปถึงอายุแปดสิบ…แต่ในความเป็นจริง เด็กที่ดื่มนมตามปริมาณที่กำหนด อาจไม่ได้แข็งแรงไปกว่าเด็กที่ไม่ดื่มนม กลับกลายเป็นว่าเด็กบางคนดื่มแล้วท้องเสียเรื้อรัง อาเจียนไม่หยุด…”
มู่เถาเยายิ้ม “เอามาตรฐานเดียวมาใช้กับทุกคนมันย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะแต่ละท้องที่มีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน การงานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สภาพร่างกายก็ต่างกัน…มาตรฐานจึงไม่ควรเหมือนกัน”
ตี้อู๋เปียนพูดต่อ “ก็เหมือนกับอาจารย์คนเดียวสอนเด็กทั้งชั้นด้วยวิธีที่เหมือนกัน เด็กบางคนเรียนได้ดี เด็กบางคนเรียนไม่เข้าหัว เอาของเข้าปาก ถ้าแค่ไม่เห็นผลยังพอทำเนา แต่บางคนกินผิดสำแดงแล้วเกิดผลข้างเคียงจะทำให้เจ็บป่วยได้”
ปาอินพยักหน้า “นั่นสิ เหมือนกับที่บางคนชอบพูดจนติดปาก ดื่มน้ำวันละแปดแก้ว ในความเป็นจริง สำหรับคนใช้แรงงานที่หยินพร่องภายในร้อน การดื่มน้ำแปดแก้วจะช่วยขับพิษได้จริง แต่สำหรับคนที่ทำงานใช้สมองเน้นนั่งอยู่กับที่กลับจะเป็นการสะสมพิษได้ง่าย”
อาหารไม่มีแบ่งแยกสูงต่ำถูกแพง มีแต่การนำไปใช้ให้เหมาะสม
อย่างเช่นนมวัวที่ทุกบ้านกินได้เหมือนกัน มันอาจดีสำหรับคนที่ท้องผูกบ่อย แต่สำหรับคนที่ร่างกายภายในค่อนข้างชื้นเย็น ต้องดื่มแต่น้อย
มู่เถาเยา “สำหรับคนทั่วไป ขอแค่กินอาหารวันละสามมื้อ สารอาหารก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย”
ตี้อู๋เปียน “ใช่ว่านักโภชนาการ บางคนจะไม่รู้ แต่พวกเขาไม่อยากพูดและก็ไม่กล้าพูด”
ทำไมถึงไม่อยากพูดและก็ไม่กล้าพูดน่ะเหรอ ก็เพราะบางคนอยากขายของทำเงิน จึงมาในคราบนักวิชาการหลอกเอาเงินชาวบ้านที่ไม่ประสีประสายังไงล่ะ!
หลายคนรู้ดีแก่ใจ แต่ก็ไม่มีใครห้าม ก็แค่ไม่ไปซื้อ
พูดตามตรง พวกตี้อู๋เปียนก็โกรธอยู่หรอก แต่โลกมันกว้างใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาจัดการไม่ไหว
โชคดีที่การกินของพวกนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายอย่างเป็นรูปธรรม อย่างมากก็แค่ไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่บอกไว้