อัศวินดำ - ตอนที่ 29
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมเดินทางมาถึงปากภูเขาที่มังกรขาวอาศัยอยู่
ตัวถ้ำมีขนาดใหญ่จนกระทั่งโกเรียสก็สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ผมแต่งตัวด้วยชุดเกราะอัศวินดำเต็มตัว เพราะบางทีอาจจะต้องสู้กันทันที
ถ้าหากมันอันตราย ผมก็จะหนีทันที
ผมกวาดสายตามองไปทั่วถ้ำ ถ้าเป็นไปได้ผมก็คิดว่าจะลองเจรจาเพื่อขอเขาดู ถึงความเป็นไปได้นั้นจะต่ำมากก็ตาม
ด้านในถ้ำทั้งกว้างและลึกมาก โดยความมืดมิดนั้นแพร่กระจายไปทั่วด้านหลัง
ผมเดินไปตามถ้ำพร้อมกับโกเรียส
นี่ต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหนนะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังสว่างได้แม้ว่าแสงแดดจะส่องมาไม่ถึงภายในถ้ำก็ตาม
เพราะในถ้ำมีคริสตัลนับไม่ถ้วนกำลังส่องแสงอยู่ทำให้ถ้ำสว่างราวกับเปิดไฟ
และมังกรที่เป็นเจ้าของถ้ำนี้น่าจะอยู่ที่กลางถ้ำ แน่นอนผมหมายถึงราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์
มังกรตัวนั้นตัวใหญ่กว่าโมเดสและที่สำคัญคือมันสวยงามมาก
ร่างกายของมันไม่มีเกล็ดปกคลุมเหมือนกับมังกรทั่วไปแต่ถูกปกคลุมด้วยขนอ่อนๆ และสีเหล่านั้นกำลังเปล่งประกาย
ภาพของมังกรสีขาวที่เปล่งประกายแสงไปพร้อมกับคริสตัลนั้นช่างแฟนตาซีสุดๆ
จนผมลืมนึกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ซะสนิท
ผมคิดว่ามังกรคงจะสังเกตเห็นผมแล้ว ดวงตาสีฟ้าของมังกรจับจ้องมาที่ผม
นั่นไม่ใช่ดวงตาที่มองผมเป็นศัตรู แต่ดูจะเป็นสายตาที่อ่อนโยน
[ มาจนได้นะอัศวินดำ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา ]
เสียงนั้นพูดออกมาชัดเจน
รู้ว่าผมจะมา? หรือบางทีมังกรตัวนี้จะมีความสามารถในการทำนายอนาคต?
[ ข้าได้ยินมาจากโมเดส ]
คำพูดที่มังกรบอกมาทำให้ผมตกใจ
[ ได้ยินมาจากโมเดสเหรอ? ]
มังกรพยักหน้า
[ ข้ากำลังเดือดร้อนเพราะเขามันงอกมายาวเกินไป ดังนั้นช่วยตัดให้มันสวยๆ จะได้มั้ย? ]
[ อ่ะ อ่าครับ… ]
คำพูดของมังกรออกจะโพงพางไปหน่อย เพราะที่จริงผมเตรียมใจที่จะโดนการโจมตีแบบกระทันหันไว้แล้ว พอมังกรพูดออกมาแบบนี้ทำให้ผมสับสนอยู่ครู่นึง แต่ผมก็ดีใจที่เราไม่ต้องสู้กัน
มาคิดดูแล้วโมเดสก็บอกว่าว่าให้ไปเอาเขามานี่นะ ไม่ได้บอกให้ไปฝืนบังคับตัดมาสักหน่อย
สงสัยว่าผมจะเข้าใจผิดเอง
ถ้างั้นนี่ก็แค่งานง่ายๆ นะสิ ผมรู้สึกขอโทษโมเดสอยู่ในใจ
เขาของมังกร ช่างเงางามและสวยงามยิ่งกว่าคริสตัลรอบๆ ซะอีก
เขานั้นกำลังชนเพดานแถมร่างของราชันย์มังกรยังตัวใหญ่มาก แน่นอนนี้คงทำให้ลำบากมากแน่
[ ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาตัดเขาข้าสักที จนเวลาผ่านไป 5,000 ปี เอาล่ะ ช่วยข้าหน่อยแล้วกัน ]
ถ้าเป็นผมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้ถึง 5,000 ปีมั้ย ผมพยักหน้ารับ
[ เข้าใจแล้ว ให้ผมจัดการเอง ]
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมตัดเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์และผูกเขาไว้กับตัวของโมเดสด้วยเชือก ร่างของโมเดสสั่นเล็กน้อย
[ ขอโทษด้วยนะโกเรียส แต่อดทนสักพักนะ ]
ผมขอโทษโกเรียส
เพราะเขามีขนาดใหญ่เกินไปเลยไม่สามารถใส่เข้าไปในเวทเคลื่อนย้ายได้ โกเรียสเองก็เหมือนกัน อีกอย่างผมเองก็บินแล้วแบกมันไปไม่ได้ด้วยเพราะมันใหญ่เกินไป จึงตัดสินใจผูกมันไว้กับโกเรียส
[ อา ช่วยได้มากจริงๆ ]
ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ขอบคุณ
[ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ ]
ผมก้มหัวให้ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์
[ หืม… ]
ราชันย์มังกรจ้องมองที่ข้างบนจากนั้นก็ก้มหัวลงมา
