อัศวินดำ - ตอนที่ 28
◆ อัศวินดำคุโรกิ
พวกซอมบี้หายไปแล้วเมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผมเดินไปทางถนนสายหลักตามลำพัง
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างส่งเสียงเชียร์เรย์จิ
มันก็สมควรแล้วล่ะนะ เพราะเรย์จิเป็นคนช่วยอาณาจักรนี้ไว้
แถมเวทมนตร์ที่เรย์จิในตอนสุดท้ายก็สุดยอดมาก
ตอนนั้นผมจำได้เลยล่ะ
หลังจากที่ผมทำลายวงเวทของซัลคิซิส ผมก็กลับไปที่พื้นดินข้างบน ในตอนนั้นผมตกใจมากที่เห็นโอรุจิ จิยูกิ กับโทโดโรกิ นาโอมิที่ทางออก แต่ดูเหมือนพวกเธอกำลังมองที่บนฟ้าจนไม่ได้สังเกตถึงสิ่งรอบข้างเลย
และในที่ที่ทั้งสองคนกำลังมองอยู่ ตรงนั้นผมเห็นเรย์จิกำลังบินอยู่และมีแสงสว่างส่องไปทั่วท้องฟ้า แสงนั้นส่องไปสุดลูกหูหูตา นั้นเป็นเวทมนตร์ที่ป้องกันไม่ได้หากมีใช้คุณสมบัติธาตุเดียวกัน
ตอนที่ผมต่อสู้กับเรย์จิครั้งก่อน เขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์นั้น คราวหน้าต้องระวังหน่อยแล้วสิ
เอาตรงๆ ผมเองก็ไม่อยากต่อสู้หรอก แต่เรย์จิคงจะมาโจมตีนากอลอีกแน่ ดังนั้นการต่อสู้คงเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาก็คือเรน่า ถ้าเธอยอมแพ้เรื่องการรุกรานนากอลแล้วการต่อสู้ก็ไม่น่าจะมีครั้งต่อไป ปัญหาคือจะทำให้เธอยอมแพ้ได้ยังไงนั้นล่ะ? นั่นล่ะคำถาม
แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อหากอยู่ในอาณาจักรนี้ เรน่าเองก็หายตัวไปแล้ว ผมไม่รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่คงต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของเธอหน่อยแล้ว
ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือชายที่ชื่อซัลคิซิส
เขาเป็นใคร? ผมอยากรู้ควาหมายของคำพูดนั้น ที่ว่าบอกว่าโมเดสเป็นคนทรยศและยังบอกว่าผมทำลายแขนของเทพนากอล หากพูดถึงนากอลก็คือดินแดนของโมเดส แต่ว่าดูเหมือนนากอลที่เขาหมายถึง มันจะมีความหมายอีกแบบนึง
ผมต้องกลับไปถามโมเดสที่นากอล แต่ก่อนอื่นผมคงต้องทำตามเป้าหมายดั้งเดิมที่มาที่นี่ซะก่อน
ดังนั้นพรุ่งนี้คงต้องออกเดินทางจากอาณาจักรร็อกแต่เช้า
ในตอนนี้ผมอยากไปบอกลาทุกคนให้มากที่สุด โดยเริ่มจากคนที่คอยดูแลผมก่อน
พอผมคิดเช่นนั้น ผมก็เจอกับคนที่หน้าคุ้นเคยกำลังเดินมา
[ เร็มเบอร์ไม่ใช่เหรอ? เกิดอะไรนะ? ]
ผมเห็นเร็มเบอร์กำลังเดินมา แต่ดูท่าทางเขาแตกต่างจากปกติ ดูราวกับกำลังมีเรื่องกังวลอยู่
ทั้งที่ตอนนี้ที่ราชวังกำลังจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองให้กับผู้กล้า ทั้งยังเชิญกาลิอุสและทหารรับจ้างเป็นแขกพิเศษมาด้วย เพราะพวกเขาช่วยยับยั้งพวกซอมบี้เอาไว้
เป็นธรรมดาเพราะพวกเขาต่อสู้กับซอมบี้ที่ทางเข้าของเมืองนี่นะ
ในทางกลับกันอัศวินแห่งวิหารนั้นแทบเรียกได้ว่าหายนะ แม้ว่าพวกเขาจะรอดกันมาทุกคน แต่เพราะหันดาบเข้าหาผู้กล้า แม้ว่าจะถูกบงการและควบคุมอยู่ พวกเขาเลยบอกว่าจะคอยรับใช้และคุ้มกันให้อาณาจักรนี้จนกว่าเรย์จิจะกลับไปที่ลีนาเรีย หากเชิญพวกเขาไปร่วมงานด้วยก็มีแต่จะโดนหัวเราะเยาะจนทำให้อับอาย
กาลิอุสเองก็เลือกที่จะไม่ไปงานเลี้ยง แค่เพราะเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างจึงมีแต่ต้องไปเท่านั้น ถึงจะไม่อยากไปก็ตาม
ผมเองก็ได้รับเชิญเหมือนกัน แต่ผมปฏิเสธกับไม่อยากไปเจอหน้าเรย์จิ นั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว
แล้วทางเร็มเบอร์ล่ะ? ไม่ไปร่วมงานเลี้ยงเหรอ? หรือว่าเขาจะมาทำหน้าที่?
