CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 31

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 31
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ อัศวินดำคุโรกิ

ดินแดนที่เทพอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าเอลีอัส มันคือดินแดนที่ลอยอยู่บนฟ้าเหนือเมฆบนยอดเขาแห่งเอลีอัสซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

มีสามวิธีที่จะเข้าไปที่เอลีอัสได้ หนึ่งคือบินขึ้นไปบนฟ้า สองคือไต่ภูเขาขึ้นไป สามคือผ่านช่องเขาทางใต้ดิน

แต่ไม่ว่าเส้นทางใดต่างก็ยากลำบาก

ทางแรกนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะคนธรรมดาบินบนท้องฟ้าไม่ได้และหากไม่ได้รับอนุญาตจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่คอยรับใช้โอดินก็เข้าไปจากทากอากาศไม่ได้ หากเข้าไปใกล้จะถูกฆ่าทันที

ทางที่สอง ภูเขาของเอลีอันนั้นเป็นยอดเขาสูงชันและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่เชิงเขาของเอลีอัสก็มีอาณาจักรเอลฟ์อยู่ ดังนั้นการจะเข้าไปต้องได้รับอนุญาตจากเหล่าเอลฟ์

ทางที่สาม  ถูกปกครองโดยคนแคระและจะเข้าไปไม่ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเหล่าคนแคระ

เส้นทางที่ผมเลือกที่จะไปคือเส้นทางที่สาม

วิสัยทัศน์เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากห้องนึงไปห้องนึง ที่เท้ามีเวทมนตร์ที่คอยส่องแสงอ่อนๆ อยู่

[ คุณดาริโอ้ ที่นี่มัน? ]

[ ที่นี่คือทางวิหารครับ หากท่านไดร์ฮาร์ดตรงไปตามอุโมงค์นี้จะไปถึงยังจุดหมายได้ ]

ผู้ที่ตอบคำถามผมมีส่วนสูงเพียงไหล่เท่านั้น แต่มีร่างกายที่ใหญ่พอควร

คนแคระ นั่นคือชื่อเผ่าที่เขาบอกมา

คนแคระมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์และเป็นช่างตีเหล็กฝีมือชั้นยอด ว่ากันว่าเครื่องมือที่คนแคระสร้างดีที่สุดในโลกนี้

มีคนแคระมากมายเข้าออกนากอลราวกับเรื่องปกติ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างราชาปีศาจโมเดสกับเทพแห่งคนแคระ เฮย์บอสและนากอลยังเต็มไปด้วยแร่จึงมีประโยชน์ต่อคนแคระมาก

ดาริโอ้ซึ่งเป็นคนแคระที่มักจะเข้าออกนากอล ตอนนี้กำลังนำทางผมไปที่เอลีอัส

เหตุผลที่ผมจะไปเอลีอัสก็เพื่อจะไปหาเทพเฮย์บอสที่อยู่ส่วนล่างของเอลีอัสเพื่อให้เขาทำชุดเกราะให้ใหม่ เพราะชุดเกราะเดิมของผมเสียหายในการต่อสู้กับพวกเรย์จิ

[ ถ้างั้นจะไปเลยดีมั้ยครับ? ]

ดาริโอ้เริ่มเดินแล้วพูดขึ้น

ดูเหมือนว่าที่หลังวิหารจะมีอุโมงค์ที่นำพาไปสู่อาณาจักรคนแคระได้อยู่

[ ไปกันเถอะคุนะ ]

ผมมองไปด้านข้างและกระตุ้นคุนะที่กำลังกอดแขนอยู่

คุนะพยักหน้าโดยไม่ตอบอะไร ฮู้ดสีดำที่ซ่อนใบหน้าแกว่งไปมา ทำให้ผมมองเห็นเส้นผมสีเงินและหน้าของเธอเล็กน้อย

จากนั้นผมและคุนะก็เริ่มเดิน

แต่เพราะคุนะไม่ยอมปล่อยแขนทำให้มันออกจะเดินลำบากหน่อย

แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะที่มีสาวสวยน่ารักมากอดแขนน่ะ

แล้วแต่เดิมทำไมเด็กผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ถึงมาชอบผมได้?

นั่นก็เพราะเธอเป็นเทพธิดาที่ผมสร้างมาเพื่อตัวเอง เป็นธรรมดาที่เธอจะชอบผมที่เป็นผู้สร้าง แต่เมื่อพอผมมองไปที่คุนะ น่า มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก

พอคิดดูแล้วตอนนี้มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะเลยนะ

[ คุโรกิ… กำลังร้องไห้เหรอ? ]

คุนะเงยหน้ามองผมด้วยใบหน้าและท่าทางน่ารัก

[ ไม่ใช่หรอก นี่มันแค่น้ำมูกที่ไหลจากตาต่างหาก ไปกันเถอะคุนะ ]

เมื่อเราเดินไปก็เจอกับเรือเล็กๆ ที่มีรูปร่างแปลกๆ ตรงทางเดิน

[ ท่านไดร์ฮาร์ดเราจะขึ้นเจ้านี้ไปครับ ]