[ มีอะไรเหรอครับ… ]
ผมถามราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์
[ ตัวเจ้าสามารถใช้ความสามารถของมังกรได้และยังมีกลิ่นที่ดี ]
ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ดมกลิ่นผม
ผมรู้สึกงุงงงแต่ก็รู้สึกดีใจที่โดนเอาจมูกมาคลอเคลีย โกเรียสจ้องเขม็งมาที่ผมใหญ่เลย
จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์กำลังยิ้ม
[ ตั้งแต่เจ้ามาที่นี่ข้าก็เฝ้ามองมาตลอด ]
ผมประหลาดใจกับคำพูดของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ เพราะขนาดตัวที่ใหญ่จึงไม่น่าจะเห็นได้ทุกซอกทุกมุมของถ้ำ แต่เขากลับสังเกตเห็น
[ เพราะข้ามีพลังตาทิพย์ ด้วยพลังนี้ข้าจึงมองเห็นได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รับรู้เลยสินะ แน่นอนเพราะข้าไม่ได้เป็นแสดงความศัตรูออกไป ]
ราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ตอบข้อสงสัยของผมให้ในทันที
[ นอกจากนี้เจ้าแล้วข้ายังมองเห็นผู้กล้าและเด็กตัวเล็กๆ ที่ผมยาวในสายตาข้า ข้ารู้สึกได้ ]
เด็กตัวเล็กๆ ที่ว่าน่าจะเป็นนาโอมิ นารุ เพราะเธอตัวเล็กที่สุดในกลุ่มนั้นแล้ว
[ ข้าคอยเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรนั้น เส้นดายของซัลคิซิสที่มัดได้กระทั่งเทพ ซึ่งข้าเองก็เป็นเหยื่อของคนๆ นั้นด้วย ตัวข้าจึงมีแต่ต้องอยู่ที่ดินแดนนี้ ]
ผมตะลึงกับคำพูดนั้น
[ คุณรู้จักซัลคิซิสด้วยเหรอ? ]
[ อา แน่นอนๆ ถ้าเจ้าอยากรู้จริงๆ ควรไปถามจากโมเดสจะดีกว่า เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ]
เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเลยแฮะ
[ ดังนั้นที่ข้าขอบคุณนั้นก็รวมถึงที่เจ้าหยุดซัลคิซิสเอาไว้ด้วย… ถึงแม้ว่าจะมีบาเรียอยู่ทำให้ข้ามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในอาณาจักร เพราะอาณาจักรนั้นกับข้าเกี่ยวโยงกันอยู่นิดหน่อย แต่ตัวข้านั้นไร้พลังไม่สามารถจะปกป้องอาณาจักแห่งนั้นได้ ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ อัศวินดำไดร์ฮาร์ด ]
แม้ว่าร่างกายของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์จะใหญ่โต แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีพลังต่อสู้นัก
[ ไม่หรอก นั่นก็เพื่อตัวผมเอง…. ด้วยล่ะนะ ]
ถึงจะไม่มีคำชมใดๆ เลยจากผู้คน… แต่เพราะได้รับคำชมจากราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์แล้วผมรู้สึกไม่ค่อยดี ใบหน้าของผมเปลี่ยนเป็นสีแดง
[ นี่เจ้ากับผู้กล้าต่อสู้ร่วมกันด้วยรึ หรือว่าปกติแล้วจะจับมือกับผู้กล้าจัดการกับศัตรูอย่างนี้เสมอ? ]
[ ไม่หรอกครับ นั่นก็แค่เรื่องบังเอิญ… ]
ผมปฏิเสธ เพราะที่เราต่อสู้ด้วยกันนั้นมันก็แค่เรื่องบังเอิญ
[ อา โดยปกติแล้วข้าจะไม่เอาตัวไปยุ่งเกี่ยวความขัดแย้งของโมเดสกับรีนา ดังนั้นข้าขอเป็นกลางก็แล้วกัน ]
ในการต่อสู้ของโมเดส ราชันย์มังกรดูเหมือนจะเป็นกลางในการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่
[ และจับยังรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณของมังกรในร่างกายเจ้า เจ้าคงจะปลดปล่อยวิญญาณมังกรที่ถูกซัลคิซิสจับเอาไว้ให้สินะ ]
ราชันย์มังกรดูเหมือนจะรู้ไปซะทุกอย่างเลย
[ แม้ว่าเริ่มแรกมันจะเป็นเหตุผลเพราะเขาข้าโตเกินไป แต่ข้าก็สงสัยอยู่ว่าจะเอาเขาให้เจ้าไปดีรึไม่ แต่จากที่มองดูเจ้าแล้วข้าจึงมอบให้ด้วยความเต็มใจ ]
[ งั้นเหรอครับ…. ]
[ สร้าเทพธิดาด้วยเขา ดูเหมือนเหตุผลของเจ้าก็คืออยากมีผู้หญิงข้างกายสักคนเหมือนโมเดสสินะ ]
ผมคิดว่านั้นเป็นรายละเอียดที่ไม่จำเป็นเลยนะ พอพูดขึ้นมาแล้ว ผมอยากร้องไห้!