[ อ่ะ.. อา… คุณคุโระ? ]
หน้าของเร็มเบอร์ดูมืดมน
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นผมเลยจนกระทั่งผมเรียก
[ มาทำอะไรที่นี่? ไม่ไปที่ราชวังจะไม่เป็นไรเหรอครับ? ]
เร็มเบอร์ส่ายหัวเมื่อผมถาม
[ ไม่ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ….. เพราะถึงที่วังไม่มีข้าอยู่ก็คงไม่เป็นไร … ข้าอยากไปพัก ]
เร็มเบอร์พูดโดยไม่ได้มองตาผม
เร็มเบอร์ดูราวกับไร้พลัง
ผมเองก็ถูกเร็มเบอร์ดูแลตอนที่อยู่ในอาณาจักรนี้เหมือนกัน ดังนั้นผมคงปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
[ เร็มเบอร์ถ้าพอมีเวลาล่ะก็ไปดื่มกันดีมั้ยครับ? ]
ถึงผมจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่คงดีกว่าถ้าชวนเขาไป
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
[ มีผู้ชายแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอ… ? ]
ฉันบอกเรย์จิเรื่องชายสวมหน้ากากในห้องใต้ดิน เรย์จิแสดงสีหน้าเศร้ามากออกมา
[ ขอโทษนะจิยูกิ ถ้าตอนนั้นฉันไปกับเธอล่ะก็… ]
เรย์จิขอโทษฉัน
แต่นายกลับเลือกที่จะไปช่วยอัลมีนาเนี่ยนะ!! ช่างเถอะ ฉันไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
นั่นคงเป็นขีดจำกัดของเรย์จิ ถ้าเด็กผู้หญิงสองคนกำลังลำบาก เขาก็เลือกที่จะช่วยได้คนเดียวอยู่แล้ว
อัลมีนาไม่เหมือนกับฉัน ฉันยังพอจะต่อสู้ได้อยู่บ้าง แต่ในตอนนั้นฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
ที่จริงเรย์จิก็ไม่ได้บอกให้ฉันทำอะไรหรอก ดังนั้นเขาเลยไปช่วยอัลมีนาทันที
ในโลกเดิม ฉันก็ถูกปฏิบัติแบบนี้เสมอจนเริ่มจะชินไปแล้ว ดังนั้นฉันเลยไม่โกรธเรย์จิ เพราะฉันเองก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเลย
แต่ตอนนั้นฉันกลัวจริงๆ
ถ้าตอนนั้นคนๆ นั้นไม่มาช่วยฉันไว้ ไม่รู้เลยว่าฉันจะเป็นยังไง นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันถูกผู้ชายชีวิตชีวิตเอาไว้ ครั้งแรกก็คือเรย์จิ
ฉันอยากจะขอบคุณเขา แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นเขาเลย ฉันเลยเดินไปที่ห้องใต้ดินนั้น
แต่ทั้งชายที่ช่วยฉันไว้และชายสวมหน้ากก้ไม่อยู่ที่นั้นแล้ว เหลือแต่เพียงร่องรอยการต่อสู้เท่านั้น
จากสภาพห้องดูแล้ว มันคงเป็นเวทมนตร์ที่รุนแรงมากแน่ๆ
พื้นห้องเต็มไปด้วยน้ำแข็งและถูกละลายด้วยความร้อนสูง ดูเหมือนพวกเขาจะใช้เวทมนตร์ปะทะกัน
คนที่ช่วยฉันไว้มีทั้งพลังกายที่ยอดเยี่ยมและยังมีพลังเวทมหาศาล แถมยังเก่งขนาดโยนคายะได้ นี่เขาเป็นใครกันแน่?
