อัศวินดำ - ตอนที่ 48
◆เทพแห่งความตาย(ยมทูต) ซัลคิลซิส
[ แผนของเจ้าสำเร็จดีมั้ย อโทราคัว? ] (มันเรียกคนละชื่อกัน แต่ก็คนเดียวกับที่พวกเรย์จิช่วยนั้นแหละครับ)
ในความมืดยามค่ำคืน ข้ากำลังคุยกับคนๆ หนึ่ง
ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ หากมองดูก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
แต่หน้าตาของเธอสวยจนไร้สาระ เป็นความงามที่ไม่ว่าชายและหญิงก็ยังตกหลุมรัก
[ อา ตอนนี้ข้ารับใช้ของฉันกำลังบริการผู้กล้าแห่งแสงอยู่ เขากำลังดื่มด่ำไปกับไวน์และผู้หญิงอยู่เลยล่ะตอนนี้ ]
[ ถ้างั้นก็แปลว่าพวกเขายังไม่รู้ถึงตัวจริงของเจ้าสินะ ]
[ ฉันเองก็โดนเห็นหน้าแล้ว แต่เขาเองก็คงยังไม่รู้ตัวจริงของฉัน แต่ดูจะทึ่งในความสวยของฉันน่าดู ]
[ คุคุคุ ถ้างั้นผู้กล้าเห็นร่างจริงของเจ้าเข้าคงจะตกใจน่าดู ]
[ ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ ซัลคิลซิส นี่เป็นหน้าตาจริงๆ ของฉันนะ ถึงเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ชื่อนาโอะจะสะกิดใจอยู่บ้างแต่ดูเหมือนจะยังไม่รู้จักอีกใบหน้าของฉันล่ะนะ ]
ข้ารู้สึกได้ถึงความโกรธเล็กน้อยจากคำพูดของอโทราคัว
ข้าเองก็ไม่อยากนึกถึงอีกใบหน้าของเธอหรอก
อโทรานาคัวมีอีกร่างเหมือนกับมนุษย์หมาป่า แต่เธอไม่ค่อยชอบให้ข้าเห็นหน้าตาที่แท้จริงเท่าไหร่จึงต้องปลอมตัวเป็นมนุษย์มา
อโทราคัวเป็นหนึ่งในเทพที่อยู่ฝ่ายเดียวกับข้า
เธอเชี่ยวชาญในความสามารถด้านการซ่อนตัวและปลอมตัว แม้แต่ผู้มีความสามารถในการตรวจสอบยอดเยี่ยมก็ยังไม่รู้ตัว
[ เอาน่า ข้าขอโทษ… อโทราคัว ]
[ เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก…. ขอแค่แย่งชิงสิ่งสำคัญจากเรน่ามาได้ ฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องน่าเบื่ออีกแล้ว ]
ข้ารู้สึกได้ถึงความเกลียดจากน้ำเสียงของเธอ ที่อโทราคัวไม่ชอบหน้าตาเดิมของตัวเองก็เพราะมันน่าเกลียด
และเธอก็เกลียดเรน่า บางทีเธอคงจะอิจฉาความงามนั้น
[ เอาล่ะ…. เรามาดำเนินแผนกันต่อเลยดีกว่า ]
[ ฮุฮุ รับรองว่าฉันจะล่อผู้กล้าของเรน่าไปที่เขาวงกตนั้นให้ได้แน่ ]
ข้าพยักหน้าให้กับคำพูดของอโทรันคัว
ก่อนอื่นก็ส่งเสียงดังแถวนั้นเพื่อล่อผู้กล้าแห่งแสง แค่นั้นก็สำเร็จ
ต่อไปก็ล่อให้เขาเข้าในข้างในเขาวงกต
[ ข้าต้องขอฝากเจ้าด้วยอาโทรันคัว ]
[ อา ซัลคิลซิส ข้าแทบจะรอเห็นน้ำตาของยัยคนนั้นไม่ไหวแล้ว ทำตามที่ตกลงกันไว้ด้วยล่ะ ]
[ ได้เลย ข้าตกลง ]
[ ข้าจะจับปลา(ผู้กล้า)มาให้พวกเจ้าดูเอง ]
อโทรันคัวหัวเราะ
และข้าเองก็หัวเราะด้วย
[ คุคุคุ เจ้าผู้กล้าของเรน่า จงเป็นเหยื่อล่อเธอออกมาให้ข้าซะเถอะ! ]
◆ ผู้กล้าแห่งน้ำเนฟิม
[ เอ่อ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? ท่านผู้กล้าแห่งน้ำ ]
[ ไม่ต้องห่วงกัปตัน มนุษย์ปลาไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอก ]
บาเรือที่มุ่งหน้าจากอาเรียดิน่าไปยังประเทศอื่นในตอนเช้า กัปตันถาม
[ นี่คุณไม่ไว้ใจท่านเนฟิมเหรอไงคะ!? ]
[ ใช่ๆ ]
เด็กสาวที่เดินทางมาด้วยกันโกรธกัปตันที่ไม่เชื่อฝีมือของข้า
[ เอาน่า ทั้งสองคน กัปตันก็แค่เป็นห่วงว่าเพราะมีเรือหลายลำที่ถูกเมอร์เมดโจมตีนะ ]
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปลานั้นเป็นเผ่าที่อาศัยอยู่ในทางทะเลตะวันตกของชาเล็ตเท่านั้น
แต่เผ่าพันธุ์นี้ชายและหญิงมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันมาก
มนุษย์ปลาผู้หญิงจะมีร่างส่วนบนเป็นสาวสวยและส่วนล่างเป็นปลาซึ่งถูกเรียกว่าเมอร์เมด(นางเงือก)
แต่กลับกันผู้ชายเผ่ามนุษย์ปลานั้นจะมีหน้าตาน่าเกลียด ร่างกายส่วนบนเป็นปลาครึ่งคีบ ทั้งแขนขา ตัวมีแต่เกล็ดปลาเต็มไปหมดจึงเรียกว่าเมอร์แมน
ทั้งเมอร์เมดและเมอร์แมนต่างก็เรียกรวมกันว่ามนุษย์ปลา พวกเขาจึงอยู่คู่กัน
แต่ว่าเมอร์เมดนั้นเกลียดเมอร์แมนเพราะหน้าตาน่าเกลียด เมอร์แมนเองก็เกลียดพวกเมอร์เมดเช่นกัน
และเมอร์แมนนั้นเป็นศัตรูของมนุษย์
เรือบรรทุกสินค้าของมนุษย์จำนวนมากถูกพวกเมอร์แมนดักปล้นในทะเลของชาเล็ต
เพราะมีเรือสองลำแล้วที่ถูกโจมตีในอ่าวอลาร์ด กัปตันถึงได้กังวล
[ ค่ะ ท่านเนฟิม ]
[ ใจกว้างดั่งมหาสมุทรเลยค่ะ ]
ทั้งสองคนชมข้า
พวกเธอเป็นสหายของข้าเอง ที่จริงมีสามคนล่ะนะ แต่อีกคนกำลังอุ้มลูกของข้าอยู่เลยกำลังพักผ่อน
