อัศวินดำ - ตอนที่ 35
◆ เด็กน้อยนามโอมิรอส
ในป่าที่มีแสงจันทร์สาดส่อง พวกเราพยายามไม่เดินไปในที่ที่ไม่มีเงาเท่าที่ทำได้
[ ขอโทษ… ขอโทษนะ… โอมิรอส…. ถ้าฉันไม่บอกว่าอยากได้ดอกไม้ละก็… ]
เรจิน่าร้องไห้
ดอกไม้ที่บานอยู่บนเขาอาเครอนมีสามารถช่วยรักษาโรคได้
เพราะเรจิน่ารู้ว่าแม่กำลังป่วยเธอจึงอยากได้ดอกไม้พวนั้น และข้าก็ถูกชวนมาด้วยกันระหว่างทางกลับบ้าน
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้วและพวกเรากำลังหลงทางในป่า
[ ไม่ต้องห่วงเรจิน่า ไม่ว่าฉันจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะปกป้องเรจิน่าเอง ]
ข้าพูดกับเรจิน่า
ข้าเองก็กลัวถนนในป่ามืดๆ เหมือนกัน แต่ข้าจะแสดงด้านอ่อนแอให้เรจิน่าเห็นไม่ได้
[ ไม่เป็นไร ทุกคนจะต้องหาเราเจอและค้นหาเราเจอแน่… แน่นอน ]
เรจิน่าพยักหน้า
[ อือ ถ้าโอมิรอสพูดแบบนั้นละก็… ]
เราเริ่มเดินไปกันอีกครั้ง
ในตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างหลัง
[ โอมิรอส… ดูเหมือนข้างหลังเราจะมีใครไม่รู้อยู่ด้วย… ]
เรจิน่าพูดออกมาอย่างกังวล
[ อืม ข้าเองก็รู้สึก… ]
สถานที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้คือภูเขาอาเครอนซึ่งอยู่หลังอาณาจักรของเรา อาณาจักรของพวกเราอยู่ใกล้กับนากอลที่สุด แต่ทว่าพื้นที่ระหว่างพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาอาเครอนกับอาณาจักรอัลโกลี่นั้นเป็นเส้นเขตแดน จึงไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แถวนั้นเลย ดังนั้นข้าเลยคิดว่าคนที่ตามพวกเรามาไม่ใช่มนุษย์แต่น่าจะเป็นก็อบลิน
แม่เคยเล่าเรื่องของก็อบลินให้ข้าฟังว่า ก็อบลินเป็นปีศาจร้าย
ดังนั้นถ้าถูกมันจับได้ ข้าไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
[ บางทีคงเป็นก็อบลิน… ]
เรจิน่าพูดในสิ่งที่ข้ากำลังคิด
[ ระ-เรจิน่า! ร้องเพลงสิ! ก็อบลินมันจะไม่โจมตีหากร้องเพลง! ]
ข้าเคยได้ยินจากแม่ว่าก็อบลินนั้นชอบเสียงเพลงอันไพเราะมาก เรื่องเหตุผลข้าเองก็ไม่รู้ ดูเหมือนเสียงเพลงของมนุษย์จะทำให้พวกก็อบลินรู้สึกเคลิ้มล่ะมั้ง
[ ร้องเพลงงั้นเหรอ…? ]
[ ใช่ ใช่แล้ว! ร้องเพลง! เพราะเสียงเพลงของเรจิน่าไพเราะอยู่แล้ว ถ้าร้องมันต้องไม่เข้ามาใกล้พวกเราแน่! ]
ข้าเคยได้ยินเสียงเพลงของเรจิน่ามาก่อน จำได้ว่ามันไพเราะมาก
[ เข้าใจแล้วโอมิรอส แต่จะร้องเพลงอะไรดี? ]
[ ก็เพลงที่เคยร้องให้ฉันฟังตอนนั้นไง เพลงนั้นก็ดีนะ ]
เรจิน่าพยักหน้า
[ เข้าใจแล้วฉันจะร้อง… .ในป่าลึก~ นกสีดำกำลังตามหารัก~ ข้ามน้ำข้ามเขาตามหารัก~ บินผ่านท้องฟ้าสีคราม~ ในป่าอันเขียวขจี~ นกสีดำได้พบนกสีขาว~ นกดำร้องเพลง~ แต่นกสีขาวไม่ร้องเพลง~ นกสีดำร้องไห้~ บินไปยังอาทิตย์อัสดง~ ]
เรจิน่าร้องเพลงแล้วเดินไป
เสียงเพลงอันไพเราะดังไปทั่วป่ายามค่ำคืน
มือของเราที่เคยสั่นเล็กน้อยเมื่อกี้หายสั่นแล้ว ความกลัวหายไปเพราะการร้องเพลง
เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น เงาที่ตามมาจากข้างหลังก็หายไป
ข้าคิดว่ามันคงจะกลับไปและไม่ตามมาแล้วล่ะ
[ ไพเราะจริงๆ … ]
เสียงนั้นดังขึ้นจากในความมืด
เรจิน่าหยุดร้องเพลง ข้ามองไปในความมืดนั้น มีคนอยู่ตรงนั้น
[ ใครกันนะ!? ]
ข้าออกไปขวางหน้าเรจิน่าไว้
มีใครบางคนออกมาจากในความมืด
[ ก็อบลิน… ]
เมื่อแสงจันทร์ส่องไปก็เห็นก็อบลินยืนอยู่ตรงนั้น
มันออกมาเพราะเสียงร้องเพลงของเรจิน่าเหรอ หรือเพราะเสียงเพลงยังไม่ไพเราะพอ?