[ จะไปด้วยเจ้านี้งั้นเหรอครับคุณดาริโอ้? ]

ปกติเรือมันต้องใช้เดินทางในน้ำสิ แต่นี่มันอยู่กลางที่ทางเดิน

[ รอสักเดี๋ยวครับ หากขึ้นไปก็จะเข้าใจเอง ]

ดาริโอ้พูดแล้วหัวเราะ

จากนั้นผมและคุนะก็ขึ้นไปบนเรือโดยมีดาริโอ้เป็นคนอยู่หัวเรือ

ทันใดนั้นเรือก็ลอยขึ้นแล้วแล่นไป

[ โอ้!! ]

สงสัยผมจะเข้าใจผิดเอง

เรือลอยขึ้นขณะที่ตรงไปข้างหน้า

[ มีอะไรรึครับ ท่านอัศวินดำดูจะตกใจมากเลยนะ ]

ดาริโอ้พูดขณะที่หัวเราะ

[ ครับ ผมตกใจจริงๆ นั้นล่ะ ]

ผมตอบไปแบบตรงๆ

น่าตกใจเรื่องเทคโนโลยีของโลกนี้ แบบนี้จะก้าวหน้ากว่าโลกเดิมของผมซะอีกมั้ง

เรือบินไปด้วยความเร็วพอสมควร

ส่วนบนของอุโมงนี้เป็นที่หลบภัย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ที่มีเพียงเผ่าเอลฟ์และคนแคระที่ได้รับจากยอมรับจากเทพแห่งเอลีอัสเท่านั้นและที่จริงแล้วผมเป็นคนของนากอลที่เป็นศัตรูของเอลีอัส ถ้าถูกเผ่าอื่นที่นอกจากเอลฟ์เจอตัวคงจบไม่สวยแน่

เรือยังคงแล่นต่อไป ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยาวไปตามอุโมงค์ แม้ว่าเรือจะแล่นด้วยความเร็วพอสมควรแต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของถ้ำนี้เลย

แต่เดิมการเดินทางด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายดูจะเร็วกว่า แต่เพราะที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปกป้องเรื่องเวทมนตร์จึงถูกปิดผนึกไว้ ดังนั้นมีเพียงวิธีนี้ที่จะผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ไปได้เท่านั้น

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเราก็มองเห็นทางออกแล้ว

จากนั้นเรือก็หยุดและพวกเราก็เดินไปตามทางอีกเล็ก้อย

ที่ทางออกมีแสงสว่างส่องมา เมื่อออกไปก็พบที่สถานที่ที่กว้างมาก

แสงหลากหลายสีสันส่องออกมา ที่ทางเดินเองก็มีแสงส่องออกมาเหมือนกัน แต่แสงจากส่องจากที่นั้นแตกต่างกัน

ภายในเมืองมีสีสันต่างๆ ทั้งสีเหลือง แดง และเขียวจนทำให้ลืมไปเลยว่าที่นี่อยู่ใต้ดิน

ถนนทุกที่ต่างถูกตกแต่งอย่างงดงามและแสงสีต่างๆ ก็ทำให้ที่นี่ดูแฟนตาซีมาก

[ นี่มัน!! ยอดเลย… ]

นั่นคือคำพูดคำแรกที่ผมเห็นทิวทัศน์ครั้งแรก

ดาริโอ้มองดูหน้าผมแล้วทำหน้าพึงพอใจ

[ ยินดีต้อนรับท่านอัศวินดำไดร์ฮาร์ด สู่เมืองของเหล่าคนแคระ เวรุน ]

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ

เมืองของเหล่าคนแคระอยู่ใต้วิหารของเทพของเทพเอลีอัส ที่นี่เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นโดยรวบรวม;วิทยาการเวทมนตร์มากมายไว้

ทั่วเมืองมีการซ้อนกันเป็นลำดับชั้นไปแต่ละชั้น มีแผ่นหินที่เคลื่อนที่ขึ้นลงได้เหมือนลิฟท์แม้จะไม่มีเชือกผูกอยู่ก็ยังขยับได้และเชื่อมต่อไปยังแต่ละพื้นที่ของเมือง ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนของมนุษย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนแคระมีวิทยาการเวทมนตร์ล้ำหน้ากว่าผู้คนในโลกนี้อยู่มาก

และในมืองยังถูกประดับอัญมณีหลากสีสันที่ส่องแสงด้วยวิทยาการเวทมนตร์อยู่ทั่วเมือง แสงเจ็ดสีที่ส่องสว่างตามถนนและอาคารบ้านเรือนเองก็ถูกประดับอย่างสวยงาม เพราะมันอยู่ที่ใต้ดินมันทำให้ผมถึงกับมองตาค้างไปเลย

คนแคระที่อาศัยในเมืองเวรุนมีประมาณ 20,000 คน แม้ว่าจำนวนของคนแคระน้อยกว่าคนในเมืองของมนุษย์ เมืองแห่งนี้ตั้งเทพเฮย์บอสเป็นเทพแห่งเหล่าคนแคระ ดังนั้นเทพเฮย์บอสจึงมีความหมายมากสำหรับพวกเขา