[ กัปตันมั่นใจเถอะ ในเมื่อข้าเนฟิมผู้กล้าแห่งน้ำอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเคยต่อสู้กับมนุษย์ปลามาแล้วหลายครั้งดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว นอกจากนี้ยังมีทหารรับจ้างอยู่ด้วย พวกมันต่างหากที่ต้องกลัว ]
[ ฮะฮะ จริงด้วยสิ ]
กัปตันดูเหมือนจะหัวเราะแต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก
เพราะเรือลำนี้จำเป็นต้องไปเพื่อธุรกิจ
เรือจัดส่งสินค้า
ทั้งเรือจึงเต็มไปด้วยทาสก็อบลินอยู่เต็มเรือ
ข้าเองก็เคยนั่งเรือไปมาในทะเลชาเล็ตหลายครั้ง แต่ก็พึ่งเคยเห็นเรือที่มีก็อบลินอยู่มากมายขนาดนี้ครั้งแรก
ความเร็วของเรือเร็งมากเรพาะมีก็อบลินจำนวนมากคอยพายเรือให้
ข้าจึงมาที่นี่เพื่อปกป้องเรือมันเป็นเรื่องแย่แน่หากเรือลำนี้ถูกโจมตี
และข้าภาวนาว่ามันคงไม่เกิดขึ้น
[ กัปตัน!! ]
ข้ารีบเรียกกัปตัน
[ มีอะไรรึครับ? ท่านผู้กล้าแห่งน้ำ ]
[ เร็วเข้า! รีบเตรียมพร้อมต่อสู้ แล้วบอกให้คนอื่นๆ เตรียมอาวุธซะ! ]
ข้าพูดขึ้นจากนั้นก็เอายกหอกซึ่งเป็นอาวุธประจำวันออกมา
[ เอ่อ มันอยู่ตรงไหนครับ? ]
ทหารรับจ้าง กัปตัน และลูกเรือยื่นหน้าออกไปมองที่ทะเลข้างหน้า
[ พวกโง! อย่ายื่นหน้าออกไป! ]
แต่ข้าเตือนช้าไป เรือแกว่งไปมา
[ อุว๊ะ! ]
[ อ๊ากก! ]
[ จะตกแล้ว! ]
กัปตัน ลูกเรือ และทหารรับจ้างอิสระบางคนตกทะเลไปแล้ว
[ จะมาแล้ว! คนที่เหลือระวังด้วย!! ]
จากนั้นก็มีเสียงร้องของคนที่ถูกโจมตีดังขึ้นจากบนดาดฟ้าเรือ
ตามที่คาดไว้มนุษย์ปลาจำนวน 7 ตัว
ในทางกลับกันฝ่ายเรามี 11 คน
แม้ว่าจะชนะด้านจำนวนแต่เราต้องสู้กับพวกมันในสภาพที่เรือโยกไปมา
กลับกันมนุษยืปลานั้นไม่มีปัญหาแม้เรือจะโยกเยกไปมา
การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว
แต่เพราเรือที่สั่นไปมาทำให้เหล่าทหารรับจ้างต่อสู้กับพวกมันขยับไม่ได้
[ บ้าเอ้ย! ไอ้แรงสั่นนี่มันอะไรกัน! แบบนี้ใครจะไปจัดการมันได้! ]
ข้ารีบวิ่งไปที่ดาดฟ้าเรือ มนุษย์ปลาสามตัวพยายามจะแทงข้าด้วยด้าม แต่ข้าใช้หอกป้องกันไว้และแทงพวกมันตรงจุดตาย
[ ท่านเนฟิม!! ]
มีเสียงเรียกขอให้ช่วย พวกเธอกำลังโดนพวกมันโจมตี
ข้ารีบวิ่งไปที่นั้นโดยทันทีหลังจากจัดการสามตัวนั้นเสร็จ
ข้าใช้หอกแทงมนุษย์ปลาที่กำลังโจมตีพวกเธอ
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ย? ]
[ ค่ะ ท่านเนฟิม ]
[ ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ]
ทั้งสองคนตอบมาอย่างดีใจ ท่าทางจะปลอดภัยดี
[ หน๊อยแน่ แก! ]
มีเสียงจากดังขึ้นจากด้านหลัง
ที่ตรงนั้นมีมนุษย์หมาปลาอยู่ตัวหนึ่ง
[ หึ ดูท่าแกจะไม่เหมือนมนุษย์ปลาตัวอื่นสินะ ]
ข้าพูดอย่างนั้นแล้วมองมนุษย์ปลาข้างหน้า
เมอร์เมดตัวนั้นมีร่างกายกำยำกว่าตัวอื่น
[ เฮ้ หอกในมือแกนั่นมันหรือว่า… แกจะเป็นไทรทัน? ]
มนุษย์ปลาพูดขึ้นแล้วมองที่หอกในมือข้า
[ ถูกต้องแล้ว ข้าไททัน เพราะข้าเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนบนบกซะที่ไหน ]
อย่างที่มนุษย์ปลาพูด ข้าคือไทรทัน
ไทรทันเด็กที่เกิดจากราชาแห่งท้องทะเลและราชินีแห่งเงือก
แม้ว่าข้าจะดูคล้ายมนุษย์ แต่ก็มีความสามารถในการต่อสู้ทางทะเลสูง
เป็นอัศวินของเหล่าเมอร์เมด(นางเงือก)
และเป็นศัตรูของเมอร์แมน แถมพวกมันยังดูถูกเมอร์เมด(นางเงือก)
ข้าจึงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องพวกนาง
ข้าเคยต่อสู้กับเมอร์แมนมาแล้วหลายครั้งในทะเลชาเล็ต
[ ถ้างั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ]
เมอร์แมนดึงดาบออกมาจากเอวและยืนขึ้น
กลัว ข้ารู้สึกแบบนั้น
แต่เดิมข้าถนัดเวทน้ำมาก แต่มันคงใช้ไม่ได้ผลกับเมอร์แมน
และข้าก็ไม่อยากเสียพลังเวทไปโดยไม่จำเป็นด้วย
ข้าถือหอกสามง่ามซึ่งเป็นอาวุธแบบเดียวกับราชาแห่งท้องทะเล
ข้าที่เกิดมาในฐานะไทรทัน ได้หอกนี้มาจากท่านพ่อ
คงเป็นเพราะเขาเห็นว่าข้ามีพรสวรรค์ เหนือว่าเด็กไทรทันคนอื่นๆ
ในตอนนั้นข้ารู้สึกสนใจแผ่นดินจึงเดินทางจากทะเลมา
เพราะข้าต่อสู้ด้วยเวทน้ำและหอก จนสุดท้ายข้าก็ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งน้ำ
ข้าต่อสู้กับศัตรูมามากมายและได้เรียนรู้การใช้หอกจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แล้วทำไมข้าต้องมากลัวเมอร์แมนด้วยล่ะ?
