อัศวินดำ - ตอนที่ 46
◆ เทพแห่งความตาย(ยมทูต) ซัลคิซิส
[ เจ้าหมายความว่าไง?! พูดมาอีกครั้ง! ซัลคิซิส
!! ]
ข้ากำลังถูกคว้าคอและยกขึ้น
[ ปล่อย….. เรวิลรุส… เจ็บ… ข้าจะ… ตายแล้ว ]
ข้าพยายามขยับร่างกายเพื่อดิ้นรน
[ หึ!! ]
เรวิลรุสพ่นลมหายใจออกมา สภาพของข้าดิ้นรนอย่างไม่น่าดู
[ ได้โปรด !! ]
เขาหย่อนข้าลงบนพื้นในสภาพคร่ำครวญ
[ อย่าง…. ที่ข้าเคยบอก… ดูเหมือนเรน่าจะมีคนรัก คนนั้นๆ คือผู้กล้าแห่งแสง ]
ข้าบอกกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งกำลังโกรธอยู่
ถ้าเพียงแค่รูปร่าง เขาก็ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา
แต่แขนทั้งสองข้างนั้นมีกล้ามเนื้อแน่นไปหมด คอหนาและมีกรามขนาดใหญ่และเป็นคนที่นิยมใช้ความรุนแรง
แต่ว่านี่เป็นเพียงร่างชั่วคราวของเรวิลรุสเท่านั้น… ร่างจริงของเขาเกินกว่าที่จะเรียกว่ามนุษย์ไปมากนัก
เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพของเหล่าปีศาจ
หลังจากข้ากลับมาจากอาณาจักรร็อก ก็ได้เล่าให้เรวิลรุสว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั้นบ้าง
เริ่มแรกเรวิลรุสก็ดูจะไม่ค่อยสนใจที่ข้าเล่าเท่าไหร่ แต่ทันใดนั้นเขาก็คว้าคอขึ้นมา ขณะที่ข้าพูดถึงผู้กล้าแห่งแสง
[ บัดซบ! เรน่าคือของเรวิลรุสผู้นี้! ข้าจะทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงของข้าและฆ่ามันซะ! ]
เรวิลรุสโกรธ
นี่เขาจะได้ฟังที่ข้าพูดมั้ย
แล้วเรน่าไปเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?
เรน่าเป็นเทพธิดาซึ่งเป็นเสาหลัก ว่ากันว่าเป็นเทพธิดาที่งดงามที่สุดในเอลีอัส
แม้ว่าจะไม่เท่าโมเดส แต่หน้าตาที่แท้จริงของเรวิลรุสเองก็น่าเกลียดเช่นกัน เรน่าจึงไม่แลนั้นเอง
แต่ไม่เฉพาะแค่เรวิลรุสที่หลงรักเธอ เทพหลายองค์ต่างอยากได้เรน่าเป็นคนรักกันทั้งนั้น
และทุกคนยังพยายามต่อสู้อยู่เบื้องหลังนั้นก็มาจากความรักที่มีต่อเรน่า
ดังนั้นเอลีอัสจึงวุ่นวายกันน่าดู เพราะได้ยินว่าเรน่ามีคนรักแล้ว
ชื่อของคนรักคนนั้นก็คือเรย์จิ ชายผู้ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งแสง
ไม่รู้ว่าชายคนนี้มีที่มาจากไหน แต่พลังของเขานั้นเทียบเท่ากับโอดินทีเดียว
นอกจากนี้ยังหน้าตาดี มีข่าวลือมากมายในหมู่เทพธิดาเกี่ยวกับตัวเขาไม่เว้นแม้แต่ในเอลีอัส
เรวิลรุสไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนของผู้กล้าแห่งแสงจนกระทั่งข้าเล่าให้ฟัง เขาถึงได้โกรธอยู่ในตอนนี้
[ นี่เป็นคำสั่งซัลคิซิส! จงไปจับผู้กล้าแห่งแสงมาหาข้าที่นี่ซะ!! ]
เลวิลรุสประกาศออกมา
แล้วทำไมข้าซัลคิซิสผู้นี้ต้องไปฟังคำสั่งของชายคนนี้?
