อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 84 ฟ้าหลังฝน
ตอนที่ 84 ฟ้าหลังฝน
หลังพักกลางวันจบลง เย่ว์เลี่ยงก็ถึงเวลาต้องกลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์สักที
อวิ๋นไป๋ยืนกรานที่จะไปส่งเธอ!
ไม่ต้องพูดว่าสีหน้าของเย่ว์เลี่ยงดูหมดคำพูดแค่ไหน ขนาดมู่เถาเยาเห็นแล้วก็ยังรู้สึกขัดตา
“นี่คือเที่ยวบินตรงเพื่อกลับบ้าน คุณจะไปส่งอะไร!” เย่ว์เลี่ยงรู้สึกว่ามือของเธอคันมากและอยากจะต่อยใครสักคน
“ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณบนเครื่องบินได้ ตลอดทั้งไฟท์นี้บินนานถึงสิบชั่วโมงเต็ม อีกอย่างคุณลุงคุณป้าก็ไม่ได้กลับด้วย ผมกลัวคุณจะเหงาเมื่อต้องนั่งคนเดียวไม่มีใครคุยกับคุณนานๆ”
เย่ว์เลี่ยง “…” ไม่เป็นไร! ขอบคุณ!
ย่าตี้ยิ้มและช่วยพูดสนับสนุนไปว่า “เย่ว์เลี่ยง พ่อกับแม่ของเธอยังจะอยู่เที่ยวเล่นที่นี่อีกสองสามวัน ถ้าต้องนั่งอยู่บนเครื่องบินคนเดียวนานๆ กว่าสิบชั่วโมงคงน่าเบื่อไม่น้อย ทำไมไม่ให้อวิ๋นไป๋ไปส่งเธอล่ะ”
“นั่นสิ เย่ว์เลี่ยงการอ่านหนังสือบนเครื่องบินน่ะไม่ดีต่อสายตานะรู้ไหม มันง่ายกว่ามากถ้าปล่อยให้อวิ๋นไป๋ช่วยลูกฆ่าเวลา”
ย่าเย่ว์ไม่อยากพลาดลูกเขยที่ดีอย่างอวิ๋นไป๋คนนี้จริงๆ
มู่เถาเยา “อาคะ รีบไปขึ้นเครื่องเถอะค่ะ เดี๋ยวจะกลับถึงเผ่าดึกเอา”
“…ตกลง ถ้างั้นอาจะส่งวีแชทหาเธอหลังกลับถึงเผ่านะ”
“ค่ะ”
หลังจากเย่ว์เลี่ยงร่ำลากับทุกคนแล้ว เธอก็หันหลังกลับและเดินไปขึ้นเครื่องบิน
อวิ๋นไป๋วิ่งตามหลังเธอติดๆ
ท่าทางที่เงอะงะนั้นทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นพากันหัวเราะ
ย่าตี้มองไปที่แผ่นหลังของทั้งคู่ที่ดูเหมาะสมกันเหลือเกิน จากนั้นก็พูดด้วยอารมณ์ว่า “จริงๆ แล้วที่อวิ๋นไป๋พูดก็ไม่ผิด ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ปู่ตี้หัวเราะฮ่าๆ และพูดว่า “คนเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อไขว่คว้าความสุข ขอเพียงทำแล้วมีความสุข ก็ปล่อยใจแล้วไปทำมันให้เต็มที่เถอะ”
เขาไม่มีลูกสาว แต่มีหลานสาว
หากอู๋เสียพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าการไม่แต่งงานนั้นเหมาะกับเธอมากกว่า เขาก็จะไม่บังคับเธออย่างแน่นอน ขอแค่เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นอิสระก็พอ
ไม่ใช่ว่าปู่เย่ว์และย่าเย่ว์คิดไม่ตก แต่พวกเขาแค่เสียดายอวิ๋นไป๋ที่ทำดีต่อเย่ว์เลี่ยงทุกอย่าง
ในสังคมสมัยนี้ลูกสาวหาง่าย แต่คนที่รักจริงนั้นหายาก
ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของเย่ว์เลี่ยงยังพิเศษ จะหาคนที่คิดสู่ขอเธออย่างจริงใจได้สักกี่คนเชียว
มองดูเครื่องบินที่หายไปจากท้องฟ้า มู่เถาเยาก็อดไม่ได้ที่จะหลุบตาเล็กน้อย
อามีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เธอเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่อีกมากมาย คงไม่สามารถทำตัวติดหนึบกันได้ทั้งวันเหมือนในชาติก่อนตอนที่เธออายุเพียงแปดขวบอีก
มู่เถาเยาถอนหายใจหนักๆ ในใจ จากนั้นก็ปรับสีหน้าของเธอและจูงมือถุงลมน้อยไปหาผู้เฒ่าหลายคนและพูดว่า “แดดตอนบ่ายค่อนข้างร้อน เรากลับบ้านกันก่อนเถอะค่ะ”
ย่าตี้ยิ้มกว้างแล้วพูดว่า “โอเคจ้ะ ไว้สายหน่อยเราค่อยออกมาเดินเล่นด้วยกันอีก”
ทุกคนขึ้นรถและกลับไปที่วิลล่าของตระกูลเย่ว์
ย่าตี้มองไปรอบๆ ห้องโถงรับแขกและอดไม่ได้ที่จะชม “ห้องนี้ตกแต่งได้อย่างคลาสสิกมาก ให้อารมณ์เก่าแก่และมีกลิ่นอายของชนเผ่าที่แข็งแกร่งมาก สวยมากจริงๆ !”
ย่าเย่ว์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉันได้ยินมาจากอากวงว่าอสังหาริมทรัพย์นี้ถูกพัฒนาโดยอวิ๋นไป๋ เมื่อดูจากการออกแบบห้อง บอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ใช้ความคิดกับมันไปอย่างมาก แต่เย่ว์เลี่ยงของฉัน…เฮ้อ”
เธอไม่ต้องการบังคับลูกสาวของเธอ แต่ก็รู้สึกปวดใจแทนอวิ๋นไป๋ด้วย
มู่เถาเยาซึ่งนั่งอยู่ระหว่างย่าทั้งสองคนถามว่า “ย่าตี้คะ ตระกูลอวิ๋นคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอคะ”
“เย่ว์เลี่ยงไม่ต้องการแต่งงาน อวิ๋นไป๋ก็ไม่ต้องการมองหาคนอื่น พวกเขายังจะทำอะไรได้นอกจากต้องปล่อยเขาไป!”
“ผู้อาวุโสของตระกูลอวิ๋นพูดง่ายขนาดนั้นเชียว? พวกเขาไม่รู้สึกไม่พอใจอาบ้างเลยเหรอคะ”
บนแผ่นดินจงโจว สถานะของผู้หญิงนั้นต่ำมาก ลูกสะใภ้หลายคนมักจะถูกครอบครัวของสามีกดขี่ทรมาน
จนกระทั่งเธอขึ้นนั่งตำแหน่งจักรพรรดินี สถานะของผู้หญิงในราชวงศ์เทียนเย่ว์จึงดีขึ้นเล็กน้อย
แค่เพียงเล็กน้อยจริงๆ
คาดเดาว่าไม่กี่ปีหลังจากที่เยี่ยนหังขึ้นครองราชย์ต่อจากเธอ แนวคิดเรื่องที่ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
แต่เป็นเพราะเธอคิดถึงเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอจึงไม่ได้ใช้ยาแรงในรัชสมัยของเธอ ออกกฎบังคับฝืนแก้ไข
แนวความคิดที่ฝังลึกมานับพันปี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลง
ย่าตี้ตบหลังมือเล็กๆ ของมู่เถาเยาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเถาเยา ผู้อาวุโสของตระกูลอวิ๋นน่ะล้วนเป็นคนดีมาก หนูน่าจะเห็นได้จากอวิ๋นเหอและอวิ๋นไป๋พวกเขาสองพี่น้องว่าเข้ากับคนง่ายและตรงไปตรงมาขนาดไหน ถ้าพวกเขาคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ ก็คงไม่มีทางเลี้ยงลูกออกมาได้ดีขนาดนี้”
ปู่ตี้พยักหน้าเห็นด้วย “อวิ๋นเซียวพี่ชายของอวิ๋นไป๋มีลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งชื่ออวิ๋นสุ่ยเจวี๋ยและอวิ๋นสุ่ยเหยา เด็กทั้งสองคนนั้นก็เป็นเด็กดีมาก”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ถ้าคุณผู้หญิงอวิ๋นเหอไม่ดี เธอคงไม่ได้เป็นภริยาของราชาของประเทศ