แต่ถ้ามีเขานี้ผมก็สามารถสร้างเทพธิดาได้แล้ว ควรจะขอบคุณล่ะนะ
[ ตัวข้ามีพลังแข็งแกร่งด้านการรักษา เทพธิดาที่สร้างจากจากเขาของข้าเองก็ต้องมีแห่งการรักษาแน่ ดังนั้นต้องช่วยเจ้าได้แน่ ]
ราชันย์มังกรมองดูเขาที่ผูกติดกับโกเรียสแล้วพูดออกมา
ผมเชยชมเขา มันงดงามและส่องแสงประกายยิ่งกว่าคริสตัลในถ้ำนี้ซะอีก
ดังนั้นเทพธิดาที่เกิดจากเขาอันนี้จะต้องเป็นคนสวยแน่ๆ
[ ขอบคุณมากครับราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ ไว้ผมจะมาอีกถ้าสร้างเทพธิดาแล้ว ]
ผมก้มหัวให้อีกครั้ง ราชันย์มังกรยิ้ม
[ ไว้พบกันใหม่ ผู้โปรดปรานของมังกรเอ่ย ]
[ เอาล่ะไปกันเถอะ โกเรียส ]
หลังจากก้มหัว ผมก็เดินทางที่ปากถ้ำกับโกเรียส
มีอีกหลายเรื่องที่ต้องกลับไปทำที่นากอล ดังนั้นคงยุ่งแน่
ผมเดินขณะที่นึกถึงเรื่องพวกนั้น
เมื่อผมไปที่ปากถ้ำก็รู้สึกถึงกระแสพลังเวทอันรุนแรงและจิตสังหาร
[ อะ … นี่มัน ]
ผมสั่งของโกเรียสหยุดด้วยการสั่งการเวทมนตร์
[ หลุมดำขั้นสูงสุด !! ]
เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ตรงหน้า จากนั้นก็มีแสงเป็นห่าฝนเข้ามา
มันเป็นการโจมตีที่นานมาก แสงเหล่านั้นถูกหลุมดำดูดเข้าไปหมด
ผมจำแสงนั้นได้ นั้นคือเวทแสงที่เรย์จิเคยใช้เมื่อคืน ถ้าผมคิดจะป้องกันด้วยเวทมนตร์ธรรมดาละก็ป่านนี้เวทป้องกันคงถูกทำลายไปแล้ว หลังจากเห็นมากับตาแล้วเมื่อคืน ผมเลยหาทางรับมือไว้แล้ว
แต่แต่คิดอะไรอยู่กันถึงได้ใช้เวทมนตร์ทรงพลังขนาดนั้นออกมาในสถานที่ที่มีราชันย์มังกรศักดิ์อยู่น่ะ?
[ โกเรียส รออยู่ที่นี่ ]
ผมปล่อยให้โกเรียสยืนรออยู่ก่อนที่จะถึงปากถ้ำเล็กน้อยแล้วออกไปข้างนอกถ้ำเพียงลำบาก
ที่นั้นมีกลุ่มสาวๆ ในปาร์ตี้ของเรย์จิอยู่
ทั้งหมด 7 คน ทุกคนอยู่กันครบยกเว้นเคียวกะ น้องสาวของเรย์จิเท่านั้น แน่นอนว่าชิโรเนะก็อยู่ด้วย
ผมไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทำให้ตกใจซะจริงๆ
[ ไดร์ฮาร์ด!! ]
ผู้หญิงผมสั้นสีดำตระโกนออกมา เธอคือโอรุจิ จิยูกินั่นเอง
[ แน่นอนว่านายแข็งแกร่ง ถ้าเป็นหนึ่งต่อหนึ่งคงเป็นคู่ต่อสู้ให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ลองสู้กับพวกเราทุกคนหน่อยเป็นไง? ]
เมื่อเธอพูดจบ ทุกคนก็ยกอาวุธขึ้น
เดี๋ยวก่อนสิเห้ยยย—! ! ! ผมกรีดร้องอยูในใจ
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
[ สปิริตแห่งลมเอ่ย สนับสนุนทุกคนด้วย ]
เมื่อริโนะร่ายคาถาจบ ร่างกายของพวกเราก็เบาขึ้น จนขยับได้ง่ายกว่าเดิมและเร็วขึ้นมาก
[ พรศักดิ์สิทธิ์ จงมอบพรให้แก่ทุกคน ]
เมื่อซาโฮโกะพูดจบก็มีแสงสีขาวเข้าโอบอุ้มพวกเรา พลังโจมตีก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเราก็คือไดร์ฮาร์ด นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เราพบกัน
ตอนที่มาถึง ฉันตกใจมากที่จู่ๆ เรย์จิก็ใช้เทพแห่งแสงทันที ราชันย์มังกรน่าจะยังมีชีวิตอยู่เลยนะ
ถ้าไดร์ฮาร์ดไม่ใช้เวทป้องกัน ฉันไม่รู้เลยว่าข้างในถ้ำจะเป็นยังไงบ้าง
เพราะแต่เดิมเรย์จิก็ไม่ห่วงใครนอกจากเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับเรย์จิแล้วราชันย์มังกรจะเป็นยังไงก็ช่างล่ะมั้ง แต่เพราะนั่นเป็นราชันย์มังกรที่ปกป้องอาณาจักรร็อกอยู่เลยน่าเป็นห่วงอยู่นะ
ถึงอย่างนั้น นั่นมันบ้าอะไรกันเวทป้องกันที่สาสามารถป้องกันเวทเรย์จิได้น่ะ ถ้าไม่ใช่เวทป้องกันระดับเดียวกันคงทำไม่ได้แน่ ณ ตอนนั้นฉันก็ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของศัตรูอีกครั้ง
ฉันเห็นไดร์ฮาร์ดเดินออกมาจากถ้ำ เขากำลังจะถูกเอาไปแล้วนะ นี่เรน่ามัวอะไรอยู่?