[ ข้าไม่ใช่ก็อบลิน ข้าเป็นมนุษย์ ]
ก็อบลินพูดเรื่องงี่เง่าออกมา
[ ข้าเคยเห็นใบหน้าก็อบลินมาก่อน นั่นมันใบหน้าของก็อบลินชัดๆ ]
มันก็จริง ที่ก็อบลินตรงหน้าคล้ายกับมนุษย์มากกว่าก็อบลินที่ข้าเคยเห็น แต่ยังไงใบหน้านั้นก็ก็อบลินชัดๆ จะเรียกว่ามนุษย์ก็อบลินก็คงได้
[ ชิ! จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ]
มนุษย์ก็อบลินพูดออกมา
[ เพราะเสียงเพลงไพเราะของเด็กคนนั้น ลูกน้องข้าเลยวิ่งหนีไปหมด สุดท้ายเลยเหลือแค่ข้าคนเดียวนี่ไง ]
[ สองคนนั้นเป็นก็อบลิน แต่ข้าน่ะเป็นมนุษย์ ]
ข้ารู้สึกตกใจ ก็อบลินควรจะเป็นปีศาจที่มักจะทำร้ายมนุษย์สิ อย่างน้อยข้าก็ถูกสอนมาอย่างนั้น
ทำให้ก็อบลินมาเป็นลูกน้อง? เรื่องพรรค์นั้นทำได้ด้วยเหรอ?
[ ถ้าคุณเป็นมนุษย์จริงๆ งั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ! ]
ข้าพูดออกไป มนุษย์ก็อบลินทำสีหน้าแปลกใจ
[ ทำไมข้าถึงต้องช่วย? ทำไมข้าต้องไปช่วยผู้ชายด้วยล่ะ? ]
ดวงตาของมนุษย์ก็อบลินจ้องไปทางเรจิน่า
ดวงตานั้นจ้องตาไม่กระพริบ
[ หนีไปเรจิน่า!! ]
[ อือ!! ]
เพราะรู้สึกได้ถึงอันตรายจากมนุษย์ก็อบลิน ข้าพยายามปกป้องเรจิน่า
[ ก็ลองทำดูสิ! อัมพาต!! ]
เมื่อมนุษย์ก็อบลินพูดจบ ร่างกายข้าก็รู้สึกชาไปหมด
เรจิน่าเองก็ดูเหมือนจะชาไปทั้งเข่า
[ เรจิน่า!! ]
[ โอมิรอส… โอมิรอส… ]
เรจิน่าขอโทษ ข้าพยายามก้าวไปหาเรจิน่า แต่มันดูจะเป็นไปไม่ได้
[ หืม ต่อต้านเวทมนตร์ของข้าได้ด้วยเหรอ? ]
มนุษย์ก็อบลินพูดออกมา ขณะที่กำลังเข้าไปใกล้เธอ
[ อย่านะ! อย่าเข้าไปใกล้เรจิน่า! ]
ข้าพยายามไปขวางมนุษย์ก็อบลินไว้
[ อั๊ก!! ]
แต่เพราะที่พื้นมันมืดมากจนมองไม่เห็นเท้าทำให้ข้าหกล้มก่อนที่จะไปขวางไว้ได้
[ อ๊ากกก!! ]
เสียงร้องตะโกนของข้า
[ โอมิรอส!! ]
เรจิน่าพยายามจะยืนขึ้นขณะที่กำลังร้องไห้
แต่เพราะร่างกายที่ชาไปหมดทำให้เธอล้มลงไปเหมือนเดิม
[ อุ๊บ!! ]
มนุษย์ก็อบลินคว้าแขนของเรจิน่าไว้ก่อนที่เธอจะล้ม
[ ไม่นะ ได้โปรด… ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันอยากกลับบ้า… ]
เรจิน่าร้องไห้
[ ปล่อยเรจิน่านะ!! ]
ข้าพยายามลุกขึ้นแล้วต่อสู้กับเขา แต่ข้าก็ถูกมนุษย์ก็อบลินเตะที่เท้าจนล้มลงไปอีกครั้ง
[ กุ~สึ~ ]
มนุษย์หลังของข้าด้วยขา ขณะที่มือจับแขนของเรจิน่าไว้
[ เงียบซะ!! ]
มนุษย์ก็อบลินพูดขึ้น ขณะที่ออกแรงที่เท้ามากขึ้น
[ อุ๊ก… ]
ข้าพยายามร้องออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
[ เอาล่ะแหลกไปซะเถอะ! ]
มนุษย์ก็อบลินออกแรงเหยียบข้ามากขึ้น หายใจไม่ออก
[ หยุดนะ อย่าทำโอมิรอสนะ… ]
เรจิน่าพูดขณะที่ร้องไห้
[ ก็ได้ ถ้าเธอพูดแบบนั้นล่ะก็… ]
มนุษย์ก็อบลินหยุดออกแรงกดที่หลังของข้าแล้ว ตอนนี้หายเจ็บแล้ว แต่เขายังไม่เอาเท้าออกจากหลังข้า
ทำให้ยังขยับร่างกายไม่ได้เหมือนเดิม
[ ฮึย… ]
เสียงกลัวของเรจิน่า เมื่อข้าเงยหน้าขึ้น็เห็นนุษย์ก็อบลินกำลังกอดเรจิน่า
[ มนุษย์ผู้หญิง ]
มนุษย์ก็อบลินพูดจากนั้นก็แตะที่ใบหน้าของเรจิน่าและดมกลิ่นของเธอ
[ นุ่มกว่าผู้หญิงก็อบลินซะอีก กลิ่นก็หอม ]
เสียงของมนุษย์ก็อบลินดูตื่นเต้นมาก ช่างน่าเศร้าที่ข้าทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมอง
ใบหน้าของเรจิน่ากลัวสุดขีด
[ ป-ปล่อย เร… จิน่า.. ]
เพราะถูกเหยียบไว้อยู่ ทำให้ข้าออกเสียงพูดแบบชัดๆ ไม่ได้ ขณะที่น้ำตากำลังไหล
[ ข้าตัดสินใจแล้ว! เจ้าต้องเป็นผู้หญิงของข้า! ]
จากนั้นมนุษย์ก็อบลินก็เลียหน้าของเรจิน่า
[ ฮี๊… ไม่เอา.. ]
เรจิน่ากรีดร้องออกมาไม่เป็นคำพูด
[ เท่านี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว! ข้าชื่อโกสุ เป็นผู้ชายของเจ้า! ]
