อัศวินดำ - ตอนที่ 43
◆ เจ้าชายแห่งอาณาจักรอัลโกลี่ โอมิรอส
ข้าป้องกันดาบของโกสุด้วยโล่
[ ไปเลย กระสุนไฟ!! ]
โกสุเดินมาขณะที่มือข้างหนึ่งถือดาบและมีลูกไฟออกมาจากมืออีกข้าง
แต่โล่นี้ก็ป้องกันไว้ได้ ถ้ามีโล่เวทนี้อยู่แม้จะถูกลูกไฟโจมตีก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนเลยสักนิด
[ เร่งความเร็ว!! ]
โกสุร่ายเวทแต่ไม่มีอะไรออกมา จากนั้นความเร็วของโกสุก็เพิ่มขึ้น
โล่ของข้ามันขยับไปเองอัตโนมัติ
เคร้ง!! เสียงนั้นดังขึ้นจากการใช้โล่ป้องกันดาบจากข้าง
หากข้าไม่ตั้งท่าให้ดีๆ มีหวังกระเด็นแน่
โกสุใช้เวทอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังผ่านไปไม่ได้จากนั้นก็โดดถอยไป
ข้าลุกขึ้นยืนและตั้งโล่
[ ไอ้โล่นั้น! ]
โกสุร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ
อย่างที่โกสุพูด โล่นี้มันสุดยอดจริงๆ มันขยับแขนข้าไปป้องกันเองด้วยซ้ำ
ข้าจำคำพูดของนักดนตรีที่ให้โล่นี้ได้
[ อย่ายกมันให้พาซัส ]
เขาพูดอย่างนั้น
ดูเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? เขาเป็นใครกันแน่?
แต่ข้าไม่มีเวลามากพอจะคิดถึงเรื่องนี้ โกสุโจมตีมาอีกครั้ง
[ บัดซบ! ขอแค่เจ้าไม่มีโล่นั้นก็เสร็จข้า— ]
แน่นอน ถ้าโล่นี้หลุดจากมือ ร่างกายของข้าคงถูกฟันกลายเป็นสองท่อน
ข้ารู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองอ่อนแอกว่าโกสุ
วันนั้นที่ข้าได้เจอกับโกสุครั้งแรก ข้าทำอะไรเขาไม่ได้เลย ได้แต่เพียงร้องและมองไปที่เรจิน่า
ตั้งแต่วันนั้นข้าจึงฝึกฝนตัวเอง คราวนี้ล่ะข้าจะปกป้องเรจิน่าให้ได้
แต่โกสุก็ยังเก่งกว่าอยู่ดี ถ้าข้าไม่มีโล่นี้ข้าก็คงเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
น่าเศร้า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวข้าคนเดียวจะปกป้องเรจิน่าได้ เหมือนตอนนั้น
น่าสมเพซจริงๆ
โกสุโจมตี แต่โล่นั้นก็ป้องกันไว้
อย่างไรก็ตามมันถึงขีดจำกัดแล้ว
จนถึงตอนนี้ข้าอาจจะเป็นผู้จับโล่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใช้โล่ ขืนเป็นแบบนี้ข้าต้องโดนโกสุฆ่าแน่
แต่ข้าจะปล่อยให้มันได้ตัวเรจิน่าไปไม่ได้
[ คนเลวอย่างแก! ข้าไม่มีวันยกเรจิน่าให้แน่!! ]
ข้าประกาศออกไปแล้วใช้โล่ดันโกสุกลับ
ตั้งแต่วันที่เรจิน่าได้พบกับโกสุ เธอก็เริ่มกลัวการออกไปข้างนอก ข้าได้แต่เพียงเฝ้ามองเรจิน่าด้วยความเศร้ามาตลอด
สักวัน ข้าจะแข็งแกร่งและพาเรจิน่าออกไปข้างนอกอย่างอุ่นใจให้ได้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ แค่พลังของข้าเพียงคนเดียวปกป้องเรจิน่าไว้ไม่ได้
ข้ากับโกสุที่กำลังต่อสู้กัน ขณะที่เรจิน่าอยู่ข้างๆ
[ เรจิน่าในตอนที่ข้าหยุดการคลื่นไหวของโกสุ ในจังหวะนั้นไปเรียกขอความช่วยเหลือซะ ]
ข้าไม่สามารถเอาชนะโกสุด้วยตัวคนเดียวได้จึงต้องขอให้ใครสักคนช่วย
[ อือ… เข้าใจแล้ว… โอมิรอส… ฉันจะเรียกใครสักคนมา ระวังตัวด้วยนะ ]
[ โอ้ ไว้ใจได้เลย ]
โกสุตอนนี้อยู่หน้าบันไดเพื่อไม่ให้ใครหนีไปได้
[ จะต้านข้าเอาไว้งั้นเหรอ? ]