ขณะที่ผมกำลังเดินตามถนน ผมเห็นคนแคระอยู่ตามที่ต่างๆ มากมาย ก็แน่ล่ะที่นี่มันเป็นเมืองคนแคระก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

จากนั้นผมก็เดินผ่านคนที่ไม่ใช่เผ่าคนแคระ ผมเลยสงสัยว่ามีเผ่าอื่นอาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วยเหรอ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันรูปร่างกายกลมและใบหน้าเรียบง่าย นี่คงเป็นโกเล็มที่คนแคระสร้างขึ้น

คนแคระสร้างโกเล็มจากหิน ไม้ เหล็กให้มันขยับได้ นี่คงจะเหมือนกับหุ่นยนต์ในโลกของผม

พวกโกเล็มกำลังช่วยงานคนแคระและบางตัวก็กำลังทำความสะอาดถนนอยู่

ผมเองก็ได้ยินเรื่องโกเล็มมาจากลูคัสมาเหมือนกัน โกเล็มถูกสร้างเพื่อใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้จนไปถึงงานบ้าน

โดยโกเล็มที่กำลังทำความสะอาดนั้นน่าจะถูกสร้างมาเพื่อทำความสะอาด

จะว่าไปมีตุ๊กตาเหล็กที่อยู่หน้าวิหารด้วยนี่นะ ผมเองก็เห็นมันขยับบางทีนั่นก็อาจจะเป็นโกเล็มด้วย

มันคงจะเป็นโกเล็มสำหรับต่อสู้เพื่อขับไล่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่ หากผมไม่ได้มากับดาริโอ้อาจจะต้องต่อสู้กับมันไปแล้ว

[ ดูจะไม่แปลกใจและส่งเสียงเหมือนเมื่อกี้เลยนะครับ ท่านไดร์ฮาร์ด ]

ดาริโอ้พูด โดยนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ผมส่งเสียงตกใจออกไป

[ ครับคุณดาริโอ้ ที่จริงแล้วผมตกใจมากเลยล่ะ ที่เหล่าคนแคระสร้างเมืองแม้จะอยู่ใต้ดินได้น่ะ ]

ดาริโอ้ดูจะพอใจกับท่าทางของผม

[ แต่ว่าท่านไดร์ฮาร์ด เรื่องน่าตกใจน่ะมันจากนี้ต่างหาก เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยครับ ]

ดาริโอ้พูดด้วยใบหน้าที่ดูร้ายกาจเล็กน้อย

ผมพยักหน้า

[ คุนะไม่ต้องใส่ฮู้ดแล้วล่ะ ]

คุนะที่ตลอดทางกอดแขนผมและไม่พูดอะไรสักคำ เอามือเอื้อมไปที่ฮู้ด

 [ ค่ะ ]

จากนั้นคุนะก็เปิดฮู้ดที่ปกปิดใบหน้า

และเราก็ขี่แผ่นหินเพื่อไปยังชั้นที่สูงกว่า นี่มันค่อนข้างสูงเลยนะคงต้องระวังหน่อยแล้ว

ซึ่งข้างบนนั้นคือพื้นที่พื้นที่ทำงานของเหล่าคนแคระซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเวรุน

และหากผ่านพื้นที่พื้นที่ทำงานนี้ไปก็จะไปถึงพื้นที่ทำงานของเทพเฮย์บอสได้

เมื่อเราเข้าสู่พื้นที่ทำงานของเหล่าคนแคระ มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ในสายตาของคนที่กำลังทำงานด้วยความมุ่งมั่นราวกับแม้มีพายุมาก็ไม่หวั่น

คนแคระมากมายกำลังทำงานกันอยู่ที่นี่ดังนั้นคงดีกว่าถ้าไม่ส่งเสียงดัง

นอกจากนี้เหล่าคนแคระบางคนที่นี่ยังไม่ชอบผู้หญิง ดังนั้นคงจะดีกว่าหากไม่พาคุระมาด้วย แต่ผมไม่อยากทิ้งคุนะเอาไว้และกังวลว่าจะทิ้งคุนะไว้นากอลดีแล้วเหรอ? สุดท้ายก็เลยตัดสินใจพามาด้วย

ถ้าถามว่าทำไมผมถึงเป็นห่วงน่ะเหรอ ก็เพราะเจ้าหญิงเรจิน่า อดีตเจ้าหญิงของประเทศอัลโกลี่น่ะสิ

หลังจากที่ผมช่วยเรจิน่าไว้ที่ภูเขาอาเครอน ต่อมาผมก็เลือกเธอให้มาทำงานเป็นเมดในปราสาทราชาปีศาจ

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ดูเหมือนคุนะจะเกลียดเรจิน่า เรจิน่าเองก็ไม่ได้เกลียดอะไรเธอหรอก ดูเหมือนจะมีฝ่ายคุนะที่เกลียดเธอข้างเดียว เพราะผมไม่สบายใจเลยพาคุนะออกมาจากปราสาทด้วย นั่นล่ะเหตุผลของเรื่องทั้งหมด

