อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 51 เย่ว์เลี่ยงรู้วรยุทธ์
ตอนที่ 51 เย่ว์เลี่ยงรู้วรยุทธ์
วันจันทร์
หลังจากถังถังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็บอกผู้เฒ่าทั้งสามคนว่าจะขอเข้าไปตั้งแคมป์ในป่าสักสองสามวัน
หยวนเหยี่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เธอจะติดตามพวกชาวบ้านเข้าไปดูไม้จันทน์ ไม้กฤษณา หรืออะไรก็ได้แล้วแต่ แต่ห้ามอยู่นอกสายตาพวกเขาเด็ดขาด ลืมเรื่องตั้งแคมป์ไปได้เลย แค่เธอออกนอกเส้นทางไปนิดเดียว ก็ยากจะจำทางกลับออกมาได้”
“ฉันจะไม่เถลไถลไปไหนไกลหรอกค่ะ แค่อยากเข้าไปสำรวจต้นไม้ดอกไม้ในป่า”
อาจารย์แม่เล็กถังหยวนยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “เสี่ยวถังถัง เธอไม่ใช่คนในหมู่บ้าน ย่อมไม่รู้ว่าป่าดึกดำบรรพ์อันตรายขนาดไหน แม้ชื่อเซียนโหยวนี้ฟังแล้วจะดูดี แต่ในป่านั้นอันตรายมาก”
อาจารย์เล็กจึงรีบร่ายต่อจากคำพูดของภรรยา พลางพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้องแล้ว! ภายในป่าไม่เพียงแค่มีหมาป่า เสือ เสือดาว และงูพิษเท่านั้น แต่ยังมีวัชพืชมีพิษอีกนับไม่ถ้วน ไม่ใช่ที่ที่หญิงสาวจากเมืองใหญ่อย่างเธอจะเข้าไปเดินเล่นสบายๆ เหมือนสวนหลังบ้านได้ ฟังที่พวกเราพูดเถอะ แค่ไปเดินดูแถวเขตชั้นนอกกับพวกชาวบ้านก็พอ อย่าเข้าไปตั้งแคมป์ในนั้นเลย”
สาวน้อยตัวเล็กๆ คนนี้บอบบางเกินไป อย่าว่าแต่ใช้เวลาแปดวันสิบวันเพื่อเดินเข้าไปยังเขตชั้นในของป่าดึกดำบรรพ์เลย เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นกลางทางเสียก่อน
“อาจารย์ อาจารย์แม่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน” ดวงตากลมโตของถังถังเป็นประกายวิบวับ
หยวนเหยี่ยถาม “สาวน้อย เธออยากเข้าไปหาของบางอย่างในนั้นเหรอ”
เขาได้กลิ่นหอมพิเศษลอยมาจากตัวเธอในคืนที่เธอมาถึง
“สมกับที่เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก! ฉันปิดคุณไว้ไม่ได้เลย” ถังถังยิ้มกว้างเห็นฟันเรียงสวย
ทุกคน “…”
พวกคุณทั้งสองเล่นทายปัญหากันอยู่เหรอ
พวกเขาทั้งหมดไม่เข้าใจเลยว่าสองประโยคสุดท้ายที่พูดออกมามีความหมายว่าอย่างไร
“ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลถังแห่งเซียงเฉิง ทำไมเธอถึงไปเป็นนักแสดงล่ะ บรรพบุรุษของเธอยังสบายดีอยู่ไหม ฉันจำได้ว่าชายชราน่าจะอายุมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว”
“ปีนี้บรรพบุรุษอายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีแล้วค่ะ เขายังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ต้องขอบคุณอาจารย์ปู่ของสำนักแพทย์โบราณที่ยอมสละสมบัติของสำนักเพื่อช่วยชีวิตบรรพบุรุษของฉัน”
ถังถังลุกขึ้นจากเก้าอี้โค้งคำนับหยวนเหยี่ยด้วยความซาบซึ้งใจ หยวนเหยี่ยโบกมือให้เธอนั่งลง