มันค่อนข้างน่ารำคาญ ที่จริงข้าไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องเชื่อฟังเขาเลย
แต่ไม่ได้ ข้าต้องการให้เลวิลรุสเป็นศัตรูของโมเดส
นอกจากนี้เรื่องที่ข้ากำลังซ่อนตัวอยู่ในเขาวงกตนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ
ที่นี่คือส่วนที่ลึกที่สุดของเขาวงกตใต้ดินในที่ราบมินอน
ห้องนี้มีรูปแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยม ตัวห้องมีขนาดใหญ่และยังสวยตัวห้องมีขนาดใหญ่และยังสวยงาม
พูดตามตรงนะ ข้าว่ามันสวยเกินไปจนไม่เหมาะกับเทพอัปลักษณ์อย่างเจ้านี้เลย
แต่เขาวงกตนี้ทำให้เลวิลรุสแข็งแกร่งขึ้น นี่ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของคนแคระที่มอบให้แก่เลวิลรุส เขาวงกตถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ชนิดพิเศษและวัสดุเวทแบบพิเศษที่ช่วยเพิ่มพลังให้เลวิลรุส
และในเขาวงกตของเลวิลรุส ข้ายังไม่สามารถใช้เวทพื้นที่(หมอกสีดำ)ของตัวเองได้
นั่นเองคือเหตุผลที่ทำให้เรวิลรุสแข็งแกร่ง ดังนั้นข้าจึงทำอะไรเลวิลรุสไม่ได้และเขายังเป็นพวกขี้ขลาดที่ไม่ยอมออกไปจากเขาวงกตนี้เลย
[ แทนที่จะไปพาตัวผู้กล้าแห่งแสงมา เราล่อให้เขามาที่นี่เองจะดีกว่ามั้ย? ]
แทนที่จะไปจับตัวผู้กล้าแห่งแสงมาที่นี่ เราล่อเขาให้มาที่นี่ด้วยตัวเองจะดีกว่า เป็นวิธีของคนขี้ขลาดล่ะนะ
[ จริงด้วยสินะ! แผนเจ้าเยี่ยมไปเลยนี่ซัลคิซิส! ถ้าข้าอยู่ที่นี่ข้าเองก็จะแข็งแกร่ง! จะผู้กล้าแห่งแสงหรืออะไรก็ช่างเถอะ! ข้าจะฟันมันด้วยขวานซะเลย!! ]
เขาพูดขณะที่ยกขวานของตัวเองขึ้น
ซึ่งนั้นคือขวานเวทมนตร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าขวานสองคม สัญลักษณ์ในฐานะเทพของเรวิลรุสก็คือขวานสองคมนั้นเอง
แค่เพียงเรวิลรุสกวัดแกว่งขวานก็ผ่าท้องฟ้าได้
คลื่นจากขวานนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วเขาวงกต
แม้เขาจะไม่ใช้ขวาน แต่ก็ยังสามารถทำให้สิ่งของผุพังสลายได้เหมือนกัน
เพียงแค่การสัมผัสเพียงนิดเดียวก็จะเน่าเปื่อย เป็นไปได้ว่าเขาจะมีพลังในการดูดพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิต
แม้จะเป็นเจ้าโมเดสคนทรยศก็ต้องร่างเน่าเปื่อยแน่หากโดนเรวิลรุสจับตัว
เมื่อกี้ถึงตัวข้าจะรอดชีวิตจากเรวิลรุสได้ แต่ร่างกายของข้าก็ค่อยๆ สลายไปเหมือนกัน
แม้ว่าข้าจะอยากฟื้นฟูร่างกายแต่มันต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมาก
ข้าเองก็สามารถดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ได้อยู่ แต่พลังชีวิตจากมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแทบจะรักษาบาดแผลของข้าไม่ได้ มันให้ผลการฟื้นตัวที่แย่มาก
เผ่านางฟ้านั้นมีพลังชีวิตจำนวนมาก แต่ข้าทำไม่ได้เพราะมันจะทำให้ต้องขัดแย้งกับเทพของเอลีอัส เพราะข้าต้องการให้เทพเอลีอัสเป็นศัตรูของโมเดส
ดังนั้นข้าจึงเล็งเป้าหมายไปที่เหล่าเทพไม่ได้
คงต้องอดทนใช้พลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไปก่อน โดยเป้าหมายหลักก็คือมนุษย์
แต่มนุษย์นั้นถูกรักโดยเทพแห่งเอลีอัส
ถ้าข้าทำลายอาณาจักรสักแห่งหรือก่อความเดือดร้อน คงต้องทำให้พ้นจากสายตาของเทพเอลีอัสจึงต้องหาแพะรับบาป
ดังนั้นเรื่องในอาณาจักรณร็อกข้าถึงไม่ได้ออกหน้า แต่วางแผนให้สคิเกอร์เป็นแพะรับบาป
โมเดสนั้นอยู่ภายใต้การคุ้มกันของอัศวินดำ
ตอนนั้นข้าพบเขาตอนที่มาช่วยเด็กผู้หญิงในกลุ่มผู้กล้า
แล้วทำไมเขาถึงได้ไปอยู่ที่นั้นได้? ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผล ดูท่าว่าต่อจากนี้ข้าจะได้พลังชีวิตมายากน่าดู
การจะดูดพลังชีวิตจากผู้คนซึ่งหน้าก็เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ นี่ข้าควรทำยังไง?
แถมยังชีวิตที่ได้จากมนุษย์ยังแย่มาก
มีวิธีไหนบ้างที่ข้าจะได้รับพลังชีวิตจำนวนมากเพียงพอที่จะฟื้นฟูร่างกายได้?
จะว่าไปแล้วผู้กล้านี่รู้สึกจะมีพลังชีวิตมากมายเลยนี่นะ จากที่ข้ารู้สึกได้
งั้นข้าก็แค่ดูดพลังชีวิตจากผู้กล้าก็พอแล้ว?