ทำไมเขาถึงได้ยินกันนะ โกสุที่ได้ยินหัวเราะออกมา
[ ที่จริงแล้วข้าอาจจะไม่ใช่ศัตรูของเจ้าเลยด้วยซ้ำ! แต่ข้าจะหยุดเอาไว้ให้ได้!! ]
ข้าหันดาบไปทางโกสุ เรจิน่าค่อยๆ เคลื่อนไหวจากด้านข้าง
[ มันยากไปหน่อยนะ… ที่จะจัดการข้าได้นะ ]
[ เจ้าหมายถึงอะไรโกสุ! ]
[ ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก! มองดูข้างล่างซะสิ!! ]
เมื่อข้าได้ยินก็ลองมองลงไป
ข้าได้ยินเสียงกรีดร้อง
[ แย่แล้ว เจ้าพวกน้นมันก็อบลินโอมิรอส! ก็อบลินบุกมาที่อัลโกลี่แล้ว! ]
เรจิน่าตะโกน ข้าเริ่มเข้าใจสิ่งที่โกสุพูดได้อย่างชัดเจนแล้ว
ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่เพราะไม่มีเมฆและแสงจันทร์ยังส่องสว่าง ทำให้มองเห็นข้างล่างได้
[ โกสุ!! นี่เจ้า!! ]
ข้าจ้องเขม็งไปทางโกสุ
[ ฮ่าฮ่า เผอิญข้าเอาพวกก็อบลินมาที่อัลโกลี่ด้วยล่ะนะ! นี่คงจะช่วยหักเหความสนใจจากอัศวินดำได้แน่! ]
โกสุหัวเราะเบาๆ
[ วันนี้คือจุดจบของอาณาจักรอัลโกลี่! จงสิ้นหวังซะเถอะ! เจ้าชาย— !! ]
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ร้อยหมัดย่างก้าว!! ]
ผู้หญิงที่ชื่อคายะยิ่งคลื่นกระแทกที่ส่งจากหมัดมาจากระยะไกล
ผมรับมันเอาไว้
ทั้งที่จริงๆ แล้วผมอยากรีบไปหาคุนะ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ปล่อยให้ผมทำแบบนั้น
ทำไมกันนะ ทั้งที่นี้เป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์แท้ๆ
[ หยุดได้ด้วย… แต่ถึงอย่างนั้นก็ตลกดีนะคะ… นั่นมันทิศตรงข้ามกับที่ท่านเรจิน่าอยู่ไม่ใช่เหรอไงคะ? ]
[ ขอโทษทีนะ ที่จริงแล้วผมน่ะ… ส่งกองกำลังแยกไปหาเรจิน่าแล้วล่ะ ]
แน่นอนว่าโกหก
ไม่มีกองกำลังแยกอะไรทั้งนั้น ถึงผมจะได้ตำแหน่งมาจากโมเดส แต่ก็ยังไม่มีใครที่เรียกได้ว่าเป็นลูกน้องเลย
[ งั้นเองเหรอ… แต่ถึงยังไงเหตุผลที่เรามาที่นี่ก็เพราะท่านคุโรกิ ถึงแม้ท่านเรจิน่าจะถูกพาตัวไปแต่ก็ต้องรั้งคุณไว้ตรงนี้ให้ได้ค่ะ ]
แผนใช้ไม่ได้ผล
[ คิดว่าแค่ตัวคนเดียวจะรั้งผมได้เหรอ? ]
คายะพยักหน้าให้
[ เพราะฉันไม่รู้สึกว่าคุณจะโจมตีเข้ามาเลย ถึงแม้คุณจะแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แต่ถ้าไม่โจมตีแบบนี้ฉันก็ชนะแน่ค่ะ ]
เธอพูดอย่างนั้นและชูหมัดมาข้างหน้า
ถึงการโจมตีแต่ละครั้งของเธอจะไม่ได้กะฆ่าผม แต่ก็เล็งตรงข้อพับตรงแขนหรือซี่โครงเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถึงชีวิต แต่หากโดนเข้าไปก็น่าจะเจ็บจนร้องไห้เลยนะ
ผมหลบการเตะขณะเดียวกันก็หลบหมัดไปด้วย นี่มันยากพอควรเลยนะ
คงต้องจัดการอีกฝ่ายให้ได้ก่อนที่ตัวเองจะโดนจัดการซะแล้ว
เริ่มหมดความอดทนแล้วสิ ผมอยากไปหาคุนะให้เร็วที่สุด
ไม่มีช่องว่างเลยเหรอ? ตามที่คาดไว้ คงยากที่จะเลี่ยงแล้วล่ะ
ในเมื่อผมตัดสินใจได้แล้ว
[ คลื่นสวรรค์! ]
เด็กสาวคายะใช้ฝ่ามือซ้ายและปล่อยคลื่นกระแทกออกมาเพื่อสร้างช่องโหว่
ผมยอมโดนคลื่นกระแทกและไปพุ่งไปจับมือซ้ายของเธอแล้วบิดจากนั้นจึงโยนไป
[ อะไรกัน!! ]
แต่ในจังหวะที่ถูกโยนเด็กสาวคายะก็เตะกลับมาด้วย
