อัศวินดำ - ตอนที่ 37
◆ เจ้าชายแห่งอาณาจักรอัลโกลี่ โอมิรอส
ตรงหน้าข้ามีสาวสวยในชุดเดรสอยู่สองคน วันนี้ข้าต้องมาเต้นรำกับเจ้าหญิงเคียวกะและเจ้าหญิงชิโรเนะ
[ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้เจ้าหญิง ]
พาซัสก้มหัวและจับมือของเจ้าหญิงเคียวกะผู้เป็นน้องสาวผู้กล้า
เธอใส่ชุดสีกุหลาบที่เหมาะกับตัวเธอ ขนาดที่ข้ายังรู้สึกหลงใหล
เมื่อเจ้าหญิงเคียวกะอยู่กับหนุ่มรูปงามอย่างพาซัสมันช่างราวกับภาพวาด
เธอสังเกตเห็นดวงตาของพาซัสกำลังตาตรึงไปที่หน้าอกของเจ้าหญิงเคียวกะ
นี่นายต้องระวังหน่อยนะ อย่างน้อยก็อย่าทำเวลายืนอยู่ต่อหน้าเธอสิ
พาซัสได้เต้นรำกับคนสวยขนาดนั้น ทำให้ชายหนุ่มในงานเต้นรำต่างอิจฉาตาร้อนกันหมด
แต่ไม่ใช่แค่พาซัสที่ถูกอิจฉา ตัวข้าเองก็ด้วย
ข้ามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
[ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้เจ้าหญิงชิโรเนะ ]
ข้าพยายามยื่นมือไปจับมือของหญิงสาวข้างหน้า
เธอเป็นก็เป็นสาวงามเช่นเดียวกัน
แม้จะไม่มีออร่าแบบชนชั้นสูงเหมือนเจ้าหญิงเคียวกะ แต่ก็ยังสง่างาม ข้าลังเลที่จะจับมือเธอ
จากที่ได้ยินมา ดูเหมือนเธอจะเป็นภรรยาของผู้กล้า ข้าคิดว่าการไปจับมือของเธออาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ไว้ค่อยขอโทษแล้วกัน
[ เอ่อ… ฝากตัวด้วยค่ะ… ท่านเซอร์พาซัส ]
เจ้าหญิงเคียวกะตอบพาซัส
แตกต่างกับพาซัส ดูเธอจะไม่ค่อยดีใจเลย
บางทีอาจจะเพราะเธอได้เห็นผู้กล้าที่เป็นหนุ่มหล่อมาจนชินตาแล้ว ระดับพาซัสจึงไม่ค่อยพอใจนักล่ะมั้ง
[ สวัสดีค่ะ ท่านเซอร์โอมิรอส ]
เจ้าหญิงชิโรเนะกล่าวคำทักทาย
เจ้าหญิงชิโรเนะดูจะไม่ได้เต็มใจมากนัก เพราะหน้าตาของเราสองคนต่างกันเหรอ?
[ ทุกคนคะ ขณะนี้ใกล้จะได้เวลาแล้วค่ะ ]
เมดของเคียวกะพูด
เธอไม่ได้เต้นรำด้วยแต่คอยช่วยบริการในงานเต้นรำแทน
[ ถ้างั้นพวกเราไปกันเลยมั้ย? ]
พวกเรามุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานตามคำพูดของพาซัส
ไม่เพียงแค่ห้องโถง แต่ลานยังเปิดออกมาทำให้สถานที่เต้นรำรองรับผู้คนจำนวนมากที่มาได้
ลานเต้นรำตกแต่งด้วยแสงไฟและดอกไม้ที่ส่องแสงสดใสดูสวยมาก
ในสถานที่จัดงานมีทั้งขุนนางจากตระกูลต่างๆ ทั้งชายและหญิงต่างแต่งกายด้วยชุดหลากสีสันเต็มไปหมดทั้งราชวัง
แต่ว่าไม่ใช่แค่เฉพาะขุนนาง ชนชั้นสูงเท่านั้นที่มาร่วมงาน จากที่ข้าเห็นมีทั้งพ่อค้าและพลเมืองที่มีอิทธิพลร่วมอยู่ด้วย แต่ที่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนก็เพราะผู้คนที่มาร่วมงานเยอะเกินไป
สมกับเป็นอาณาจักรเวรอสอันยิ่งใหญ่ อัลโกลี่เทียบไม่ติดเลย
จุดเริ่มต้นของงานเต้นรำมาจากการอยากสานสัมพันธ์กับนานาอาณาจักร จึงได้จัดงานเต้นรำขึ้นเพื่อความสะดวกในการขอความร่วมมือกันระหว่างอาณาจักร
นอกจากนี้สำหรับชายหนุ่มและหญิงสาว งานเต้นรำก็คือสถานที่สำหรับหาคู่แต่งงาน
หญิงสาวทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดสวยงามเพื่อหาคู่แต่งงานในอนาคต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชายหนุ่มที่เป็นที่นิยมก็คือเจ้าชายที่ยังโสดหรือขุนนางชั้นสูง เหล่าหญิงสาวต่างพยายามแต่งตัวเต็มที่เพื่อให้ต้องตาพวกเขา
ถ้าเต้นได้เก่งก็คงจะไปต้องตาของใครสักคนบ้างเหมือนกัน เพราะปกติงานเต้นรำกับคู่เดิมๆ จะไม่ดี จึงต้องเปลี่ยนคู่เต้นไปเรื่อยๆ