มนุษย์ก็อบลินพูดขณะที่หัวเราะ
[ ไว้เมื่อเจ้าโตขึ้น ข้าจะมารับ ข้าจะรอจนกระทั่งถึงตอนนั้น! ]
เมื่อพูดจบ โกสุก็หายไปในป่า
หลังจากนั้นข้ากับเรจิน่าก็ร้องไห้กัน พวกเราถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
◆ เจ้าชายแห่งอาณาจักรอัลโกลี่โอมิรอส
ข้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
มันเป็นความฝันที่น่ากลัวมาก ซึ่งเป็นเรื่องสมัยที่ข้ายังเด็ก พักนี้ข้ามักจะฝันแบบนี้บ่อยๆ
เป็นความทรงจำอันขมขื่นที่ข้าปกป้องเรจิน่าไว้ไม่ได้
หลังจากนั้นพวกผู้ใหญ่ก็หาตัวพวกเราเจอและช่วยเราเอาไว้
ตั้งแต่วันนั้น ข้าก็เริ่มพยายามเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ข้าอยากปกป้องเรจิน่าจากทุกสิ่งทุกอย่าง
ดังนั้นข้าเลยออกเดินทางเพื่อฝึกวิชาการต่อสู้เป็นเวลา 1 ปี
แต่เมื่อข้ากลับมา เรจิน่าก็ไม่อยู่แล้ว แล้วนี่ข้าจะพยายามแข็งแกร่งไปเพื่อใคร
ข้าลุกขึ้นจากเตียงและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ออกจากห้อง
[ อรุณสวัสดิ์เจ้าชายโอมิรอส ]
ทันทีที่ข้าออกจากห้องก็ถูกคนๆ หนึ่งเรียก เมื่อหันหลังกลับไปก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง
[ อย่าเรียกว่าเจ้าชายสิ เฮนเรีย… ]
ข้าไม่ค่อยชอบนักที่ถูกเรียกว่าเจ้าชาย เพราะนี่เป็นชื่อที่ได้มาจากการเนรเทศเรจิน่าไปที่รังก็อบลิน
[ งั้นจะให้เรียกว่าอะไรดีคะ? ]
[ เรียกแบบเมื่อก่อนก็ได้… ]
[ เข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ พี่โอมิรอส ]
เฮนเรียคือน้องสาวของมาคิลเชียส เพราะพ่อของข้ายุ่งมาก ส่วนใหญ่เลยถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่ของมาคิสเชียสและเฮนเรีย เธออายุน้อยกว่าข้า 5 ปี เพราะพวกเราเป็นเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน เธอจึงเรียกข้าว่าพี่ชาย
[ จะไปที่ภูเขาอีกแล้วเหรอคะ? ]
ดวงตาของเธอดูเย็นชาเล็กน้อย
พ่อแม่ของมาคิลเชียสและเฮนเรียถูกราชาคิวเพียสฆ่า ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยชอบใจนักที่ข้าออกตามหาเรจิน่า
[ วันนี้ไม่ได้ไปหรอก… เพราะต้องเตรียมเข้าร่วมงานเต้นรำกับอาณาจักรเวรอส… ]
ซึ่งข้าและพาซัสเข้าร่วมในฐานะตัวแทนราชา-ท่านพ่อ ซึ่งงานเต้นรำที่อาณาจักรเวรอสจะเริ่มในอีก 5 วัน ดังนั้นข้าต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้
[ งั้นวันนี้ก็ไม่ออกไปสินะคะ? ]
[ …. ]
ข้าตอบคำถามของเฮนเรียไม่ได้
[ เธอตายแล้ว…. ]
[ เฮนเรีย!! ]
ข้าตะโกนออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ ทำไม… ทำไมพี่ถึงได้ไม่เข้าใจสักที? ทำไมถึงเอาแต่พูดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่กันคะ? ขนาดผู้ชายที่เป็นนักรบมากฝีมือไปยังที่อยู่ของก็อบลินแดนเหนือต่างก็ไม่เคยกลับมา ป่านนี้เธอก็ยังไม่กลับมา… เธอเองก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วค่ะ… ]
เป็นไปตามที่เฮนเรียบอก
แต่อย่าลืมว่ายังมีโกสุ เพราะมุนษย์ก็อบลินคนนั้นบอกว่าสักวันจะรับเรจิน่าไป ทำไมกัน ทำไมข้าถึงได้ฝันเห็นเรื่องนั้นบ่อยๆ ? นั่นเพราะข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เรจิน่าจะถูกโกสุจับตัวอยู่
เพราะความเป็นไปได้นั้น ข้าถึงได้อยากออกไปตามหาเธอที่รังก็อบลินแดนเหนือ
แน่นอน ข้าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร ถึงเมื่อสมัยเด็กข้าจะเคยเล่าให้พวกผู้ใหญ่ฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเลย
ตั้งแต่ตอนนั้นมา เรจิน่าก็ไม่เคยพูดถึงโกสุอีกเลย บางทีเธอคงจะไม่อยากจำ ข้าเองก็ไม่อยากให้เธอนึกถึงความทรงจำที่น่ากลัวหรอก
มีเพียงคนเดียวที่ชื่อที่ข้าพูด นั้นก็คือแม่ของเรจิน่า เธอเป็นคนที่อ่อนโยนแม้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นจะขัดแย้งกันมาก
แม่ของเรจิน่าได้มอบเครื่องรางเวทมนตร์ที่เป็นสมบัติของเธอให้กับเรจิน่า ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่โกสุจะมา เครื่องรางนั้นจะช่วยปกป้องเธอเอง
2 ปีหลังจากที่ข้าพบกับโกสุ แม่ของเรจิน่าก็เสียชีวิต
ตอนนี้ข้ามีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
แม้ว่าเฮนเรียกับคนอื่นๆ จะไม่เชื่อว่าโกสุมีตัวตนอยู่จริงและทำเหมือนมันเป็นเรื่องงี่เง่าก็ตาม
[ ถ้าพี่โอมิรอสอยากไปที่รังก็อบลินแดนเหนือขนาดนั้น แล้วเกิดตายขึ้นมา… หนูก็จะไม่สนใจแล้วค่ะ ถ้าเกิดพี่ตาย… ]
เฮนเรียพูดด้วยสีหน้ามืดมน
[ ขอโทษนะเฮนเรีย… ]
ข้าลูบหัวเฮนเรีย
เธอเป็นเด็กที่อ่อนโยน แต่ตอนนี้ข้ายังเลิกตามหาเรจิน่าไม่ได้
[ ไม่เป็นไรหรอก เพราะผู้กล้าพาซัสก็ไปด้วย ยังไงพี่ก็ไม่ตายแน่… ]
เมื่อข้าพูดอย่างนั้น เฮนเรียก็ทำสีหน้าแปลกๆ
[ มีอะไรงั้นเหรอเฮนเรีย? ]
[ พาซัส… เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา หนูรู้ดีค่ะว่าไม่ควรพูดแบบนี้แต่ว่า… หนูรู้สึกว่าคนๆ นั้นให้ความรู้สึกแปลกๆ ]
[ ความรู้สึกแปลกๆ ? ]
[ ค่ะ… อธิบายไม่ได้เหมือนกัน แต่รู้สึกแปลกๆ … ]
เฮนเรียมีสัญญาตญาณที่เฉียบคม บางทีเธอคงรู้สึกอะไรได้ล่ะมั้ง?
[ จะว่าไปแล้ว ตอนนี้พาซัสอยู่ที่ไหนล่ะ? ]
[ ไม่รู้ค่ะ วันนี้ยังไม่เห็นเลย ]
เฮนเรียส่ายหัวเพื่อให้คำตอบ
บางครั้งพาซัสก็จะหายตัวไป ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงจะไปที่ไหนสักแห่งล่ะมั้ง
งั้นวันนี้ข้าไปเตรียมตัวเดินทางไปที่เวรอสดีกว่า ว่าแต่หายไปไหนกันนะ?
◆ เจ้าชายก็อบลิน โกสุ
ข้าเดินทางผ่านหมู่บ้านก็อบลินสกปรกทางใต้และไปทางเหนือของภูเขาอาเครอน
หลังจากเดินทางมายาวนาน ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้วอาณาจักรคารอน
เทียบกันแล้วรังของก็อบลินแดนเหนือดูดีกว่าเยอะ แต่ก็ยังเป็นรังก็อบลินอยู่วันยังค่ำ
[ หยุดเจ้ามนุษย์! เจ้าเป็นใครโกบุ? ]
เหล่าก็อบลินกำลังล้อมข้า
จากนั้นก็มีก็อบลินจากด้านหลังโผล่มา
[ ข้าเคยเห็นภาพเวทมนตร์โกบุ เจ้าคงจะเป็นมนุษย์ที่ชื่อพาซัสแน่นอนโกบุ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่โกบุ? ]
[ ไม่เจอกันนานนะ นายพลเคนโน ]
ข้าไม่ได้ตอบคำถาม แต่เคนโนตกใจมากเมื่อได้ยินข้าเรียกชื่อ
[ ทำไมถึงได้รู้จักชื่อข้าโกบุ? ]
[ ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสินะนายพลเคนโน ]
เคนโนมีสติปัญญามากที่สุดในหมู่ก็อบลิน แต่ดูเหมือนมันจะไม่จริงแฮะ
ข้าคลายเวทมนตร์และแสดงรูปลักษณ์ที่แท้จริง ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากให้เห็นหรอก แต่เป็นแบบนี้ก็คุยกันไม่คืบหน้าสักที
[ โอีะ ท่าน! เจ้าชายโกสุโกบุ! ]
เคนโนและก็อบลินตัวอื่นต่างตกใจกับการปรากฏตัวของข้า ใช่แล้ว ในร่างมนุษย์ข้าคือพาซัสและข้ายังเป็นลูกชายของราชินีก็อบลิน
[ อา ข้าโกสุเอง นายพลเคนโนวไม่พบกันตั้งนาน ยังไงช่วยพาข้าไปหาท่านแม่ทีจะได้มั้ย? ]
ข้าพูดแล้วก้มหัวลง
เคนโนเป็นสามีของพี่สาวข้า ดังนั้นข้าจะหยาบคายไม่ได้ พี่สาวข้าแข็งแกร่งและเก่งกว่าข้ามาก ดังนั้นข้าคงไม่อยากให้เคนโนไปฟ้องเธอหรอก
[ ช่วยรอเดี๋ยวท่านโกสุ! ขอข้าไปยืนยันกับกับราชินีก่อนโกบุ ]
เคนโนวบอก จากนั้นก็วิ่งไปหาท่านแม่สักพัก แล้วก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