ผมเบนร่างกายส่วนบนหลบ เป็นการโจมตีที่เฉียบคมมาก ผมขอชื่นชม
แต่ตอนที่เตะกระโปรงมันเปิดนะสิ ผมเลยมองเห็นกางเกงในลูกไม้สีดำข้างใน นี่เองก็ยอดเยี่ยมจนน่าชื่นชมเหมือนกัน
เด็กสาวคายะปะคองตัวเองขึ้นขณะที่กุมแขนซ้าย
แขนซ้ายคงจะเคล็ดไปแล้ว คงจะใช้ไม่ได้สักพัก
ขอโทษจริงๆ นะ ผมเองก็เจ็บปวดจากใจเลยล่ะ
[ โดนเข้าซะแล้วสิค่ะ… แต่แขนนี้มันก็แค่เคล็ดนิดหน่อยเท่านั้นเอง นี่กำลังเป็นห่วงฉันอยู่เหรอ? เป็นคนที่ใจดีจริงๆ เลยนะคะ ]
ในตอนนี้แขนของเธอเคล็ดไปแล้ว ที่จริงผมคิดจะใช้เทคนิคบิดด้านซ้ายแล้วบิดกลับด้านขวา แต่กลับทำไม่ได้
จนทำให้เธอแขนเคล็ดเพราะมัวแต่เอาตาไปมองที่กางเกงใน อ๊า แม้ปากจะฉีกก็บอกไปไม่ได้
ขอโทษจริงๆ คร๊าบบบ ผมขอโทษออกมาจากใจ
[ ดูท่าว่าแค่การโจมตีธรรมดาจะหยุดคุณเอาไว้ไม่ได้… ถ้างั้นนี่ล่ะ!! ]
เธอพูดอย่างนั้นและจู่ๆ ก็คลายมันออก กางมือออกและกระโดดมา
[ คิดจะทำอะไรนะ?! ]
ปากของผมมันพูดไปเอง
คงเพราะเห็นว่าเธอมีช่องว่างมากเกินไป เธอเปิดช่องว่างจนอาจจะโดนฆ่าเอาได้ง่ายๆ
แต่ว่าเพราะมันน่าสงสัยเกินไป ผมเลยไม่ได้บุกเข้าไปโจมตี
เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
[ เอาล่ะนะ! ถุงมือทัวว์มาลีน!! ]
เมื่อเธอพูดคำนั้นกระแสพลังเวทก็เพิ่มขึ้น
หลังจากนั้นเธอก็หยุดตั้งท่า
[ ตอนนี้ฉันได้ใส่พลังสายฟ้าที่ถุงมือไว้แล้ว ถ้าคุณจับโยนแบบเมื่อกี้อีกระวังจะเสียใจได้นะคะ ]
เธอชูหมัดแล้วพูดขึ้น
[ หากโดนเข้าไปร่างคงจะมึนจนเคลื่อนไหวไม่ได้แน่ แต่ไว้จะขอให้ท่านซาโฮโกะรักษาให้ทีหลังเอง ดังนั้นขืนยังลังเลที่จะโจมตีฉันอีกก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอกค่ะ ]
เด็กสาวคายะประกาศออกราวกับเป็นผู้ชนะแล้ว แต่มันมีช่องว่างนะ
ผมอาศัยโอกาสนั้นจับหัวของเด็กสาวคายะ
[ เอ๊ะ?! ]
ผมจับหัวเด็กสาวคายะไว้แน่น
[ จงหลับซะ!! ]
ผมใช้เวทใส่เธอ
[ อา….. ]
ร่างของเด็กสาวคายะโยกเยก
แต่ผมคงปล่อยให้เธอนอนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ คงต้องหาที่ไหนสักแห่งสินะ
แต่ดูเหมือนเธอจะทนเวทของผมได้อยู่ ตอนนี้เลยพยายามยันตัวเองไว้ไม่ให้หลับ
เธอยังคงสติอยู่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเลย
[ ทำไม…. ]
เด็กสาวคายะจับที่หัวและเข่า
ดูเหมือนเธอจะสงสัยว่าทำไมสายฟ้าถึงไม่ได้ผลกับผมล่ะมั้ง
[ ขอโทษด้วยนะ… แต่ไฟฟ้าไม่ได้ผลกับผมหรอก ]
เพราะผมเตรียมแผนการรับมือกับไฟฟ้าเอาไว้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผลกับผมเลยก็แค่เจ็บนิดหน่อย
ผมถึงได้จับตัวของเด็กสาวคายะได้แบบไม่ลังเล
เด็กสาวคายะโยกเยกไปมา ดูท่าคงจะเคลื่อนไหวตัวไม่ได้ไปสักพัก
ตอนนี้ล่ะเป็นโอกาสของผมแล้ว
[ รอ… เดี๋ยวสิ… ]
เด็กสาวคายะพยายามฝืนตัวเอง แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟัง
ขอให้ยังปลอดภัยเถอะ ผมวิ่งขณะที่ภาวนาอยู่ในใจ
◆ สตรีแห่งดาบ ชิโรเนะ
[ เงาบิน!! ]
ใบมีดมากมายถูกส่งมาจากเคียวและกำลังตามล่าฉัน
ฉันสะบัดดาบและทำให้ใบมีดพวกนั้นหายไป
[ ไม่เลวชิโรเนะ!! ถ้านี่ล่ะ คมมีดอากาศ!! ]