[ ข้าไม่มีทางแพ้นักรบเถื่อนอย่างเจ้าหรอก ]
[ อย่ามาเรียกข้าว่านักรบเถื่อนนะเฟ้ย! ]
เมอร์แมนคำราม
[ ก็เจ้าไม่ใส่แม้กระทั่งชุดชั้นในเลยต่อหน้าผู้หญิงแท้ๆ มันดูน่าเกลียดมั้ยล่ะ! ]
เมอร์แมนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ดังนั้นเจ้าส่วนล่างน่าเกลียดจึงห้อยไปมาอยู่กลางฝูงคน
ข้าคิดว่าอย่างน้อยนิสัยเมอร์เมด(นางเงือก)ก็ยังดูดีกว่านี้ตั้งเยอะ
เห็นทีข้าต้องจำกัดเจ้าพวกเผ่าน่าทุเรศนี้ให้สิ้นซะแล้ว
เมอร์แมนโจมตีมา
ข้าดึงหอกออกมา
และรับดาบของเมอร์แมนไว้
เมอร์แมนมพยายามย่นระยะห่างโดยการดันหอกเข้ามา
แต่ข้าไม่ยอมให้ทำหรอก ในจังหวะที่เขาก้าวเท้ามา ข้าก็เล็งไปที่เท้า
เมอร์แมนที่พยายามหลบล้มลงไปข้างหลัง
[ ทำกันได้นะแก แข็งแกร่งนี่หว่า? ]
[ แม้จะเห็นแบบนี้ แต่ข้าก็ต่อสู้กับปีศาจบนบกมาเยอะ ไม่มีทางแพ้แกหรอกน่า ]
[ ก็ใช่ ที่ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก ]
เมอร์แมนตั้งท่าขณะที่ถือดาบคู่
เตรียมใจพร้อมแล้วสินะ? งั้นข้าจะแทงให้พรุนเลย
ข้าตั้งหอก
ในตอนนั้นเมอร์แมนก็โยนดาบเล่มหนึ่งมาทางนี้
ดาบเล่มนั้นตรงมาทางพวกเรา
[ บ้าเอ้ย!! ]
ข้ารีบยกหอกเพื่อปัดดาบนั้นทิ้ง
ในจังหวะนั้นเมอรแมนก็ก้มตัวลงและพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง บางทีเขาอาจจะกะจังหวะเคลื่อนไหวมาพร้อมับดาบ
[ อะไรกัน!! ]
ข้าพยายามกลับหอกเพื่อแทงศัตรู
แต่เมอร์แมนหมุนตัวและหลบหอกได้ หอกของข้าแทงโดนอากาศที่ว่างเปล่า
ข้าพยายามดึงหอกกลับแต่มันไม่ทันแล้ว
[ อ๊ากก!! ]
ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็แล่นมายังร่างกายข้า ข้าถูกฟันที่เท้าขวา แต่ข้ามองไม่เห็นเลย แต่มันฟันมาแล้วจริงๆ
จากนั้นอาการเจ็บก็แล่นสู่แขนทั้งสองข้าง
ข้าล้มลง
[ [ ท่านเนฟิม!! ] ]
สาวๆ ตะโกนด้วยความกังวล
[ เป็นไงล่ะไอ้หน้าหล่อ ]
เมอร์แมนพูดอย่างนั้นแล้วเหยียบที่หน้าของข้า
[ กึก….. ]
ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเพราะโดนเหยียบหน้าอยู่
[ จงคอยดูผู้หญิงของเจ้าเป็นของข้าซะเถอะ ]
เมอร์แมนหัวเราะสุดเสียง
ข้ามองเห็นสีหน้ากลัวของทั้งสองคน
[ หนีไป…. ]
ข้าพูดได้แต่เสียงเบาๆ ออกไป แต่ยังไงพวกเธอก็หนีไปไหนไม่ได้
การที่มนุษย์ผู้หญิงสองคนจะหนีไปกลางมหาสมุทรมันเป็นไปไม่ได้เลย
ทางทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟัน
◆ เมอร์แมนโลลิค่อน
ข้านำผู้หญิงสองคนของผู้กล้าแห่งน้ำใส่ฟองอากาศและพอลงทะเล
เพราะผู้กล้าแห่งน้ำไม่ใช่ศัตรูของข้า
ถึงเขาจะบอกว่าจัดการปีศาจบนบกไปมาก แต่ข้าคิดว่ามันก็ไม่เกี่ยวกันกับข้า
เขาไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่พวกที่บังคับให้ข้าต้องต่อสู้ในสนามต่อสู้เพื่อกำหนดความเป็นความตาย
สนามต่อสู้นั้นคือนรก
ทันทีที่ข้าไปที่พื้นดินเพื่อหาเจ้าสาว ข้าก็ถูกพวกมนุษย์จับและถูกส่งไปที่สนามต่อสู้
ที่นั้นหากข้าไม่ฆ่าอีกฝ่าย ข้าก็ต้องตาย
มันเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อเทียบกับการต่อสู้ที่สนามต่อสู้แล้ว การต่อสู้กับผู้กล้าแห่งน้ำก็เหมือนแค่การอุ่นเครื่อง
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้กล้า แต่มนุษย์ทุกคนต่างอ่อนแอ
ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งที่สุดในอ่าวอลาร์ดแล้ว
ต้องขอบคุณเทพแห่งทะเลท่านดาราก้อนจริงๆ ที่มอบพรให้แก้ข้า
[ คุคุ ข้าจะสร้างอาณาจักรแห่งมหาสมุทรขึ้นที่นี่ ]
ข้าแก้แค้นโดยการจับมนุษย์ผู้หญิงมาเพื่อสร้างอาณาจักร แค่นึกภาพถึงอนาคตที่โรยด้วยกุหลาบ ข้าก็หัวเราะออกมา