เพราะได้ยินว่าแผนการครั้งนี้เป็นของเรน่าและพวกเรามาแค่ถ่วงเวลาไดร์ฮาร์ดไว้
แต่ตอนนี้กลับไร้วี่แววของเรน่า
เขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดไปแล้วนะ
ตอนแรกฉันเองก็ลังเลที่ต้องต่อสู้กับไดร์ฮาร์ดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้มันต่างกัน พวกเขาพยายามคิดจะฆ่าชาวเมืองของอาณาจักรร็อก พวกเขาเป็นคนอันตรายที่ปล่อยไว้ไม่ได้
ถึงจะต้องต่อสู้อย่างระวังหน่อย แต่ตอนนี้พวกเราไม่ลังเลอีกแล้ว ฉันจะจัดการนายด้วยพลังทั้งหมดที่มีเลยคอยดู
รูปแบบทีมคือเรย์จิ ชิโรเนะ และคายะเป็นกองหน้า นาโอะคอยสนับสนุน ฉันกับริโนะคอยใช้เวทมนตร์โจมตีจากข้างหลัง ซาโฮโกะคอยใช้เวทรักษา ด้วยรูปแบบทีมนี้เราต้องชนะแน่
คราวนี้ดูเหมือนจะไม่มีหมอกสีดำเหมือนเมื่อวานทำให้เราต่อสู้ด้วยพลังเต็มที่ได้
เริ่มการต่อสู้ นาโอะกระโดดขึ้นและโยนบูมเมอแรงโจมตีไดร์ฮาร์ด
บูมเมอร์แรงของนาโอะแยกเป็นหลายอันเมื่อโยนไปและสร้างใบมีดสุญญากาศขึ้นซึ่งมันสามารถจัดการศัตรูหลายตัวได้ในทีเดียว
แต่ไดร์ฮาร์ดแค่ตวัดดาบ ใบมีดสูญญากาศพวกนั้นก็แกว่งและร่วงไปหมด เป็นการตวัดดาบที่ไร้ซึ่งความลังเลใจ
การโจมตีด้วยบูมเมอร์แรงถูกป้องกันไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะดาบของเรย์จิได้โจมตีไปที่ที่เขายืนอยู่แล้ว ป้องกันไม่ทันแน่
อย่างที่ชิโรเนะและคายะเคยพูด การโจมตีของเรย์จินั้นยากจะอ่านจึงหลบได้ยาก ถ้าเป็นตอนที่ไดร์ฮาร์ดกำลังหลบอยู่ เขาต้องเสียสมดุลแน่
[ เอ๊ะ….!! ]
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การโจมตีของเรย์จิได้ผ่านร่างของไดร์ฮาร์ดไป
เรย์จิติดสะตั้นเพราะเรื่องแปลกๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นชโรเนะที่มีปีกงอกจากหลังก็จอมตีจากบนฟ้าเป็นคนต่อไป ถึงในห้องจะใช้ปีกนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นที่โล่งแบบนี้ความเร็วของเธอจะเพิ่มขึ้นมหาศาล ชิโรเนะใช้ดาบฟันจากบนหัว แต่ไดร์ฮาร์ดกลับหลบได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะเดียวกันคายะที่คลานอยู่บนพื้นนั้นเริ่มเปิดฉาก โดยโจมตีเข้าไปซึ่งมันเป็นการโจมตีที่แม้จะมีโล่หรือเกราะอยู่ก็สามารถทะลุความเสียหายเข้าสู่ร่างกายได้ เป็นการโจมตีที่ทำลายอวัยวะภายในได้
แต่การโจมตีของคายะก็ผ่านตัวไดร์ฮาร์ดไปเหมือนกับเรย์จิ
[ ทุกคน —! ใช้นั้นเลย—- !! ]
ทั้งสี่คนกลับมาแนวหน้าตามเสียงของริโนะ
ริโนะยืนอยู่ข้างหน้าในชุดสีฟ้าขาว เหนือหัวของเธอมีนกสายฟ้าขนาดยักษ์และนกน้ำแข็งลอยอลู่
นั่นคือวิญญาณสปิริตขั้นสูงสุดที่ถูกเียกมาโดยริโนะ ราชินีน้ำแข็ง ราชินีสายฟ้านกอัสนี
คนที่ใช้เวทสปิริตได้มีไม่มากนักหรอกและยิ่งคนที่เรียกสปิริตระดับสูงได้ยิ่งน้อยลงไปอีก ถ้าหากเป็นสปิริตขั้นสูงก็มีเพียงราชินีเอลฟ์เท่านั้นที่เรียกได้สองตัวในครั้งเดียว
แต่ริโนะกลับทำได้
ถ้าเป็นการโจมตีที่ไม่ใช่การโจมตีกายภาพแบบทีเดียวพร้อมกันล่ะจะเป็นยังไง?
[ ช่วยทีนะคะคุณนก! จัดการเลย! ]
พร้อมกับเสียงของริโนะ ราชินีน้ำแข็งทำให้พายุหิมะตกหนักและนกอัสนีก็สร้างพายุสายฟ้าขึ้นมา
วิสัยทัศน์ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันพร้อมเสียงคำถาม
หลังจากนั้น 2-3 วินาทีฝุ่นก็หายไปและมีไดร์ฮาร์ดยืนอยู่ตรงนั้น
[ อะไรกันผู้ชายคนนั้น นี่การโจมตีของพวกเราสร้างไม่ได้แม้แต่น้อยขีดข่วนเลยเหรอ!! ]
ฉันตกใจ ผู้ชายคนนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่?
[ มีเรื่องเล่าว่ามิยาโมโต้ มิซาชินั้นถึงจะถูกฟันก็มีเพียงข้าวที่ติดอยู่ที่หน้าผากเท่านั้นที่ถูกผ่าครึ่ง ดังนั้นเขาเองก็น่าจะทำได้เหมือนกัน ]
คายะอธิบาย
[ อะไรกัน!! ]
ฉันทำราวกับมันเป็นเรื่องตลกและคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี
[ แต่ดูเหมือนเขาจะป้องกันการโจมตีของสปิริตไม่ได้ ]
[ เอ๊ะ… ]
ฉันเห็นร่างของไดร์ฮาร์ดสั่นไปเล็กน้อย
[ อีกอย่างตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็ไม่ได้โจมตีเลย ดูเหมือนจะเพ่งเล็งไปที่การป้องกันอย่างเดียว ]
ฉันหัวเราะให้กับคำพูดของคายะ อย่างน้อยถ้าทำความเสียหายให้ได้ก็พอจะมีโอกาสชนะอยู่บ้างล่ะ
[ งั้นถ้าเราโจมตีไปเรื่อยๆ จนเขาไม่มีเวลาจะตั้งตัวไปเลยล่ะ? ]
เรื่องในห้องใต้ดินมันน่ากลัวมาก แม้ว่าตัวไดร์ฮาร์ดเองจะไม่ได้เป็นคนลงมือเองแต่ก็เป็นเจ้าหน้ากากนั้นก็คงเป็นคนของเขา แน่นอน ฉันต้องเอาคืนแน่
ไดร์ฮาร์ด หนีแค้นของฉันรวมถึงของคนของอาณาจักรร็อก ฉันจะตอบแทนให้สาสมเลย!