คราวนี้เป็นใบมีดเวท แต่เวทนี้มันหลบได้ง่ายกว่าเพราะช้ากว่าและระยะที่แน่นอน
แต่ตอนนี้ฉันทำได้แต่ถอยและหนีไปมา
แม่มดสีเงินมีความสามารถในการป้องกันสูงมาก การโจมตีจึงไม่ได้ผลกับเธอเลย แต่ขืนฉันโจมตีไม่ได้แบบนี้มีหวังแพ้แน่
แต่หากการโจมตีไม่โดนเธอก็ไม่มีทางเอาชนะได้
ผลคือตอนนี้ฉันเลยกำลังถูกไล่ล่า
[ คมมีดเพลิง!! ดาบเปลวเพลิง!! ]
ฉันฟันใส่ แต่มันไปถูกป้องกันด้วยโล่อันหนึ่งของแม่มดสีเงิน
ความแข็งแกร่งของโล่เวทจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้ ถึงโล่เวทของเธอจะไม่แข็งแกร่งขนาดเรน่า แต่ก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว
[ แข็ง… ถ้าเป็นเรย์จิคุงน่าจะทำลายได้ แต่สำหรับฉันคงทำไม่ได้แน่ ]
ดาบของเรย์จทั้งแรงและรวดเร็ว แม้แต่โล่เวทของเรน่าก็ยังทำลายได้ง่ายๆ แต่การโจมตีของฉันยังไม่ถึงระดับนั้นในตอนนี้
แต่ในเรื่องความเร็วดาบ ฉันเร็วกว่าของเรย์จิแต่พลังมันก็น้อยกว่าอยู่ดี ดังนั้นจึงทำลายโล่เวทไม่ได้
[ การโจมตีแบบนั้นไม่ได้ผลหรอกชิโรเนะ! ]
แม่มดสีเงินพูดขึ้นขณะที่ส่ายหัวไปมา จากนั้นก็ใบมีดเวทอีกหลายอันถูกยิงมาอีก
ใบมีดนั้นตามติดฉันเหมือนเงา ดังนั้นจึงใช้วิธีหลบไม่ได้
ฉันฟันใบมีดเวท
แต่แม่มดสีเงินโยนใบมีดเวทขัดขวางไว้ ทำให้ฉันต้องรีบร้อนและหลบก่อน
แต่ยังไงก็หลบไม่พ้น แบบนี้คงต้องจัดการใบมีดเวททีละอันซะก่อน
[กำลังเข้าจนมุมทีละน้อยแล้วชิโรเนะ คุโรกิจะต้องเป็นของคุนะ ตัวตนของเธอน่ะมันไม่จำเป็น ดังนั้นคุนะจะทำให้เธอหายไปเอง ]
แม่มดสีเงินพูดขณะที่โจมตีด้วยเคียว
[ คุโรกิไม่ใช่ของเธอ! ]
ฉันตอบไปขณะที่รับไว้ด้วยดาบ
นั่นไม่ใช่การปฏิบัติแบบคนรัก เธอน่ะมันแย่ที่สุดที่ควบคุมคนด้วยยาเสน่ห์
[ จะบอกว่าคุโรกิเป็นของเธองั้นรึไง! ]
[ ไม่ใช่ของฉัน! ]
[ ถ้าอย่างนั้นก็เงียบปากแล้วหายไปจากหน้าของคุโรกิซะ! มันรกหูรกตา! ]
พวกเราปะทะกันและจ้องกันเขม็ง
[ ฟุฮาฮ่าฮ่า ]
ฉันหัวเราะออกมา
[ หัวเราะอะไร? ]
[ เข้าใจล่ะ… งั้นเอง.. หรอกเหรอ ดูท่าคุโรกิจะยังไม่ได้กลายเป็นของเธออย่างสมบูรณ์แบบสินะ? ]
เมื่อแม่มดสีเงินได้ยินเข้าก็ทำหน้าแก้มป๋องน่ารัก
ดูเหมือนว่าจะเดาถูก
ฉันมั่นใจได้เลยว่าคุโรกิยังไม่โดนควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้างั้นก็ยังมีโอกาสอยู่
[ บางครั้งคุโรกิก็แอบไปมองก้นของเรจิน่า… ]
แม่มดสีเงินพูดออกมาแบบเบาๆ
และฉันประหลาดใจมากกับคำพูดของเธอ
นี่คุโรกิยังทำสายตาลามกเหมือนเคยอยู่อีกเหรอ แต่เดี๋ยวต้องไปดุเรื่องนิสัยนั้นทีหลัง
[ แต่ว่า!! คุโรกิเองก็มองหน้าอกกับก้นของคุนะเหมือนกัน ดังนั้นคุนะชนะขาดลอย!! ไม่ผิดแน่นอน!! ]
เธอพูดจบและโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
มันเป็นการโจมตีที่เร็วกว่าครั้งก่อนซะอีก
ตอนนี้จะกันเอาไว้ก็ยากแล้ว
ฉันใช้วิชาเพื่อหลบการฟันของเคียว
[ ใบมีดฟันปีก!! ]
[ อุ๊ก!! ]
แม่มดสีเงินใช้โล่เวทของทั้งเก้าออกมาเพื่อป้องกัน
แต่โล่เวทมันช้ากว่าเล็กน้อย และแม่มดสีเงินหยุดเคลื่อนไหวไป
ตอนนี้ล่ะ!!