จากนั้นร่างกายของข้าก็จะฟื้นฟูตัวเองได้
ดังนั้นข้าคงต้องทำตามคำสั่งของเรวิลรุสไปก่อนสินะ
[ จริงด้วยสิ หากล่อผู้กล้ามาที่เขาวงกตนี้ได้ แล้วถ้าเป็นเจ้าโมเดส… ]
[ อย่าพูดชื่อโมเดส! ]
เรวิลรุสตะโกนเสียงดังขึ้น
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเมื่ออยู่ในเขาวงกตนี้แต่เขาก็ยังคงกลัวโมเดสอยู่ดี
เมื่อมองดีๆ ข้าเห็นเรวิลรุสกำลังสั่น
เรวิลรุสที่ตัวใหญ่กว่าข้าราวกับตัวเล็กไปถนัดตา
[ งั้นหากจับผู้กล้าได้แล้วล่อเรน่ามากินเหยื่อล่ะว่าไง เท่านี้เรน่าก็จะเป็นของเจ้าแล้ว ]
ข้าเสนอวิธีล่อเรน่าเพื่อให้กำลังใจเรวิลรุส นี่เองก็เป็นแผนล่อให้เรวิลรุสไปต่อสู้กับเจ้าคนทรยศนั้น
แม้กระทั่งเทพในเอลีอัสก็ยังกลัวโมเดส ดังนั้นข้าต้องหาแรงจูงใจให้เรวิลรุสไปสู้กับโมเดส
โดยออกไปจากเขาวงกตนี้
[ แผนเยี่ยมมากซัลคิซิส! ใช่แล้วแค่นี้เรน่าก็จะกลายเป็นของข้า! ]
เมื่อข้าพูดถึงเรน่า เรวิลรุสก็หยุดสั่น
ข้าได้แต่มองไปแล้วถอนหายใจ ว่าแต่จะล่อผู้กล้าได้ด้วยวิธีไหนนะ?
◆ นักปราชญ์ผมดำ จิยูกิ
พวกเราเดินทางจากเมืองแห่งเวทมนตร์ซาเรียไปยังสาธารณรัฐดาเรียดิน่า
โดยขี่อยู่บนหลังกริฟฟอน
ท้องฟ้าสดใส ลมก็เย็นกำลังดี
ฉันกับซาโฮโกะกำลังขี่กริฟฟอนอยู่ด้วยกัน โดยซาโฮโกะนั่งอยู่ข้างหลังฉัน
และมีนาโอะกับริโนะบินอยู่ข้างๆ กริฟฟอน
ข้างหน้าก็คือเรย์จิที่ขี่เพกาซัสอยู่
[ ขี่ได้เก่งจังนะคะคุณจิยูกิ ]
นาโอะที่อยู่ข้างบินอยู่ข้างๆ หัวเราะ
[ ให้ตายสิ ทำไมฉันไม่คิดให้เร็วกว่านี้นะ? ]
ฉันเกิดความขึ้นหลังจากได้ต่อสู้กับอัศวินดำ(อัศวินดำในที่นี้ไม่ใช่คุโรกิ แต่เป็นอัศวินดำทั่วไป)ที่นากอล ว่าถ้าหากขี่ปีศาจที่บินบนฟ้าได้ก็คงดี
อัศวินดำเองก็ยังขี่ไวเวิร์นได้ ดังนั้นฉันเองก็ต้องทำได้สิ
แต่ว่าไวเวิร์นมีเฉพาะที่นากอลเท่านั้น ฉันเลยตามหากริฟฟอนกับฮิปโปกริฟเป็นทางเลือกแทน
ถึงจะลำบากอยู่นิดหน่อย แต่ก็ได้มาจนได้
พอมานึกถึงตอนนี้ก็น่าตลกดีนะ ในตอนนั้นต้องต่อสู้แทบแย่เลยล่ะกว่าจะเอามาพวกมันมาขี่ได้
[ หัวเราะอะไรนะจิยูกิ? ]
เรย์จิที่บินอยู่ข้างหน้าสังเกตเห็นว่าฉันหัวเราะ
เขาขี่เพกาซัสอยู่คนเดียว ที่จริงก็อยากให้ริโนะไปนั่งกับเขาหรอกนะ แต่ซาโฮโกะกับนาโอะจะวีนแตกเอานะสิ
เพื่อไม่ให้ซาโฮโกะกับนาโอะอาละวาด ฉันจึงตัดสินอย่างเป็นธรรมว่าให้เขานั่งคนเดียวไปจะดีกว่า
เพกาซัสที่เรย์จิขี่อยู่แตกต่างจากกริฟฟอนหรือฮิปโปกริฟที่เราจับมา
เพกาซัสนั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาจากเรน่าและมีเพียงอัศวินศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขี่ได้ แต่ดูเหมือนเรย์จิจะถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
มันน่าจะสนุกดีนะถ้าได้ขี่เจ้านี้ไปอาณาจักรร็อกตอนนั้น
เรย์จิขี่เพกาซัสท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่สดใสทำให้ดูราวกับภาพวาด เข้ากันสุดๆ เลยล่ะนะ
[ ก็กำลังนึกถึงตอนที่จัดการปีศาจพวกนี้กว่าจะเอามาขี่ได้นะ ]
[ อ่อ ตอนนั้นเองเหรอ ลำบากน่าดูเลยนะ ]
เรย์จิหัวเราะสดใส ทุกคนเองก็หัวเราะตามไปด้วย
การขี่กริฟฟอนกับฮิปโปกริฟเองก็ยากอยู่หรอกนะ
แต่ไม่ยากเท่ากับตอนที่จับตัวพวกมันหรอก เราต้องทดลองและผิดพลาดตั้งหลายครั้ง กว่าจะเอาพวกมันมาขี่ได้