ย่าตี้ถามด้วยความสงสัยว่า “เสี่ยวเถาเยาก็อยากให้อาของหนูและอวิ๋นไป๋ได้ลงเอยกันเหมือนกันเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ น้าเล็กอวิ๋นดีกับอาของหนูมาก”
“ทั้งอวิ๋นไป๋และเย่ว์เลี่ยงต่างก็เป็นเด็กดี แต่พวกเราไม่สามารถฝืนบังคับความสัมพันธ์ของพวกเขาได้จริงๆ ช่างน่าเสียดาย”
มู่เถาเยายิ้ม อีกหน่อยไม่แน่หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถุงลมน้อยยกมือเล็กๆ ของเขาขึ้นแล้วพูดว่า “อันเหยี่ยก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน”
ย่าเย่ว์ยิ้มกว้างทั้งใบหน้า เธอยกมือขึ้นบีบแก้มย้วยๆ ของเหลนชายตัวอวบอ้วนที่อยู่ในอ้อมแขนของมู่เถาเยาเบาๆ และเออออกับเขาไปว่า “แน่นอนสิ เสี่ยวอันเหยี่ยของเราเป็นเด็กดีที่สุด!”
“อาเล็กเองก็เป็นเด็กดี ให้พี่สาวฝังเข็มอย่างเชื่อฟัง!”
ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุขมาก
มู่เถาเยาลูบหัวน้อยๆ ของเขา ดวงตากลมโตของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ
หลังจากหัวเราะกันจนพอใจแล้ว ย่าตี้ก็หันไปพูดกับย่าเย่ว์ “เข่อเหยา ทำไมพวกเธอไม่มาค้างกับพวกเราที่คฤหาสน์ตระกูลตี้เลยล่ะ ไปๆ มาๆ แบบนี้เหนื่อยออก แถมที่นี่ยังคนน้อย ดูเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้”
ย่าเย่ว์เหลือบมองหลานสาวตัวน้อยของเธอ ค่อนข้างลังเลเล็กน้อย
จุดประสงค์ที่พวกเธออยู่ที่นี่ต่อก็เพื่อใช้เวลากับเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ให้มากขึ้น แต่เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ตอนกลางวันยังต้องไปเรียน จะให้พวกเขาตามเธอไปถึงมหาวิทยาลัยก็คงไม่ได้จริงไหม
มู่เถาเยา “ปู่กับย่าไปพักที่คฤหาสน์ตระกูลตี้เถอะค่ะ ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่ด้วยอยากกินอะไรก็สะดวก แถมระหว่างวันยังไม่ต้องไปๆ กลับๆ ถ้าหนูเลิกเรียนแล้วจะตรงไปหาปู่กับย่าที่คฤหาสน์ตระกูลตี้เลยนะคะ”
ปาอินพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ปาเฝ่ยก็จะกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในวันรุ่งขึ้น ถ้าให้ทิ้งปู่กับย่าไว้ที่วิลล่าเพียงลำพังกับบอดี้การ์ดเพียงไม่กี่คนเธอเองก็ไม่วางใจ
มีเพียงคนไม่กี่คนอาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ดูเงียบเหงาเกินไปจริงๆ
ที่ตระกูลตี้มีคนเยอะ ไม่เพียงแต่มีผู้สูงอายุในวัยใกล้เคียงกันเท่านั้น แต่ยังมีเด็กเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวาและน่ารักด้วย ซึ่งนั่นก็ช่วยทำให้ครึกครื้นมากทีเดียว
ส่วนผู้ป่วยรายนั้นพอจะเพิกเฉยไปได้