ข้ามองไปยังเด็กสาวในฟองแล้วหัวเราะ เพราพพวกเธออยู่ในฟองอากาศจึงหายใจและยังมีชีวิตอยู่ได้ ถ้านับรวมพวกเธอเข้าไปนี้ก็ 10 คนแล้ว
ข้าชักอยากเห็นอาณาจักรมหาสมุทรเร็วๆ แล้วสิ
ที่ใจกลางของอ่าวอลาร์ดมีฟองขนาดใหญ่อยู่
เพราะมนุษย์ไม่สามารถหายใจในน้ำได้ ข้าจึงสร้างฟองอากาศขนาดใหญ่ขึ้นและให้พวกนางกำเนิดลูกของข้า
ที่ก้นบึ้งของมหาศาลนี้จึงเต็มไปด้วยเด็กๆ
ถึงแม้ข้าจะไม่พาเพื่อนของผู้กล้าแห่งน้ำมาก็ไม่มีปัญหา แต่ก็ควรหาคนเพิ่มอยู่ดี
[ เอาล่ะ ข้าพาผู้หญิงคนใหม่มาแล้ว ]
แต่เมื่อข้าเข้าไปในฟองอากาศกลับเจอเรื่องผิดปกติ ในฟองอากาศไม่มีผู้หญิงอยู่เลย
มีเพียงผู้หญิงที่ข้าไม่รู้จักอยู่ตรงนั้น
ผู้หญิงคนนั้นเดินมาใกล้ข้าเรื่อยๆ ขณะที่หัวเราะ
จากใบหน้ามองได้ว่าเธอเป็นสาวน้อย แต่รอยยิ้มนั้นช่างมีเสน่ห์
ข้าตกหลุมรักสาวน้อยคนนั้นเข้าให้แล้ว เธอเป็นสาวสวยที่ผู้หญิงที่นี่เทียบไม่ติดแม้แต่คนเดียว
[ ขอโทษด้วยนะ สาวๆ ที่นี่ริโนะพาหนีไปหมดแล้วล่ะ ดังนั้นที่นี่เหลือแค่ริโนะคนเดียวแล้ว ]
สาวน้อยที่ชื่อริโนะหัวเราะชั่วร้าย
[ แปลว่าเจ้าจะมาเป็นคู่ขาให้ข้าแทนสินะ ? ]
ข้าใช้สายตาโลมเลียเธอ
หน้าอกที่ยังไม่โตนัก แต่ขายาวๆ นั้นก็ช่างน่าเย้ายวน
[ สายตาน่ารังเกียจจังนะลุง ที่เป้ามันโด่มาแล้วนะ ถึงริโนะจะไม่ชอบสายตาของคุณจิยูกิ แต่ก็เกลียดสายตาแบบนั้นเหมือนกันนะ ]
ข้ารู้สึกราวกับเลือดมันไหลเวียนไปที่ส่วนล่าง
สาวน้อยคนนั้นช่างน่าเย้ายวนยิ่งนัก ถ้ามีเธอ ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่จำเป็นแล้ว
[ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นคู่ขาให้ข้า ผู้หญิงคนอื่นข้าก็ไม่ต้องการแล้ว ]
[ เหรอ งั้นริโนะก็ขอพวกผู้หญิงทางนั้นคืนล่ะนะ ]
เด็กสาวพูดอย่างนั้น แล้วดึงฟองที่พวกผู้หญิงของผู้กล้าแห่งน้ำไป แรงของเธอมหาศาลจนข้าต้องปล่อยมือ
สาวน้อยคนนั้นยิ้มเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นปลอดภัยดี
เป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา แต่ข้ากลับรู้สึกกลัว
[ เอาล่ะ ต่อไปก็ตาลุงแล้วล่ะ ]
สาวน้อยคนนั้นพูดแล้วก็ทำลายฟองอากาศและปล่อยให้น้ำไหลเข้ามา
[ นี่คิดจะสู้กับเขารึ? ]
[ ใช่แล้วไงล่ะลุง ]
[ เด็กสาวมนุษย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก จะสู้กันไปเจ้าก็มีแต่จะตาย ]
มันคงไม่ดีหากทำให้สาวน้อยที่แสนสำคัญคนนี้ตาย ข้าจึงพยายามเข้าไปหาเธอ
แต่กระแสน้ำที่ไหลมาเชี่ยวมาก ทำให้เข้าใกล้ไม่ได้
[ ไม่เป็นไรหรอกน่าลุง ริโนะน่ะหายใจในน้ำได้ เป็นลุงมากกว่าที่ต้องห่วงตัวเองน่ะ ]
เพราะกระแสน้ำที่แรงทำให้ข้าขยับร่างกายดั่งใจไม่ได้
[ บ้าน่า! นี่ข้ากำลังติดอยู่ในกระแสน้ำงั้นเหรอ!! ]
เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยติดในกระแสน้ำ
และในความมืดนั้น ข้ามองเห็นเงาสีดำขนาดใหญ่
[ นั่นมันอะไรกัน!!? ]
[ จะแนะนำเพื่อนของริโนะให้รู้จักคาลิบดิชจัง สปิริตระดับสูงแห่งท้องทะเล ริโนะสงสัยจริงๆ ว่าลุงจะทนกระแสน้ำของเธอไปได้สักเท่าไหร่? ]
เด็กสาวหัวเราะจนข้ากลัวในรอยยิ้มของเธอ
เธอต้องเป็นแม่มดชั่วร้ายแน่ ข้าต้องหนี
แต่ตอนนี้ข้าติดในกระแสน้ำวนแล้ว
[ รอเดี๋ยว! หยุดมันที! ]
แต่เสียงของข้าส่งไปไม่ถึง ร่างกายของข้ารู้สึกมึนไปทีละนิด ทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดจนสิ้นหวัง
ขืนเป็นแบบนี้ร่างกายของข้าได้ถูกบดขยี้แน่
สติของข้ามจมลงสู่ความเจ็บปวดและหายไปในมหาสมุทรอันมืดมิด
◆ ผู้กล้าแห่งลมเซฟาร์
[ จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ? ท่านผู้กล้าแห่งลม ]