และถ้าหากทั้งสองถูกใจกัน ก็อาจจะสัญญานัดพบกันภายหลังและแต่งงานกันในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ชายหรือหญิงสาวที่เต้นไม่เป็นไรนั้นจะราวกับถูกทิ้ง
เพราะหากเต้นไม่เป็นเลยก็จะไม่มีผู้หญิงหรือผู้ชายเชิญไปเต้นด้วยกัน กลายเป็นดอกไม้ประดับกำแพง การไม่มีใครเต้นด้วยนี่มันน่าเศร้านะ
แต่ว่าไม้เลื้อยริมผนังอย่างข้ากับได้เต้นรำกับเจ้าหญิงชิโรเนะ ตามมารยาทแล้วฝ่ายชายต้องเป็นฝ่ายเชิญผู้หญิงด้วยตัวเอง
แต่หากเจ้าหญิงชิโรเนะปฏิเสธข้าก็จะไม่ฝืนหรอก
จากนั้นราชาอีคาราสก็ทักทายและเสียงบรรเลงเพลงงานเต้นรำก็เริ่มขึ้น
จู่ๆ เจ้าหญิงชิโรเนะก็หยุดเดินไป
[ มีอะไรงั้นเหรอครับ? ]
ข้ามองไปที่เจ้าหญิงชิโรเนะ ดูเหมือนเธอลังเหม่อมองอะไรสักอย่างจากไกลๆ
[ เซอร์โอมิรอส ]
[ ครับ? ]
[ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ฉันเอาแต่ใจ แต่ฉันคงเต้นด้วยไม่ได้ ]
เจ้าหญิงชิโรเนะปล่อยมือและขอโทษ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
[ คุณชิโรเนะมีเรื่องอะไรเหรอคะ? ]
เจ้าหญิงเคียวกะที่อยู่ติดกันถามเจ้าหญิงชิโรเนะ
[ ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก คุณเคียวกะเต้นรำต่อไปเถอะค่ะ ]
เมื่อเจ้าหญิงชิโรเนะพูดจบ เธอก็ออกจากห้องโถงงานเลี้ยงไป
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
ฉันจับชายกระโปรงแล้ววิ่งออกจากห้องจัดงานเลี้ยงอย่างเร่งรีบ พร้อมกับถือดาบมาด้วย
เพราะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากราชวังของเวรอส ดังนั้นตอนนี้ฉันเลยกำลังวิ่งตรงไปยังสถานที่ที่จิตสังหารอยู่ปล่อยออกมา
[ ท่านชิโรเนะ!! ]
คุณคายะวิ่งตามหลังฉันมา
ดูเหมือนคุณคายะเองก็จะรู้สึกได้เหมือนกัน
[ คุณคายะเองก็รู้สึกถึงจิตสังหารเหมือนกันใช่มั้ย? ]
คุณคายะพยักหัว
[ มันเป็นจิตสังหารแห่งความเกลียดชังที่รุนแรงมากค่ะ ]
ฉันพยักหน้าตอบ โดยจิตสังหารอันรุนแรงนี้ถูกส่งมาที่อาณาจักรเวรอสตรงๆ เลย
ดังนั้นฉันและคายะที่รับรู้ถึงจิตสังหารได้จึงรีบออกจากงานเต้นรำแล้วไปที่นั้นทันที
ฉันข้ามกำแพงไปด้วยปีก คุณคายะเองก็วิ่งบนฟ้าอยู่
ตอนกลางคืนแถวนี้มืดมาก แต่ว่าสำหรับพวกเราแล้วมันไม่มีปัญหาเลย แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลยเราก็ยังสามารถตรวจจับวัตถุโดยรอบได้ถึง 10 เมตร
จิตสังหารแผ่กระจายไปทั่วป่าอันกว้างใหญ่ที่เรียกกันว่าป่าสีฟ้า ซึ่งอยู่ในบริเวณของอาณาจักรเวรอส
ฉันรู้สึกถึงมันได้จากส่วนลึกของป่า
จึงได้มุ่งหน้าตรงไปพร้อมกับคายะ
ฉันลงไปในป่า
หลังจากนั้นคุณคายะก็ตามมา
แต่เพราะในป่ามีต้นไม้หนาทึบทำให้แสงจากดวงดาวส่องมาไม่ถึง
มันมืดมากจนมองอะไรไม่เห็นเลย แต่รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอยู่ด้านหน้า เพราะมีจิตสังหารถูกปล่อยออกมาจากตัวเขา
[ มากันเยอะเชียวนะ ]
คนที่อยู่ด้านหน้าเราพูดออกมา
[ ทำไมถึงได้ส่งจิตสังหารไปที่เวรอสกัน? ]
เสียงคายะตะโกน
[ ต่างกันนิดหน่อยนะ เพราะเป้าหมายจริงๆ ก็คือพวกเจ้าต่างหาก! พวกเจ้าข้าลูกชายเซนกุที่น่ารักของข้า! ]
ในที่สุดเราก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนๆ นั้นถึงได้เกลียดชังพวกเรา
[ หืม งั้นก็เป็นศัตรู? แปลว่าเป็นโอเกอร์สินะ? ]
คนที่อยู่ข้างหน้าฉันตัวเล็กมากสำหรับเผ่าโอเกอร์ นี่พวกเขาใช้เวทมนตร์เปลี่ยนรูปลักษณ์เหรอ?