เดิมทีกริฟฟอนที่ฉันขี่อยู่ก็มีนิสัยดุร้าย
สิ่งที่ชีวิตที่ใช้เป็นพาหนะนั้นจะแบ่งไปตามความสามารถของเจ้านาย
แต่ทว่าในกรณีของสิ่งมีชีวิตที่เป็นปีศาจนั้น การจะเป็นเจ้านายของมันได้ต้องมีพลังเวทมากขนาดกว่ามัน
กล่าวก็คือจะจับปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองหรือเท่ากับตัวเองมาไม่ได้ เว้นเสียแต่มันจะอ่อนแอกว่าเท่านั้น หากแตกต่างกันเกินไปก็จับมาไม่ได้
ดังนั้นสัตว์รับใช้ของผู้ใช้เวทส่วนใหญ่ก็จะเป็นหมา แมว ไม่ก็สัตว์ปีศาจที่ตัวไม่ใหญ่นัก
ได้ยินว่าเอล์ฟสามารถทำให้สัตว์ปีศาจขนาดใหญ่เป็นสัตว์รับใช้ได้ด้วยล่ะ
แต่ว่าแค่เพียงมนุษย์ที่มีสายเลือดเอลฟ์นั้นไม่มีพลังพอที่จะจับสัตว์ปีศาจได้
สำหรับมนุษย์แล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ เว้นเสียแต่จะเป็นเผ่านางฟ้าหรือเผ่าที่มีชนชั้นสูงกว่า
แต่หากมนุษย์มีสัตว์รับใช้เป็นปีศาจ ก็จะถูกเรียกว่าผู้ใช้ปีศาจแทน
กริฟฟอนเป็นสัตว์ปีศาจที่ดุร้ายและขนาดเผ่านางฟ้าหรือกระทั่งเอลฟ์ก็ยังนำมาเป็นสัตว์รับใช้ได้ยาก แต่พวกเราแข็งแกร่งกว่าเผ่านางฟ้าอยู่แล้วล่ะ
แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ฉันไม่ได้ทำให้มันเป็นสัตว์รับใช้หรอกนะ
เพราะหากทำให้เป็นสัตว์รับใช้แล้วมันก็จะเชื่อฟังเฉพาะเจ้านายเท่านั้น
และยังไม่รู้ว่าจะถอดถอนมันจากการเป็นสัตว์รับใช้ยังไงด้วย
นี่ล่ะปัญหา
ก่อนหน้านี้ริโนะได้ทำให้เจ้าชายของประเทศหนึ่งกลายเป็นผู้รับใช้
เจ้าชายคนนั้นเลยหลงรักริโนะแค่เพียงคนเดียวและกลายเป็นเรื่องยุ่ง
ริโนะบอกว่าเจ้าชายเป็นคนขอร้องเองว่าอยากเป็นผู้รับใช้ของเธอ
ไม่ว่าริโนะจะไปที่ไหนเขาก็เดินตามไปทุกที่
เจ้าชายคนนั้นขอริโนะแต่งงานทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว นั่นล่ะฉันถึงบอกว่ามันกลายเป็นเรื่องยุ่ง
ในตอนนั้นฉันเองก็พยายามหาวิธีคลายเวท แต่เพราะยังไม่เจอวิธีจึงต้องเลื่อนออกไปก่อน
พอนึกถึงก็เริ่มปวดหัวแล้ว
นี่ล่ะฉันได้ตัดสินใจยังไม่ใช้เวทสัตว์รับใช้กับพวกมันยกเว้นจะจำเป็นจริงๆ
จึงสามารถสลับกันขี่ได้ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือริโนะ ขอแค่มีพลังเวทเพียงพอ ก็ไม่ใช่ปัญหา
แค่ใช้วิธีนี้พวกเราก็ควบคุมกริฟฟอนหรือฮิปโปกริฟให้เชื่อฟังได้
พวกเราคุยกันและมุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐอาเรียดิน่า
จากที่เทราบอสบอกมาดูเหมือนที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่าจะมีปัญหาและให้ไปฟังรายละเอียดที่นั้นแทน
[ จะว่าไป พวกคุณชิโรเนะจะเป็นอะไรมั้ยนะ? ]
ซาโฮโกะกังวลเรื่องชิโรเนะ
[ ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ทางนั้นเองก็มีคุณเคียวกะกับคุณคายะอยู่ด้วย คงจะกันไม่ให้คุณชิโรเนะทำอะไรบ้าๆ บ้างล่ะค่ะ ]
ฉันตอบออกไป
ฉันขอร้องให้เคียวกะกับคายะไปเป็นเพื่อนชิโรเนะด้วย เพราะคิดว่าการไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป และเธออาจจะทำอะไรบ้าๆ อย่างไปเข้าไปในนากอลคนเดียวก็ได้
[ คุณชิโรเนะจะทำให้เพื่อนสมัยเด็กได้สติได้มั้ยนะ? ]
ริโนะพูดออกมาขณะที่มองไปยังนากอล