[ ไม่ต้องห่วงหรอกท่านนายจ้าง มีข้าอยู่ทั้งคน ]
ในวันรุ่งขึ้น เหล่าพ่อค้าที่จะเดินทางออกจากอาเรียดิน่าไปยังประเทศอื่นๆ ถามข้าอย่างเป็นกังวล
[ พวกคุณน่ะ! ไม่เชื่อฝีมือท่านเซฟาร์เหรอคะ!? ]
[ ใช่ๆ ]
พวกเธอโกรธที่พวกพ่อค้าไม่เชื่อฝีมือข้า
[ เอาน่า ทั้งสองคน พวกพ่อค้าเขาก็กังวลเพราะช่วงนี้มีพ่อค้าที่ถูกเซนทอร์โจมตีอยู่มากมายเท่านั้นเอง ]
เดิมทีพื้นที่แถบนี้ไม่มีเซนทอร์อยู่หรอก
เซนทอร์นั้นมีร่างกายส่วนล่างเป็นม้าและส่วนบนเป็นมนุษย์
แม้ข้าจะไม่เคยเจอเซนทอร์มาก่อน แต่เห็นว่าเซนทอร์ทุกตัวยิงธนูได้เก่งมาก
ดูเหมือนอัศวินของประเทศนี้จะถูกจัดการโดยล้มพวกเซนทอร์ไม่ได้สักตัวด้วยซ้ำ แม้ว่าจำนวนเซนทอร์จะมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ข้าเซฟาร์ผู้กล้าแห่งลมผู้นี้มั่นใจในฝีมือธนูพอควร ลองโจมตีมาสิ ข้าจะโต้กลับให้ดู
[ ใจดีจริงๆ ค่ะ ท่านเซฟาร์ ]
[ จิตใจกว้างขวางยิ่งนักค่ะ ]
พวกเธอชมข้า
พวกเธอเป็นสหายของข้าเอง ที่จริงมีสามคนล่ะนะ แต่อีกคนกำลังอุ้มลูกของข้าอยู่เลยกำลังพักผ่อนอยู่
[ ท่านนายจ้างไม่ต้องกังวลหรอก ข้าเซฟาร์ผู้กล้าแห่งลมอยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่าเซนทอร์จะเก่งเรื่องธนูขนาดไหน แต่ฝีมือธนูของข้าเก่งกว่าพวกมันหลายขุมและเรายังมีทหารรับจ้างอีกมากมายที่คอยรับมือ มันต่างหากที่ต้องกลัวพวกเรา ]
[ ฮะฮะ นั่นสินะ ]
พูดค้าพูดออกมา แต่เขาก็ยังดูไม่สบายใจ
เพราะจู่ๆ ปริมาณมอนสเตอร์แถบนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดาที่เขาจะกังวล ข้าเข้าใจดี
ในตอนนั้นสายลมก็พัดมา
ดูเหมือนพวกมันจะมาแล้ว
[ ท่านนายจ้าง!! ]
[ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ ท่านผู้กล้าแห่งลม? ]
[ พวกเซนทอร์กำลังมา! ทหารรับจ้างรีบไปเตรียมอาวุธเร็วเข้า! ]
ข้าตะโกนออกมาแต่พ่อค้าและทหารรับจ้างคนอื่นยังคงสับสนอยู่
เขาคงยังไม่เข้าใจ แต่ข้าสามารถรู้สึกได้พลังของสายลม
เซนทอร์กำลังวิ่งมาจากที่ที่ไกลออกไป
[ เอ่อ แต่ข้ายังไม่เห็นเซนทอร์สักตัวเลยนะ ]
หนึ่งในทหารรับจ้างที่ขี่ม้าอยู่มองไปรอบๆ แต่นั่นมันผิดทางแล้ว
เขาไม่เชื่อข้า
[ ตาเหยี่ยว!! ]
ข้าใช้ความสามารถในการมองเห็น
จากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เซนทอร์กำลังมุ่งมาทางพวกเรา
ดูเหมือนฝ่ายศัตรูเองก็มีคนที่มีความสามารถแบบเดียวกับข้าและกำลังมองคาราวานนี้อยู่
มันกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ข้าหยิบธนูและลูกธนูขึ้นมา
[ ลมเอ่ย จงทะลวงศัตรูของข้าให้สิ้น! ]
ข้าใช้พลังเวทใส่ลูกธนูแล้วปล่อยมันขึ้นไปบนฟ้า
ลูกธนูบินตรงไปยังสถานที่ที่เซนทอร์อยู่ ข้าคิดว่าคงจัดการมันได้แน่
[ อะไรกัน!! ]
ข้ามองเห็นได้ชัดเจนเพราะตอนนี้ใช้ตาเหยี่ยวอยู่
[ ลูกธนูของข้าถูกปัดทิ้ง…. ]
หนึ่งในเซนทอร์ยิงลูกธนูของข้ากลับคืนมา
แต่มันไม่ได้ใช้เวทมนตร์เหมือนข้า พวกมันสามารถยิงได้ด้วยความสูงพอๆ กับข้าแม้ไม่ต้องพึ่งเวทมนตร์
จากนั้นก็ยิงลูกที่สองมา
[ แย่แล้ว หนีเร็ว! ]
ข้าเข้าใจได้จากการยิงธนูของมัน เจ้านั้นมันแข็งแกร่งกว่าข้า
[ อึก!! ]
ทหารรับจ้างที่อยู่ข้างๆ ข้าถูกธนูยิงจนล้มไป
[ แย่แล้ว…. ]
ข้าพยายามใส่พลังเวทในลูกธนูอีกครั้ง แต่เพราะพลังเวทมีจำกัด ทำให้การยิงธนูด้วยความแรงเดียวกับลูกธนูเมื่อกี้เป็นไปไม่ได้
พวกเซนทอร์กำลังใกล้เข้ามา
ทหารรับจ้างต่างล้มลงไปทีละคน อีกฝ่ายเร็วมาก ข้าหาทางหนีไม่ได้เลย
[ บัดซบ… ]
ข้าได้แต่กัดฟันและทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