“ไม่ต้องพูดถึงว่าอาจารย์ของฉันกับบรรพบุรุษของเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ต่อให้พวกเขาไม่รู้จักกันเลย เพื่อช่วยรักษาชีวิตคนคนหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมบัติใด หากไม่นำมาใช้ล่ะก็สิ่งนั้นจะยังควรค่าให้เรียกว่าเป็นสมบัติได้ยังไง”
ดวงตาของถังถังโค้งขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ สีหน้ายิ้มแย้ม
เธอรู้ดีว่าสำนักและตระกูลเก่าแก่ส่วนใหญ่ที่สืบทอดกันมานานนับพันหรือหลายพันปีจะมีสมบัติที่สามารถช่วยชีวิตคนได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจจะใช้สิ่งนี้เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น ไม่ต้องพูดถึงว่าสำนักแพทย์โบราณไม่ได้ร้องขอเงื่อนไขใดๆ กับตระกูลถังเลย
“การที่บรรพบุรุษของตระกูลเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้และจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกนาน ล้วนเป็นโอกาสที่สำนักแพทย์โบราณมอบให้ ถังถังและคนตระกูลถังแห่งเซียงเฉิงทุกคนไม่เคยลืมบุญคุณนี้เลยแม้สักวินาที”
อาจารย์แม่เล็กถังหยวนตัวแข็งทื่อ เธอถามไปด้วยความตกใจว่า “เสี่ยวถังถัง เธอเป็นสมาชิกของตระกูลถังแห่งเมืองเซียงเฉิงเหรอ”
“ใช่ค่ะ อาจารย์แม่เล็ก คุณน่าจะเป็นย่าของฉันสินะคะ ฉันเคยได้ยินปู่ทวดพูดถึงคุณมาก่อน”
คราวนี้เปลี่ยนเป็นหยวนเหยี่ยที่ตกตะลึงบ้าง
อยู่ร่วมกันมาก็หลายปี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าถังหยวนเป็นสมาชิกของตระกูลผู้ใช้พิษที่โด่งดังนั่น
“แม้ว่าฉันจะเป็นคนของตระกูลถัง แต่ฉันก็ออกจากเซียงเฉิงตั้งแต่อายุหกขวบ และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลย” อาจารย์แม่เล็กพูดพลางถอนหายใจ
“ในปีนั้น ปู่ทวดและคุณปู่อยากพาคุณกลับไปที่ตระกูลถังจริงๆ แล้วทำไมคุณถึงไม่ยินดี…”
“ฉันรู้ ปู่ทวดของเธอปรารถนาเลี้ยงดูฉันจากใจจริง แต่ฉันไม่สนใจเรื่องพิษ ยิ่งไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้แม้แต่น้อย นอกจากนี้พ่อของฉันเสียชีวิตจากยาพิษที่เขาทำ ดังนั้น ในตอนที่ฉันยังเด็กๆ จึงรู้สึกไม่อยากอยู่ในตระกูลถังอีก”
“ฉันได้ยินมาจากคุณปู่ของฉันว่า ปู่ทวดเรียกชื่อของคุณตอนที่เขากำลังจะหมดลมหายใจ สมาชิกในตระกูลตอนนั้นก็อยากจะมารับคุณไปดูใจเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ปู่ทวดห้ามทุกคนไว้บอกว่าอย่าไปรบกวนชีวิตของคุณ ตราบใดที่รู้ว่าคุณใช้ชีวิตแบบใดก็เพียงพอแล้ว”
“ปู่ทวดของเธอตกอยู่ในวิกฤตขนาดนั้นเมื่อไหร่”
“คุณปู่บอกว่าเมื่อตอนที่เขาอายุเจ็ดสิบเก้าปีค่ะ ต่อมาสมาชิกตระกูลได้เชิญเพื่อนสนิทของปู่ทวดหรือก็คืออาจารย์ของหมอเทวดาหยวนมาได้ทัน อาจารย์ปู่ใช้วิชาของสำนักแพทย์โบราณรวมถึงสละสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของสำนัก ‘ดอกไม้สองชีวิต’ จึงช่วยชีวิตปู่ทวดเอาไว้ได้”