[ เจ้าบังอาจมาฆ่าลูกชายของคุจิคผู้นี้! ทั้งที่เซนกุเป็นเด็กที่อ่อนโยนแท้ๆ พวกแกจะต้องชดใช้อย่างสาสมที่ฆ่าเซนกุของข้า!! ]
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันไม่คิดหรอกนะว่าเด็กที่อ่อนโยนจะจับมนุษย์ไปกินนะ
[ ชดใช้อย่างสาสมอะไรกัน! อย่างแกมีฐานะอะไรมาพูดแบบนั้นกับมนุษย์กันห๊ะ? ]
เมื่อคุณคายะพูดจบ เธอก็โดดไปหาคุจิค
[ ฮึ!!! ]
ทันใดนั้นก็มีเสียงของคนที่อยู่ข้างหน้าและดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป
เสียงเปลี่ยนเป็นผู้ชายจากเดิมที่เป็นหญิงแก่ก่อนหน้านี้
เพราะคุณคายะได้ยินเสียงนั้นก่อนจึงหยุดหมัดไว้
จิตสังหารอันรุนแรงจากที่ฉันรู้สึกได้เมื่อกี้หายไปจากคนตรงหน้า มีความรู้สึกไม่ลงรอย เหมือนกับว่าคนข้างหน้าเปลี่ยนไปเป็นอีกคนอย่างสิ้นเชิง
[ นายคือ… ? ]
[ ข้าเอง ท่านคายะ! อีธีกอส!! ]
ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์เลย เพราะมันมืดมากและยังมีเสื้อคลุมสวมไว้ปิดบังอยู่ แต่ดูเหมือนจะยังเป็นชุดเดิมที่โอเกอร์ตัวนั้นเคยใส่
[ ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ]
ฉันกับคุณคายะลองไปมองดูอีธีกอสใกล้ๆ
[ อ่ะ ใช่แล้ว! ตอนนั้นโอเกอร์ที่ชื่อคุนิคได้ยึดร่างข้าไป… จากนั้น…. ]
คุณคายะสะกิดใจกับคำพูดของอีธีกอส
[ หรือว่ามันจะเป็นเวทสิงร่าง? ]
เวทสิงร่างเป็นเวทมนตรร์ที่ใช้สิ่งสู่ร่างกายของเป้าหมาย
ริโนะเองก็สามารถใช้ได้ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยากใช้นัก
และฉันได้ยินมาว่าเวทสิงร่านั้นทรงพลังมาก ซึ่งจะทำให้เจ้าของร่างหลับสนิทไม่รู้สึกตัว แต่การสิงร่างจะทำให้ใช้พลังได้แค่ครึ่งนึงเท่านั้น จึงไม่เหมาะกับการต่อสู้
[ บางทีคงเพราะแบบนั้น ฉันถึงไม่รู้สึกถึงพลังเวทจากเขาเหมือนเมื่อกี้ค่ะ ]
คุณคายะตอบคำถามฉัน
[ แต่ทำไม…? ]
ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรที่ต้องใช้เวทสิงร่างเลยหากตั้งใจจะต่อสู้กับเรา เพราะมันจะเป็นการลดพลังของตัวเองลงซะมากกว่า
[ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยค่ะ เรารีบกลับกันเถอะ ]
ฉันพยักหน้า
[ นี่ แล้วข้าล่ะ… ที่นี่มันมืดมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย… นี่จะปล่อยข้าทิ้งไว้ที่นี่นะเหรอ… ]
อีธีกอสร้องเสียงน่าสมเพซ ตอนนี้เขาเป็นอิสระจากเวทมนตร์ของคุจิคแล้ว เขาจึงกลายเป็นแค่คนธรรมดาที่ใช้เวมนตร์ไม่ได้ แต่ฉันไม่มีเวลามาห่วงเขาหรอก
[ ฉันเป็นห่วงคุณหนูค่ะ ]
แม้คายะจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
เป้าหมายของคุจิคคือคุณเคียวกะแน่ๆ เธอคงจะล่อพวกเราออกมาและหวังใช้โอกาสนั้นโจมตีคุณเคียวกะ
ฉันได้ยินเรื่องคุจิคมาจากคนของอาณาจักรโคกิ เธอเป็นแม่มดโอเกอร์และมีลูกชายอยู่เก้าคน
ถ้าคุจิคอยู่ที่นี่ แปลว่าลูกชายของเธอก็ต้องมาด้วย
คุณเคียวกะยังควบคุมเวทมนตร์ไม่ได้ คงรับมือกับพวกมันไม่ไหวแน
[ งั้นรีบกลับกันดีกว่าค่ะคุณคายะ! ]
ฉันบนขึ้นไปบนฟ้าและคุณคายะก็เริ่มวิ่ง
[ เดี๋ยว~~~ก่อนสิ~~]
ฉันไม่สนใจอีธีกอสที่กำลังร้องไห้
[ เอ๋!? ]
เมื่อฉันบินขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง ก็เกิดเรื่องประหลาดและร่วงลงมา
[ ท่านชิโรเนะ!! ]
คุณคายะที่วิ่งอยู่หยุดกระทันหัน
[ มีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่…. ดูเหมือนเราจะติดกับดักซะแล้ว… ]
บางทีมันคงเป็นกำแพงเวทมนตร์ เป็นบาเรียประเภทกำแพง
[ ริง! ดูเหมือนว่าเจ้าจะทำเสร็จแล้วสินะ!! ]
คุณคายะดูใจร้อนผิดปกติ แน่นอน เพราะคุณเคียวกะกำลังตกอยู่ในอันตรายนี่นา
ฉันเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน
ถึงแม้จะเป็นโอเกอร์แต่ถ้าเอาจริงคุณเคียวกะก็เอาชนะได้ง่ายๆ
แต่เพราะคุณเคียวกะควบคุมไว้ไม่อยู่ แบบนี้อาณาจักรเวรอสถูกบึ้มจนย่อยยับนะสิ
มีความเป็นไปได้สูงว่าเวรอสจะถูกเผาเป็นจุล ต้องรีบกลับแล้ว
เวลาแบบนี้อยากให้คุณจิยูกิกับนาโอะจังอยู่ด้วยจัง
ถ้าเป็นคุณจิยูกิ บาเรียแค่นี้พังได้สบายๆ เลยแท้ๆ
ส่วนนาโอะจังก็คงรู้ว่ามันเป็นกับดักและไม่ถูกจับได้แบบนี้แน่
ตั้งแต่ตอนนี้ฉันต้องต่อสู้อยู่แนวหน้ามาตลอด ดังนั้นเลยไม่ได้คิดวิธีรับมือเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
น่า ขนาดนั้นคุณคายะยังติดกับเลยนี่
[ ท่านชิโรเนะทำลายมันได้มั้ยคะ? ]
คุณคายะถามมา การจะทำลายบาเรียด้วยกำลังมันก็พอเป็นไปได้อยู่หรอก แต่จะเร็วกว่าหากใช้เวทมนตร์ เพราะฉันมีพลังเวทมากกว่าคุณคายะคงดีกว่าสินะ ถ้าให้ฉันเป็นคนทำลาย