[ คิดว่าคงยากหน่อยล่ะนะริโนะ ]
เรย์จิบอก
[ เอ๋ ~ ไหงงั้นล่ะคุณเรย์จิ? ]
[ ฉันเองก็พิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้วล่ะริโนะ ตัวเขาน่ะเดินตามเส้นทางของปีศาจ ทั้งที่ตัวเขาเองก็น่าจะคิดได้ว่ามีผู้คนมากมายต้องทุกข์ทรมานเพราะปีศาจ แต่เขากลับคิดไม่ได้ ก็แปลว่าตัวเขาอาจจะเสียสติไปแล้ว แล้วถึงเขาจะกลับมาได้สติอีกครั้ง แต่จะมีหน้าไปพบกับชิโรเนะอีกครั้งงั้นเหรอ? ใช่แล้ว ในฐานะลูกผู้ชายไม่มีสิทธิ์ไปพบหน้าเธอได้หรอก ]
เรย์จิพูดด้วยสีหน้าจริงจังผิดปกติ
[ ถึงอย่างนั้น …. ชิโรเนะอยากเจอกับเพื่อนสมัยเด็กอยู่ดีล่ะนะ ]
[ ใช่แล้วเรย์คุง คุณชิโรเนะอยากพบกับเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นมากเลยนะคะ ]
ริโนะกับซาโฮโกะพูดออกมาด้วยความรู้สึกน่าเสียดาย
[ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ว่า… ในฐานะผู้ชายเขาเองก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ฉันก็หวังแค่ว่าชิโรเนะจะไม่ติดร่างแหกับความผิดที่เกิดจากความต้องการของเขาไปด้วย อย่างน้อยก็น่าจะสำนึกตัวสักนิด ]
เรย์จิพูดขณะที่พยักหน้า
เมื่อฉันได้ยินคำพูดของเรย์จิมันก็ไปกระแทกจิตใจจากคำว่า ‘ความต้องการของตัวเขาเอง’
เพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะปรากฏตัวที่โลกใบนี้ ดังนั้นการที่ชิโรเนะจะรู้สึกเป็นห่วงเขาเองก็ไม่ผิด
แต่ฉันได้รู้อะไรนิดหน่อยจากที่เรย์จิพูดออกมา
คนบนโลกนี้ต้องเดือดร้อนเพราะราชาปีศาจ ซึ่งราชาปีศาจเป็นผู้ที่คอยสั่งการเหล่าปีศาจ นั้นถือเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด
ถึงแม้จากที่ชิโรเนะเล่ามาเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นจะเป็นคนดี แต่เขาก็น่าจะรู้สึกผิดบ้างเพราะตัวเขาได้กลายเป็นคนของฝั่งราชาปีศาจไปแล้ว
แต่ถึงจะบอกชิโรเนะไปตรงๆ ก็คงไม่ได้ผล เพราะก่อนหน้านี้ตัวเธอไม่ยอมสงบใจลงเลยด้วยซ้ำ
ถึงเรย์จิจะไม่เต็มใจแต่ฉันคิดว่าควรต้อนรับเขาในฐานะสหายของเราจะดีกว่า
เพราะคนที่เลวน่ะคือราชาปีศาจต่างหาก
ป่าข้างล่างที่เรากำลังบินผ่านบางทีคงมีปีศาจอยู่
จะไปจัดการปีศาจด้วยดีมั้ยนะ เพราะความเสียหายจากปีศาจก็จะลดลงด้วยและโลกยังสงบสุขขึ้นด้วย
[ รอเดี๋ยวก่อนทุกคน! ]
เรย์จิพูดแล้วบอกให้ทุกคนหยุดก่อน
[ มีอะไรเหรอเรย์จิคุง? ]
[ มีเสียงผู้หญิงกำลังกรีดร้อง ]
เรย์จิพูดจากนั้นก็หันเพกาซัสไปทิศตรงกันข้ามกับทางที่เราจะไป
[ เป็นยังไงบ้างนาโอะ? ]
ฉันมองไปยังนาโอะ
[ สุดยอดเลยนะรุ่นพี่เรย์จิเนี่ย…. ขนาดนาโอะยังเพิ่งรู้เลยอ่ะ … ]
นาโอะดูจะทึ่งกับความสามารถของเรย์จิ ขณะที่มองไปยังด้านหลังของเขา
[ ทุกคนตามไปกันเถอะ! ]
เมื่อฉันพูด ทุกคนก็พยักหน้าตอบรับ
สัญชาตญานของเรย์จิน่ะเชื่อถือได้ บางทีเธอคนนั้นเองก็คงเป็นสาวสวยด้วยล่ะนะ
พวกเราตามหลังเรย์จิไป
◆ ทหารรับจ้างหญิงชิสุเฟย์เรีย
[ ชิสุเฟย์!!! ]
เคย์น่าซึ่งเป็นพี่สาวของฉันกำลังตะโกนเรียกชื่อฉัน
[ รู้แล้วน่า!! ]
ฉันบอกพี่จากนั้นก็มองไปข้างหน้า
ที่ตรงนั้นมีออร์คอยู่
ออร์คที่ร่างกายตัวใหญ่กว่ามนุษย์เท่า
ดวงตาของมันชื้นและมองฉันราวกับกำลังโลมเลีย
[ อย่ามามองฉันด้วยสายตาโลมเลียนะ!!! ]