เมื่อเห็นว่าเธอคงโดนเข้าไปเต็มๆ และกำลังเจ็บอยู่ ฉันพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้
ฉันใส่พลังเวทให้ดาบที่อยู่ด้านหลัง
ใบมีดฟันปีกนี่คือวิชาที่สืบทอดมาในสำนักของฉัน อาจจะเกินไปหน่อย แต่ถ้าไม่ทำขนาดนี้ก็เอาชนะแม่มดสีเงินไม่ได้
[ ฮา!! ]
ฉันฟันดาบจากด้านบนพร้อมเสียงตะโกน
ดาบที่เคยถูกปกป้องด้วยโล่เวท ผ่านมาได้แล้ว
[ อะไรกัน!? ]
ถึงจะไม่มีโล่เวทอยู่แล้ว แต่แม่มดสีเงินก็รับมันไว้ได้ด้วยเคียว
และอยู่ในสภาพที่ฉันกำลังกดดาบใส่แม่มดสีเงินจากด้านบน
[ ถ้าเป็นแบบนี้… เธอเองก็ใช้โล่เวทหรือใบมีดเวทที่เธอถนัดไม่ได้ล่ะสิ ]
ฉันพูดขณะที่กดดาบใส่แม่มดสีเงิน
ไปได้สวย แบบนี้ถึงจะมีโล่เวทอยู่ก็ไร้ค่า
ดีล่ะ ขอเรียกว่าวิชานี้ว่าดาบปีกสังหารแล้วกัน เท่ดีเหมือนกันนะ
[ คุ๊…. ]
แม่มดสีเงินดูจะพยายามดันดาบไว้ด้วยเคียวยักษ์
แต่ฉันไม่ยอมหรอกน่า ฉันใส่แรงเน้นไปที่ดาบ
[ ฟุฟุ แรงแขนของเธอน่ะสู้ฉันไม่ได้หรอก ]
ถึงฉันจะไม่อยากทำร้ายเด็กผู้หญิง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดในกรณีแบบนี้
ฉันใส่แรงลงไปในดาบ
[ แค่นี้คุโรกิก็จะได้เป็นอิสระ! ]
[ อื๊อ— … เรื่องอะไรจะยอม ]
[ ถ้ายอมแพ้แล้วก็ยกเลิกเวทควบคุมที่ใช้กับคุโรกิไปซะ! ]
ไม่งั้นแล้ว คุโรกิผู้แสนอ่อนโยนคนนั้นไม่มีทางทำตามคำสั่งของราชาปีศาจหรอก
แค่ฉันจัดการแม่มดสีขาวซะก็จบเรื่องแล้ว
ถ้าฉันยอมปล่อยเธอไปล่ะก็นั้นจะถือเป็นความพ่ายแพ้ของฉัน
ถึงเธอจะเก่งและใช้เวทที่แข็งแกร่งได้หลายอย่าง แต่เรื่องแรงน่ะสู้ฉันไม่ได้หรอก
ฉันจ้องมองเธอจากข้างบน
[ เอ๊ะ!! ]
[ อ่ะ!! ]
จู่ๆ ฉันก็ถูกโยนออกมาจากตัวของแม่มดสีขาวด้วยพลังอันมหาศาลจากข้างหลัง
ฉันถูกดึงและถูกโยนไปจนชนกับสุดห้องซึ่งอยู่ทางประตูทางเข้า ในจังหวะนั้นฉันเห็น
อัศวินดำที่กำลังจับมือแม่มดสีเงินเพื่อดึงเธอขึ้นมา
[ คุโรกิ!! ]
เมื่อฉันเห็นอัศวินดำ ร่างกายฉันก็ราวกับขยับไม่ได้
แม่มดสีเงินตะโกนอะไรบางอย่าง จากนั้นทั้งสองคนก็คุยกัน อะไรน่ะ นี่ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยเหรอไง มันน่าเจ็บปวดใจนะยะ
หลังจากนั้นก็แม่มดสีเงินออกไปและคุโรกิก็เดินมาทางนี้ เขาไม่ได้ดึงดาบออกมาและฉันไม่รู้สึกถึงจิตสังหารจากตัวเขาเลย
[ ผมอยากคุยด้วยกันที่นอกปราสาท! ]
◆ อัศวินดำคุโรกิ
ดูเหมือนผมจะพอเลี่ยงสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดไปได้ โชคดีที่ฝึกให้คุนะไว้ก่อน ผมมองไปทางชิโรเนะ
นี่… เธอกำลังโกรธสุดๆ เลยนี่?