◆ เซนทอร์ผู้ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
[ ฮึ่ม! พวกมนุษย์ต่อต้านพวกเราไม่ได้เลย ]
ข้านึกถึงเกี่ยวกับพวกมนุษย์เมื่อก่อน ไม่ว่าคนไหนๆ ก็อ่อนแอ
ดูเหมือนชายที่เรียกตัวเองว่าผู้กล้าแห่งลมจะเก่งขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูของเซนทอร์อย่างข้า
ต้องขอบคุณเทพของเหล่าเซนทอร์ท่านซาจิทาเรียสเทพแห่งธนู
นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์เอาชนะเซนทอร์ด้วยธนูไม่ได้
ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถข้ามกำแพงของเหนือกว่าของพวกเราได้หรอก
ถ้าสู้กันตรงๆ ในที่ราบล่ะก็พวกเราชนะแน่
มนุษย์ผู้ชายถูกจัดการหมด ที่นี้พวกเราก็จะได้เอาอาหารและมนุษย์ผู้หญิงไป
[ ครับ แน่นอนอยู่แล้วหัวหน้า! ]
เหล่าครอบครัวของข้าหัวเราะ
พวกเราเป็นเผ่าที่ดั่งเดิมอาศัยอยู่ในที่ราบคิโซเนียนที่ข้ามเทือกเขากลางไปอีก
แต่กลับมีคนทรยศในเหล่าเซนทอร์ขายพวกเราให้กับมนุษย์
แม้จะเป็นเซนทอร์ด้วยกันแต่มันก็ขายครอบครัวและเพื่อน
พวกเราจึงตกเป็นเหยื่อของมัน
เมื่อข้านึกถึงขึ้นมา ข้าก็อยากแก้แค้น
แต่เพื่อการนั้นข้าต้องเพิ่มจำนวนคนในครอบครัวขึ้นไปอีก
พวกเราจะจับมนุษย์ผู้หญิงมาแล้วเพิ่มจำนวนครอบครัว จากนั้นก็กลับไปที่คิโซเนียนแล้วฆ่าพวกมันให้หมด
โชคดีที่ในมินอนไม่มีอะไรที่เป็นศัตรูของเรา พวกเราเซนทอร์จึงเป็นผู้คุมที่ราบมินอนแห่งนี้
ในตอนนั้นเอง ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างหล่นลงมาจากบนฟ้า ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่ข้าอยู่ที่คิโซเนียน
[ หัวหน้า! ความรู้สึกนี้มัน!! ]
[ ข้ารู้แล้ว รีบหนีไปป่ากับพวกผู้หญิงซะ ส่วนสัมภาระทิ้งมันไป! ]
หากการคาดการณ์ของข้าถูกต้อง
ข้าควรจะวิ่งหนี
[ อ๊ากก!! ]
ทันใดนั้นสมาชิกในครอบครัวของข้าคนหนึ่งก็ล้มลง
มันเป็นบาดแผลลึกมากจนไม่สามารถรักษาได้
ข้าเงยหน้ามองบนท้องฟ้า
[ กริฟฟอน! ทกคนกัมหัวลง! ]
ดวงตาของข้าสามารถมองเห็นได้ไกล แน่นอนนั้นต้องเป็นกริฟฟอนแน่
แต่ทำไมกริฟฟอนถึงมาอยู่ที่นี่? ตามที่ข้าได้ยินมา กริฟฟอนไม่ควรมาอยู่ในที่ราบมินอนได้
กริฟฟอนอยู่ห่างไกลออกไป แต่ถ้าด้วยปีกของกริฟฟอนระยะแค่นี้คงแทบจะบินมาได้ในพริบตา
ถึงแม้จะพยายามยิงธนูไปแต่มันก็ไกลเกินไป
ดังนั้นเราคงต้องรอให้กริฟฟอนเข้ามาใกล้แล้วยิงธนูใส่มันเท่านั้น
กริฟฟอนบินมาแล้ว
[ บัดซบ! ]
ข้ายิงธนูออกไป แต่ลูกธนูกลับโดนสายลมผลักออกจนไม่โดนตัวกริฟฟอน
[ อ๊ากก!! ]
หลังจากกริฟฟอนบินผ่านไปเพื่อนของข้าก็ถูกจัดการไปอีกคน นี่มันเหมือนกับในคิโซเนียน
และในตอนนั้นเองข้าก็เห็นคนๆ หนึ่งที่อยู่บนหลังของกริฟฟอน
[ ไม่ได้นะหัวหน้า! หนีไป! ]
เสียงร้องเจ็บปวดของเพื่อนข้า
กริฟฟอนแข็งแกร่งมากและเร็วยิ่งกว่าพวกเราซะอีก แค่หลบการได้ก็เต็มกลืนแล้ว
ต้องรีบหนีเข้าไปในป่าที่กริฟฟอนจะตามเข้ามาไม่ได้
[ กุย๊ะ~ ]
[ เกสึ~ ]
ข้าได้ยินเสียงร้องจากเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลัง
แต่ข้าไม่ได้สนใจ เพราะกำลังตั้งสมาธิกับการโจมตีอยู่
และแล้วเสียงข้าหลังข้าก็เงียบไป
เมื่อมองย้อนกลับไปก็ไม่มีใครเหลืออีกแล้ว
[ เหลือแค่คุณแล้วพี่ชาย ]
เสียงนั้นดังขึ้นจากข้างบน แล้วจากเธอก็กระโดดจากหลังกริฟฟอน
เมื่อข้าหันหลังกลับไปก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า
[ มนุษย์…. แมว? ]
เธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แต่กลับมาหางงอกออกมาและหูเหมือนแมว
จะว่าไปที่ทวีปทางใต้มีเผ่าที่เกิดจากการผสมพันธุ์ของเผ่าสฟิงซ์กับมนุษย์อยู่ หรือเธอเองก็จะเป็นแบบนั้นด้วย?