[ ถ้ามีคุณจิยูกิอยู่ด้วยมันคงง่ายเลยน้า แต่ถ้าเป็นฉันก็คงต้องใช้เวลาหน่อยค่ะ ]
บาเรียนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่เพราะฉันไม่ค่อยชำนาญเรื่องเวทมนตร์จึงต้องใช้เวลาสักหน่อย
ฉันร่ายเวทใส่ดาบแล้วฟันบาเรีย
◆ เจ้าชายก็อบลินโกสุ
ในสถานที่จัดงาน เพลงบรรเลงขึ้นอย่างไพเราะ
หากเป็นก็อบลินคงจะหนีทันทีที่ได้ฟังแน่ แน่นอนว่าถึงข้าจะมีแม่เป็นก็อบลิน แต่ยังไงเดิมทีข้าก็เป็นมนุษยื
มนุษย์ผู้หญิงกำลังแต่งกายหลากสีสันขณะที่กำลังเต้นรำ
ทุกคนต่างเป็นคนสวย แต่ไม่สู้ผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าข้า
มนุษย์ผู้หญิง เคียวกะ สวยกว่าผุ้หญิงคนไหนๆ ซะอีก
ข้ารู้สึกถึงความเหนือกว่าเมื่อได้เต้นรำกับเธอ ผู้ชายรอบข้างต่างเฝ้ามองด้วยความอิจฉา
ข้าไม่คิดเลยว่าเธอคนนี้จะเป็นน้องสาวเจ้าหมอนั่น
เจ้าผู้กล้านั้น
ชายที่ทั้งแข็งแกร่งและหล่อเหลา
ไม่มีใครเลยที่ไม่อิจฉาเวลามองไปยังผู้กล้า
ขนาดตัวข้ายังหยุดความรู้สึกเกลียดชังนี้ไม่ได้
สาวสวยมากมายต่างไปอ้อมล้อมผู้กล้ากันหมด ถึงกระนั้นเจ้าบัดซบงั้น มันก็ยังจะพยายามจะจีบเรจิน่าของข้า
ข้าอภัยให้มันไม่ได้
แต่เพราะผู้กล้าแข็งแกร่งมาก ถึงข้าจะรู้สึกว่าอภัยให้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ข้าจะทำอะไรได้
ข้ามองไปยังผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้านั้นดูองอาจเหมือนผู้กล้า ดูเท่าเธอจะเป็นน้องสาวของผู้กล้าจริงๆ นั้นล่ะ
คงจะน่าสนุกไม่น้อย ถ้าหากข้าได้สวมกอดผู้หญิงคนนี้บนเตียง
อ๊า ถ้าผู้กล้ามาเห็นคงจะสิ้นหวังน่าดู
ถึงมันก็จะทำให้เป็นศัตรูกับผู้กล้า แต่ข้าก็ไม่อาจระงับความต้องการนั้นได้
แต่ผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาที่อาณาจักรอัลโกลี่ตอนนั้นหายไปไหนแล้ว
รู้สึกว่าจะชื่อว่าชิโรเนะ เธอเป็นผู้หญิงที่มาด้วยกันกับผู้กล้า
เหมือนจู่ๆ เธอก็ออกไปที่ไหนสักแห่งอย่างเร่งรีบ โอมิรอสนี่โชคไม่ดีเลยนะที่คู่เต้นจู่ๆ ก็หายตัวไป
ถึงข้าจะติดใจเรื่องของชิโรเนะ แต่ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับเคียวกะที่อยู่ตรงหน้า
ข้ามองไปที่เคียวกะอีกครั้ง ชุดของเคียวกะเปิดหน้าอกออกมากว้างจนสามารถเห็นหน้าอกอันอวบอิ่ม ข้าจะอยากจับหน้าอกนั้นจริงๆ แต่ต้องอดทนไว้ก่อน
เพราะดูเหมือนเธอจะรู้สึกรังเกียจอยู่ ข้าจึงพยายามจะไม่มอง และไม่มีทางเลือกนอกจากเต้นรำไปเฉยๆ ข้ารู้สึกแบบนั้น
ผู้หญิงที่มาสอนข้าเต้นเมื่อวานก็ดูตาลุกวาวเมื่อเห็นข้าเลยล่ะ ผู้หญิงคนนั้นถึงกับตามข้าต้อยๆ แล้วเชิญชวนข้าด้วยตัวเอง ข้าเลยจัดลูกแมวน้อยตัวนั้นทั้งคืนไปแล้ว
เพราะหน้าตาของพาซัสนั้นในมุมมองของสาวๆ ถือว่าหล่อล่ะนะ แต่ดวงตาของเคียวกะกลับเย็นชา ดูท่าเธอคงจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้าแล้ว
ถ้าแบบนั้น ข้าก็แค่ใช้ยาโด๊ปที่อยู่ในกระเป๋าซะก็เรียบร้อย ถ้าใช้ยานี้นางก็จะตกเป็นของข้า ไม่ว่าจะเห็นหน้าจริงของข้าแล้วก็ตาม
ขอเพียงแค่ชวนเธอเข้าไปดื่มและกินอาหารในห้องหลังเต้นรำจบ ในโอกาสนั้นข้าก็จะผสมยานี้ในเครื่องดื่มซะ
เมื่อก่อนข้าเคยดื่มยานี้มาก่อน ในตอนนั้นข้าถึงกับขาดผู้หญิงไม่ได้เลยถึง 2 วันเต็มและต้องใช้เวลา 5 วันกว่าจะหายเป็นปกติ ในตอนนั้นข้าจัดก็อบลินสาวไปหลายสิบตัว ดังนั้นมันต้องได้ผลแน่
เมื่อคู่เต้นรำแรกจบลง
ผู้ชายก็แห่มากัน ดูท่าเป้าหมายจะเป็นการเต้นกับเคียวกะ
ข้าปรากฏตัวตรงหน้าเคียวกะและขวางไว้
[ ต้องขอโทษด้วย แต่ตอนนี้เจ้าหญิงเคียวกะกับข้ากำลังจะไปทานอาหารกัน ดังนั้นอดทนรอกันสักหน่อยเถอะ? ]
ในความจริงไม่มีแผนจะไปทานอาหารกันตอนนี้หรอก แต่ดูเหมือนเคียวกะจะไม่อยากเต้นรำกับใครแล้ว ข้าจึงมาขวางทางและคิดจะพาเธอออกไป
ข้าคิดเช่นนั้นขณะที่มองเคียวกะ
แต่ทว่าเคียวกะไม่ได้มองข้าหรือเหล่าชายหนุ่มที่แห่มาเลย
เคียวกะกำลังมองไปทางอื่น เหล่าผู้กล้าที่แห่มากันต่างจ้องมองไปที่เคียวกะ
ในช่องว่างของผู้คนนั้นข้าก็มองเห็นสิ่งนั้น
คู่ชายหญิงที่อยู่ตรงกลางนั้น ข้าช็อตไปชั่วขณะ เมื่อเห็นใบหน้าของเธอ
[ แม่มดสีเงิน… ]
ไม่ผิดแน่ ถึงเธอจะใส่ชุดเดรสงดงาม แต่ข้าจำผมสีเงินและใบหน้าอันงดงามนั้นได้ ไม่ผิดตัวแน่นอน
เธอคือแม่มดสีเงินที่ข้าพบที่รังก็อบลินไม่ผิดตัวแน่ ข้าไม่เอะใจเลยก่อนที่เพลงจะเริ่ม ทั้งที่ปกติข้าจะมองหาสาวงามได้ในพริบตาแท้ๆ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? หรือเพราะเธอไล่ตามข้ามา?