[ นี่ คุณจิยูกิ คนที่ช่วยคุณเอาไว้เป็นคนแบบไหนเหรอ? ]
ชิโรเนะพูดขึ้นขณะที่ดวงตาเปล่งประกาย ดูเหมือนเธอจะชอบอีเวนท์แบบฮีโร่ปรากฏตัวมาช่วยกลางคันแบบนี้
[ ไม่รู้หรอก เพราะเขาปิดบังใบหน้าไว้น่ะ ]
เขาปิดบังใบหน้าไว้ทำให้ชี้ชัดไม่ได้ แต่เขาต้องมีใบหน้าที่อ่อนโยนแน่
[ ผู้ช่วยชีวิตลึกลับที่ปิดบังใบหน้าเหรอ ต่อไปก็พัฒนาเป็นความรักสินะค๊า!! ]
นาโอะพูดเข้าขากับชิโรเนะ
[ ไม่ใช่สักหน่อย!! ]
ชิโรเนะกับนาโอะหัวเราะกัน
มันก็จริงอยู่ที่นาโอะกับฉันถูกเขาช่วยเอาไว้ แต่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องมาช่วยพวกเราไว้ด้วย เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
[ คุณนาโอะ… อันตราย!! ]
ฉันจัดการเขกหัวนาโอะ
ครั้งนี้มันอันตรายจริงๆ นะ ถึงจะทำเป็นตลก แต่ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด
[ น่า อย่างน้อยก็มั่นใจว่ามีใครบางคนกำลังคอยช่วยเราจากเงามืด ฉันมั่นใจว่าเราต้องหาเขาเจอแล้วได้พบกันอีกครั้งแน่ ]
นาโอะพูดอย่างมีความสุข
[ นี่ ทุกคนอย่าลืมสิว่าเจ้าหมอนั้นมันโรคจิตน่ะ ดังนั้นหมอนั้นคงไม่มาแสดงตัวให้เห็นต่อหน้าหรอก ]
เรย์จิพูดจาอย่างอึดอัด
อาจจะดูไร้เหตุผล แต่เรย์จิดูจะไม่ได้สนใจเขาเลย
เพราะเรย์จิเป็นประเภทที่ไม่สนใจเรื่องของเพศเดียวกัน
แม้แต่ในโลกเดิม เรย์จิก็ไม่มีเพื่อนผู้ชายเลยสักคน โดยส่วนใหญ่แล้วรอบตัวเขามีแต่ผู้กญิงทั้งนั้น แม้ว่าจะมีคนเพศเดียวกันอยู่ข้างๆ ตัวอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีคนที่สนิทพอจะเรียกว่าเพื่อนได้
เพราะคนเหล่านั้นเข้ามาใกล้เรย์จิเพียงเพื่ออยากเข้าใกล้ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขา
ดูคล้ายกับสิงโตตัวผู้ล่ะมั้ง
ฉันคิดว่าจะเปรียบเรย์จิเป็นสัตว์ก็น่าจะเป็นสิงโต
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้สิงโตตัวอื่นเข้ามาใกล้ฝูงแกะของตัวเองและกัดสิงโตตัวอื่นที่พยายามจะเข้าใกล้
ดังนั้นเขารอบข้างเขาจึงมีแต่เด็กผู้หญิงน่ารักเท่านั้นและเกลียดเพศเดียวกัน
ยกเว้นเสียแตจะเป็นผู้ชายที่ดูจะไร้พิษสงหรือพวกอ่อนปวกเปียก เพราะนั้นน่ะไม่พอจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เรย์จิได้หรอก
แต่คนที่มาช่วยพวกเราคราวนี้แข็งแกร่งมาก ดังนั้นถ้าเขาเข้ามาใกล้พวกเรา อาจจะต้องมีเรื่องจนต้องต่อสู้กับเรย์ก็ได้
ทำไมเขาถึงต้องปกปิดใบหน้าด้วยนะ กลัวมีคนจะรู้? หรือว่ามีเหตุผลอื่นอยู่?
แต่ยังไงเราก็ยังไม่รู้เหตุผลนั้นอยู่ดี เขาอยากเป็นพวกเดียวกับเรา? บางทีที่เขาช่วยพวกเขาอาจจะเพราะอยากเป็นพวกเดียวกับเราก็ได้
งั้นฉันจะขอยอมรับว่าเขาเป็นเพื่อนเหมือนกับเรย์จิแล้วกัน
[ เรย์จิคุง เขาเป็นคนช่วยฉันกับนาโอะคุงไว้ ดังนั้นจะเรียกเขาว่าโรคจิตต่อไปก็น่าสงสารออกนะ ]
เพราะจากนี้เราอาจจะต้องเป็นพวกเดียวกันก็ได้ ดังนั้นเรียกเขาว่าโรคจิตต่อไปดูจะไม่เหมาะ
[ ฉันเองก็คิดว่าดีกว่านะถ้ายกโทษให้เขาซะ เพราะเขาเองก็อุตส่าห์ช่วยฉันกับคุณจิยูกิด้วย ดังนั้นถือว่าขอร้องล่ะ ]
คำพูดที่ฉันอยากจะบอกเรย์จิก็มีเพียงเท่านี้
ทั้งเรย์จิยังแอบเอาเงินไปมอบให้เด็กสาวมากมาย แต่เขาคิดว่าฉันไม่รู้ล่ะสิ
อย่างเรย์จิน่ะปิดบังตัวเองได้ไม่มิดหรอก
แต่ว่าดูเหมือนจะทำให้เรย์จิเปลี่ยนทัศนคติมองคนๆ นั้นเป็นเพื่อนได้ยาก แต่ถือว่าตอนนี้พวกเราก็ไม่ต้องออกตามหาเขาแล้ว
[ นี่ คุณจิยูกิ…. แล้วชายสวมหน้ากากล่ะ? ]
ซาโฮโกะพูดอย่างกังวล
ใช่แล้ว มันก็ต้องกังวลสิ ถึงเราจะรู้ว่าหมอกสีดำหายไป แต่ไม่รู้เลยว่าชายสวมหน้ากากเป็นยังไงบ้าง เพราะไม่พบศพของใครเลยสักคน
[ เรื่องของชายสวมหน้ากาก… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ]
ฉันส่ายหัว
[ นี่ คุณจิยูกิ ชายสวมหน้ากากคนนั้นเป็นข้ารับใช้ของราชาปีศาจเหรอ? ]
ฉันพยักหน้าให้ริโนะ
[ เพราะเขาบอกเองว่าเขาคือนิ้วแห่งนากอล คิดว่าไม่ผิดหรอก ]
[ ถ้างั้นเขาก็เป็นคนของไดร์ฮาร์ดงั้นเหรอ? ]
[ หืม เรื่องนั้น… คุณริโนะอยากจะถามอะไรกันแน่? ]
ริโนะอยากจะพูดอะไรกันแน่?