พวกเราเดินผ่านพื้นที่ทำงานไปอย่างเงียบๆ ผมก็อยากรู้หรอกนะว่าพวกคนแคระกำลังสร้างอะไรกันอยู่ แต่ต้องอดทนไว้ ถ้ามีคนเข้าไปในพื้นที่งานของตัวเองพวกเขาคงจะไม่ชอบใจแน่

ในที่สุดเราก็เดินผ่านพื้นที่พื้นที่ทำงานพ้นและกำลังขึ้นไปที่ชั้นบน

ที่นั่นเป็นห้องแปลกๆ

มีแร่ต่างๆ มากมาย เครื่องมือ กระดาษ และแผนผังต่างๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรวางอยู่ในห้องเต็มไปหมด ทำเอาไม่รู้เลยว่าห้องนี้มันแคบหรือกว้างกันแน่

ดูเหมือนที่นี่จะเป็นส่วนพื้นที่ทำงานของเทพเฮย์บอส ที่นี่คือส่วนที่อยู่ระหว่างเวรุนกับเอลีอัส ตามที่ผมได้ยินมาเทพเฮย์บอสเป็นเทพที่มีฐานะนะต่ำที่สุดในเอลีอัส แต่ในเวรุนเขาคือคนที่มีฐานะสูงที่สุด

จากนั้นเราก็ผ่านพื้นที่ทำงานของเทพเฮย์บอส

และเดินออกไปข้างนอกอีกนิด ที่ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งอยู่ ร่างกายของเขาดูโค้งงอและมีเคราให้ความรู้สึกดูไร้เรียวแรง แต่เมื่อมองลงมาจาก… เขามีทั้งกล้ามแขนที่แน่นปึกและมีรูปร่างที่กำยำ

[ ท่านเฮย์บอส ข้าได้พาตัวอัศวินดำมาหาแล้วครับ ]

ดาริโอ้บอกกับชายคนนั้น ถ้างั้นก็… ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือเทพเฮย์บอส

เฮย์บอสมองมาทางผม

สายตาแหลมคมที่จับจ้อง เทพเฮย์บอสเหมือนจะไม่ค่อยเก่งเรื่องต่อสู้นัก แต่สายตานั้นช่างมีพลังราวกับทหารที่ผ่านศึกมาโชกโชน

[ ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านเทพเฮย์บอส… ]

[ เลิกทักทายพิธีรีตองไร้สาระนั้นเถอะ อัศวินดำไดร์ฮาร์ด ]

ผมถูกพูดขัดกลางคันก่อนที่จะทักทายจบ

[ เจ้าเรียนการตีดาบมาจากดาริโอ้ใช่มั้ย ขอดูดาบของเจ้าหน่อย? ]

เฮย์บอสยื่นมือออกมา

ผมจึงส่งดาบเล็กที่อยู่ตรงอกให้

มันเป็นดาบสั้นที่สั้นกว่าดาบทั่วไป แต่ก็ยาวกว่าดาบสั้นทั่วไปอยู่เล็กน้อย

ดาบเล่มนี้ผมตีขึ้นเองโดยให้ดาริโอ้เป็นคนสอน

จากนั้นเฮย์บอสก็ชักดาบออกมา ดาบเผยออกมาเห็นใบดาบสีดำ

[ ด้วยเพียงดาบเล่มเดียวท่านเฮย์บอสก็เข้าใจหมดแล้ว ยิ่งกว่าการพูดคุยกันเป็นร้อยคำพูดซะอีก ]

เฮย์บอสจ้องดาบของผม ดาบนั้นหลังจากผมได้เรียนการตีดาบจากดาริโอ้มา ผมก็ตี้ขึ้นโดยใช้เปลวไฟสีดำของตัวผมเอง แต่ว่ากว่าจะทำสำเร็จก็ล้มเหลวไปหลายครั้งเหมือนกัน

การจะหาวัสดุที่ทนต่อเปลวไฟสีดำได้มันยากมากและต้องปรับพลังให้ดี ไม่งั้นดาบจะกลายเป็นซากไปเลย

เพราะผมตีออกมาด้วยเปลวไฟสีดำ ตัวดาบจึงส่องแสงสีดำออกมาและค่อนข้างคม

ผมเองก็คิดว่าตัวเองทำออกมาใช้ได้ แต่ก็ไม่มั่นใจเลยถึงขนาดจะให้เทพแห่งช่างฝีมือดูหรอก

[ อืม งั้นเหรอ… เป็นดาบที่สวยมาก ช่วยรอสักเดี๋ยว ]

เฮย์บอสลุกขึ้นหลังจากพูดอย่างนั้น จากนั้นสักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับดาบเล็กๆ ในมือ แต่คราวนี้เป็นดาบเล่มเล็กๆ นั้นถูกทตกแต่งอย่างสวยงาม