[ โปรดผ่านไปได้เลยครับโกบุ ]
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเคนโน ข้าก็เดินเข้าไปในอาณาจักรคารอนเพื่อไปหาราชินี
เมื่อไปถึงประตูบานใหญ่ ข้าก็เข้าไปพบราชินี
ข้าก้มหัวและคุกเข่าลง แม้ว่าจะไม่ลูกชายแต่ท่านแม่ก็ไม่ยกโทษให้แน่หากทำตัวหยาบคาย นั่นคือเหตุผลที่ข้าทำความเคารพ
[ ไม่เจอกันนานนะท่านแม่ ]
[ เงยหน้าขึ้นโกสุ ]
เมื่อข้าได้รับอนุญาต ข้าก็เงยหน้าขึ้นและมองเห็นราชินีก็อบลินดาเทีย-แม่ของข้ายังดูน่าเกลียดเหมือนเดิมเลย
ซึ่งข้าเป็นเด็กที่เกิดจากราชินีก็อบลินกับมนุษย์
โดยลูกนั้นจะเกิดมาต่างเผ่าพันธุ์ตามนี้ หากเป็นผู้ชายก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพ่อ หากเป็นผู้หญิงก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับแม่ ดังนั้นข้าจึงเป็นมนุษย์
ผู้หญิงก็อบลินนั้นห้ามออกจากรัง มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่ออกไปได้ มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ผู้ชายจะถูกพาตัวมาให้ก็อบลินหญิง นอกจากนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่ก็อบลินจะไปมีอะไรกับมนุษย์ ดังนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีมนุษย์ที่เกิดจากก็อบลินเลย ยกเว้นข้าคนเดียว
แม่ของข้าใช้อำนาจในฐานะราชินี สั่งให้ก็อบลินนำตัวมนุษย์ผู้ชายมาให้
ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามนุษย์คนไหนเป็นพ่อข้า เพราะเขาเสียก่อนที่ข้าจะจำความได้ แต่ข้าพอจะจินตนาการออก เดาว่าคงเป็นเด็กหนุ่มหน้าสวยแน่ๆ
และเขาคงจะโดนท่านแม่ขมขืนโดยใช้ยาโด๊ป ไม่ว่าแม่ข้าจะน่าเกลียดเพียงใดแต่หากใช้ยานี้เขาก็จะแข็งขึ้นได้อยู่ดี เขาคงจะโดนขมขืนจนตายแน่ๆ
ข้าแตะที่ใบหน้า แม้จะไม่มีกระจกอยู่ข้าก็รู้ว่ามันน่าเกลียดเหมือนแม่ข้า หากเป็นเด็กผู้ชายที่เกิดจากเอลฟ์ เด็กคนนั้นจะได้รับพลังเวทมหาศาลจากสายเลือดของเอลฟ์มา
แต่ในกรณีของข้าที่เกิดจากก็อบลินที่เป็นเผ่าพันธุ์ต่างกัน เป็นธรรมดาที่ข้าจะเกิดมีหน้าตาเหมือนก็อบลิน ดังนั้นข้าถึงได้น่าเกลียด น้องชายข้าที่เกิดมาก็มีหน้าตาแบบเดียวกัน แต่เขาก็ตายไปซะก่อน
ซึ่งมันไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่ดีนัก สำหรับมนุษย์ที่จะอาศัยอยู่ในถ้ำก็อบลินได้ เหล่าเด็กที่อ่อนแอต่างตายกันไปหมด
ที่ข้ามีชีวิตอยู่ได้เพราะเมื่อเกิดมาข้าได้รับพลังเวทมนตร์เหมือนท่านแม่มาด้วย แต่ดูเหมือนพี่ชายกับน้องชายข้าจะไม่ได้รับพลังมาถึงได้ตาย ในตอนนั้นเพราะข้าได้ยินว่าเด็กที่เกิดมาจากท่านแม่เมื่อเติบโตได้นิดหน่อยก็จะตายซะเฉยๆ ข้าเคยคิดว่าข้าก็คงไม่ต่างกัน
ท่านแม่เป็นก็อบลินที่แข็งแกร่งที่สุด พลังของเธอเทียบได้กับปีศาจ
แม้ว่าข้าจะไม่มีพลังขนาดท่านแม่ แต่ก็ต้องขอบคุณพลังเวทนี้ที่ทำให้ข้ามีชีวิตอยู่รอดมาได้
[ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้า… ข้าไม่คิดเลยว่าพาซัสคนนั้นจะเป็นตัวเจ้าเอง คงเพราะผู้ที่ข้าส่งไปตรวจสอบไม่มีพลังในการมองเห็นเวทมนตร์ได้เลยไม่รู้สินะ ]
แม่ข้าหัวเราะ
ข้าไม่ได้บอกเธอว่าข้าจะไปอาณาจักรของพวกมนุษย์โดยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ เพราะแท้จริงแล้วข้าคิดจะกำจัดท่านแม่ แต่จู่ๆ มันก็ปัญหาเกิดขึ้น
[ ท่านแม่… ตอนที่ข้าเป็นพาซัส ข้าโดนแม่มดผมสีเงินเล่นงาน ไม่ใช่ว่าเธอคนนั้นคือท่านแม่เองหรอกนะ? ]
ข้าถามออกไป จากนั้นท่านแม่ก็ขบคิดอยู่พักนึง
[ แม่มดผมสีเงิน… นั่นคงจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ กับท่านไดร์ฮาร์ด เพราะข้าได้เล่าเรื่องที่มีมนุษย์บุกรุกถิ่นฐานจากทางใต้ให้ท่านไดร์ฮาร์ดฟัง อ๊า อยากพบกับท่านไดร์ฮาร์ดจัง… ]