[ ก็… เพราะพวกเรามาที่นี่เพื่อหยุดแผนการของไดร์ฮาร์ด แต่ตั้งแต่มาที่นี่ไดร์ฮาร์ดยังไม่โผล่มาเลยนี่ ]
ริโนะพูด จะว่าไปแล้วเหตุการณ์คราวก่อนไดร์ฮาร์ดก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลย
[ ใช่แล้วมันแปลกๆ … แล้วคิดว่ายังไงคะ? ]
ฉันเอียงหัว
[ ฉันไม่สนใจสิ่งที่อยู่ในหัวเจ้าคนอันตรายที่ทำร้ายคุณจิยูกิกับนาโอะจังหรอก คอยดูเถอะ ถ้าเจอกันจะซัดให้หมอบเลย! ]
ชิโรเนะพูดด้วยท่าทางโกรธ ดูเหมือนเธอจะคิดถึงตอนที่แพ้ไดร์ฮาร์ดตอนนั้นอยู่ล่ะมั้ง
[ เอาล่ะทุกคน!! พักเรื่องนั้นไว้แค่นั้นดีกว่า!! ]
เมื่อเรย์จิพูด ทุกคนก็พยักหน้ารับยกเว้นแค่ฉัน ยังไงก็ปล่อยเรื่องผู้ชายอันตรายแบบนั้นไว้ไม่ได้อยู่ดี คงจะดีกว่าถ้าระวังไว้
แต่เรย์จิบอกให้หยุดแล้วสิ งั้นก็ช่วยไม่ได้
[ นี่ ทุกคน ข้าวเย็นพร้อมแล้วนะ ]
ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่
อัลมีนาก็เปิดประตูเข้ามา
พวกเรามองไปที่อัลมีนาครู่หนึ่ง
ชุดที่อัลมีนาใส่ทั้งสวยงามและเซ็กซี่ สีชมพูสดใส
สายตาของอัลมีนาจ้องมองไปที่เรย์จิ
สายตาของเธอที่มองเรย์จิราวกับที่มองเจ้าชาย ดูท่าอัลมีน่าจะเป็นไข้ใจซะแล้ว
แล้วแบบนี้สายตาของคนรอบข้างจะเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นกับคู่หมั้นของเธอ?
[ งั้นถ้าทุกคนพร้อมกันแล้ว พวกเราไปกันดีกว่า]
เรย์จิพูด
ทางราชวังจัดงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองเพื่อตอบแทนเรย์จิที่ช่วยอาณาจักนี้ไว้ เราเลยมาพักอยู่ในห้องที่แยกจากราชวังจนกว่างานเลี้ยงจะพร้อม
เดิมทีมันเป็นเพราะที่ช่วยตรวจสอบหอคอยสคิเกอร์ เพราะทางราชวงศ์จะกลัวพวกเรามากจึงจะจัดงานเลี้ยงให้โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะเราไปตรวจสอบหอคอยให้ต่างหาก
แต่ผลลัพธ์ก็ดีกว่าที่คาดไว้เพราะเราจัดการสคิเกอร์ได้จริงๆ
นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่ทางราชวัง แม้แต่ชาวเมืองของอาณาจักรยังให้ความร่วมมือด้วย นี่มันน่าจะเป็นงานเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้เลยก็ว่าได้
ตอนนี้เราจึงถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนสำคัญไปแล้ว
พวกเราเดินตามอัลมีนาไป
◆ อัศวินดำคุโรกิ
มีคนในร้านคันชังสีขาวน้อยกว่าปกติ นี่คงเพราะทุกคนไปงานเลี้ยงกันหมด
เหล่าทหารรับจ้างต่างถูกเชิญไปที่ราชวัง ผู้หญิงเองก็กำลังซื้อของเพื่อไปช่วยงานในวังรวมถึงเจ้าของร้านเองก็ด้วย
ในร้านจึงมีแต่ผมกับเร็มเบอร์
ตรงหน้าพวกเราคืออาหารที่ทำเองง่ายๆ และเหล้า
มันเหมือนกับมีบางอย่างหายไป เมื่ออาหารในร้านมีแต่อาหารที่ทำธรรมดาๆ
ดูเหมือนจะเพราะเจ้าของร้านกำลังทำอาหารสุดพิเศษในงานเลี้ยงในตอนดึกวันนี้เพื่อขอบคุณผู้กล้าเรย์จิที่ช่วยอาณาจักรนี้ไว้ จึงทำได้แต่อาหารง่ายๆ เท่านั้น
เจ้าของร้านเองก็ดูจะเสียใจด้วยที่ทำได้แต่อาหารแบบนี้ให้พวกเรา แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ผมไม่ค่อยชอบอาหารที่หรูหรานักหรอก
[ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย… ]
เร็มพูดนั่งและพูดด้วยสีหน้าเครียด
เขาพูดออกมาตรงๆ นี่มันไม่แปลกหรอก
ผมเองก็ปกป้องคนที่ชอบไว้ไม่ได้และคนรักของผมยังถูกเรย์จิพรากไป
แต่ถ้าหากไม่มีเรย์จิ ทั้งเร็มเบอร์และเจ้าหญิงอัลมีนาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเกลียดเรย์จิ
ตอนนี้เร็มเบอร์เลยไม่มีอะไรเหลือนอกจากความเสียใจที่ตัวเองไร้ประโยชน์
[ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะคุณเร็มเบอร์? ]
จากนี้ไปเร็มเบอร์จะทำยังไงต่อไป? จะตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าหญิงอัลมีนาเหรอ? ถึงเจ้าหญิงจะไม่อยากแต่งงานกับเขาก็ตามน่ะเหรอ?
[ ข้าจะลาออกจากกองอัศวิน ]
[ งั้นเหรอครับ…. ]
บางทีถ้าผมอยู่ในสถานะเดียวกันกับเร็มเบอร์ ผมก็คงทำแบบเดียวกัน
ในใจของเจ้าหญิงอัลมีนามีแต่เรย์จิ มันน่าเจ็บปวดนะที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีชายคนอื่นในหัวใจน่ะ
มันคงเป็นการดีกว่าสำหรับผู้ชาย หากจะเดินออกไปจากชีวิตเธอซะ
ผู้ชายบางคนอาจจะไม่แคร์ แต่ดูเหมือนทั้งเร็มเบอร์และผมจะเหมือนกัน
[ ข้าจะออกจากกองอัศวินและออกเดินทางเหมือนท่านคุโระ… ]
เร็มเบอร์มองดูตัวเองแล้วพูด
เร็มเบอร์เป็นคนที่ยอดเยี่ยม หากเป็นผม ผมคงพูดไม่ได้เต็มปากไม่ได้ว่าจะทิ้งยศอัศวินไปได้
แต่หากทำใจไม่ได้ มันก็ช่วยไม่ได้
อนาคตที่อาณาจักรนี้คงจะต้องลำบากแน่
ผมคิดว่าที่อาณาจักรนี้สงบสุขได้ก็เพราะเร็มเบอร์ แม้จะไม่มีใครสังเกต แต่ชีวิตประจำวันของชาวอาณาจักรร็อกต่างถูกเร็มเบอร์ปกป้องอยู่ เร็มเบอร์อาจจะเป็นคนที่ดูน่าเบื่อและน่ารำคาญ แต่สิ่งสำคัญนั้นจะรู้ก็ต่อเมื่อเสียมันไป
การที่พวกเขาจะหวังพึ่งเรย์จิน่ะไม่ได้หรอก เรย์จิจะเปล่งประกายก็ต่อเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น แต่ในเวลาปกติแล้วมันไม่ใช่
ในแง่หนึ่งเขาก็คือชายที่ถูกเรียกว่าผู้กล้า ผู้กล้าจะเปล่งประกายได้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่าราชาปีศาจอยู่
[ ออกเดินทางงั้นเหรอ…. ผมเองก็จะออกจากอาณาจักรนี้ตอนเช้าเหมือนกัน ถ้าพวกเราเองต่างก็ออกเดินทางแบบนี้อาจจะได้พบกันที่ไหนสักแห่งอีกครั้งก็ได้ครับ ]
[ ตอนนี้มาดื่มกันเถอะ คุณคุโระ ]
เร็มเบอร์หัวเราะ อาจจะเป็นแต่ชั่วครู่
แต่เร็มเบอร์ก็พยายามที่จะทำตัวเข้มแข็งแทนที่จะเอาแต่ทุกข์ใจในความไร้พลังของตัวเอง ผมเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
[ เอาล่ะ มาดื่มกันเถอะครับ ]
ผมตอบรับคำพูดของเร็มเบอร์
ผมไม่รู้ว่าแม่น้ำนี้จะชักน้ำพวกเราไหลไปที่ไหน แต่หวังว่าแม่น้ำแห่งโชคชะตานี้จะพาไปพบกับโชคดีและประสบการณ์ที่ดีแล้วกัน
◆ ทหารรับจ้างแห่งอาณาจักรร็อก กาลิอุส
[ อะไรกัน… พวกเราก็พยายามเต็มที่เหมือนกันนะ ]
สโตรซึ่งเป็นทหารรับจ้างเหมือนข้ากำลังบ่น
เพราะรอบตัวผู้กล้าห้อมล้อมไปปด้วยผู้หญิงมากมาย
พวเราได้รับเชิญมางานเลี้ยงเพราะเราได้ช่วยต่อสู้กับเหล่าปีศาจ
