อัศวินดำ - ตอนที่ 50
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
ตรงกลางของที่ราบลุ่มมินอนมีเขาวงกตอยู่
ไม่รู้ว่าเขาวงกตนี้ใครเป็นผู้สร้างขึ้น
แต่ดูเหมือนเขาวงกตนี้จะมีมาก่อนที่มนุษย์จะมาตั้งถิ่นฐานที่มินอนซะอีก
มีหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่าเป็นฝีมือคนแคระเป็นผู้สร้างขึ้น แต่กลับไม่มีใครพบเห็นคนแคระในเขาวงกตนั้นเลย
ซึ่งสิ่งต่างๆ ไม่ได้ชี้ชัด แม้จะในเรื่องเล่าว่าคนแคระเป็นผู้สร้างขึ้น
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเขาวงกตนี้
แต่ที่นี่มีทั้งมิโนทอร์และครอกกาไทรส์อาศัยอยู่
แต่เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง มิโนทอร์จึงแทบไม่ได้ออกมาจากเขาวงกตนั้นเลย
ในเมื่อไม่มีตัวอะไรออกมาจากเขาวงกต มนุษย์จึงเริ่มตั้งรกรากที่พื้นที่แถบนี้
ทุ่งราบมินอนถูกมนุษย์ยึดครองเป็นที่อาศัยอยู่
แต่ว่าบางครั้งมิโนทอร์ก็จะออกมาพร้อมกับปีศาจตัวอื่นๆ เหมือนกัน
และยังมีการโจมตีเมืองใกล้ๆ อย่างเทสซาเซียและลักพาตัวผู้คนไป
เหล่าทหารรับจ้างของเทสซาเซียจึงต้องเข้าไปในเขาวงกตเพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกลักพาตัวไป แต่ดูเหมือนจะช่วยใครไม่ได้
ดังนั้นจึงต้องคอยทำหน้าที่สังเกตการเข้าออกในวงกต
ที่ราบลุ่มมินอนเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์
โดยเฉพาะใจกลางที่ใกล้กับเขาวงกตนั้นมีพลังเวทมหาศาลอยู่ พลังเวทนั้นตกผลึกและกลายเป็นแร่หายากต่างๆ
ดังนั้นเหล่าคนที่หวังจะรวยทางลัดจึงเข้าไปในเขาวงกตกัน
แน่นอน ว่าข้างในเขาวงกตนั้นอันตรายเพราะมีปีศาจอยู่มากมาย แต่ก็ยังมีผู้คนที่เข้าไปท้าทายมากมายอยู่ดี
เขาวงกตคือภัยพิบัติของมนุษย์และในขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่รวบรวมตัณหาของมนุษย์ด้วย
ซึ่งวันนี้เราจะเข้าไปในเขาวงกตกัน
เพราะเขาวงกตนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน ฉันเลยไม่รู้ว่ามันใหญ่ขนาดไหน
แต่ดูเหมือนมันจะกว้างมาก
แค่ส่วนเดียวก็คงใหญ่กว่าเทสซาเซียแล้ว
[ นาโอะ รู้สึกอะไรบ้างมั้ย? ]
ฉันถามนาโอะ
นาโอะมองไปในเขาวงกตขณะที่กอดหนูไว้ที่หน้าอก
เหตุผลที่เธอเอาหนูมาด้วยก็เพราะไม่มีสถานที่รับฝากนะสิ
ฉันเคยคิดว่าปล่อยมันหนีไปก็ได้ล่ะมั้ง แต่นาโอะกลับไม่ยอม เพราะดูเหมือนจะถูกใจหนูตัวนี้มาก
เอาเถอะ เดี๋ยวสักวันเธอก็คงเบื่อเองแหละนะ