ท่านแม่พูดด้วยน้ำเสียงหลงใหล
ข้าฟังที่ท่านแม่พูดจากนั้นข้าก็คิดว่าแม่มดผมสีเงินคนนั้นเป็นท่านแม่ซะอีก
ไดร์ฮาร์ด ชื่อนี้เองก็คุ้นหูมาก… นั่นมันชื่อของอัศวินดำที่จัดการผู้กล้าได้นี่นา งั้นแม่มดผมสีเงินผู้งดงามคนนั้นก็เป็นคนของไดร์ฮาร์ด
[ ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากต่อต้านท่านแม่หรก แน่นอนรวมถึงฝ่าบาทด้วย ข้าขอคุยกับท่านไดร์ฮาร์ดเป็นการส่วนตัวจะได้มั้ย? ]
ตอนนั้นข้าพลาดท่า จริงๆ แล้วข้าก็ไม่อยากเจอเขาหรอก แต่มันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตอนนั้นถึงไว้ชีวิตข้า
[ เอาไว้เรื่องนั้นข้าจะไปบอกฝ่าบาทให้ เรื่องที่จะพูดมีเรื่องเดียว? ]
1 ในเป้าหมายหลักสำเร็จแล้ว แต่ยังมีเรื่องอื่นอีก
[ มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะขอ ท่านแม่พอมียาโด๊ปเหลือบ้างมั้ย? ]
[ จะใช้ยานั้นไปทำอะไร? ]
[ หลังจากนี้อีกสามวันจะมีงานเทศกาลที่เรียกว่างานเต้นรำในอาณาจักรของมนุษย์ที่ชื่อว่าเวรอส ข้าอยากจะใช้มันกับมนุษย์ผู้หญิงในตอนนั้นนะ ]
ข้าพูดแล้วหัวเราะ ยานั้นสูตรลับของท่านแม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้น แม้แต่ผู้หญิงก็ยังใช้ได่
[ ได้สิ เรื่องยาไว้ข้าจะจัดการให้ เพราะข้ายังมีอีกหลายจวด ]
[ ขอบคุณมากท่านแม่ ]
ข้าขอบคุณราชินีแล้วออกจากห้องนั้น
ข้าเดินไปยังห้องของข้า ระหว่างทางข้าเห็นพวกก็อบลินหญิงมาคอยส่งสายตาให้ แต่ข้าก็ไม่สนใจ
ตั้งแต่ข้าได้กอดมนุษย์ผู้หญิง ข้าก็ไม่มีรู้สึกอยากกอดก็อบลินหญิงน่าเกลียดอีกเลย
เมื่อข้ากลับไปยังห้องของตัวเอง ห้องของข้าไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ตอนที่ออกไป
ห้องนี้เป็นสถานที่เดียวในอาณาจักรคารอนที่มนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ได้
มันไม่มืดเหมือนรังก็อบลินและมีแสงรอดออกมาจากภายนอกของเพดาน แต่เพราะเหตุผลมันถึงไม่กันลม กันฝนนะสิ
เด็กทารกที่เกิดจากราชินีก็อบลินจะถูกเลี้ยงดูที่นี่
ข้าโตขึ้นมาในฐานะเจ้าชายก็อบลิน แม้ว่าแท้จริงแล้วข้าจะเป็นมนุษย์
แท้จริงแล้วราชินีมีลูกอีกหลายคน แต่คนที่ไม่มีพลังไม่มีคุณสมบัติจะเป็นเจ้าชาย แต่ถึงแม้จะเป็นเจ้าชายของอาณาจักรคารอน ก็ใช่ว่าจะสะดวกสบายอะไร
ในมุมมองของมนุษย์ หน้าตาของข้าจะหน้าเกลียดอัปลักษ์เหมือนก็อบลิน แต่ในมุมมองของก็อบลินแล้ว ข้าคือหนุ่มหล่อหน้าสวยที่สามารถหาสาว(ก็อปลิน)ใดมาครองก็ได้
แต่ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ตอนนี้ท่านแม่ก็อภัยให้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าเลยจะมาพักในอาณาจักรคารอนไปก่อน
มันก็จริง ที่ข้ากระทำบุกรุกเขตพื้นที่ของก็อบลินเขตใต้โดยพลการ แต่เจ้าพวกนั้นก็ไม่ใช่ชาวอาณาจักรคารอนสักหน่อย
ก็อบลินเขตใต้ไม่ได้อยู่ใต้การปกครองของท่านแม่ ยังไงซะพวกมันก็กลัวอำนาจราชินีแห่งคารอนอยู่แล้ว คงทำเหมือนกับว่าเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นนั้นล่ะ
และรังของก็อบลินเขตใต้ยังมีกลิ่นเหม็นมากเมื่อเทียบอาณาจักรคารอน
ครั้งนึงข้าเคยพาลูกน้องเดินทางไปใกล้ๆ และไปแถวที่อยู่อาศัยของพวกมนุษย์โดยบังเอิญ ในตอนนั้นข้าก็ได้พบกับเรจิน่า
มันคงการพบพานแห่งโชคชะตาแน่ๆ
ข้าเองก็เคยเห็นมนุษย์ผู้หญิงมาหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ข้าต้องการมนุษย์ผู้หญิงมากขนาดนี้
นั่นคือเหตุผลที่ถึงได้เลือกนาง
และข้าจะทำให้นางกลับมามองข้าใหม่