ฉันจ้องมองไปที่ออร์คแล้วตั้งท่า
ฉันเรียกให้ใครช่วยไม่ได้ เพราะเพื่อนๆ ฉันเองก็กำลังต่อสู้กับออร์คอีกตัว จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดการมันด้วยตัวเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันสู้กับออร์คหรอกนะ แต่ในตอนนั้นเราสู้กับมันแค่ตัวเดียวและช่วยกันสู้
แต่คราวนี้มีออร์คอยู่หลายตัวมาก ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับออร์คจำนวนมากขนาดนี้ดี
พวกเรากำลังเดินทางไปที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่าพร้อมกับรับภารกิจคุ้มกันมาด้วย
ทั้งที่พื้นที่แถวนี้มันน่าจะมีปีศาจน้อยลง
แต่เรากลับโดนออร์คบุกโจมตีบนทางหลวงและตอนนี้เองก็ยืนยันจำนวนของมันไม่ได้อีก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ต้องสู้กับออร์คจำนวนมากขนาดนี้
ปกติแล้วออร์คจะไม่อยู่เป็นกลุ่มต่างจากก็อบลิน แต่คราวนี้มันกลับโจมตีพวกเราเป็นกลุ่ม
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทหารรับจ้างที่รับภารกิจคุ้มกันกว่าครึ่งถูกออร์คจัดการไปแล้วหมด
ตอนนี้เหลือเพียงเคย์น่าพี่สาวของฉันและทหารรับจ้างอีกไม่กี่คน
ความจริงตัวฉันเองก็น่าจะตายไปแล้ว แต่เพราะเป็นผู้หญิงถึงได้รอดอยู่
ออร์คพยายามจับฉันที่เป็นผู้หญิงแบบเป็นๆ ไปด้วย เจ้าพวกนี้นี่มันน่าขยะแขยงจริงๆ
แต่นี่ก็เป็นโอกาส
[ ย๊า!! ]
ฉันค่อยๆ ฟันดาบไปแบบช้าๆ
ออร์คพยายามรับดาบไว้ขณะที่หัวเราะ
ที่จริงแล้วฉันจงใจฟันไปแบบนั้นต่างหาก
ตอนนี้ล่ะ!!
ฉันรีบลดดาบลงอย่างรวดเร็ว ใบดาบฟันจากแนวตามเดิม
สำเร็จ ถ้าเป็นเรื่องดาบฉันมั่นใจมากเลยนะ
ออร์คเซไปเซมา ฉันไม่พลาดโอกาสนี้แน่
ฉันเตะพื้นเพื่อกระโดดจากนั้นก็ใช้ดาบแทงเข้าไปที่หัวใจของมัน
[ กุ๊!? ]
ออร์คส่งเสียงตกใจและมองด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ
ก็เป็นธรรมดา เพราะเดิมฝีมือฉันไม่น่าจะฟันออร์คได้แม้แต่แผลเดียว
ผิวของออร์คนั้นหนามากราวกับมันใส่เกราะผิวหนังอยู่
ดังนั้นการจะจัดการออร์คได้จึงมีเพียงนักรบที่ฝึกฝนมาอย่างหนักเท่านั้น
ยิ่งเป็นเด็กสาวอายุ 17 ที่ไม่มีกล้ามแขนเลย ยิ่งแทบจะทำอันตรายออร์คไม่ได้เลย
แต่ว่าเพราะฉันมีดาบเล่มนี้ฉันถึงทำได้ ฉันเดินตามเส้นทางของทหารรับจ้างและได้ดาบซึ่งเป็นของตกทอดจากพ่อที่เคยเป็นทหารรับจ้างมา
ออร์คล้มลง สมน้ำหน้า เพราะแกดูถูกว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะจัดการได้ง่ายๆ ล่ะสิ
ฉันพยายามดาบดาบออกมา
[ อาเร๊ะ!? ]
ฉันดึงดาบไม่ออก เพราะแทงเข้าไปลึกเกินไป
ขณะที่ฉันพยายามจะดึงดาบออก ทันใดนั้นร่างของฉันก็ถูกยกขึ้น
เมื่อหันกลับไปก็เห็นออร์คตัวอื่นที่กำลังจับตัวฉันไว้
ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่ามันเข้ามาจากทางด้านหลัง
[ โบโฮะโฮะโฮะ ♪ ]
ออร์คหัวเราะอย่างมีความสุข ตัวฉันหนาวไปถึงกระดูก
[ กรี๊ดดดดดดด!! ]
ฉันกรี๊ดร้องและร้องไห้
ออร์คตัวนั้นพยายามพาฉันเข้าไปในป่า
[ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย ไม่เอานะ~ !]
ฉันพยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากแขนของออร์คได้
ครั้งแรกของฉันไม่อยากได้ออร์คน่าขยะแขยงนะ ไม่เอานะ!