[ รับไปซะ ]

เฮย์บอสคืนดาบให้ผม

ผมจับเอาดาบเล่มจากนั้นมา

[ ลองดึงมันออกมาดูสิ ]

ผมดึงดาบออกมาจากฝักและเมื่อดาบสีดำโดนแสงแดด

[ นี่มัน… ]

ผมส่งเสียงประหลาดใจออกไป

[ ใช่ นี่คือดาบที่ท่านลอร์ดไดร์ฮาร์ดตีนั้นแหละ ]

เดิมดาบเล็กที่ผมส่งให้นั้น ไม่ได้ตกแต่งอะไรที่ด้ามจับหรือส่วนไหนเลย ผมตีมันขึ้นมาก็แค่เพื่อให้มันง่ายต่อการใช้เท่านั้น

แต่เมื่อเฮย์บอสเอาดาบมาคืนให้นั้นในเรื่องการใช้งานง่ายยังไม่เปลียนแปลงแต่มันถูกประดับออกมาอย่างงดงาม จนเหมือนดาบคนละเล่มกับเมื่อกี้เลย

น่าประทับใจมาก

[ ที่ดาบเล่มนั้นไม่มีการตกแต่งเลย… ดูท่าเจ้าจะเป็นคนที่ซื่อตรงและถึงแม้จะมีเสื้อผ้าหรุหรา แต่ก็ยังชอบใส่ชุดสีดำที่ไม่โดดเด่นและใช้ชีวิตอย่างสันโดดสินะ ]

คำพูดของเทพเฮย์บอสราวกับทะลวงจิตใจผม

ทำไมคุณถึงได้รู้เรื่องแบบนั้นล่ะ? น่าตกใจจริงๆ

ชิโรเนะเองก็ยังบอกผมว่า ‘นี่ นอกจากเสื้อผ้าสีดำหรือสีเทาไม่มีแล้วเหรอ?’ ก็เสื้อผ้าสีเข้มๆ มันดูทำให้จิตใจเงียบสงบดีใชมั้ยล่ะ

[ ข้าพูดถูกรึเปล่า? ]

ผมตอบคำถามเฮย์บอสกลับไปไม่ได้

เป็นธรรมดาเพราะคำพูดนั้นมันเหมือนทะลวงเข้าไปในใจผมเลยอ่ะ

จากนั้นผมก็มองไปที่ดาบ

[ และข้ายังรู้สึกได้ถึงจิตใจ… ]

เทพเฮย์บอสมองมาที่ผม

[ บางครั้งก็เป็นคนเงอะงะ… ซึ่งแม้จะมีผู้หญิงที่ชอบแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยอมกระทั่งเลี่ยงการต่อสู้กับชายอีกคนที่อยู่กับหญิงคนนั้น ]

คำพูดนั้นกระแทกจิตใจอันบอบช้ำของผมอีกครั้ง

[ ลอร์ดไดร์ฮาร์ดนั้นไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นแต่ยังไม่ยอมต่อสู้เพื่อตัวเองและยังทำให้ตัวเองดูตกต่ำไปอีก? ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันส่งผลให้ไม่อาจแก้ไขเรื่องอะไรได้เลย ]

เฮย์บอสมองไปยังที่แสนไกล

[ เหมือนกับเพื่อนข้า โมเดส…. ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามต่อสู้ขัดขืนอยู่นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยอมถึงขนาดไปอยู่ที่นากอล ยอมเลียแข้งเลียขาเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันจนกลายเป็นอย่างทุกวันนี้ ]

เฮย์บอสหัวเราะเบาๆ

[ แต่อย่างข้าที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลย เอาแต่หมกหมุ่นอยู่กับงานอย่างตัวข้า คงจะไม่มีฐานะจะไปพูดต่อว่าใครได้… ]

เฮย์บอสพึมพำ

เพราะเฮย์บอสมักจะอยู่ในห้องทำงานเสมอจึงไม่ได้ไปร่วมประชุมเทพเลยและพึ่งมารู้ว่าโมเดสถูกเนรเทสออกไปหลังจากนั้นพอสมควร

เฮย์บอสดูจะนึกเสียใจอยู่เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงช่วยโมเดสนั้นเอง

ผมจ้องดาบของตัวเองราวกับถูกเข้าสิง

[ มาพูดกันต่อจากเดิมล่ะนะ… แม้ว่าดาบของเจ้าจะไม่ได้ตกแต่งใดๆ เลย แต่มันก็เป็นดาบที่ดีไม่แพ้ดาบที่เหล่าคนแคระตีขึ้นมาเลย ]

ดีจังที่ได้รับคำชม

[ ขอบคุณครับ ]

ผมก้มหัวลงให้เล็กน้อย

[ งั้นข้าขอดูดาบของโมเดสหน่อยได้มั้ย? ]

จากนั้นผมก็ดึงดาบเวทมนตร์ที่เอวแล้วมอบให้เฮย์บอส

ใบดาบสีแดงที่ส่องประกายและมีลวดลายสีแดง ผมเลยเรียกมันว่าดาบต้องสาป ‘โลหิตดำ’