แต่ข้าก็ฝากแม่ไปบอกเธอแล้วว่าข้าไม่คิดจะเป็นศัตรูด้วย แต่เธออาจจะยังไม่ได้รับการติดต่อนั้น ข้าควรออกไปจากที่นี่
[ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน… ]
เคียวกะพึมพำ โดยสายตาของเคียวกะจับจ้องไปที่ชายซึ่งอยู่ข้างๆ แม่มดสีเงิน จะว่าไปแล้วคู่เต้นรำของแม่มดสีเงินเป็นใครกัน?
แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องมาสนใจตอนนี้ ข้าต้องรีบหนีไปจากที่นี่
[ ฉันมาที่ต้องไปค่ะ มาเดียวกันหน่อยสิ ]
แต่ว่าเคียวกะกลับคว้าแขนข้าและลากไปหาแม่มดสีเงิน ข้าพยายามต่อต้านแต่เธอแรงเยอะมาก ขืนพยายามหนีไปแบบนี้แขนข้าได้ขาดแน่
ชายที่อยู่รอบๆ ต่างหมดหวังเพราะเห็นเคียวกะไม่สนใจ
เธอวิ่งตรงไปหาแม่มดสีเงิน
ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย
ข้าตะดกนอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครช่วยข้าได้เลย
ข้ากำลังถูกดึงไปแล้ววว
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ผมมองคุนะที่มาด้วยกัน เธอสวมชุดเดรสที่เหมาะกับเธอมาก
สีครามของทะเลลึก เกล็ดสีฟ้าและเครื่องประดับที่ชุดที่ส่องแสง ชุดเดรสของคุนะสวยมาก
แต่เดิมเหล่าคนแคระเองก็มีฝีมือเรื่องการทำชุดอยู่แล้ว คุนะนั้นมีชุดนี้อยู่แล้วล่ะ แต่ไม่มีโอกาสได้ใส่สักที
คุนะที่ตัวเล็ก แต่งกายด้วยชุดที่คนแคระตัดเย็บให้ยิ่งทำให้คุนะดูมีเสน่ห์และสวยขึ้นจนน่าหลงใหล
หน้าอกที่ชุดเปิดเล็กน้อยทำให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มของคุนะเล็กน้อย เครื่องประดับชุดเองก็ไม่ได้ทำมาแบบหยาบๆ อัญมณีสีฟ้าและดอกไม้สีฟ้าอ่อนที่เข้ากับกระโปรงสีฟ้าครามมันวาว เอวคอดที่ดูงดงาม
ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ เลย
ต้องขอขอบคุณคนแคระที่ตัดชุดนี้จริงๆ
จู่ๆ เมื่อสองวันก่อนคุนะก็บอกว่าอยากไปงานเต้นรำที่เวรอสเพราะเธอสนใจมันจากหนังสือนิทานเด็กที่ผมเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้
คุนะเองก็เป็นเด็กผู้หญิงนี่นะ เธอต้องสนใจงานเต้นรำอยู่แล้ว
พูดตามตรงนะ ตอนที่ผมได้ยินเธอพูดครั้งแรก ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะมาอยู่ที่แบบนี้เลย
แต่ที่ผมตัดสินใจมาที่อาณาจักรเวรอสก็เพราะอยากเห็นสีหน้าของคุนะเวลาได้มาเห็นงานเต้นรำของจริง
ผมเรียนการเต้นมาจากเรจิน่า ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะสอนการเต้นรำให้เผื่อไว้จะมีประโยชน์สักวัน ซึ่งแม่ของเรจิน่าเสียไปเมื่อสามปีก่อน แต่เรจิน่ายังจำสิ่งที่แม่สอนได้อย่างดี
เพราะไม่มีเวลามากนัก ผมเลยเต้นเป็นแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมคุนะกลับโมโหเวลาเห็นผมฝึกเต้นกับเรจิน่า
เรจิน่าเองก็มางานเต้นรำครั้งนี้ด้วย เพราะเธอดูเหมือนจะสนใจการเต้นรำอยู่เหมือนกัน
คุนะขมวดคิ้วด้วยสีหน้าน่ากลัวเมื่อรู้ว่าเรจิน่าจะไปงานเต้นรำด้วย โดยคุนะเสนอเงื่อนไขว่าเพราะผมเต้นกับเรจิน่าตอนฝึกไปแล้ว ดังนั้นในงานจริงห้ามเต้นกับเธอเด็ดขาดมา
น่า ถึงแม้ผมจะไม่ได้เต้นรำกับเรจิน่า แต่เรจิน่าก็เป็นสาวสวยอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาเรื่อหาคู่เต้นหรอก
และแล้วก็มาถึงวันจัดงานเต้นรำ ผมมองไปที่คุนะแล้วกลืนน้ำลาย แต่เดิมคุนะก็สวยอยู่แล้วแต่ยิ่งใส่ชุดสวยๆ เธอยิ่งสวยยิ่งขึ้นไปอีก
นี่ผมจะได้ไปงานเต้นรำกับสาวสวยอย่างเธอและยังเต้นรำกับเธอกี่ครั้งก็ได้งั้นเหรอ?
จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปที่อาณาจักรเวรอส
การจะเข้าร่วมงานเต้นรำที่อาณาจักรเวรอสนั้นง่ายนิดเดียว ขอเพียงแค่จ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ ไม่ว่าใครก็สามารถร่วมงานได้
ดูเหมือนนี่จะเป็นไอเดียราชินีของอาณาจักรนี้ ทำให้เหล่าพ่อค้าจากนานาอาณาจักรมาเข้าร่วมงานเต้นรำนี้มากมาย
งานเต้นรำนี้ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดีก็ว่าได้ ดูเหตุนี้ทำให้มีวัตถุดิบหลายอย่างของอาณาจักรนี้ถูกใช้มาทำอาหารเพื่อใช้ในงานเลี้ยงเต้นรำและดูเหมือนจะมีการขายสินค้าใหม่ด้วย ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น
ราชินีโคฟิน่านี่ฉลาดหลักแหลมจริงๆ
แถมเธอยังเป็นที่นิยมกับชาวเมือง เพราะทำลายพวกพ่อค้าไร้ยางอายที่คอยบงการอาณาจักรนี้จากเงามืด ด้วยเหตุนั้นทำให้ราคาสินค้าลดลงไปถึง 1 ใน 5
และเพราะมีอิสระต่อนักเดินทางที่สัญจรไปมาทำให้เศรษฐกิจคึกคักมาก
แม้จะดีในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ก็กล่าวไม่ได้วามันจะดีต่อความปลอดภัยของอาณาจักร เพราะคนสามารถเข้าออกได้ง่ายดายเกินไป แต่ช่างเถอะ เพราะเรื่องนี้ทำให้พวกเราเข้าร่วมงานเต้นรำได้นี่นะ
ผมเดินเข้าไปในงานเต้นรำพร้อมกับคุนะ ดูเหมือนเพลงแรกจะเริ่มไปแล้ว
บทเพลงกำลังบรรเลงและทุกคนก็กำลังเต้น
ผมใช้มือโอบคุนะและอีกมือจับที่เอวบางๆ ของเธอจากนั้นก็เริ่มเต้น
มีหญิงสาวมากมายที่สวมชุดเดรสสวยงาม แต่ตอนนี้ผมมองแต่คุนะเท่านั้น
[ คุโรกิ! คุนะสนุกจัง! รู้สึกดีใจจังที่ได้เต้นรำกับคุโรกิ! ]
ผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นคุนะยิ้ม ผมไม่เคยเต้นรำกับใครเลยตั้งแต่ที่โลกเดิมแล้ว เลยสงสัยว่าผมจะเต้นรำใช้ได้มั้ยนะ
สงสัยคงเพราะว่าที่โลกนี้มีคุนะอยู่ ผมถึงได้มาที่โลกนี้ล่ะมั้ง
มีความสุขจัง ที่ได้เต้นกับสาวสวยอย่างคุนะ
ผมมองไปที่คุนะ
[ มีอะไรเหรอคุโรกิ? ]
คุนะถามผมขณะที่จ้องกลับคืนมา
[ คุโนะสวยมากเลยน่ะ ]
พอได้ยินที่ผมพูด หน้าของคุนะก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
น่ารักจังแฮะ
เพลงแรกจบลงแล้ว
ผมและคุนะยิ้มให้กัน
จากนั้นรอบๆ ตัวพวกเราก็มีเสียงเอะอะกัน เราถูกล้อมไปด้วยกลุ่มผู้ชายหลายคน นี่มันเรื่องอะไรกันนะ?
[ เอ่อ เจ้าหญิง… ช่วยเต้นกับข้าสักเพลงได้มั้ย? ]
[ ไม่ ต้องกับข้าต่างหาก… ]
[ เต้นรำกับข้าดีกว่า ]
เหล่าชายหนุ่มต่างพูดออกมา ดูเหมือนผู้ชายพวกนั้นจะอยากเต้นรำกับคุนะ ผมเพิ่งสังเกตรอบข้างเลยเพิ่งรู้ตัว
เมื่อจ้องมองไปรอบงานเต้นรำก็มีแต่คนพูดถึงคุนะกัน
เมื่อลองเงี่ยหูฟังก็ได้ยินว่า [ สาวสวยคนนั้นเป็นใครกันนะ? ] [ ช่างงดงามอะไรขนาดนี้…. ] [ ทำไมเด็กคนนั้น…. ] [ ทั้งที่ก็ไม่ได้สูงอะไรเลย แต่กลับมีหน้าอกใหญ่ขนาดนั้น… น่าอิจฉา ] ผมได้ยินเสียงชื่นชมคุนะและเสียงอิจฉาจากคนรอบข้าง
[ คุโรกิ พวกเขาเป็นใครนะ? ]
คุนะมองด้วยสีหน้าแปลกประหลาดที่เห็นพวกผู้ชายอ้อมล้อม ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
[ ทุกคนอยากเต้นรำกับคุนะน่ะ ]
[ อะไรน่ะ คุนะไม่อยากเต้นรำกับคนอื่นนอกจากคุโรกิหรอกนะ ]
แต่ว่า ดูเหมือนการเต้นรำกับคู่เค้นเดิมจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ดังนั้นปกติเมื่อเปลี่ยนเพลงก็ต้องเปลี่ยนคู่เต้นด้วย อาจจะดีกว่าล่ะนะถ้าพักผ่อนกันสักหน่อย เพราะการเต้นรำอย่างต่อเนื่องก็ใช่ว่าจะดีนัก
[ อะไรนะ? ]
มีเสียงเอะอะจากกลุ่มชายหนุ่มรอบๆ และมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินตรงมาทางเรา
ผมตกใจมากที่ได้เห็นใบหน้าของเธอคนนั้น
มิโดริ เคียวกะ
น้องสาวของเรย์จิ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? พวกเรย์จิไปที่ทางตะวันตกของทวีปกันไม่ใช่เหรอไง?