[ ไม่เลยค่ะ… เพราะมีบาเรียเวทอยู่… เลยตรวจสอบไม่ได้เลยค่ะ ]
[ อืมม… เวทของฉันก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน ]
นาโอะไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ของเขาวงกตได้เพราะเขาวงกตถูกปกคลุมด้วยพลังเวท
ซึ่งมันเป็นบาเรียเวทขนาดที่ยากจะมองเห็นข้างในได้
ส่วนทางฉันเองก็พยายามมองไปข้างในด้วยเวทมนตร์ญาณทิพย์
แบบนี้คงต้องพึ่งคนทำทางแล้วสินะ
ฉันมองไปข้างๆ
ที่ตรงนั้นมีชิสุเฟย์กับเพื่อนของเธออยู่
กลุ่มของชิสุเฟย์มีทั้งหมดห้าคนและทุกคนเป็นผู้หญิงหมด อาจจะเป็นเรื่องปกติของพวกเธอล่ะนะ
เคย์น่าเป็นนักรบหญิงที่มีผมสีดำ ผิวสีน้ำตาลและใช้อาวุธคือหอก
อุปกรณ์สวมใส่ของเธอคล้ายๆ กับชิสุเฟย์แต่แขนขาดูมีกล้ามเนื้อมากกว่า
บางทีเธอคงไม่ช่สายต่อสู้ด้วยแรงจากด้านหน้า แต่เป็นสายต่อสู้ที่เน้นความเร็ว เท้าถึงได้ดูรวดและว่องไว
ซึ่งดูเหมือนมาเดียจะเด็กที่สุด เธอแต่งชุดเหมือนผู้ใช้เวทและมีคทาอันเล็กๆ อยู่ด้วย ถ้าดูจากชุดเธอก็ดูเป็นผู้ใช้เวทล่ะนะ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงพลังเวทจากตัวเธอเลย
แต่ในโลกนี้ มนุษย์ที่ใช้เวทมนตร์ได้ก็หาได้ยากแล้ว แม้ว่าพลังเวทจะอ่อนแอ แต่ก็ถือเป็นสหายในฐานะผู้ใช้เวท ทั้งมาเดียและทุกคนต่างน่ารักด้วย ฉันเองก็อยากเป็นเพื่อนกับพวกเธออยู่หรอกนะ
และนักบุญหญิงลีเรียผู้คอยรับใช้วิหารเฟย์เรีย แม้ว่าลีเรียจะบอกว่าเธอได้ยินเสียงของนางฟ้า แต่มันเหมือนมีใครบางคนต้องใช้ประโยชน์จากเธอมากกว่า
หลังจากได้ยินเสียงของนางฟ้า เธอก็ใช้เวทรักษาได้นอกจากนี้ยังสามารถต่อสู้ด้วยเมซ(คทาที่มีหัวเป็นค้อน)กับโล่ได้
เพราะเธอทำให้เรารู้ว่าเรน่าเป็นที่รู้จักขนาดไหน
ผู้มีรอยสักบนหน้าและแขนขา เธอเป็นเอลฟ์มีชื่อว่านอร่า
บางครั้งเอลฟ์ก็จะออกมาจากป่าและเป็นเพื่อนกับมนุษย์ แต่เป้าหมายส่วนใหญ่ก็เพื่อหามนุษย์ผู้ชาย
โดยเฉพาะหลุดหล่อหน้าตาดี เอลฟ์จะชอบลักพาตัวไปและเอาไปเล่นสนุกในป่าล่ะนะ
แต่หากเป็นเอลฟ์ที่เป็นเพื่อนของมนุษย์จะไม่ทำแบบนั้นหรอก แต่ได้ยินว่าถ้าเอลฟ์ที่อยู่นอกป่ามีลูกขึ้นมา เด็กคนนั้นก็ต้องถูกส่งไปที่ป่าด้วย
แต่ว่านอร่าเธอดูไม่เหมือนว่าจะมาที่นี่เพื่อหาผู้ชายเลย ไม่งั้นคงไม่มารวมกลุ่มพวกปาร์ตี้หญิงล้วนหรอกนะ
รอยสักที่หน้านั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ปิดกั้นการสื่อสารกับสปิริตไว้ ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงโดนปิดผนึกเวทมนตร์ไว้