[ มันเป็นดาบที่ยอดเยี่ยมซึ่งแม้แต่ข้า เฮย์บอสผู้นี้ก็ยังตีขึ้นมาไม่ได้ ]

ทำพูดนั้นน่าตกใจมาก

[ แต่ดาบนี้คุณเฮย์บอสเป็นคนสร้างขึ้นมาไม่ใช่เหรอครับ? ]

เฮย์บอสส่ายหัวให้กับคำพูดของผม

[ นากอล ไม่สิ แม่ของโมเดสเป็นผู้สร้างดาบเล่มนี้ขึ้นมา นากอลซึ่งถูกเรียกว่าเทพแห่งการทำลายล้างมีพลังในการสรรค์สร้างอาวุธที่มีพลังมหาศาลได้ อาวุธที่สร้างขึ้นนั้นชั้นยอดขนาดข้าไม่อาจเทียบได้ ในความเป็นจริงโมเดสเองก็สามารถสร้างอาวุธชั้นยอดได้เทียบเท่ากับข้า ดังนั้นข้าคิดว่าลอร์ดไดร์ฮาร์ดเองก็อาจจะมีความสามารถนั้นด้วย ]

เฮย์บอสพูดขณะที่เปรียบเทียบดาบปีศาจกับดาบเล็กที่ผมตี

ความสามารถในการตีดาบ

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือความสามารถในฐานะช่างฝีมือ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เองก็เป็นความสามารถที่ผมได้มาตอนที่มาถึงโลกนี้ โลกแห่งนี้ดาบถือเป็นสิ่งที่ติดตัวไว้ในรากฐานชีวิตเลยก็ว่าได้

ก่อนหน้าที่จะมาโลกนี้ อาจารย์ผมเคยสอนเรื่องการตีดาบมานิดหน่อย

นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสามารถตีดาบตรงจุดได้อย่างแม่นยำตั้งแต่มาโลกใบนี้และทำดาบออกมาได้ไม่แพ้เหล่าคนแคระ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับเฮย์บอส

[ อืมม ถึงจะต่างกันอยู่นิดหน่อย แต่โมเดสกับลอร์ดไดร์ฮาร์ดก็คล้ายคลึงกัน ข้าทำให้ดาบเล่มนั้นไม่หรูหราเกินไปตามรสนิยมของเจ้าแล้ว เหมาะจะมอบให้ใครสักคนมากเลยล่ะ ]

เขาพูดจบแล้วคืนดาบให้ผม

มอบให้ใครสักคนเหรอ? 

คุนะที่อยู่ข้างๆ ผมทำใบหน้าเปล่งประกายเหมือนอยากได้ แต่ผมอยากให้ของดีๆ กว่านี้มากกว่านะ ไอ้ดาบที่ผมตีเองกับคุนะนี่มันออกจะ…

[ สำหรับคุนะ เอาไว้เดี๋ยวผมหาของที่ดีกว่านี้ให้ดีกว่านะ ]

ผมพูดอย่างนั้นแล้วเก็บดาบคืนที่อก จากนั้นก็ผมก็เอามือไปลูบหัวคุนะ

คุนะดูจะอารมณ์เสีย แต่พอลูบหัวก็หายในทันที

[ ถ้าเป็นเกราะล่ะก็ทางนี้ ตามข้ามาสิ ]

เฮย์บอสเดินนำทางไปด้วยตัวเอง

ที่ตรงนั้นมีเกราะอยู่รวมถึงหมวกเกราะ สีของชุดเกราะยังคงเป็นสีดำสนิทและมีลักษณะเหมือนเมื่อก่อน แต่พลังเวทที่ใส่เข้าไปนั้นมากกว่าเดิมซะอีก

[ ชุดเกราะนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อลอร์ดไดร์ฮาร์ดโดยเฉพาะ ดังนั้นมันไม่เหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ เพราะแต่เดิมเกราะดำนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่ออัศวินดำธรรมดา จะมาพูดมากก็เจ็บคอ ลองใส่มันดูเองจะดีกว่า ]

เฮย์บอสบอกให้ผมลองใส่ชุดเกราะดู ชุดเกราะมีขนาดพอดีตัวและไม่มีแรงสั่น ถึงตัวเกราะจะมีน้ำหนักมากแต่พอผมขยับดูก็ไม่ได้ติดขัดตรงไหน

[ ยอดเลย… ไม่นึกเลยว่าขนาดสวมเกราะอยู่ ผมจะยังเคลื่อนไหวได้ขนาดนี้ ]

แม้แต่ชุดเกราะในโลกเดิมของผมก็ยังทำไม่ได้

[ ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น ]

เฮย์บอสเอาอะไรบางอย่างยาวๆ ออกมา มันคือเคียวยักษ์นั้นเอง

[ นั่นมัน… ]

[ พอดีโมเดสติดต่อข้ามา ดังนั้นข้าเลยคิดว่าหากเป็นเคียวน่าจะเหมาะกับผู้หญิง จึงสร้างขึ้นมาให้น่ะ ]