จากนั้นที่ท้องฟ้าก็มีแสงส่องสว่าง
[ เอ๊ะ!? ]
ฉันหลับตาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
และจู่ๆ ออร์คตัวนั้นก็ปล่อยฉันลง
[ อะไรนะ…. ]
เมื่อลืมตาขึ้นและมองไปข้างหลังก็เห็นออร์คที่อยู่ข้างหลังหัวขาดไปแล้ว
ฉันมองไปยังทิศที่แสงนั้น
ม้าที่กำลังบินอยู่บนฟ้าแสงนั้นถูกปล่อยออกมาจากม้าและจัดการออร์คทั้งหมดได้ในพริบตา
[ สวยจัง…. ]
ฉันเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
จากนั้นก็มีผู้ชายคนนั้นลงมาจากบนท้องฟ้ามาที่ตรงหน้าพวกเรา
เขาหน้าตาหล่อและเปล่งประกายมาก
ชายคนนั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
เขาหล่อยิ่งกว่าผู้ชายคนไหนที่ฉันเคยเห็นมาซะอีก
ร่างกายผอมบางใบหน้าที่เรียบเนียน ผมที่สว่างสดใสและสะท้อนแสงแดด
หน้าตาอันหล่อเหลาของเขากำลังส่งยิ้มให้ฉัน เมื่อฉันมองไปที่หน้าของเขา แก้มของฉันก็แดงขึ้น
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ]
ฉันยืนจ้องเขาโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งเขาเรียก จนคิดว่าที่ตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก เพราะมันกระทันหันเกินไปทำให้ในหัวฉันว่างเปล่าไปหมด
แต่มันคงจะหยาบคายหากไม่ตอบอะไรกลับไป
[ อ่ อา ค่ะ! ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยจัดการออร์คเมื่อกี้ ]
ต้องขอบคุณจริงๆ
[ ตอนที่ฉันกำลังบินผ่านรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงขอให้ช่วยนะ ดูเหมือนจะมาทันสินะ ]
เขาพูดอย่างนั้นแล้วยื่นมือมา
ฉันจึงยื่นมือไปจับ
จากนั้นหน้าของชายคนนั้นก็เข้ามาใกล้ฉัน แต่กลิ่นเขาแตกต่างจากออร์คลิบลับ กลิ่นเขาหอมสดชื่นมากเลยล่ะ
[ ฉันชื่อเรย์จิ ช่วยบอกชื่อหน่อยได้มั้ยคุณผู้หญิง? ]
[ ชิสุเฟย์เรีย… ค่ะ ]
[ แฮ่ม!! ]
จู่ๆ ฉันได้ยินเสียงจากข้างหลังของท่านเรย์จิ
จากนั้นก็มีใครบางคนมายืนอยู่ด้านหน้าของท่านเรย์จิ ฉันไม่ได้สังเกตเลยเพราะมัวแต่จ้องท่านเรย์จิอยู่
ฉันรีบเอามือออก
[ มีอะไรงั้นเหรอ? ]
ท่านเรย์จิหันหลังกลับไป ฉันรู้สึกเสียใจจังที่ลืมสังเกตพวกเขาไป
[ จะจับมือกันก็ไม่ได้ว่าหรอกนะ แต่แค่นิดๆ หน่อยๆ ก็พอแล้วล่ะเรย์จิคุง ]
เสียงนั้นคือเสียงของผู้หญิงที่ชื่อจิยูกิซึ่งอยู่ข้างหลังท่านเรย์จิ
ฉันทึ่งไปเลยล่ะ
[ สวยจัง… ]
วันนี้ฉันเผลอพูดคำเดียวกันออกไปตั้งสองครั้งแล้ว
ผู้หญิงที่ชื่อจิยูกิสวยมาก
ดวงตาคมที่งดงาม ใบหน้างดงาม หุ่นที่สูงและสมส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมสีดำที่ยาวถึงเอวนั้น มันสะท้อนแสงเป็นประกายเลยล่ะ
ฉันรู้สึกหดหู่เมื่อได้เห็นเธอ ถ้ามีเธออยู่ข้างท่านเรย์จิ อย่างฉันคงเทียบไม่ติดฝุ่น มันเป็นความรักในช่วงเวลาสั้นๆ ล่ะนะ …
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิจ้องมองมาทางงฉัน
[ ช่วยเล่าเรื่องให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ? ]
สาวสวยคนนั้นมองฉันด้วยสายตาเย็นชาจนเสียวสันหลัง
[ ค่ะ เรื่องอะไรเหรอคะ!! ]
ฉันพูดออกไปอย่างเร่งรีบเพราะถูกสายตาของเธอจ้องมอง
[ ก็เรื่องออร์ค 12 ตัวที่โจมตีพวกคุณนั้นไงค่ะ ]
[ เอ่อ… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ… แต่จู่ๆ พวกออร์คก็มาโจมตีพวกเรา… ]
ฉันตอบคำถามเธอ
[ หืม.. งั้นเหรอคะ… ช่วยไม่ได้นะ…. ]