อาจารย์แม่เล็กพยักหน้า
เชื้อสายของเธอ เนื่องจากสูญเสียผู้เป็นพ่อไป ทำให้ทั้งเธอและแม่ไม่อยากได้ยินเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับตระกูลถังอีก จึงจงใจเพิกเฉยข่าวสารทุกอย่างไป
“คุณย่าคะ คุณทวดยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าคะ”
“เสียชีวิตไปตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้วล่ะ”
ถังถังพยักหน้า
ยี่สิบปีก่อน คุณทวดก็น่าจะอยู่ในวัยเก้าสิบกว่าปีแล้ว อายุขัยสิ้นสุดลง ก็เป็นเรื่องปกติที่เธอจะเสียชีวิต
ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเหมือนกับบรรพบุรุษของตระกูลเธอที่ประสบโชคหลังพบเคราะห์ หลังจากกินยาล้างพิษที่ปรุงโดยดอกไม้สองชีวิตลงไป ร่างกายเขาก็กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง แถมยังสามารถยืดอายุขัยมาได้กว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปี มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังแข็งแรงดีอยู่เลย!
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เธอไม่รีบร้อนกลับตระกูลถังไป
เพราะยังมีบรรพบุรุษคอยดูแลตระกูลถังอยู่
ส่วนในอนาคตข้างหน้า ย่อมเป็นเธอที่รับช่วงสืบทอดต่อตระกูลถัง
ส่วนปู่และพ่อของเธอ…ยากจะอธิบายได้!
หยวนเหยี่ยเพิ่งจะหายจากอาการตกตะลึงหลังจากได้รู้ว่าถังหยวนมาจากตระกูลถัง เขาหันไปถามถังถังว่า “เสี่ยวถังถัง เธออยากเข้าไปหาแมลงพิษและพืชพิษเพื่อใช้กลั่นพิษในป่าดึกดำบรรพ์ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ” ถังถังพยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย
“เธอเป็นคนตระกูลถัง ดังนั้นเรื่องพิษฉันไม่กังวล แต่ในป่าดึกดำบรรพ์ นอกจากยาพิษแล้วยังมีสัตว์ป่าดุร้ายที่สามารถต้านทานพิษได้ เธอจะเข้าไปข้างในป่าคนเดียวไม่ได้”
“อาจารย์ใหญ่วางใจเถอะค่ะ เห็นอย่างนี้แต่ฉันก็ฝึกวรยุทธ์มาเหมือนกัน”
ซย่าโหวโซ่วสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“เสี่ยวถังถัง อย่างนั้นเธอมาประมือกับฉันสักสองสามกระบวนท่าเป็นไง”
“เอาสิคะ! กำลังภายในของเสี่ยวเยาเยาทรงพลังมาก เธอจะต้องได้รับการชี้แนะจากอาจารย์เล็กมาอย่างแน่นอน”
“ฉันไม่ได้สอนเธอสักเท่าไหร่หรอกนะ ทั้งหมดล้วนเป็นเธอที่แตกฉานเอง” นี่ไม่ใช่คำพูดชมเชยเพราะการถ่อมตัวแต่อย่างใด
แต่ถังถังรู้ว่าตระกูลซย่าโหวเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในยุทธภพ ดังนั้นคำพูดนี้จึงค่อนข้างไปในทางถ่อมตัวมากกว่าสำหรับเธอ
ถังถังไม่เชื่อ แต่เย่ว์จือกวงเชื่อ!
ลึกๆ แล้วเขามั่นใจในตัวน้องสาวของเขา ต่อให้คนอื่นบอกว่าน้องสาวสามารถฉีกช่องว่างมิติได้ เขาก็ยังจะเชื่อ!