เมื่อผมมองไปที่ชิโรเนะและจ้องมองมาที่ตัวเอง
เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลออกมา
ผมควรทำยังไงดี
ตอนนั้นคุนะกำลังถูกชิโรเนะฆ่า ผมจึงโยนชิโรเนะออกไป แต่ก็ไม่ได้คิดว่าหลังจากนั้นจะทำยังไงต่อเอาไว้
[ ชิโรเนะ เท่านี้ก็เป็น 2 ต่อ 1 แล้ว!! ]
คุนะจับเคียวแล้วตะโกนเสียงดังใส่ชิโรเนะที่อยู่ไกลออกไป แต่ในใจผมตัดสินใจแล้ว
ว่าไม่ควรปล่อยให้ทั้งสองคนสู้กัน
[ คุนะ ทีเหลือให้ผมจัดการเอง คุนะออกจากปราสาทนี้ไปและออกไปจากอัลโกลี่ซะ ]
[ มู่ ทำไมล่ะคุโรกิ? ถ้าเราสองคนร่วมมือกันต้องฆ่ายัยนั้นได้แน่ๆ เลยนะ! ]
ผมส่ายหัวให้กับคำพูดนั้น ไม่… ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้น ดังนั้นผมถึงคิดจะไปจัดการด้วยตัวเอง…
[ เข้าใจมั้ย คุนะกลับไปรอที่นากอลซะ ส่วนทางนี้ให้ผมที่เก่งกว่าจัดการเอง ]
[ ขอปฏิเสธ!! ]
ผมตกใจมากกับท่าทีของคุนะ
เพราะไม่นึกว่าคุนะจะกล้าปฏิเสธผม
[ คุนะ… ]
[ คุนะไม่ยอมให้คุโรกิอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแน่ ผู้หญิงคนนั้นอันตราย…. เธอจะเอาคุโรกิไปจากคุนะ… ]
คุนะมองไปยังชิโรเนะด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเป็นศัตรูชัดเจน
[ ผมไม่ไปไหนหรอก…. คุนะ ผมขอสัญญาว่าผมจะอยู่กับคุนะตลอดไป ]
ผมรู้ความหมายของคำพูดนั้นดี แต่ที่พูดออกไปเพราะมันช่วยไม่ได้
คุนะมองมาที่ผมและผมก็มองไปที่คุนะ
[ เข้าใจแล้ว… คุนะจะไปรออยู่ที่นากอล ]
นี่เธอยอมฟังด้วยงั้นเหรอ? คุนะพูดพร้อมกับถือเคียวยักษ์ไปด้วย
หลังจากยืนยันว่าเธอไปแล้ว ผมก็เดินตรงไปหาชิโรเนะ ชิโรเนะไม่ขยับแต่ยังคงถือดาบอยู่
[ ผมอยากคุยด้วยกันที่นอกปราสาท! ]
เมื่อผมพูดแบบนั้น ชิโรเนะก็จับดาบมั่น
[ ถอดหมวกเกราะนั้นออกซะ คุโรกิ!! ]
ผมถอดหมวกเกราะออก
เธอมองมาที่ใบหน้าที่แท้จริงของผมแบบจ้องไม่กระพริบตา
[ ใช่…. ก็รู้อยู่แล้วล่ะ อย่าหนีล่ะคุโรกิ!! ]
เธอพูดอย่างนั้นแล้วก็พังกำแพงปราสาทออกไปและบินด้วยปีก
ผมใช้เวทบินตามหลังชิโรเนะไป
เมื่อพวกเราออกจากปราสาท ปราสาทขนมก็เริ่มเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าคุนะจะสั่งให้มามิดอลกลับไป ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ คุนะ
จากนั้นผมก็หันหน้าไปหาชิโรเนะที่อยู่กลางอากาศ
[ เจ้าคนงี่เง่านี้!! ]
ทันใดนั้นชิโรเนะก็พุ่งเข้ามาชกผม
[ ทำไมถึงไม่หลบ!? ]
ที่ผมไม่หลบก็เพราะอยากรู้ว่ามีเหตุผลอะไรอยู่ เลยรับไว้เท่านั้นเอง
[ หือ… เรื่องอะไรล่ะ? … ]
ผมลูบจมูกที่ถูกชก
[ เจ้าบ้า เจ้าบ้า เจ้าบ้า!! คุโรกิคนงี่เง่า—! ]
แต่ชิโรเนะไม่หยุดต่อยผมสักที
[ ชิโรเนะ… หยุดเถอะ… ]
เพื่อห้ามเธอ ผมเลยจับมือเธอไว้
[ ระ … รู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงขนาดไหนกัน!!! ]
ชิโรเนะมองผมด้วยสีหน้าโกรธ
[ หืม… เป็นห่วงผม? ]
[ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลเลย!! เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ?!! ]
[ ก็… ถ้าจะมาห่วงผม ชิโนเนะควรจะเป็นห่วงตัวเองบ้างจะดีกว่า… ]
ผมมักจะเป็นห่วงเธอเสมอ เธอน่ะไม่สนใจตัวเองเลย
ชิโรเนะน่ะเก่ง รักความยุติธรรมและไม่กลัวไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับใคร ถึงจะเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าผมเธอก็ยังไม่กลัว
ผมกลัวว่าความไม่ห่วงตัวเองของเธอจะทำให้เธอต้องเจออันตรายเข้าสักวัน
[ ทำไม… ทำไมคุโรกิต้องมาห่วงฉันด้วย!! ]
ชิโรเนะยังคงโกรธอยู่
[ เพราะ… ชิโรเนะน่ะชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย… เพื่อช่วยคนอื่นเสมอ ผมน่ะเป็นห่วงมาตลอดเวลาชิโรเนะจะเจอกับอันตรายเข้าสักวัน… ]
เมื่อได้ยินคำพูดของผม ชิโรเนะก็ทำสีหน้าว่างเปล่า
[ ทะ ที่หมายถึงนั้น… คือเป็นห่วงฉันจริงๆ เหรอ? ]
ผมหยักหน้า
[ ผมน่ะคอยเตือนเสมอว่าให้เลิกทำเรื่องอันตรายแบบนั้น… ]
แต่ชิโรเนะก็ไม่เคยฟังเลย….