ผมรีบหันซ้าย หันขวาอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบทุกคนในห้อง ดูเหมือนจะไม่มีผู้หญิงในกลุ่มของเรย์จิอยู่นะ
งั้นทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวได้? ผมไม่รู้เหตุผลเลย น่าเป็นห่วงแล้วสิ
ผู้ชายข้างๆ นั้นถ้าจำไม่ผิดจะเป็นลูกชายของดาเทียที่ชื่อโกสุสินะ ตอนนี้เขากำลังเปลียนรูปร่างหน้าตาภายนอกและเรียกตัวเองว่าพาซัส ตอนที่ได้รับรายงานเรื่องนี้จากคุนะผมรู้สึกตกใจสุดๆ เลยล่ะ ว่าแต่เขาไปทำอะไรที่อัลโกลี่กันนะ?
แล้วทำไมเข้าถึงได้อยู่กับมิโดริ เคียวกะ?
ผมรู้อยู่แล้วว่าโกสุจะต้องโผล่มาที่งานเต้นรำนี้ แต่ผมไม่รู้เหตุผลที่ว่า… ทำไมเขาถึงได้อยู่กับมิโดริ เคียวกะ
[ คุโรกิ ไม่รู้หรอกนะว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่คงมีเรื่องอยากคุยด้วยล่ะมั้ง? ]
คุนะชี้ไปทางโกสุขณะที่พูด ผมเองก็กังวลอยู่ว่าโกสุคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่สงสัยยิ่งกว่าก็คือทำไมน้องสาวเรย์จิถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหาก
[ เอาล่ะ เราไปคุยกันที่ห้องอื่นดีมั้ย? ]
เมื่อได้ยินคำพูดของคุนะ โกสุก็คล้อยตามไป คุนะคงกำลังใช้เวทมนตร์เพราะอยากได้ข้อมูลจากโกสุสินะ
[ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย มาสิ ]
ผมรู้สึกได้ว่าคุนะกำลังใช้เวทมนตร์ ซึ่งมันคือเวทควบคุม ดูเหมือนคนที่มีพลังเวทน้อยกว่าอย่างโกสุจะต่อต้านเวทมนของคุนะไม่ได้ แสงจากตาของเขาหายไปราวกับกลายเป็นหุ่นเชิด
จากนั้นโกสุที่ไร้สติก็ถูกคุนะพาไปยังห้องอื่น
เหลือเพียงผมกับน้องสาวเรย์จิและคนรอบข้างอีกหลายคนที่ถูกทิ้งเอาไว้
มิโดริ เคียวกะจ้องมองมาที่ผม ดูเธอจะไม่ได้สนใจที่โกสุเดินจากไปเลย
แม้โกสุที่เป็นเพื่อนถูกเวทมนตร์พาตัวไปก็ยังรู้สึกเลยใยดีเลยเหรอเนี่ย
ดูท่าโกสุคงไม่ได้สำคัญอะไรนักสำหรับเธอสินะ
[ นี่ เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า? ]
มิโดริ เคียวกะถามผม
แน่นอนเคยเจอสิ เจอครั้งแรกก็ที่ลีนาเรีย ตอนนั้นผมเองก็ถูกเธอเห็นหน้าไปนิดหน่อยด้วยสิ
จากคำพูดของเธอ ดูจะยังไม่รู้ว่าผมคืออัศวินดำ จะว่าไปตอนที่ต่อสู้กันบนภูเขาของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์เธอก็ไม่ได้มาด้วยนี่นะ ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่ดูท่าผมจะรอดแล้ว
[ ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน เจ้าหญิงเคียวกะ? ]
ผมพูดโกหกแล้วก้มหัวให้เธอ
[ งั้น… ทำไมถึงได้รู้จักชื่อฉันล่ะ? ]
[ นั่นก็เพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของผู้กล้านะสิครับ… ]
ผมพยายามแถ
มิโดริ เคียวกะคิดอะไรอยู่พักนึง
[ ถึงจะมีเรื่องไม่เข้าใจนิดหน่อย… แต่เอาเถอะ ช่วยเต้นรำด้วยกันสักเพลงได้มั้ยคะ? ]
มิโดริ เคียวกะพูดขึ้นแล้วยื่นมือมา
ผมถึงกับติดสตั้นเมื่อเธอบอกว่าอยากเต้นกับผม ผมไม่มีความรู้สึกอยากเต้นรำกับคนใครนอกจากคุนะด้วยสิ
ที่ผมอยากรู้คือทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหาก ดังนั้นคงดีกว่าสินะ หากตอบรับคำเชิญของเธอ เอาล่ะ เต้นก็เต้น
[ ด้วยความยินดีเจ้าหญิง ]
ผมจับมือของมิโดริ เคียวกะ
มือของเธอทั้งบอบบางและงดงาม แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่มือของเธอที่สวย แต่ตัวเธอเองก็สวยมากเช่นกัน
ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เต้นรำกับคนทีสวยขนาดนี้
ในโลกเดิมนั้น อย่าว่าแต่เต้นเลย แม้แต่พูดคุยก็ไม่เคยด้วยซ้ำ
เพลงเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง
ดูท่าเพลงที่สองจะเริ่มแล้ว