เขาไม่สนใจถังถัง แต่กลับสนใจผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวทั้งหมด
ดังนั้นจึงถอนหายใจอย่างหนักภายใน คิดในใจอย่างชื่นชมอีกฝ่ายสุดๆ ว่า ไม่แปลกใจเลยที่กล้ากระโดดขึ้นรถชายร่างใหญ่แปลกหน้าสองคนเมื่อวันก่อน ปรากฏว่าเธอไม่เพียงแต่ใช้พิษได้ แต่ยังรู้ทักษะวรยุทธอีกด้วย!
วงการบันเทิงวุ่นวายมาก ที่เธอสามารถยืนหยัดเพียงลำพังอย่างมั่นคงได้ แน่นอนว่าเธอย่อมมีดีอยู่สักอย่างสองอย่าง
เธอหน้าตาดีขนาดนั้น (อืม เห็นแก่หน้าน้องสาว เขาจะยอมกัดฟันบอกว่าเธอดูดีก็แล้วกัน) คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเธอมีทั้งเงินและอำนาจคอยหนุนหลังอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครช่วยออกหน้าแทนเธอเลย
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่เคยมีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอเลยในวงการ
สิ่งนี้ไม่ได้อาศัยเพียงความฉลาดอย่างเดียว ยังต้องอาศัยความสามารถเป็นส่วนใหญ่ด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริง การสมรู้ร่วมคิดและเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพียงเมฆหมอก
ในขณะที่เย่ว์จือกวงจมลงสู่ห้วงความคิด เท้าของเขาก็เดินตามคนสองสามคนออกจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปดูชายชราและหญิงสาวประมือกันในลาน
ผลการประลองที่ออกมาคือ ยังไม่ทันถึงกระบวนท่าที่สิบถังถังก็พ่ายแพ้ให้กับอาจารย์เล็กโดยสิ้นเชิง
หยวนเหยี่ยคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้ไว้แล้ว
ถังถังตกตะลึงมาก!
เธอยังคงตกใจในความเป็นจริงที่ว่าตัวเองพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้!
ซย่าโหวโซ่วหัวเราะดังลั่น “เสี่ยวถังถัง ด้วยทักษะของเธอในตอนนี้ เข้าป่าไปมีแต่จะไปเพิ่มมื้อเย็นให้สัตว์ร้ายในป่าเขตในเท่านั้น”
“เอ่อ…แล้วทักษะของเสี่ยวเยาเยาล่ะคะ”
“เสี่ยวเยาเยา เก่งกว่าอาจารย์ทั้งสองคนของเธอมากนัก!” ซย่าโหวโซ่วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“…”
เย่ว์จือกวงก้าวไปข้างหน้าพูดกับซย่าโหวโซ่วที่กำลังยิ้มร่าว่า “อาจารย์เล็ก ขอผมประลองฝีมือกับคุณด้วยได้ไหม”
“เธอก็เรียนรู้วรยุทธ์เหมือนกันเหรอ”
“ครับ เรียนมาจากป้าของผม” อย่างไรก็ตามเขาได้แซงหน้าป้าของเขาไปแล้ว
“เย่ว์เลี่ยงก็รู้วรยุทธ์ด้วย?”
“ใช่ครับ” ที่จริงคนในตระกูลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้ทักษะพวกนี้มาได้อย่างไร จู่ๆ วันหนึ่งพวกเขาก็เห็นเธอฝึกอยู่ที่ลานบ้าน
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองเข้ามาดู จะให้ใช้กำลังภายในหรือเปล่า”
“ใช้ครับ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นระวังตัวด้วย”
เย่ว์จือกวงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์เล็กเองก็เช่นกันครับ”
“โอ้ ดูเหมือนคนหนุ่มสาวอย่างเธอจะมีความมั่นใจมาก เข้ามาสิ ฉันอยากเห็นแล้วว่าเธอจะรับมือฉันได้ถึงขั้นไหน”
เย่ว์จือกวงอยากรู้ความแข็งแกร่งของสำนักฝึกวรยุทธ์อันดับหนึ่งของโลกว่าเป็นอย่างไร