เฮย์บอสพูดแล้วมอบเคียวให้กับคุนะ

มันเหมาะกับคุนะ ไม่สั้นและยาวเกินไปเหมาะกับส่วนสูงของเธอ ดูดีมากเลยล่ะ

เพราะคุนะต้องมีอะไรไว้ป้องกันตัวบ้าง ผมรู้ดีว่าผมไม่มีพลังจะไปได้ซะทุกอย่าง

แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้คุนะสู้หรอก แต่เรื่องแบบนั้นมันก็อาจจะมีบ้าง

[ ขอบคุณมากครับคุณเฮย์บอส ]

ผมก้มหน้าลงขอบคุณอีกครั้ง

[ ข้าไม่อาจให้อะไรได้มากมาย แต่ก็ขอภาวนาให้มันปกป้องแล้วกัน ]

เมื่อเฮย์บอสพูดจบก็หันหน้าไป

ดูเหมือนเขาจะไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

ผมก้มหัวขอบคุณหลายต่อหลายครั้งให้เขา จากนั้นก็ผมก็กลับไปที่นากอล

 

◆ แม่มดสีเงินคุนะ

พวกเรากลับมาที่ปราสาทด้วยเวทมนตร์เคลื่อนที่

ฉันมองเคียวที่ได้รับจากเฮย์บอสเมื่อกี้

แค่นี้คุนะเองก็สู้ได้แล้ว คุนะอยากจะช่วยคุโรกิ

เมื่อลองจับดูมันทำออกมาได้พอดีกับคุนะเลย แต่ตอนนี้มันยังไร้ประโยชน์เพราะต้องฝึกการใช้เหมือนคุโรกิก่อน

คุโรกิไปแกว่งดาบทุกเช้า

นี่คือวิธีการฝึกสินะ คุนะเองก็อยากฝึกด้วย แม้ว่าดาบจะต่างจากเคียวก็เถอะ จากนั้นคุนะก็เหวี่ยงเคียวออกไปเหมือนกับคุโรกิ แต่เหตุผลจริงๆ ก็เพราะคุนะอยากอยู่กับคุโรกิ

[ ท่านคุนะ… กลับห้องกันเถอะค่ะ ]

มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาคุนะ ผู้หญิงคนนั้นก้มหัวให้เมื่อเห็นคุนะ

ผู้หญิงคนนี้คือเรจิน่า

คุนะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้พยายามเข้าใกล้คุโรกิ

คุโรกิเป็นของคุนะเท่านั้น เป็นของคุนะคนเดียว

แต่เพราะคุโรกิเป็นคนอ่อนโยนเลยใจดีกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นน่ารังเกียจเหลือทนจริงๆ

ที่จริงคุนะอยากผูกขาดคุโรกิไว้คนเดียว ใส่ปลอมคอไว้ซะเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นคุโรกิต้องเกลียดคุนะแน่เลย

ถ้างั้นก็ต้องทำอะไรสักอย่างกับผู้หญิงคนนั้น ฆ่า? แต่ถ้าฆ่าเธอ คุโรกิจะเสียใจ

ดังนั้นต้องคิดหาวิธีอื่น

[ เรจิน่า ]

[ ฮา ค่ะ!! มีอะไรเหรอคะท่านคุนะ! ]

ตอนที่คุนะเรียกชื่อเธอ รู้สึกเหมือนเรจิน่ากำลังกลัว แต่คุนะไม่ฆ่าหรอกดังนั้นไม่ต้องกลัว

ทันใดนั้นคุนะก็สังเกตเห็นของบางอย่างในมือของเรจิน่า

[ นั่นมันอะไร? ]

คุนะถามของที่อยู่ในมือของเธอ

[ เอ่อ… ผ้าที่จะเอาไปซักน่ะค่ะ ]

เธอพูดเสียงดังขึ้น  เพราะกลัวคุนะอยู่นิดหน่อย

[ ของใคร? ]

[… ของนายท่านค่ะ ]

เธอพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

คนที่เรจิน่าเรียกว่านายท่านมีเพียงคนเดียวเท่านั้น  พอคุนะได้ยินเธอเรียกคุโรกิว่านายท่าน(แปลว่าคุณสามีได้ด้วย) เปลวไฟสีดำที่พุ่งออกมาจากตัวคุนะ

[ จะเอาไปซัก? ]

เรจิน่าพยักหน้า

[ มันเป็นเรื่องที่เจ้าหญิงไม่ควรทำไม่ใช่เหรอ? ]

เรจิน่าเป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรมนุษย์ที่ชื่ออัลโกลี่

และเจ้าหญิงนั้นไม่ควรจะซักผ้าด้วยตัวเอง

เพื่อให้คุนะได้รู้เรื่องราวของโลกนี้ คุโรกิจึงได้อ่านหนังสือให้ฟัง

มีทั้งเรื่องราวต่างๆ ของมนุษย์ที่มีอยู่หลากหลายประเภท ซึ่งในเวลาก่อนนอนคุโรกิจะมาอ่านให้คุนะฟังเสมอ