ฉันเองก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องของเอลฟ์ไปซะหมด หรือเธอจะโดนลงโทษ? ถึงแม้จะสนใจเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ช่างมันไปก่อนแล้วกัน
ทั้งหมดคือปาร์ตี้ของชิสุเฟย์และจะเป็นคนนำทางในเขาวงกตนี้
และยังมีคนอื่นๆ อีก
ฉันมองไปที่ด้านหลัง
ที่ตรงนั้นมีทหารรับจ้างกว่าร้อยคน โดยมีผู้กล้าแห่งดินเป็นผู้นำกลุ่ม
อย่างน้อยเชอร์เน่โฟตเลยจัดเตรียมทหารรับจ้างมาเพื่อช่วยเราสำรวจด้วย
จึงดูเหมือนชิสุเฟย์จะไม่ต้องนำทางก็ได้ แต่เรย์จิก็คะยันคะยออยากให้ชิสุเฟย์เป็นคนนำทางอยู่ดี
นอกจากนี้ยังมีผู้กล้าแห่งไฟมาด้วย ซึ่งดูเหมือนเขาจะรู้จักกับชิสุเฟย์
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ให้ความรู้สึกเป็นสีแดงล่ะนะ ขนาดหัวยังแดงเลย แม้ว่าเขาจะยังดูเด็กอยู่แต่ก็ถูกเรียกว่าผู้กล้าแล้ว แปลว่าคงมีฝีมืออยู่พอตัว
ในความเห็นของฉันเหมือนเขาจะเป็นพวกงี่เง่ายังไงไม่รู้ ยังไงก็ขอภาวนาให้ต่อสู้เป็นก็พอ
และนี่คือสมาชิกทั้งหมดในการสำรวจเขาวงกต
[ งั้นจะเข้าไปกันเลยได้มั้ย? ]
ฉันถามชิสุเฟย์
บนพื้นดินดูเหมือนจะไม่มีเขาวงกตตรงไหนเลยหลังจากเราค้นหาดู พบว่าในอาคารขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางและที่นั้นมีบันไดที่ลงไปชั้นใต้ดินอยู่ คงต้องไปที่นั้น จริงๆ มันก็มีอีกหลายอาคารล่ะนะ แต่เพราะดินถล่มบันไดจากหลายๆ อาคารจึงใช้การไม่ได้
หากใช้เวทบินก็คงจะมาเร็วกว่านี้ แต่การพาคนจำนวนขนาดนี้มาด้วยคงทำไม่ได้ พวกเราเลยตัดสินใจใช้การเดินทางบนพื้นดินแทน
ดูเหมือนจะไม่มีร่องรอยว่ามีคนอยู่แถวนี้เลย ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้คนของอาณาจักรพิซิเพียร์จะถูกพาตัวไปที่ใต้ดินของเขาวงกต
ถ้าพวกเขายังปลอดภัยก็คงดี จากนั้นก็มีเสียงคนเรียกฉัน
[ ท่านนักปราชญ์ผมดำคะ ในเขาวงกตเป็นที่อาศัยอยู่ของครอกกาไทรส์ ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้กับมันจะดีที่สุดค่ะ ]
ฉันรู้สึกตกใจเรื่องที่ชิสุเฟย์บอก
ครอกกาไทรส์เป็นมอนสเตอร์ที่มีหางเป็นงูและร่างกายเป็นไก่ มีพิษที่สามารถกัดกร่อนหินและทำให้ศัตรูกลายเป็นหินได้ และยังมีฟันที่แหลมคม
ครอกกาไทรส์สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้วก็เป็นศัตรูตัวฉกาจเลยล่ะ มันสาหัสพอควรสำหรับชิสุเฟย์ งั้นแล้วเธอเคยเข้าไปในเขาวงกตได้ด้วยวิธีไหนนะ?