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ เจ็บ…. เจ็บชะมัด… ]
เพราะป้องกันการโจมตีจากเวทมนตร์ของสปิริตขั้นสูงไม่ได้ ร่างกายของผมเลยเจ็บไปหมด
อย่างที่คิด 7 ต่อ 1 นี่มันหนักหนาเอาการเลย
แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็พอรับมือได้อยู่
การโจมตีของชิโรเนะอ่านง่ายเพราะผมเคยโดนเธอฟาดมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็เหมือนการโจมตีจากการบนฟ้า ไม่สิ การโจมตีที่เป็นเส้นตรงจากบนฟ้าต่างหาก ดังนั้นถึงหลบได้ง่ายๆ
การโจมตีของเด็กผู้หญิงที่ใช้หมัดคนนั้นเฉียบคมมาก และยังมีความน่ากลัว ตรงนี้เลยหลบไปให้ไกลหน่อย
การโจมตีของเรย์จิน่ากลัวมาก ด้วยดาบเดียวนี้เขาสามารถปลิดชีพของคนในโลกเดิมได้ในทีเดียวเลยก็ว่าได้
แต่ผมก็อ่านการเคลื่อนไหวของเรย์จิได้ในระดับนึงแล้ว ก็แค่ต้องเปลี่ยนมุมมองภายนอกที่มองเท่านั้น ว่านั่นเป็นการเคลื่อนไหวของสัตว์ป่า
ถ้าเป็นเรื่องปกติแล้ว คนธรรมดาคงไม่สามารถเคลื่อนไหวแบบนั้นได้ แต่ด้วยพลังกายอันล้นเหลือของเรย์จิทำให้เขาทำได้
แต่ผมไม่สามารถป้องกันการโจมตีของสปิริตได้
แถมถ้าผมไปตั้งสมาธิกับการสร้างกำแพงเวทมนตร์ขึ้นมาป้องกัน เรย์จิคุงไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยแน่
แล้วผมจะทำยังไงล่ะ?
มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหนีอยู่แล้ว แต่ดูจากตอนนี้แล้วโอกาสมันน้อยนิดมาก แถมผมยังใช้เวทมนตร์เคลื่อนที่ให้โกเรียสหนีไปไม่ได้ด้วยสิ
เมื่อผมมองไป เรย์จิและเด็กผู้หญิงในปาร์ตี้เขาก็เริ่มบุกเข้ามากันอีกครั้ง
ถ้าเป็นเรย์จิคนเดียวก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่สถานการณ์ตอนนี้พวกเธอเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตครั้งนี้ด้วย
เพราะผมไม่สู้กับพวกเธอหรอกนะ
[ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้… ? ]
ผมอยากหัวเราะจริงๆ เลยให้ตายสิ
ถึงแม้จะพยายามคิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะมั้ง?
ถ้าจะเป็นศัตรูกับเรย์จิ สาวๆ รอบตัวเขาก็จะเป็นศัตรูไปด้วย ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเดิมก็ไม่เปลี่ยนแปลง ผมน่าจะคาดเดามันได้ตั้งแต่ตอนที่สู้กับเรย์จิแล้ว
เด็กสาวที่อยู่ล้อมรอบเรย์จิ อยู่ข้างตัวก็เพื่อเรย์จิ ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ
นี่คงเป็นผลจากการโดนโจมตีซ้ำๆ สินะ นี่ผมกลายเป็นคนโง่เขลาขนาดนี้ได้ยังไง
ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องเป็นศัตรูกับพวกผู้หญิงรอบตัวเรย์จิ
แต่กลับไม่ได้เตรียมใจที่จะชักดาบออกมาจนสถานการณ์คับคัน
มันคงจะดีกว่าถ้าผมไม่ช่วยโออุจิ จิยูกิไว้ เพราะยังไงเธอก็ต้องกลับมาช่วยเรย์จิอยู่ดี ไม่ใช่ตัวผม
นี่คือเหตุผลที่ผมต้องโต้กลับบ้างไม่ใช่เอาแต่ป้องกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะฆ่าผู้หญิงพวกนั้นหรือชิโรเนะหรอกนะ
ถ้าผมไม่โต้กลับและยังฝืนตัวเองต่อไป ผมก็ต้องตาย
ถ้าเรย์จิโจมตีผสานแบบเป็นทีมอีกครั้ง เหมือนก่อนหน้านนี้ก็คงไม่เป็นไรมาก แต่ก็ยากที่จะป้องกันไว้ได้
เรย์จิโจมตีมาด้วยเวทมนตร์บินจากด้านหลังอีกหลายต่อหลายครั้ง
ในขณะที่พลังของผมกำลังลดลงเรื่อยๆ เรย์จิกลับได้พลังเพิ่มขึ้นจากซาโฮโกะ โยชิโนะ ทำให้ความเหนื่อยล้าของเรย์จิหายเป็นปลิดทิ้ง
ผมกำลังเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ
แต่ผมก็ยังตัดสินใจที่จะโจมตีพวกเขาไม่ได้ ผมนี่โง่จริงๆ ที่ต้องมาห่วงว่าพวกเขาจะบาดเจ็บมากกว่าที่ตัวเองเจ็บ
[ คุ๊!! ]
เพราะรับการโจมตีจากสปิริตมาหลายครั้งทำให้เข่าของผมเจ็บไปหมด
เรี่ยวแรงเริ่มหายไปแต่ก็ยังสู้ต่อได้ นี่ผมไปเอาแรงใจมาจากที่ไหนกัน
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น
ผมเพิ่งสังเกตว่าเรย์จิทิ้งระยะห่างออกไปไกลมาก
[ อะไรนะ… ]
ผมบ่นพึมพำ ตอนที่ผมสังเกตเห็นมันก็สายไปแล้ว
พอผมรู้ตัวโออุจิ จิยูกิขว้างลูกบอลเวทยักษ์สีแดงกำลังพุ่งตรงมาทางนี้
แต่เมื่อกี้ผมกลับรู้สึกถึงพลังเวทจากบอลเวทนั้นไม่ได้เลย
[ นี่คือสุดยอดเวทระเบิดกัมปนาทที่มาจากการหลอมรวมเวทไฟและระเบิดเข้าด้วยกัน จงรับไปซะไดร์ฮาร์ด !!! ]
โออุจิ จิยูกิตะโกน
อันตราย เวทมนตร์นั้นพอผมเห็นมันก็มาถึงใกล้ตัวแล้ว
แต่โกเรียสอยู่ข้างหลังตอนนี้ ดังนั้นผมจะหลบไม่ได้
ผมปล่อยพลังเวททั้งหมดออกมา อย่างน้อยก็ต้องปกป้องโกเรียส ผมตัดสินใจแล้ว
บอลเวทยักษ์เข้าปะทะ
จนเกิดพายุหมุนขนาดใหญ่ไปทั่วแถบถ้ำ
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
[ สำเร็จแล้วเหรอ… ? ]
นั่นเป็นเวทมนตร์ที่มีพลังทำลายสูงที่สุดของฉัน ถ้าโดนเข้าไปฉันมั่นใจว่าเขาต้องตายแน่
ปัญหาคือถ้ำของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายไปด้วย แต่ฉันต้องเดิมพันด้วยเวทนี้เพื่อจัดการไดร์ฮาร์ด
ถ้าเขารับแรงระเบิดเอาไว้คนเดียว ถ้ำก็คงไม่ถูกทำลายล่ะนะ
แต่หากคิดตามความเป็นจริง เวทนี้มีพลังพอที่จะให้ภูเขานี้หายไปทั้งลูก แต่ภูเขากลับยังอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะรับเวทมนตร์นั้นเอาไว้คนเดียว ช่างน่ายกย่องไดร์ฮาร์ด
[ อย่างน้อยในส่วนลึกๆ ของเจ้าคนเลวนั้นก็ยังพอมีความดีอยู่บ้างล่ะมั้ง? ]
ฉันหัวเราะ
[ สำเร็จแล้วนะคะ คุณจิยูกิ ]
นาโอะวิ่งมาหาฉัน
[ ต้องขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือต่างหาก ถ้างั้นฉันทำไม่สำเร็จหรอก ]
เพราะเวทมนตร์นี้ต้องใช้เวลาชาร์จนานมาก จึงง่ายที่จะโดนขัดกลางคัน
โดยช่องโหว่นั้นเรย์จิเป็นคนช่วยอุดหนุนอีกทาง
[ ขอบคุณมากนะคุณนก ]
ริโนะเรียกสปิริตกลับไป จากนั้นราชินีหิมะและนกอัสนีก็หายไป
[ นี่มันคงจะจบแล้วเหรอ ฉันคิดว่าจะได้ล้างมือสักหน่อย ]
ชิโรเนะพูดออกมา
[ น่า ฉันเองก็เหมือนชิโรเนะนั้นล่ะ เพราะเคยบาดเจ็บปางตายเพราะเจ้าหมอนั้นนี่นา ]
เรย์จิพูดขณะที่มองไปยังถ้ำที่ไดร์ฮาร์ดเคยอยู่
แต่เพราะมีควันจากระเบิดทำให้ยังมองไม่เห็น แต่เขาต้องตายแล้วแน่ๆ
ควันค่อยๆ จางลง
[[ โกหกน่า!! ]]
ฉันและนาโอะพูดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็น
ไดร์ฮาร์ดยังยืนอยู่ตรงนั้น
[ ได้ยังไงกัน!? เขาไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วนี่!!! ]
ฉันตะโกน นั่นมันเป็นพลังเวททั้งหมดของฉันเลยนะ ไม่มีทางที่จะรอดมาได้อย่างปลอดภัยหรอก
[ ขนาดโดนระเบิดนั้นเข้าไปยังมีชีวิตอยู่…. ]
ใบหน้าของซาโฮโกะราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
[ ไม่หรอก ดูให้ดีๆ สิค่ะ ใช่ว่าเขาจะไม่ได้รับความเสียหายเลย ]
คายะชี้ไปที่ไดร์ฮาร์ด
ฉันใช้เวทมนตร์เพื่อมองไดร์ฮาร์ด เกราะและหมวกเกราะได้แตกออก ดูเหมือนตอนนี้แค่ยืนด้วยดาบก็ยากอยู่แล้ว
[ ถึงจะยังรอดมาได้แต่ก็ใช่ว่าจะไร้รอยขีดข่วน! งั้นเดี๋ยวมันก็จบแล้ว! ]
เรย์จิชี้ดาบไปทางไดร์ฮาร์ด