ในตอนกลางวันก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม มีหญิงสาวชาวเมืองที่มาช่วยงานเลี้ยงเรียกร้องขอเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยมากมาย ทหารรับจ้างหนุ่มอย่างสโตรถึงกับจมูกยื่นออกมา แต่พวกเขาต่างน้ำตาตกเพราะผู้หญิงเกือบทั้งหมดไปห้อมล้อมผู้กล้าเพียงคนเดียว พวกเขาจึงได้แต่กินและดื่มกันเฉยเท่านั้น
[ น่า ก็แน่ล่ะสิ ผู้กล้าเป็นคนพิเศษนี่นา ]
ข้าปลอบใจสโตร
[ แต่ว่า… คุณกาลิอุส… ]
สโตรพูดด้วยท่าทางเจ็บใจ
ถึงจะมาบ่นก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ข้า
[ ท่านชิโรเนะ!! ]
ใบหน้าของสโตรที่ไม่พอใจเมื่อกี้ดูสดใสขึ้นทันตา
เพราะผู้หญิงที่เดินมานั้นคือหนึ่งในผู้หญิงของผู้กล้า ท่านชิโรเนะ
[ วันนี้ทุกคนพยายามได้ดีมากเลยค่ะ ]
เธอยิ้มให้ ทำให้ความไม่พอใจของเหล่าทหารรับจ้างหนุ่มหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ราวกับดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมหวลให้เหล่าชายหนุ่มได้เชยชม เหล่าทหารรับจ้างหนุ่มต่างส่งเสียงโห่ร้องกันใหญ่เพราะเธอ
[ ไม่เป็นไรเหรอ? ถ้าไม่ไปอยู่ข้างผู้กล้าน่ะ? ]
เข้าแอบเข้าไปกระซิบเงียบๆ
เพราะตอนนี้ข้างตัวผู้กล้ามีผู้หญิงอยู่มากมาย ไม่ห่วงว่าเขาจะนอกใจเหรอ?
[ ค่ะ ก็เรย์จิเป็นคนพิเศษนี่ค่ะ ]
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ
[ ถ้าอย่างนั้น…. ]
ข้าไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ถ้าข้าเป็นผู้กล้าแล้วมีผู้หญิงรอบตัวขนาดนั้น ข้าคงจะนอกใจแน่ๆ
ผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวนั้นอยู่ในสถานะคนพิเศษ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ได้มาครอง ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าเล็งผู้หญิงที่มาเสนอตัวแทนเอง
เด็กคนนี้เป็นเด็กดีที่ไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่รอบตัวผู้กล้าเลย การจะเป็นภรรยาของผู้กล้าคงต้องไม่เห็นแก่ตัวและใจกว้าง แต่ถ้าข้าทำแบบเดียวกับผู้กล้าล่ะก็ เพเนโรอามีหวังโยนมีดปักหัวข้าแน่
[ เอ่อ ท่านชิโระ…. ขอเวลาหน่อยได้มั้ยครับ? ]
มีคนผู้หนึ่งเดินมาแทรกการคุยกันของเรา
[ อา… มีอะไรเหรอคะนิมริ? ]
นิมริพยักหน้า
[ พอดีข้าติดใจกับคำพูดของท่านนักปราชญ์ผมดำก่อนหน้านี้… ]
[ โอ๊ะ เรื่องนั้นเองเหรอ… ]
ข้าพยักหน้าให้คำพูดของนิมริ
[ คุณจิยูกิน่ะเหรอ? มีอะไรเหรอคะ? ]
[ ที่จริงแล้ว ข้าคิดว่าจะเล่าเรื่องของคุโระให้ฟัง เพราะเขาอาจจะเป็นคนที่ช่วยท่านนักปราชญ์ผมดำไว้ก็ได้นะ ]
ก่อนงานเลี้ยงข้าได้คุยกับท่านนักปราชญ์ผมดำ ผู้ซึ่งนำพาชัยชนะได้ในการต่อสู้คราวนี้
เธอพูดถึงคนที่ปิดบังใบหน้า ข้าเลยคิดว่าต้องเป็นคุโระแน่ เพราะตอนนั้นคุโระทำตัวแปลกไปและเขายังบอกว่าจะไปหยุดหมอกสีดำด้วย
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่คุโระเป็นคนหยุดหมอกสีดำนี้