[ เรื่องนั้นไม่เห็นเป็นไรนี่ ก็เพราะมีเรย์จิคุงคอยช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นไม่เห็นว่าคุโรกิจะต้องมาเป็นห่วงอะไรฉันเลยไม่ใช่เหรอ! ]
ชิโรเนะตอบออกมา จากนั้นผมก็ปล่อยมือเธอ
คำตอบของเธอเองก็เป็นคำตอบที่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้ว
แน่นอนว่าเรย์จิน่ะแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหนก็ยังไปช่วยสาวน่ารักไว้ได้ทัน และเพื่อนสมัยเด็กของผมเองก็สวยมาก แน่นอนถึงชิโรเนะจะต้องเจออันตรายเข้าสักวันแต่เรย์จิก็ต้องช่วยเธอไว้ได้แน่
ในตอนนั้นที่ลีนาเรียขนาดเรย์จิบาดเจ็บจนทำอะไรไม่ได้แต่เขาก็ยังพยายามมาช่วย
ดังนั้นเธอถึงได้ไม่เป็นห่วงตัวเองเลย
เพียงแต่…
[ ถ้าชิโรเนะไม่หัดเป็นห่วงตัวเองแบบนี้… ผมก็สบายใจไม่ได้ ]
แล้วอะไรกันที่ทำให้ผมเป็นห่วงเหรอ? เพราะโมเดสเองก็เป็นคนดีและผมยังได้เพื่อนที่ชื่อคุนะมาด้วย แต่ยังไงผมก็ยังเป็นห่วงชิโรเนะที่อยู่ฝั่งเรน่าอยู่ดี
[ อะไรล่ะนั้นน่ะ!! แล้วทางฉันล่ะใครมันจะไปสบายใจได้ที่เห็นคุโรกิอยู่ฝ่ายเดียวกับราชาปีศาจน่ะ!!! ]
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ
แน่นอน เมื่อคิดแบบทั่วไปล่ะก็นะ…. นี่ผมควรจะอธิบายยังไงดีล่ะ เธอถึงจะเข้าใจ?
[ ไปหาเรย์จิคุงกับฉันเถอะนะ! คุโรกิไม่เห็นต้องอยู่ที่นากอลเลย! ]
แม้ชิโรเนะจะยื่นมือออกมาให้ แต่ผมส่ายหัว
[ ไม่ได้… ผมต้องกลับไปที่นากอล ]
ผมให้สัญญากับคุนะไว้แล้วว่าต้องกลับไปให้ได้ ดังนั้นถึงต้องกลับไป
เดิมทีผมก็ไม่คิดว่าเรย์จิจะยอมรับผมหรอก เรย์จิน่ะยอมรับแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้นแต่ถ้าเป็นผู้ชายมันก็อีกเรื่อง ชิโรเนะที่เป็นเด็กผู้หญิงคงไม่ได้สังเกตเลย
นอกจากนี้ผมไม่อยากเห็นภาพที่เธออยู่กับเรย์จิ ดังนั้นผมไปหาเรย์จิพร้อมกับเธอไม่ได้
[ เพราะอะไรกันล่ะ… หรือจะเพราะเด็กผู้หญิงที่ชื่อคุนะคนนั้น! ]
[ มันก็ใช่หรอก แต่ว่า… ]
เมื่อผมพูดอย่างนั้น ชิโรเนะก็นิ่งและตัวสั่นไปหมด
[ ถ้างั้นมันก็เป็นความจริงสินะ! เหมือนกับที่คุณจิยูกิคาดการณ์ไว้! คุโรกิน่ะก็แค่เป็นคนแลามกนิดหน่อยแต่ถึงอย่างนั้น… แค่มีเด็กน่ารักมาขอให้ทำเรื่องชั่วๆ น่ะอย่างคุโรกิไม่ทำแน่! แบบนี้คงมีแต่ต้องไปจัดการราชาปีศาจและนังแม่มดสีเงินที่บังอาจมาหลอกลวงและทำให้ผู้คนต้องเดือดร้อนซะแล้ว!! ]
เธอกรีดร้อง
[ โมเดสไม่ใช่คนเลว… ]
ชิโรเนะกำลังเข้าใจผิด ผมเลยพยายามแก้ความเข้าใจผิดนั้น
[ ไม่ไหว! ตอนนี้คุโรกิเสียสติไปแล้ว! ]
แต่กลับถูกปฏิเสธแบบทันควัน
นี่เธอยังได้ยินที่ผมพูดอยู่มั้ย
ดูเธอจะไม่ฟังที่ผมพูดแล้ว ทำไมกันล่ะ ผมไม่รู้เลยว่าจะทำให้เธอฟังได้ยังไง
แน่นอนว่า ตัวผมก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่มีความยุติธรรมในตัว
แต่มีคนเคยบอกผมว่า หากจะเชื่อก็ควรมีเหตุผลอันสมควร ดังนั้นผมเลยสงสัยตลอดว่านี่ผมเป็นคนไม่ดีรึเปล่า?