[ นายน่ะแข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมากว่าใคร! แต่นายก็ยังมีสิ่งที่ขาดไปอยู่! ใช่แล้ว นายไม่มีเทพธิดาแห่งชัยชนะอยู่เคียงข้างเหมือนพวกเรา! ]
ใช่แล้ว เรย์จิพูดเพื่อบอกว่าพวกเราเหนือกว่า
[ เรย์คุง… ]
[ คุณเรย์จิ… ]
ซาโฮโกะและริโนะดวงตาเป็นประกายกับคำพูดของเขา
นาโอะและชิโรเนะเองก็ยิ้มไปด้วย
ส่วนคายะก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรเหมือนเดิม
จะว่าไปแล้วไอ้การที่จู่ๆ เรย์จิก็พูดนั้นดูเหมือนเขากำลังดวงตาพล่ามัวไปเลย ก็เรน่าเป็นคนที่เรย์จิให้สัญญาไว้นี่นะ? เอาเถอะ ยังไงตอนนี้พวกเราก็ชนะแล้ว
[ เทพธิดาคอยช่วยฉัน! ไม่ว่าจะต้องเจอกับใครที่แข็งแกร่งขนาดไหน ฉันก็ไม่กลัว! เพราะสุดท้ายแล้วคนชนะก็ต้องเป็นฉัน! ]
เรย์จิชูดาบแห่งแสงขึ้น
[ เอาล่ะ จบกันสักทีไดร์ฮาร์ด! จงหายไปด้วยดาบแห่งแสงของฉันซะ! ]
เรย์จิกำลังจะตัดหัวไดร์ฮาร์ด
[ เดี๋ยวเรย์จิคุง!! ]
ฉันห้ามเขาไว้ก่อน
[ มีอะไรจิยูกิ? ]
เรย์จิดูจะไม่พอใจถึงได้มีสีหน้าหงุดหงิด เป็นธรรมดาเพราะฉันไปหยุดเขาไว้กลางคัน
[ อะไรเหรอคุณจิยูกิ จะช่วยผู้ชายคนนั้นเหรอ? ]
ริโนะถามฉัน
[ ใช่แล้ว! ผู้ชายคนนั้นเป็นคนอันตรายนะ! ถ้าจัดการได้ก็จัดการซะดีกว่า! ไปช่วยคนแบบนั้นมันตลกสิ้นดีเลยนะ! ]
ชิโรเนะพูด
[ ช่วย? เรื่องพรรค์นั้นไม่มีทางหรอก ก็แค่มีเรื่องอยากเขาจะถามนิดหน่อย ]
[ เรืองอยากถามเหรอ? ]
ฉันหยักหน้า
[ พอดีอยากรู้จากปากเขาว่าตอนนี้ชายสวมหน้ากากเป็นยังไง? ]
ฉันมีหนี้แค้นต้องไปชำระกับชายสวมหน้ากาก ดังนั้นถึงต้องการข้อมูล
[ ดังนั้นช่วยรออีกหน่อยเถอะ ก่อนที่จะฆ่าเขาน่ะ ]
เพราะยังไงการต่อสู้ก็จบแล้ว
[ ถ้าพูดอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้… ]
ชิโรเนะกับริโนะยอมให้ฉันทำตามใจ
[ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเป็นภูเขาเลยล่ะ ขอถามหน่อยได้มั้ย? ]
เรย์จิหัวเราะเพราะวางแผนจะทรมานเขา
[ ข้างหน้ามีเด็กผู้หญิงอยู่ ดังนั้นช่วยทรมานอย่าให้รุนแรงมากล่ะ… ]
แม้ฉันจะชินกับโลกนี้แล้ว แต่คิดว่ายังไงเจ้าหมอนี่ก็เป็นสัตว์ประหลาด แค่ความเจ็บปวดดูท่าจะไร้ประโยชน์
ถึงนั้นจะเป็นในกรณีที่เขาไม่ยอมปริปากอะไรก็เถอะ
พวกเราหัวเราะแล้วมองไปที่ไดร์ฮาร์ด
◆ อัศวินดำคุโรกิ
เสียงตะโกนของเรย์จิ
ในตอนที่ผมได้ยินนั้นสติของผมยังเลือนลางอยู่
ถูกของเรย์จิ ไม่มีเทพธิดามาช่วยผมหรอก
นี่คือความต่างระหว่างผมกับเรย์จิ ผมรู้สึกราวกับมีกำแพงที่ไม่อาจข้ามไปได้
ทีแรก ไอ้การที่คนๆ เดียวจะไปสู้กับคนถึงเจ็ดคนนี้มันก็ไม่ยุติธรรมแล้วล่ะ
ความกังวลมันเข้าถาโถมใส่ผมอีกแล้วสิ
ไอ้เวทมนตร์เมื่อกี้ก็หนักเอาเรื่อง ลึกลับมากเลยล่ะที่ผมยังมีชีวิตอยู่
ผมเอามือจับที่หน้าอก จากนั้นผมก็รู้สึกถึงลมหายใจของมังกร
[ ผมช่วยไว้ได้… แต่ว่า… ไม่ไหว.. แล้ว ]
ผมพึมพำ
ต้องความขอบคุณความต้านทานไฟจากวิญญาณของมังกรไฟที่สถิตในร่างผม ทำให้ผมสามารถป้องกันแรงระเบิดได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ผมยังมีชีวิตอยู่
แต่ว่ายังไงก็ป้องกันไว้ได้ไม่สมบูรณ์ ชุดเกราะที่ผมใส่มีรอยแตก นอกจากนี้คือยืนให้นิ่งไว้ ยังยากแล้ว
พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ และหัวเราะอย่างมีความสุข
แน่นอน เพราะนั้นเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จของตัวพวกเขา
ร่างกายผมคงมีอะไรผิดปกติไปแล้วสินะ? มันถึงขยับไม่ได้เลยสักนิด
แล้วผมควรทำยังไง? เปิดเผยตัวจริงแล้วยอมเชื่อฟังพวกเขา เผื่อพวกเขาจะไว้ชีวิตผมเหรอ?
ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ผมนี่มันช่างโง่จริงๆ ที่ปล่อยให้ชีวิตตัวเองตกอยู่ในอันตราย
ดูจากสัญญาณที่รู้สึกจากหลังแล้ว ดูท่าโกเรียสคิดจะกระโดดออกมาช่วยผม
[ ไม่ ไม่ได้นะโกเรียส… จะสู้ไปก็ไร้ประโยชน์… ซ่อนอยู่อย่างนั้นเถอะ ]
อย่างน้อยก็ให้โกเรียสซ่อนตัวไว้อย่าให้หาเจอ แค่นี้โกเรียสก็ปลอดภัย
ขอแค่นายปลอดภัย…
ร่างกายของผมโยกเยกจนหัวสั่นไปด้วย
[ อ่ะ… ]
มันสายไปแล้วตอนที่ผมรู้สึกตัว
นี่เพราะแรงสั่นเมื่อกี้? จากนั้นหมวกเกราะที่มีรอยแตกก็เคลื่อนออกและตกลงสู่พื้น
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
ร่างกายของไดร์ฮาร์ดโยกเยก จากนั้นหมวกเกราะของไดร์ฮาร์ดก็ตกลงที่พื้น
ใบหน้าที่แท้จริงของไดร์ฮาร์ดก็ถูกเปิดเผยออกมา
[ มนุษย์… ]
มันน่าตกใจมาก ฉันคิดว่าใบหน้าจริงๆ ของเขาจะเป็นมอนสเตอร์ซะอีก
ใบหน้านั้นคือใบหน้าของมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เผ่าปีศาจหรือมอนสเตอร์แต่อย่างใด ใบหน้าที่ผอมเรียวและผมสีดำ ผิวสีขาวที่มีรอยแดงนิดหน่อย
[ อ่ะ!!! ]
ทันใดนั้นริโนะก็ชี้ไปที่ไดร์ฮาร์ด
[ มีอะไรเหรอ!? คุณริโนะ!! ]
ฉันมองไปทางริโนะ
[ อ่ะ!! ฉันเคยเห็นเขามาก่อน!! ]
ริโนะตะโกนใส่เมื่อเห็นหน้าไดร์ฮาร์ด
[… คุโรกิ… !? ]
เสียงของชิโรเนะพึมพำ
ทุกคนต่างอึ้งกับคำพูดของชิโรเนะ
[ ทำไม… ทำไมคุโรกิถึงได้มาอยู่ที่นี่?! ]
ชิโรเนะตะโกน
[ ใช่แล้ว! เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะนี่นา! ]
[[[ เอ๋ ——– ___! ]]]
ฉันกับนาโอะตกใจมากเมื่อได้ยินที่ริโนะบอก
จะว่าไปริโนะบอกว่าเคยเจอเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะมาก่อน ดังนั้นเธอเลยบอกว่าไดร์ฮาร์ดก็คือเขาคนนั้น
ใช่งั้นเหรอ?
งั้นทำไมเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะถึงมาอยู่ที่นี่?
ฉันสับสนไปหมด
[ ทำไมเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ]
เรย์จิพูดด้วยความสงสัย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน
ฉันมองไปยังเพื่อนสมัยเด็กคนนั้น
หน้าของเขาเหมือนกำลังจะตายและดูจะล้มไปได้ทุกเมื่อ
[ เอ๋ เขาล้มลงไปแล้ว! ]
ริโนะตะโกน
ร่างกายของเขากระตุกอย่างรุนแรงจากนั้นก็ล้มลงไป
[ คุโรกิ!! ]
ชิโระเนะรีบวิ่งมาหาเขา
แต่ว่าทันใดนั้นที่ถ้ำข้างหลังก็ปรากฏเงาขนาดใหญ่ขึ้น
[ ม-มังกร!! ]
สิ่งที่กระโดดออกมาก็คือมังกรดำ
มังกรดตัวนั้นพาเขาขึ้นบนหลังจากนั้นก็บินหนีไปด้วยความเร็วสูง
เพราะเหตุการณ์มันกระทันหันมาก พวกเราเลยไม่ทันได้ขยับตัวกันสักนิด
[ เอ่อ อะไร…!! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย――――! ]
ชิโรเนะตะโกน เพราะสับสนจนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มังกรตัวนั้นตัวเล็กลงๆ
พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากเฝ้ามองมังกรตัวนั้นบินหนีไป
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมกำลังนอนอยู่บนหลังของโกเรียสบนท้องฟ้า
[ ถูกแกช่วยเอาไว้แล้วสิโกเรียส ]
ดูเหมือนว่ามันจะกระโดดออกมาโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไงเพื่อช่วยผม
ผลที่คือเรารอดมาได้
ไม่มีเทพธิดาแห่งชัยชนะอยู่เคียงข้าง แต่ดูเหมือนจะมีมังกรคอยช่วยผมอยู่ ดังนั้นถึงจะไม่ชนะ แต่ผมก็รอดมาได้
พวกเรย์จิเองก็ดูจะไม่ได้ตามมา แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เมื่อผมจับไปที่หน้า ไม่มีหมวกเกราะสวมอยู่… แต่เป็นใบหน้าจริงๆ ของผมเอง
[ ใบหน้าจริงๆ … ]
ตอนนี้ผมไม่ใช่ไดร์ฮาร์ด แต่เป็นคุโรกิคนที่ถูกคนที่ชอบเกลียด ความสัมพันธ์ของพวกเราคงย้อนกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วสินะ
[ และยังแพ้มาอีก… ]
แถมยังแพ้แบบน่าสมเพซอีก ทำไมผมถึงไม่สู้กัน?
[ โง่จริงๆ เลยตัวผม… ]
ผมหัวเราะนิดหน่อย
จากนั้นก็แตะเขามังศักดิ์สิทธิ์ที่ติดมากับหลังของโกเรียส
[ จะมีเทพธิดาที่อยู่เคียงข้างผมรึเปล่านะ… ]
ถ้ามีก็คงอาจจะชนะบ้างล่ะนะ
จิตใตสำนึกของผมราวกับกำลังมึนงง นี่ผมคงเหนื่อยแล้วจริงๆ
[ ขอโทษนะโกเรียส… ขอหลับสักงีบ ]
จากนั้นจิตใต้สำนึกของผมก็จางหายไปบนหลังของโกเรียส
โกเรียสบินไปท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม แสงแดดที่ส่องผ่านเมฆมา
ขณะที่ผมหลับ
รูปประกอบโดยท่าน pridep แห่งเว็บนายท่าน