ย่าเย่ว์จับมือหลานสาวตัวน้อยของเธอแล้วกุมไว้ “ถ้างั้นหลานจะกลับมาค้างที่ตระกูลตี้ด้วยกันใช่ไหม”
ย่าตี้ “เสี่ยวเถาเยา ไม่ใช่ว่าหนูชอบห้องอ่านหนังสือของอู๋เปียนมากหรอกเหรอ มาค้างด้วยกันเถอะนะ”
มู่เถาเยาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าตกลง
เดิมที่เหตุผลที่ผู้เฒ่าทั้งสองคนอยู่ต่อก็เพื่อเธอ ตอนกลางวันเธออยู่เป็นเพื่อนพวกเขาไม่ได้ ตอนเย็นอย่างน้อยก็ต้องกลับมากินข้าวด้วยกัน แต่แค่นั้นก็ดูจะน้อยเกินไปสักหน่อย
“ถ้าอย่างนั้นหนูพักที่ห้องข้างๆ เสี่ยวอันเหยี่ยเลยแล้วกันนะจ๊ะ” ย่าตี้ดูมีความสุขมาก
“เสี่ยวอันเหยี่ยนอนคนเดียวเหรอคะ” มู่เถาเยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แม้ว่าเธอเองก็นอนคนเดียวตั้งแต่อายุหนึ่งขวบ แต่นั่นก็เป็นเพียงอายุของร่างกาย ส่วนจิตวิญญาณของเธอมีอายุสามสิบหกปีแล้ว
“ใช่จ้ะ เขาถูกพ่อแม่ฝึกให้นอนคนเดียวตั้งแต่เขาอายุแค่สามขวบแล้ว”
มู่เถาเยามองลงมาที่คนตัวเล็กและชมเชย “เสี่ยวอันเหยี่ยช่างน่าทึ่งจริงๆ !”
ถุงลมน้อยหัวเราะคิกคัก
ย่าเย่ว์หันไปพูดกับมู่เถาเยา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ หลังจากอยู่ที่นี่กับหลานอีกสองสามวันปู่กับย่าตั้งใจว่าจะไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานเพื่อขอบคุณอาจารย์ของหลานและตั้งใจจะไปเยี่ยมแม่ของหลานด้วย”
ปู่เย่ว์ “ถึงตอนนั้นจะเปลี่ยนเป็นตาและยายของหลานที่มาหาหลานที่นี่ จากนั้นก็จะเป็นพ่อและพี่ชายคนโตของหลานตามลำดับ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ในเมื่อตัดสินใจนับญาติแล้ว ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องได้พบหน้ากัน
ย่าเย่ว์ลูบเส้นผมสีดำขลับนุ่มสลวยของหลานสาวแล้วพูดว่า “แม่ของหลานเธอคิดถึงหลานมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพราะอาการป่วยที่รุนแรงเธอจึงผ่ายผอมและไม่แข็งแรงอย่างเก่า ดังนั้นคงต้องรอให้เธอรักษาหายดีก่อน เธอถึงจะมาพบกับหลานในรูปลักษณ์ที่เธอคิดว่าดูดีที่สุด…เพราะงั้นคงต้องรอจนกว่าหลานจะปิดเทอมภาคฤดูร้อน หลานถึงจะได้กลับไปเจอกับเธอ”
“หนูเข้าใจค่ะ”
ย่าตี้พูดพร้อมรอยยิ้มเบาๆ “ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็มาถึงสักทีนะ”
“ค่ะ ปู่ตี้ ย่าตี้ คุณปู่ คุณย่า งั้นหนูขอขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ เราทิ้งตี้อู๋เปียนให้อยู่บ้านคนเดียวนานแล้ว”
ย่าเย่ว์โบกมือ “ไปเถอะจ้ะ ก็อย่างที่หลานพูดว่าอู๋เปียนอยู่บ้านคนเดียวนานแล้ว เก็บของก่อนแล้วเราค่อยไปพูดคุยกันที่โน่นต่อ”
หลายคนพยักหน้า
มู่เถาเยากวักมือเรียกบอดี้การ์ดให้ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บสัมภาระของเธอ จากนั้นพวกเขาก็ไปเป็นแขกที่คฤหาสน์ตระกูลตี้ด้วยกัน