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิถอนหายใจ
[ ออร์ค 12 ตัวโจมตีเหรอ? น่าสงสัยเหมือนกันนะ ]
[ ค่ะ เพราะในหมู่ออร์คที่ถูกจัดการดูเหมือนจะไม่มีออร์คระดับสูงอยู่เลย ดังนั้นเลยคิดว่ามันแปลกมากเลยค่ะ ]
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิดูจะหมดความสนใจในตัวฉันแล้ว ฉันจึงตอบคำถามท่านเรย์จิต่อ
[แล้วมีสัญญาณชีวิตจากปีศาจอื่นใกล้ๆ แถวนี้บ้างมั้ย? ]
[ ดูท่าจะไม่มีปีศาจตัวอื่นอยู่ใกล้ๆ นะ เพราะคุณริโนะกับนาโอะเองก็ตรวจจับอะไรไม่ได้ ]
[ อืมม …. บางทีนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับคำขอร้องของรองประธานสมาคมผู้ใช้เวทก็ได้ คงต้องไปฟังรายละเอียดที่อาเรียดิน่าเท่านั้นล่ะนะ ]
[ จริงด้วยล่ะนะ… ]
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิพยักหน้าให้กับคำพูดของท่านเรย์จิ
[ แต่เรายังไม่รู้ว่ามีคนบาดเจ็บกี่คน เอาเป็นว่าให้ซาโฮโกะใช้เวทรักษาเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยก่อนแล้วกัน ]
[ ถ้างั้นมีผู้หญิงคนไหนบาดเจ็บบ้างมั้ย? ]
[ เอ่อ…? ดูเหมือนจะไม่มีผู้หญิงคนไหนบาดเจ็บเลยค่ะ… ]
[ เหรอ งั้นฉันก็โล่งใจหน่อย ]
ท่านเรย์จิที่รู้ว่าพวกเราปลอดภัยกันดีก็ทำท่าทางโล่งใจ
[ ทำไมต้องเป็นห่วงผู้หญิงขนาดนั้นเหรอคะ ? ]
[ มันแน่อยู่แล้ว การปกป้องผู้หญิงที่อ่อนแอก็เป็นงานของผู้กล้านะ ]
[ ถ้าเป็นไปได้… ช่วยปกป้องพวกเราไปจนถึงเมืองได้มั้ยคะ? ]
จากนั้นก็มีคนสองคนออกมา
นั่นคือคุณอโทราน่าซึ่งเป็นคนที่พวกเราต้องคอยคุ้มกันนั้นเอง
เราได้รับการจ้างว่านให้คุ้มกันเธอและสินค้าของเธอไปที่อาเรียดิน่า
[ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยพวกเรา ท่านผู้กล้าแห่งแสง ]
คุณอโทราน่าขอบคุณท่านเรย์จิ
คุณอโทราน่าเองก็เป็นสาวสวยเหมือนกัน
[ คุณคือ? ]
[ ฉันชื่ออโทราน่าค่ะ เป็นหัวหน้าของคาราวานนี้เราคงแย่แน่ถ้าท่านผู้กล้าไม่มา ]
[ ไม่หรอก ฉันดีใจนะที่ได้ช่วยสาวงามอย่างคุณไว้ ]
ท่านเรย์จิชมคุณอโทราน่า ก็เธอค่อนข้างสวยเลยนี่นะ
[ น่า ปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ ]
คุณอโทราน่ายิ้มให้อย่างเป็นธรรมชาติ แตกต่างจากฉันที่มัวแต่ยืนเอ๋อ บางทีคงเพราะประสบการณ์ต่างกันล่ะนะ
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิพูดเพียงประโยคสั้นๆ และจ้องมองด้วยสายตาน่ากลัว
รู้สึกไม่ดีเลย
จากนั้นพวกเขาก็พวกคุยกันโดยทิ้งฉันไว้นอกวง
[ ดูเหมือนจะปลอดภัยสินะชิสุเฟย์ ]
เมื่อเห็นว่าท่านเรย์จิไปแล้ว พี่เคย์น่าก็เดินมาหาเพื่อดูว่าฉันปลอดภัยดีมั้ย
[ ค่ะ พี่เคย์น่า… ฉันปลอดภัยดี ]
แม้ว่าจะถูกออร์คกลุ่มใหญ่รุมโจมตีแต่เราก็รอดมาได้แบบปาฏิหาริย์
แค่เราปลอดภัยกันก็โชคดีแล้วล่ะ
[ นี่ โชคดีไปนะ… ที่ท่านผู้กล้าแห่งแสงโผล่มาเลยจัดการออร์คพวกนั้นได้ในพริบตา ]
[ ผู้กล้าแห่งแสง? ]
[ อ้าว นี่ชิสุเฟย์ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใครน่ะ… ไม่เคยได้ยินข่าวลือเลยเหรอ… เขาดังมากเลยนะที่ฝั่งตะวันออกของทวีปนะ ว่ากันว่าเป็นชายผู้ได้รับความรักจากเทพธิดาเรน่า ]
พี่เคย์น่ามองไปทางท่านเรย์จิแล้วพูดออกมา
[ ผู้กล้าผู้ได้รับความรักจากเทพธิดาเหรอ…? ]
พลังมหาศาลที่สมควรถูกเรียกว่าผู้กล้า เมื่อได้ยินที่พี่สาวเล่าให้ฟัง ฉันก็มองไปยังท่านเรย์จิที่อยู่ข้างหลัง