ผมต้องรีบแก้ไขสถานการณ์แย่ๆ ตอนนี้แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ขืนไม่รีบสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิมแน่
[ ดึงดาบออกซะคุโรกิ! ฉันจะทำให้นายตาสว่างเอง!! ]
ผมดึงดาบออกมาตามที่เธอบอก
และก็ได้แต่ถอนหายใจ
[ ขอโทษด้วยนะ แต่… ผมน่ะแพ้ชิโรเนะไม่ได้ ]
เมื่อผมดึงดาบออกและสวมหมวกเกราะ นี่ก็เพื่อตัวผมเอง
[ จะไปล่ะนะคุโรกิ! หากมาดูถูกความสามารถการต่อสู้กลางอากาศของฉัน! เตรียมใจเสียแขนไปได้เลย!! ]
ชิโรเนะบินเข้ามาด้วยความเร็วสูงและเคลื่อนไหวดั่งการหมุน
ผมตั้งดาบไว้กลางอากาศ
ชิโรเนะหมุนตัวและไปอยู่ข้างหลังของผมด้วยความเร็วสูงแต่ผมกันเอาไว้
จากนั้นเธอก็โจมตีด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง ผมยกดาบขึ้นและกันเอาไว้อีกครั้ง
ชิโรเนะโจมตีจากนั้นก็ถอยอย่างต่อเนื่องซ้ำไปมาด้วยความเร็วสูง ดูท่าผมคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
มันยากที่จะรับมือกับชิโรเนะกลางอากาศที่ไม่มีอะไรเลย ชิโรเนะอาจจะเก่งเรื่องการต่อสู้ทางอากาศ แต่ผมชนะแล้วล่ะ
[ หลุมดำ! ]
ผมใช้เวทสร้างหลุมออกมาสองแห่งพร้อมกัน
[ นี่มัน! ]
โดยให้คลุมดำเคลื่อนไหวเพื่อปิดชิโรเนะไว้
เพราะช่องว่างที่จะบินเพื่อหลบหลุมดำน่ะมันแคบนิดเดียว จึงง่ายที่จะรู้ว่าเธอจะโผล่มาจากทางไหน
ชิโรเนะบินออกมาจากช่องว่างนั้น
ผมสะบัดดาบเพื่อรับดาบเธอไว้
เคร้ง!! เสียงดาบของผมและชิโรเนะปะทะกัน
[ ว๊ายยยย!! ]
เสียงของชิโรเนะที่ปลิวไปเพราะแรงปะทะของดาบ
[ โกเรียส!! ]
ผมเรียกชื่อโกเรียส
จากนั้นมังกรตัวใหญ่ก็ออกมาและจับชิโรเนะที่กำลังจะร่วงไว้ได้ทัน
โกเรียสพาชิโรเนะร่อนลงพื้นอย่างปลอดภัย
จากนั้นผมก็ลงไปที่พื้น
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ชิโรเนะ? ]
ชิโรเนะยังคงอยู่บนหลังของโกเรียส
คงเพราะแรงปะทะกับดาบของผมตอนนี้ชิโรเนะเลยกำลังมึนหัวอยู่
[ ทำไมถึงช่วยฉัน? ]
[ ผมไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับชิโรเนะหรอกนะ ]
[ งั้นทำไมถึงต้องไปอยู่ที่นากอล? ]
[ ที่ผมไปอยู่ที่นากอลก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยากสู้กับชิโรเนะ ]
[ แปลว่าแค่ปกป้องราชาปีศาจงั้นเหรอ? ]
ผมพยักหน้า
[ ถ้าผู้กล้ามาที่นากอลเพื่อปราบราชาปีศาจ ผมก็คงจะต้องขวางเอาไว้ในฐานะอัศวินดำ ]
ผมพูดออกไปตรงๆ กับชิโรเนะ
[ ทำไมกัน…. ไม่เห็นเข้าใจเลย…. ]
ชิโรเนะร้องไห้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าชิโรเนะหมายถึงอะไร
[ เอาล่ะ… ผมคงต้องไปหาเรจิน่าแล้ว… ]
ขณะที่ผมจะไปหาโกเรียส เสื้อคลุมก็ถูกดึงเอาไว้
เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นชิโรเนะที่นิ่งเงียบและกำลังโกรธอยู่
[ อะไรล่ะ! นี่เห็นฉันร้องไห้แล้วไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ!! ]
[ ก็นั้นมันแกล้งร้องไห้ไม่ใช่เหรอ! ]
เมื่อสมัยเด็กผมจำได้ว่าชิโรเนะมักจะร้องไห้อ้อนหากต้องการอะไรจากผม
และตัวผมเองเวลาได้เห็นเธอร้องไห้ก็เผลอใจอ่อนต่อน้ำตาของเธอซะทุกอย่าง ดังนั้นผมเลยให้ชิโรเนะไปเกือบทุกอย่างที่เธอต้องการ
[ นึกแล้วเชียว แต่เรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ ]
[ ไม่นะ ขอร้องล่ะอย่ากลับไปที่นากอลเลยนะ! คุโรกิ ไปหาเรย์จิคุงพร้อมกับฉันเถอะ ]
ชิโรเนะไม่ยอมปล่อยปลายเสื้อคลุม
[ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ]
ผมพยายามสลัดมือของชิโรเนะจากเสื้อคลุม แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อย
[ บู่! คุโรกิคนขี้งก! ]
ชิโรเนะทำหน้าโกรธแก้มป๋อง
เธอพูดขณะที่ดึงเสื้อคลุมอยู่
[ ก๊าซซซซซซซซ!! ]
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากบนฟ้า
ผมและชิโรเนะที่ได้ยินเสียงตะโกนจึงรีบมุ่งหน้าไปที่อัลโกลี่
[ นั่นมันอะไร—? ]
ชิโรเนะส่งเสียงตกใจ
มันคือมือขนาดยักษ์
มือนั้นใหญ่กว่ากำแพงเมืองอัลโกลี่ซะอีก แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในระยะที่ห่างไกลก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน
และดูเหมือนเจ้ามือยักษ์นั้นกำลังโจมตีเมืองอัลโกลี่