ถึงแม้ที่จริงข้าจะอยากพาเธอกลับมาที่รังก็อบลินตอนนั้นเลย แต่เด็กมนุษย์นั้นจะตายได้ง่ายๆ มันคงจะดีกว่าถ้าให้เธอโตกว่านี้อีกสักหน่อย
ดังนั้นข้าจึงปล่อยเธอไปและตัดสินใจใช้เวทติดตามใส่ไว้
ข้าได้ศึกษาเวทมนตร์อย่างหนัก
ถึงแม้จะไม่ถึงขนาดท่านแม่ แต่ข้าก็อยากเก่งที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
และในตอนนั้นก่อนที่ข้าจะพาตัวเรจิน่าไป ข้าจึงต้องวางแผน
เพราะถึงจะมีพลังมากมายแค่ไหนก็เป็นเรื่องอันตรายที่จะเป็นศัตรูกับชาวเมืองทุกคนของอาณาจักรอัลโกลี่ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเข้าไปแทรกซึมในอาณาจักรและคอยโอกาส
เพราะอัลโกลี่เป็นสถานที่ที่หากแข็งแกร่งก็สามารถได้รับการยอมรับให้เป็นนักรบและเข้าไปได้
แต่ตอนที่ข้าไปครั้งแรก ข้าผ่านทางโดยใช้เงินจ่ายค่าผ่านทางน่ะนะ
เหตุผลก็เพราะมันยุ่งยาก
ข้าใช้เวทมนตร์เปลี่ยนรูปร่างเพื่อแทรกซึมเข้าไปในอัลโกลี่ เวทมนตร์นี้จะทำให้เกิดภาพหลอนมาซ้อนทับตัวข้าขึ้นมา แต่ผลของมันจะอ่อนลงหากเป็นผู้มีพลังเวทมนตร์
ข้าตัดสินใจเรียกตัวเองว่าพาซัส เพื่อที่จะได้ไม่เหมือนชื่อก็อบลิน
ไม่มีผู้ใช้เวทมนตร์เลยในอาณาจักรอัลโกลี่จึงไม่มีใครล่วงรู้ถึงตัวจริงของข้าสักคน
แต่ความจะแตกเมื่อไหร่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลา หากพวกเขารู้สึกถึงความไม่ลงรอยของรูปลักษณ์ของข้าละก็มีหวังความแตกแน่
ข้าประสบความสำเร็จในการแทรกซึมเข้าไปในอัลโกลี่ในฐานะทหารรับจ้างและหาโอกาสเข้าใกล้เรจิน่า แต่ในตอนที่ข้าพยายามจะเข้าใกล้เรจิน่า รูปลักษณ์ที่ปลอมตัวของข้าก็ผิดแปลกไป ทำให้ข้าเข้าใจเรจิน่าไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นเรจิน่าก็ไม่ได้มีพลังเวทสูงอะไรนี่ แต่มันหมายความว่ายังไง? พลังเวทของเธอตื่นขึ้น? หรือจะเป็นเพราะมีอุปกรณ์เวมนตร์ที่คอยปกป้องอยู่? ไม่ว่ายังไงข้าก็เข้าใจเรจิน่าไม่ได้
และในตอนที่เจ้าผู้กล้าบัดซบนั้นมา มันพยายามจะเข้าใกล้เรจิน่าของข้า
ผู้กล้าพยายามจะจีบเรจิน่าและทำให้เธอกลายเป็นของๆ มัน
ข้าจึงพยายามหยุด
ข้าอาจจะใช้เวทเสน่ห์ไม่ได้ แต่ข้าใช้เวททำให้คนอื่นจู่ๆ ก็โกรธขึ้นมาได้
ด้วยผลของเวทนั้นทำให้ผู้คนพยายามเข้าทำร้ายผู้กล้า
จากนั้นนักรบแห่งอาณาจักรอัลโกลี่และผู้กล้าก็เข้าต่อสู้กัน
ผลก็คือมีนักรบของอัลโกลี่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับและอยู่ในสภาพที่ต่อสู้ไม่ได้อีกแล้ว และหลังจากความวุ่นวายนั้น ผู้กล้าก็เดินทางจากไป
แต่มันยังมีปัญหาอยู่อีก ก็คือความขัดแย้งภายในอาณาจักร
การต่อสู้ที่ไม่คาดคิดได้เริ่มขึ้น แต่ข้าเปลี่ยนให้ปัญหาเหล่านั้นให้เป็นโอกาส
โดยขยายจากการทะเลาะกันเล็กน้อยจนลามไปถึงปัญหาระหว่างตระกูลเรจิน่ากับตระกูลอื่นๆ
ข้าได้เข้าต่อสู้กับตระกูลของเรจิน่าและทำให้ตระกูลของเรจิน่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ผลลัพธ์จากตระกูลที่ข้าไปเข้าฝ่ายด้วย ทำให้ตระกูลนั้นได้รับชัยชนะ
และหลังจากนั้นราชาซึ่งเป็นพ่อของเรจิน่าและตัวเรจิน่าก็ได้ถูกเนรเทศไปยังรังก็อบลิน
ถ้าข้าไปช่วยเธอไว้และพาเธอไปที่อาณาจักรคารอน เท่านี้เรจิน่าก็จะกลายเป็นของข้าอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ปัญหามันเกิดขึ้นเพราะก่อนที่ข้าจะไปช่วย มีคนไปช่วยเรจิน่ามาซะก่อน
ข้าไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่รู้เพียงว่าชายคนนั้นขี่มังกรมาช่วยเธอไว้ ด้วยเหตุนี้แผนการช่วยเรจิน่าของข้าจึงพลาด
บางทีข้าน่าจะใช้แผนการอื่นเพื่อพาตัวเรจิน่ามา แต่สถานการณ์ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว
ข้าหงุดหงิดมาก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ข้าควรจะลืมเรจิน่าไปได้แล้วตอนนี้
เพื่อปิดแผลใจ ข้าจึงคิดจะหาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่
หากเป็นในงานเต้นรำต้องมีสาวงามอยู่มากมายแน่ๆ
ข้านึกถึงเรื่องในอนาคต
◆ แม่มดแห่งโอเกอร์ คุจิค
[ เซนกุ… ได้ยังไงกัน… ]
ข้ามองไปลูกชายของข้าที่ตอนนี้เหลือแต่เพียงกระดูก
[ ไม่จริง…. นี่มันเรื่องโกหก.. พวกมันต้องชดใช้! ]
ริงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของข้าพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มันก็ต้องระงับไว้ไม่ได้อยู่แล้วเพราะเห็นน้องชายถูกฆ่า
[ ท่านแม่! ท่านพี่! มาดูทางนี้สิ! ]
ลูกชายคนที่สองของข้าเพียวกุดูเหมือนจะพบบางสิ่งเข้า
เขาชี้ไปยังบางอย่างที่เขียนอยู่บนผนัง
[ ดูเหมือนคนที่ฆ่าเซนกุจะมุ่งหน้าไปทางเหนือ ]
อักษรที่กำแพงเขียนไว้ว่าแบบนั้น
ลูกชายคนสุดท้องของข้าถูกพวกผู้กล้าฆ่าตายและมันยังทิ้งข้อความไว้ด้วย
ดูเหมือนพวกน้องสาวของผู้กล้านั้นจะมุ่งหน้าไปยังทางเหนือ ถ้ามีเรื่องจะคุยก็มาหาเหนือสิ มันเขียนไว้ว่าเช่นนั้น
บางทีมันอาจจะโกหกก็ได้ เรื่องที่เขียนว่าเป็นน้องสาวของผู้กล้า แต่หากตรวจสอบดูเดี๋ยวก็รู้เอง
ถึงแม้คนที่ฆ่าลูกชายข้าจะเป็นน้องสาวของผู้กล้าจริงๆ ข้าก็ไม่ยกโทษให้ ข้าจะตามไปฆ่ามัน
เพราะเห็นว่าเซนกุไม่มางานวันเกิดที่ข้าจัดให้สักที ข้าจึงให้ลูกชายคนโตไปเรียกเซนกุให้และเขาก็พบเซนกุในสภาพอย่างที่เห็นตอนนี้ เขาจึงรีบวิ่งไปหาครอบครัวด้วยเวทมนตร์
[ พี่ริงกว่าจะมาถึงที่นี่มันเหนื่อยนะ! ]
คราวนี้ดูเหมือนลูกชายคนที่ห้าไคกุจะเจอบางสิ่ง
[ นี่มันอะไรกัน!! ]
ริงและเพียวกุรีบไปหาไคกุ
ข้ายังคงอยู่ที่เดิม ดูท่าจะเจออะไรเข้าสินะ
[ นี่มัน — ! หนังสือสมบัติที่ข้าให้เซนกุยืมไป แต่มันกลับถูกเผาหมดเลย —!! ]
[ ภาพของอิวาเรีย—!! ]
[ บัดซบ! ใครกันที่มันทำเรื่องพรรค์นี้!? ]
[ เฮ้… ไม่มี ไม่มีเหลือสักเล่มเลย—- !!! ]
ข้าได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกชายจากที่นั่น
ดูท่าจะเจอร่องรอยของพวกมันจากที่อื่น เจ้าคนร้ายนั้นข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่
เราจะไปไล่ฆ่ามัน
โชคดีที่พื้นที่ที่เจ้าพวกนั้นมุ่งหน้าไปคือทางเหนือ เพราะนั้นคือพื้นที่ของข้า ข้าจะจับพวกแกให้ได้เลยคอยดู
จากนั้นข้าก็มุ่งหน้าไปยังเตาผิงที่ลูกๆ ข้าอยู่
[ พวกเจ้าพร้อมกันแล้วใช่มั้ย! เอาล่ะ เราไปฆ่ายัยน้องสาวของผู้กล้ากัน ให้มันชดใช้สิ่งที่มันทำกับเซนกุ! ]
เมื่อข้าพูดออกไป เหล่าลูกชายของข้าพยักหน้า
[ เข้าใจแล้วท่านแม่!! ]
[ โอ้! ให้มันชดใช้ที่เผาสมบัติล้ำค่าของพวกเรา! ]
[ โอ้! ข้าก็จะไปเผามันด้วย! ]
[ ข้าควรทำยังไงดี กับความโศกเศร้าที่จะไม่ได้เห็นมันอีกแล้วนี้ดี! ]
[ ขี้เถ้า… ขี้เถ้า… เผามันให้เป็นขี้เถ้า… ]
[ ข้าจะไม่ได้… เห็นมันอีกต่อไปแล้ว… แค้นโว้ย… ]
[ อิวาร่าของข้า—- !! ]
[ ไม่มีสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว—- !! ]
[ ข้าจะฆ่ามัน !! ]
เหล่าลูกชายข้าต่างแสดงท่าทางโกรธออกมา ดูเหมือนทุกคนจะโกรธที่น้องชายถูกฆ่าตายสินะ
แน่นอน ข้าเองก็ด้วย
พวกเราคือโอเกอร์ที่เป็นลูกหลานของตระกูลของยักษ์แห่งท้องฟ้าที่ครั้งนึงเคยต่อสู้กับเทพเอลีอัสมาแล้วเชียวนะ
ยักษ์แห่งท้องฟ้าพ่ายแพ้และหายตัวไว้ แต่ก็ยังเหลือมรดกไว้อยู่
ด้วยมรดกชิ้นนี้ ถึงแม้จะเป็นน้องสาวของผู้กล้าก็ไม่คณามือหรอก
[ งั้นก็ไปกันเลย! ข้าไม่รู้หรอกว่าจะเป็นน้องสาวของผู้กล้าหรืออะไร แต่ข้าคุจิคแห่งตระกูลโอเกอร์ผู้นี้จะฆ่าแกให้ได้!! เลือดต้องล้างด้วยเลือด คอยก่อนเถอะ! ]