เมื่อเพลงบรรเพลง พวกเราก็เริ่มเต้น
[ คุณมาที่เวรอสคนเดียวเหรอครับ? ]
ผมถามเธอขณะที่กำลังเต้น
[ ไม่ใช่หรอก มากับคายะกับคุณชิโรเนะน่ะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะไปที่ไหนสักแห่ง… ]
ผมตกใจมาก นี่ชิโรเนะก็มาด้วยเหรอ แต่ดูเหมือนเรย์จิจะไม่ได้มาด้วย เพราะผมส่งคนไปติดตามแค่เรย์จิ เลยไม่รู้การเคลื่อนไหวของเด็กผู้หญิงคนอื่นนอกจากนั้น
ผมจ้องมองไปที่หน้าของเคียวกะ เธอเองก็จ้องมาที่หน้าของผม เธอช่างมีใบหน้าที่น่ารักและสวยมากสมกับเป็นน้องสาวของเรย์จิ พวกเราจ้องตากันและกัน
[ แปลกจังนะ… เพราะคุณดูเหมือนจะรู้เรื่องพวกเราดีเลย ]
เธอยิงคำถามมาหาผม
[ ฮะฮะฮ่า งั้นเหรอครับ..? ]
ผมหัวเราะกลบเกลื่อน สงสัยเพราะผมถามขุดลึกเกินไปหน่อย
เงียบไว้ดีกว่า
ถึงแม้ว่าตอนที่ผมเต้นรำกับคุนะเมื่อกี้ก็โดนมองเหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้สึกมันจะหนักกว่าเดิมนะ
ดวงตาอิจฉาของผู้ชายรอบๆ ส่งมาที่ผม เพราะตอนนี้คุนะออกจากงานไปแล้วจึงพูดได้ว่าเธอคือดอกไม้ที่งดงามที่สุดของงานเต้นรำครั้งนี้ ผมรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของเหล่าชายหนุ่มที่ส่งมาระหว่างที่ผมเต้นรำกับเธอ แต่ผมไม่มีเวลามามีความสุขหรอกนะ
เพราะกำลังกลัวว่าตัวจริงจะแดงออกมาเมื่อไหร่
ถึงตอนนี้ดูเหมือนมิโดริ เคียวกะจะยังไม่รู้ แต่เธอก็ยังสงสัยอยู่ไม่ผิดแน่
ผมเต้นรำขณะที่มองไปยังเธอ
แม้เพลงจะไพเราะและดูผ่อนคลาย แต่หน้าอกเธอก็เด้งไปมาไม่หยุด
นี่เธอจะเปิดเผยหน้าอกมากเกินไปรึเปล่า เห็นมั้ยว่าสายตาผมมันหยุดจ้องไม่ได้เลยนะ
ผมรู้ดีว่าไม่ควรมองผู้หญิงด้วยสายตาหื่นแบบนั้น แต่ว่ามันอดไม่ได้ที่จะไม่มองจริงๆ ด้วยเหตุนั้นผมจึงพยายามจ้องหน้าเธอไว้เพื่อไม่ให้ไปจ้องที่หน้าอกเธอ
เย็นไว้ ต่อสู้กับความต้องการสิตัวข้า
แต่มันกลับเด้งไปมาทุกครั้งที่เธอขยับจนสายตาผมจับจ้องไปโดยอัตโนมัติ
จากนั้นเธอก็จ้องมองมาที่ผม
[ มีอะไรเหรอครับ? ]
[ น่า คุณเองแค่มองก็รู้แล้วใช่มั้ยคะ? ว่าตัวฉันน่ะด้อยกว่าท่านพี่ทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นคุณฉันรู้สึกว่าจะเปิดใจคุยกันได้ค่ะ หลังจากเพลงนี้จบมาคุยกันดีมั้ยคะ ]
พอได้ยินเธอพูดว่าตัวเองด้อยกว่าเรยจิ หนามในใจของผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
ผมเองก็รู้ดีความรู้สึกที่ต่ำต้อยกับเรย์จิน่ะเป็นยังไง แต่ผมไม่ได้พูดออกไป
[ ไม่หรอกครับ คนอย่างผมไม่คู่ควรหรอกที่จะผูกขาดคนสวยอย่างคุณไว้คนเดียวหรอกครับ ]
ผมบอกเธอและปฏิเสธออกไป
นอกจากนี้มันอันตรายหากอยู่ที่นี่นานเกินไป แล้วพวกของเธอกลับมาล่ะก็…
ก็รู้สึกผิดกับคุนะ แต่ผมต้องรีบกลับไปที่นากอลให้เร็วที่สุดแล้ว
[ เป็นคนที่คิดมากจังนะคะ ไม่เห็นต้องอดกลั้นไว้เพราะอายเลยนี่ค่ะ ]
มิโดริ เคียวกะพูดแล้วหัวเราะ
ไม่ใช่สักหน่อย
ในตอนแรกเธอกับผมมันก็ไม่คู่ควรกันอยู่แล้ว เธอควรจะไปเต้นรำกับเจ้าชายหรือคนที่ดูดีพวกนั้นมากกว่า
[ ว๊ากกก~~ ]
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นจากปลายห้องโถง
[ อะไรนะ? ]
[ มันเกิดอะไรขึ้น? ]
เคียวกะหันไปยังทิศที่เสียงที่คนร้องขึ้น
[ โอเกอร์!! ]
[ ทำไมโอเกอร์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้! ]
[ ช่วยด้วย!! ]
เสียงร้องดังไปทั่วสถานที่จัดงาน
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เห็นเงาของโอเกอร์แปดตัวกำลังล้อมที่นี่ไว้
ผมเคยเห็นโอเกอร์มาก่อนแล้วครั้งนึง รู้สึกจะเป็นเผ่าพันธุ์ยักษ์ที่สูงประมาณ 2-3 เมตรและมีเขี้ยวที่ปาก
จากนั้นเหล่าโอเกอร์ก็บุกรุกเข้ามาในงานเลี้ยงเต้นรำ