ในเวลานอนเมื่อคุนะได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของคุโรกิ คุนะมีความสุขมากเลยล่ะ

และในนั้นก็มีเรื่องของเจ้าหญิงอยู่ด้วย

ปกติแล้วเจ้าหญิงจะไม่ซักผ้าเอง แล้วให้คนรับใช้ทำให้เสมอ มันจึงน่าแปลกที่เรจิน่าสามารถทำได้

[ ไม่… ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่ฉันอยากจะขอบคุณนายท่านที่คอยช่วยเหลือ… เลยไปเรียนวิธีการซักผ้ามา.. ดังนั้นแล้ว… ]

เรจิน่าตอบออกมาแบบเรียบง่าย

นอกจากเรจิน่าแล้วก็ยังมีคนที่ได้รับเลือกมาเป็นเมดด้วย ดังนั้นเธอน่าจะไปเรียนวิธีซักผ้ามาจากคนพวกนั้น

[ ดังนั้น…. ]

แต่ผ้าที่อยู่ในมือของเรจิน่านั้นมัน… กางเกงในของคุโรกิ

นั่นคือกางเกงในที่คุโรกิใส่เมื่อวานไม่ผิดแน่ เพราะคุนะยืนยันกับตามาแล้วตั้งหลายรอบ ดังนั้นไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด

[ …. เธอเลียมันใช่มั้ย? ]

คุนะถามเรจิน่า

[ เอ๊ะ…? ]

จากนั้นเรจิน่าก็หันหางตาลงไปมองที่มือ ใช่แล้ว มองกางเกงในของคุโรกินั้นแหละ

[  ไม่ใช่นะคะ! ฉันไม่ได้เลียมันเลยนะคะ! ]

ดูท่าเธอจะไม่ได้รู้หมายความของคำพูดของคุนะแต่แรก ถึงได้ตอบกลับมาช้าแบบนี้

[ เอาไปใส่… เลีย… ]

[ ไม่ได้ทำค่ะ! ไม่ได้ทำแน่นอนค่ะ! ]

เรจิน่าส่ายหัวปฏิเสธ

[ ไม่ได้เลียเลยจริงๆ นะคะ! ไม่ได้ทำเลยค่ะ! ก็แค่ดมนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ!!! ]

เรจิน่าปฏิเสธสุดตัว แต่มีคำประโยคนึงที่หลุดมาด้วย

[ เธอเอาไปดมเหรอ? ]

[ อาาาา…… ]

ความเงียบปกคลุมไปทั่วสนาม

ไม่ดีแล้ว… คุนะต้องหาทางำอะไรสักอย่าง…

[ เรจิน่า… ]

[ เอ๋ ค่ะ!! ]

คุนะเข้าไปตรงหน้าของเจิน่า

[ สอนซักผ้าให้คุนะที ]

ถ้าหากฆ่าไม่ได้ คุนะก็ต้องหัดซักผ้าและปกป้องกางเกงในของคุโรกิด้วยตัวเอง

[ เอ่อ ท่านคุนะ… อะไรนะคะ? ]

เรจิน่าดูจะตกใจเพราะไม่รู้เหตุผล

[ ไม่ใช่แค่ซักผ้า แต่ต้องสอนคุนะทุกอย่าง ทั้งหมดที่เธอดูแลคุโรกิ คุนะเองก็จะดูแลคุโรกิแบบเดียวกัน ]

[ เรื่องแบบนั้น… สำหรับท่านที่เป็นลูกสาวราชาปีศาจ… ]

เรจิน่าพูดออกมาด้วยความเสียใจ

ก่อนที่คุนะจะรู้ตัว คุนะก็กลายเป็นลูกสาวของราชาปีศาจตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อาจจะเพราะคุนะคล้ายกับโมน่าล่ะมั้ง(เหมือนแม่-ลูก)

ถึงจะต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ซะทีเดียว

[ คุนะแค่อยากรู้นะ ]

ถ้าคุนะทำได้ทุกอย่าง เรจิน่าก็ไม่จำเป็นต้องมาเป็นเมดของคุโรกิ

พอถึงตอนนั้นคุนะจะถีบหัวส่งเรจิน่าไปให้พ้นเลย

จะเอาไปปล่อยไว้ไหนดีนะ ถ้าเอาไปปล่อยทิ้งไว้ไม่เป็นที่ เดี๋ยวเพราะความใจดีคุโรกิเลยอาจจะเก็บมาอีกก็ได้

และแล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของคุนะ

อาณาจักรอัลโกลี่

เรจิน่าเป็นเจ้าหญิง ทำไมไม่ส่งกลับไปที่นั้นซะล่ะ?

ถ้าส่งเรจิน่ากลับไปที่นั้นเธอก็จะได้เป็นเจ้าหญิงเหมือนเดิมและก็ดีต่อเรจิน่าเองด้วย

ดูจะเป็นไอเดียที่ดีนะ

 

 

 

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 31"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์