[ ไม่ใช่หรอก นาโอะเองก็เป็นมนุษย์นี่ล่ะ แค่นี้เป็นร่างสัตว์ป่าเท่านั้นเอง ก็เพราะอุตส่าห์ได้ออกมาในป่าสักหน่อยก็เลยอยากลองนะ ]
เด็กสาวหัวเราะอย่างมีความสุข
[ หรือว่าเจ้าจะเป็นคนที่คอยควบคุมกริฟฟอนอยู่? ]
[ ใช่แล้ว! ]
ทันใดนั้นข้าก็รีบคว้าลูกธนูแล้วยิงใส่เธอ
[ โอ๊ะ!! ]
แต่เธอกลับคว้าลูกธนูได้กลางอากาศ
[ บ้าน่า…. จับลูกธนูที่บินอยู่ได้ ]
[ กลัวสินะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ แต่พี่ชายน่ะเอาชนะคุณนาโอะคนนี้ไม่ได้หรอก ]
เธอพูดขึ้นแล้วหักลูกธนู
ผู้หญิงคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาด
[ แล้วทำไมถึงยังไม่ฆ่าข้า? ]
[ เพราะยังมีเรื่องอยากจะถามจากพี่ชายสักหน่อย ช่วยบอกได้มั้ยว่าใครเป็นคนปล่อยพี่ชายออกมา? ]
[ ข้าไม่รู้… พอข้ารู้สึกตัวอีกทีโซ่ที่มัดข้าไว้ก็ถูกปลดออกและประตูก็ถูกเปิดเอาไว้แล้ว ดังนั้นข้าเลยหนีมา ]
เด็กสาวจ้องมองข้า ดูเหมือนกำลังตัดสินว่าที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงรึไม่
[ ดูเหมือนจะพูดเรื่องจริงสินะคะ…. เพราะดูจะไม่รู้ตัวคนบงการจริงๆ ]
เด็กสาวถอนหายใจ
[ ถ้างั้นข้าจะเป็นยังไงต่อไป… ]
[ แน่นอน ก็คิดจะส่งพี่ชายให้อาเรียดิน่าตามเดิมสิค่ะ ]
[ ขะ ขอร้องล่ะ… ข้าจะยอมเป็นลูกน้องให้ก็ได้ แต่อย่าส่งมอบตัวข้าให้ประเทศนั้นเลย ]
เด็กสาวส่ายหัว
[ จะขอร้องก็เปล่าประโยชน์ค่ะ เพราะฉันได้ตรวจสอบดูแล้วว่าพี่ชายจับเด็กสาวพวกนั้นไปทำเรื่องโหดร้ายขนาดไหนมาบ้าง นั่นมันออกจะโหดร้ายไปหน่อยนะ นั่นล่ะคือเหตุผลที่พี่ชายต้องโดนลงโทษ ]
[ ละ ลงโทษ ทำไมข้าถึงต้องโดนลงโทษด้วย มันเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอไงที่คนอ่อนแอมันต้องโดนฆ่า ]
มันเป็นเรื่องปกติของโลกนี้ ข้าทำอะไรผิดกัน?
แต่สายตาของเธอเมื่อได้ยินคำพูดของข้ากลับมืดมิด
[ ถูกต้องแล้วค๊า ♪ …. พี่ชายจะทำอะไรกับคนอ่อนแอก็ได้♪ ถึงจะเอาพวกนั้นไปเป็นของเล่นก็ไม่เห็นจะผิดเลยนี่เนอะ♪ ]
เด็กสาวหัวเราะอย่างมีความสุข
แต่ข้ากลับรู้สึกกลัวเสียงเสียงหัวเราะของเธอ
[ งั้นนาโอะเองก็แข็งแกร่งกว่าพี่ชาย นาโอะเองก็จะทำอะไรก็ได้นี่เนอะ ♪ ]
จากนั้นเด็กสาวก็เดินมาที่ตรงหน้าข้า
เรี่ยวแรงของข้าหายไปหมด
เล็บของสัตว์จิกเข้าไปในใบหน้าของข้า
[ เดี๋ยว!! หยุดก่อน… ]
ข้าได้ยินเสียงบางอย่างแตกออก(หัวแตก) จากนั้นสติของข้าก็จมลงสู่ความมืด
◆ อัศวินแห่งอาณาจักรพิซีเพียร์ที่หลงรักเจ้าหญิง
[ เฮ้ จะไม่เป็นไรเหรอ? ]
[ ไม่ต้องห่วงน่า ท่านหัวหน้าอัศวิน มีข้าอยู่ทั้งคน ]
เช้าตรู่ ข้าเดินจากทางอาณาจักรพิซีเพียร์ไปยังอาเรียดิน่า
โดยขอร้องให้ผู้กล้าแห่งแสงผู้ขี่เพกาซัสไปด้วย
[ นี่ท่านหัวหน้าอัศวินไม่ไว้ใจท่านเรย์จิเหรอไงคะ? ]
[ ใช่ๆ ]
[ ใช่แล้ว ถ้าไม่มีท่านเรย์จินี่แย่ไปแล้วนะคะ ]
ข้าถูกตำหนิจากเจ้าหญิงของอาณาจักรพิซีเปียร์และเมดอีกสองคน
[ เอาน่ายูเลีย ท่านหัวหน้าอัศวินเป็นห่วงว่ายูเลียจะถูกพวกออร์คโจมตีนะ ]
ผู้กล้าแห่งแสงพูดชื่อของเจ้าหญิงขึ้นและพยายามทำให้เธอสงบลง
เจ้าหญิงผู้เป็นคนในฝันของข้าไม่สนใจใยดีข้าเลย แต่ข้าต้องอดทน
ถ้าไม่มีชายคนนี้เจ้าหญิงก็คงถูกพวกออร์คโจมตีไปแล้ว
ระหว่างทางไปยังอาเรียดิน่า พวกเราถูกโจมตีจากออร์ค
พวกมันคือปีศาจที่หนีมาจากสนามต่อสู้ กระทั่งเส้นทางไปมาของอาณาจักรเราก็ยังอันตรายไปด้วย นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องอดทน… แล้วกันฟันไว้
ตัวข้าถูกจัดการอย่างง่ายดาย
พวกออร์คลักพาตัวเจ้าหญิงไป เพราะพวกมันเร็วมาก เราเลยไล่ตามพวกมันไปไม่ทัน
คงจะแย่แน่หากผู้กล้าแห่งแสงไม่บินผ่านมาแถวๆ นั้น
ผู้กล้าแห่งแสงได้พาเจ้าหญิงกลับมาพร้อมกับกำจัดออร์คไปหมด
เขาฆ่าออร์คได้ในดาบเดียวโดยไม่มีอะไรต้องกังวลเลย
แต่ข้ากลับไม่ชอบใจกับสายตาของเจ้าหญิงและเหล่าเมดที่มองเขาด้วยสายตาเปล่งประกายนั้นเลย
[ สมกับเป็นท่านเรย์จิ ]
[ จิตใจกว้างขวางยิ่งนักค่ะ ]
สาวๆ ชื่นชมผู้กล้าแห่งแสง
แค่ถูกช่วยชีวิตไว้ครั้งเดียว เจ้าหญิงก็มีอาการแปลกไปได้ขนาดนี้ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหญิง?