ถึงกระนั้นเราก็พูดได้แต่แบบเงียบๆ ถึงเขาจะเป็นคนที่สมควรได้รับการยกย่องแต่น่าแปลกที่กลับไม่ได้รับคำยกย่องใดๆ เลย
[ คุโระ? ]
ชิโรเนะเอียงหัว
ดูเหมือนเธอจะจำไม่ได้ ทั้งที่พวกเราก็ไปหอคอยด้วยกันแท้ๆ
นิมริกับข้าจึงเล่าเรื่องของคุโระให้ฟัง
[ อืมม… ฉันเองก็ไม่มั่นใจนักหรอกค่ะว่าเขาคือคนที่ช่วยเอาไว้จริงมั้ย ไว้จะลองไปยืนยันกับคุณจิยูกิดูแล้วกัน ]
[ ขอบคุณมาก ท่านชิโรเนะ ]
ข้าก้มหน้าลง
ข้ารู้ดีว่าคุโระไม่ชอบทำตัวเด่น แต่ข้าคิดว่าคนอย่างเขาสมควรจะออกไปสู่แสงอาทิตย์จะดีกว่า
แม้ข้าพูดเองจะไม่มีใครเชื่อ แต่ถ้าขนาดเพื่อนผู้กล้าพูดเอง เขาเองก็สมควรที่ได้จะรับการยอมรับในฐานะฮีโร่เหมือนกัน
แต่ว่านะ ชิโรเนะเองก็ใช่ว่าจะเชื่อในทันที ดังนั้นอย่าคาดหวังนักเลย
ข้ายังคงก้มหัวอยู่
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
พูดตามตรงนะ ตอนนี้มันแย่สุดๆ
เหล่าขุนนางและคนดังของอาณาจักรต่างเข้ามาทักทายฉันทีละคนๆ
นี่ไม่รู้สึกสงสารกันบ้างเหรอ
นี่มันควรจะเป็นหน้าที่ของเรย์จิมากกว่าสิ
แต่เพราะรอบตัวเรย์จิถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิงมากมาย เขาคงทำหน้าที่นี้ไม่ได้สินะ
ซาโฮโกะกับอัลมีนาต่างทำหน้าเจ็บใจอยู่ข้างๆ นี่อะไรของอัลมีนาน่ะ นี่เธอเห็นแฟนตัวเองมีแต่ผู้หญิงห้อมล้อมเลยอิจฉารึไง?
ริโนะกับนาโอะกำลังช่วยกันทำอาหาร เคียวกเองก็อยู่ตามปกติและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคายะ ชิโรเนะก็ไปกับพวกทหารรับจ้าง
ตรงหน้าฉันเลยมีแต่ฝูงโอเกอร์(คน)ยาวเหยียด ฉันอยากหนีออกไปจากที่นี่แล้วอ่า
[ เอ่อ ท่านคุณจิยูกินี่เยี่ยมยอด…… ]
เมื่อชิโรเนะเดินเข้าไปหาเหล่าทหารรับจ้าง พวกเขาก็ส่งเสียงขึ้น
เยี่ยมมากชิโรเนะ!! ดึงความสนใจได้เยี่ยม
[ ขอโทษนะคะ แต่ฉันอยากจะพักสักหน่อย… ]
เมื่อฉันพูดอย่างนั้นฝูงโอเกอร์(คน)ก็สลายไป
[ ฉันถูกชิโรเนะช่วยเอาไว้สินะ ว่าแต่กำลังคุยเรื่องอะไรกันนะ? ]
ฉันอยากขอบคุณชิโรเนะจากใจจริงๆ
[ แอบฟังหน่อยดีกว่า… ]
ฉันแอบฟังเรื่องที่พวกชิโรเนะคุยกัน
[ แต่ฉันคิดว่าอาจจะเป็นคนละคนเพราะ… ]
ชิโรเนะกำลังคุยกับชายที่ชื่อกาลิอุส เขาบอกว่าคนที่ช่วยฉันไว้อาจจะเป็นทหารรับจ้างที่ชื่อคุโระ
แต่ว่าดูเหมือนชิโรเนะจะคิดว่าไม่ใช่ เพราะตอนที่ไปหอคอยด้วยกัน เขาไม่อาจต้านทานเวทมนตร์ของแวมไพร์ได้
คนสวมหน้ากากนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าแวมไพร์ซะอีก ดังนั้นมันจึงแปลกที่คุโระจะเอาชนะชายสวมหน้ากากได้
[ น่า ถ้าคุโระอยู่บ้านของกาลิอุสไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาก็ได้ ]
ฉันไม่มั่นใจว่าชายคนนั้นคือคุโระจริงมั้ย? แต่ถ้าได้เจอก็จะรู้เอง
ถ้าไม่มีเขา ไม่รู้เลยว่าทั้งพวกเราและอาณาจักรนี้จะเป็นยังไง
เรย์จิก็คงไม่มีผู้หญิงมารายล้อมขนาดนี้
เขาน่าจะเป็นคนที่สมควรได้รับการยกย่องมากที่สุด ไม่ใช่เรย์จิ และถ้าเขาคือคุโระจริงๆ อาณาจักรนี้ก็ควรให้รางวัลแก่เขาด้วย
ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ?
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ คุณคุโระ~ เองก็เหมือน~ กันเร้อ~ ]
เร็มเบอร์เมามากจน
พูดตามตรง ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
[ คุณเร็มเบอร์…. พอจะดีกว่านะครับ… ]
[ ไม่ ผมยังดื่มไม่พอหรอก~! คุณคุโระก็ดื่มด้วยสิ~ ]
จนสุดท้ายเขาก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่เร็มเบอร์ก็ยังดื่มไม่หยุด
เร็มเบอร์พยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่มให้ได้ ก็บอกว่าไม่ดื่มไงเล่า เพราะผมเคยเห็นรุ่นพี่ที่โรงฝึกดื่มเหล้าจนเมาไม่เป็นท่ามาก่อน แต่ถึงผมจะดื่มไปมากแค่ไหนก็ไม่เมาหรอก ก็แค่รู้สึกไม่สบายเท่านั้นเอง
ตั้งแต่นั้นมาผมเลยตัดสินใจที่จะไม่ดื่มอีกเลย
เพราะอาการเมาทำให้ส่วนนิสัยแย่ๆ ปรากฏออกมา
[ ไหงมันกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ… ]
ผมอยากร้องไห้จริงๆ
และแล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านไป
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ในตอนเช้าผมเตรียมชุดและบอกลาพวกคุณกาลิอุสว่าผมกำลังจะออกเดินทาง
[ จะไปจริงๆ เหรอ… ? ]
กาลิอุสทำสีหน้าผิดหวัง
ทั้งผมและคุณกาลิอุสต่างกลับมาอีกครั้งในตอนเช้า
ผมถึงได้มาบอกเขาตอนที่เช้าแล้ว
ทั้งคุณกาลิอุสและคุณเพเนโรอาต่างบอกให้ผมอยู่ที่นี่อีกสักวัน แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าต้องไปวันนี้เพราะมันมีเรื่องบางอย่างกังวลอยู่
[ ผมมีเรื่องต้องไปทำนะ…. ]
ผมมองไปที่ภูเขาที่ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่
[ ขอบคุณนะที่เมื่อคืนช่วยดูแลเร็มเบอร์… ]
คุณเพเนโรอาขอบคุณผม ที่ช่วยดูแลเร็มเบอร์ที่เมาเมื่อคืน เพราะผมไม่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหนจึงพามาที่บ้านของกาลิอุส จากนั้นผมก็หลับไป
หวังว่าในอนาคตเร็มเบอร์จะได้พบคนดีๆ นะ
[ ไว้พบกันอีกครั้งคุโระ!! ]
ผมพยักหน้าให้คำพูดนั้น
ผมคิดว่าผมจะต้องกลับมาอีกครั้งแน่
จากนั้นผมก็เดินทางออกจากอาณาจักรร็อก
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
[ เขาออกเดินทางไปแล้วเมื่อเช้าเหรอ!? ]
เมื่อฉันไปที่บ้านของกาลิอุส พวกเขาก็บอกแบบนั้นกับฉัน
ดูเหมือนว่าฉันจะมาช้าไป
เพราะเขาไม่ได้บอกมาฉันจะมาหา เลยไม่ได้ห้ามไว้ก่อนและชายที่ชื่อคุโระก็ดูเหมือนจะไม่ได้บอกไว้ด้วยว่าจะไปที่ไหน
[ เอายังไงต่อดีคะ ท่านจิยูกิ ]
คายะที่มาด้วยกันถามฉัน เพราะคายะเองก็เคยพบเขามาก่อนเหมือนกัน
[ ช่วยไม่ได้ กลับกันเถอะ ]
ถ้าเขาอยู่ข้างพวกเรา เราต้องได้พบกันอีกครั้งแน่ ดังนั้นช่างมันเถอะ
เมื่อถึงเวลาเราคงจะได้คุยกันเอง
และจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่เอวฉัน
เมื่อฉันเปิดดูที่กระเป๋าก็เจอกระดิ่งที่เรน่าให้ไว้กำลังดังอยู่
[ ไม่จริงน่า ไดร์ฮาร์ด… ]
ฉันมองไปยังภูเขาที่มังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่
กระดิ่งนั้นส่งเสียงเตือนว่าไดร์ฮาร์ดไปถึงที่นั้นแล้ว