[ เอ่อ ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ? ]
ข้า
หยุดถามไม่ได้
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ เหนื่อยหน่อยนะทุกคน ]
ฉันขอบคุณทุกคนเมื่อพวกเธอกลับมา
[ บู่~ ตาลุงเมอร์แมนไม่เห็นแข็งแกร่งเท่าไหร่เลยค่ะ ยังไม่ได้วอร์มเลย ]
[ ทางนี้ก็เหมือนกัน พี่ชายเซนทอร์ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย ]
[ มันก็แน่ล่ะนะ ]
ริโนะกับนาโอะไปจัดการเมอร์แมนกับเซนทอร์ที่อ่าวอลาร์ดและที่ราบมินอน ส่วนทางเรย์จิก็ไปจัดการปีศาจตัวอื่น
แต่ในความคิดของฉัน คิดว่าเรย์จิต่างหากที่เป็นปีศาจ น่าเป็นห่วงอีกฝั่งฝ่ายมากกว่าซะอีก
ส่วนซาโฮโกะกำลังรักษาคนที่ได้รับบาดเจ็บจากพวกปีศาจอยู่
แต่เมื่อฉันมองเข้าไปดูเหล่าปีศาจที่ถูกจับมา…. (กลายเป็นชิ้นๆ) ฉันก็เอ๋อไป ไม่ขอรับรู้อะไรแล้ว
[ ตามที่คุณนาโอะบอกมา ดูเหมือนเรื่องของปีศาจตัวอื่นๆ เรายังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย ]
แต่ยังไงปีศาจที่หนีไปครึ่งนึงก็โดนพวกเราจัดการหมดแล้ว
แต่ว่าที่เหลือนี่สิ ที่มันยุ่งยาก
เพราะเป็นพวกที่มีความสามารถอำพรางร่างกายให้เหมือนคนธรรมดาได้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะหาพบ
แต่ถ้าใช้พลังตรวจสอบ ต้องหาพบในอีกไม่นานแน่
มนุษย์หมาป่ากับลาเมียนี่ก็ยากอยู่
เพราะทั้งสองเผ่าสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ หากเข้าไปปะปนในกลุ่มมนุษย์ก็หาได้ยากมาก นี้คงต้องหวังพึ่งนาโอะ
นอกจากนี้เรื่องการตามหาผู้บงการที่ทำให้ปีศาจหนีไปก็ยังต้องการพลังของนาโอะด้วย
หน้าที่ส่วนใหญ่ไปรวมกันที่นาโอะหมดเลย แต่มันไม่มีทางเลือก
เรื่องนี้อาจจจะยืดเยื้อ คงต้องติดต่อพวกชิโรเนะไว้ก่อนด้วย
ว่าแต่ทางนั้นเป็นยังไงกันบ้างนะ?
[ ถึงจะรีบไปก็ทำอะไรไม่ได้สินะจิยูกิ งั้นขอไปพักผ่อนหน่อยแล้วกัน ]
เรย์จิพูดออกมา
[ เรย์จิ นี่จะไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ ]
[ แน่นอน แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นหรอก ก็แค่อยากให้นาโอะได้พักบ้างเท่านั้นเอง งั้นวันนี้ขอพักแล้วไปสนุกกันดีกว่า♪ ]
เรย์จิพูดขณะที่หัวเราะ
ดูเหมือนเขาจะกังวลเรื่องของนาโอะอยู่
ฉันเองก็ไม่อยากโยนภาระหนักหนาขนาดนี้ให้นาโอะหรอก
แต่การตรวจสอบนั้นเราต้องพึ่งพานาโอะเท่านั้น จึงต้องกลายเป็นภาระให้นาโอะอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนสำหรับฉันแล้ว นาโอะมีความสำคัญยิ่งกว่ามนุษย์คนไหนบนโลกนี้ซะอีก
เรย์จิคงอยากจะให้ความสำคัญกับเธอ แต่ฉันคิดว่ายังไงก็ไม่ควรให้เธออยู่กับเรย์จิเท่าไหร่
[ เห็นด้วย~ ♪ ริโนะเองก็อยากไปโรงละคร ]
[ ก็ดีเหมือนกันนะ งั้นตอนเย็นไปกันทุกคนเลยแล้วกัน ]
นาโอะเห็นด้วยกับริโนะที่จะไปโรงละคร
อันที่จริงฉันก็สนใจละครอยู่พอควร อยากลองไปดูเหมือนกัน
การแสดงจะจัดขึ้นทุกวันที่โรงละครขนาดใหญ่ของอาเรียดิน่า
สิ่งที่แสดงที่โรงละครตอนนี้จะเป็นละครสัตว์จนถึงพรุ่งนี้ ครั้งหน้าดูเหมือนจะมีโอเปร่าหญิงด้วยล่ะ ฉันอยากดูโอเปร่าจัง แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้
[ … งั้นก็ช่วยไม่ได้ถ้าเราไม่ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรนี่นะ ]
ฉันแพ้ให้ความปรารถนาของตัวเองซะแล้ว
[ งั้นก็ตัดสินกันแล้วสินะ ว่าจะไปโรงละครกัน? ]
เมื่อเรย์จิพูดขึ้น เราก็ส่งเสียงตอบรับ
◆ พิกุมาโยย ร้านส่งจดหมาย
[ ยังตื่นอยู่อีกเหรอ? ]
[ อา พอดียังจัดเรียงจดหมายไม่เสร็จนะ ]
ข้าตอบภรรยาขณะที่กำลังจัดเรียงจดหมาย
ขณะนี้ประเทศพัธมิตรของกลุ่มอลาร์ดกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ
ถนนนสัญจรไปมาอันตรายกว่าเดิม
เป็นผลทำให้งานในร้านพิกุมาโยยเพิ่มขึ้น
เพราะปีศาจส่วนใหญ่อยู่บนพื้นทำให้การติดต่อทางอากาศยังปลอดภัยดี
ทำให้มีจดหมายต้องส่งเยอะกว่าปกติและต้องส่งให้ตรงทุกที่ด้วย
แต่ภรรยาของข้าบอกว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว ให้รีบนอนจะดีกว่า
[ ว๊าาาา!! ]
จู่ๆ ข้าก็ได้ยินเสียงร้อง
อย่ารีบวิ่งไปหาภรรยา
จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องมากกว่าหนึ่งเสียง
[ จากกำแพง! ดูทางกำแพงสิ ]
[ ที่รักอันตราย… ]
ภรรยาข้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
[ ข้ารู้แล้ว!! ]
ข้ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่กรงนก
เอาเชือกที่มัดขานกออกและให้มันบินไป
นกบินออกไปนอกกำแพง
และที่ตรงนั้นข้าก็เห็น
[ นี่มัน…. กลุ่มปีศาจขนาดยักษ์ ]
แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา ข้ามีความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนได้ และข้าก็เห็นมันชัดเจน
ปีศาจจำนวนมากบนพื้นดินที่อยู่ติดกำแพงของอาณาจักรโฮรอน
เสียงของเหล่าทหารร้องเสียงดัง
[ นี่มันแย่สุดๆ …. ]
ขืนเป็นแบบนี้ประเทศนี้ได้พินาศแน่
ข้าทำอะไรไม่ได้นอกจากมองฝูงปีศาจมหาศาลที่อยู่บนพื้นดิน