[ ถ้าที่นี่เป็นที่อาศัยอยู่ของครอกกาไทรส์ แล้วคุณเข้าไปในเขาวงกตด้วยวิธีไหนเหรอคะ? ]
ฉันถามด้วยความสงสัย
[ ค่ะ ครอกกาไทรส์มีไม่มากนักหรอกค่ะ ถ้าไม่ถูกมันพบเข้าก็ไม่มีอันตรายอะไร แต่พอโดนเจอตัวก็หนีหรือพยายามหลบเลี่ยงมันนะคะ ]
จากคำพูดของชิสุเฟย์
ครอกกาไทรส์นั้นอาจจะอันตราย แต่ก็ใช่ว่าจะดุร้าย
ดังนั้นเวลาเจอมันก็แค่เลี่ยงอย่าเข้าไปใกล้ก็พอแล้ว
ซึ่งหากโดนมันไล่ก็จะหนีอย่างเต็มกำลังเท่านั้นเอง นั้นที่สิ่งที่ชิสุเฟย์บอก
นอกจากนี้ชิสุเฟย์ยังบอกอีกว่าชั้นบนๆ ของเขาวงกตจะมีครอกกาไทรส์อยู่ด้วย
[ แล้วไม่มีปีศาจอย่างอื่นเหรอคะ? ]
[ โดยปกติแล้วฉันก็เจอแค่ครอกกาไทรส์ค่ะ แต่แค่ครอกกาไทรส์ก็น่ากลัวมากแล้วนะคะ ]
ดูเหมือนครอกกาไทรส์จะเป็นประเภทที่อาศัยอยู่ได้แค่ชั้นบนๆ ของเขาวงกตล่ะนะ
แต่ยังไงฉันก็ต้องคิดวิธีรับมือครอกกาไทรส์ไว้ด้วยแล้วสิ
[ อย่างนี้นี่เอง… จะเอายังไงล่ะเรย์จิคุง? สำหรับฉันคิดว่าเราควรค้นหาที่ส่วนบนของเขาวงกตนี้ก่อนนะ ]
ฉันถามเรย์จิ
[ นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นก็แบ่งคนออกเป็นกลุ่มแล้วค้นหาจะเร็วกว่า แต่อย่าพยายามไปยั่วโมโหครอกกาไทรส์แล้วกัน แล้วเราค่อยมาเจอกันที่อาคารกลาง ส่วนหน้าที่จัดคนก็ขอมอบให้นายแล้วกัน ได้ใช่มั้ย? ]
เรย์จิพูดแล้วมองไปที่โกดอล
[ อา ให้ข้าจัดการได้เลย! ]
ทหารรับจ้างที่นำโดยโกดอลแบ่งคนออกเป็นกลุ่มเมื่อได้ยินที่เขาพูด
จากนั้นโกดอลก็รีบไปออกค้นหา ถัดมาก็คือชิสุเฟย์และโนวิคที่รีบเร่งตามไป
[ ฉันคิดว่าอย่างเรย์จิน่าจะจัดการครอกกาไทรส์ได้สบายๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เสนอความคิดนั้นไปล่ะ? ]
ฉันถามเรย์จิที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงดัง
[ เจ้าพวกนั้นออกจะน่ารำคาญนี้น่า เลยต้องหาอะไรให้ทำ จากนั้นเราจะได้ล่วงหน้าเข้าไปในเขาวงกตแค่พวกเราได้ ]
เรย์จิหัวเราะ
[ น่า….เลยคิดจะไล่พวกโกดอลไปสินะ? อืม แบบนี้ก็คงดีเหมือนกัน… ]
เพราะฉันรู้สึกได้ถึงสายตาอันตรายจากเขา ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยหรอก
จากนั้นเราก็หันหน้าไปทางเขาวงกต
[ ว๊ากกก――!! ]
ขณะที่พวกเรากำลังจะเข้าไปในเขาวงกต ฉันก็ได้ยินเสียงร้องของเหล่าทหารรับจ้าง
ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรสักอย่าง
◆ ทหารรับจ้างหญิงชิสุเฟย์
[ ชิสุเฟย์ไม่เป็นไรใช่มั้ย!! ]
[ไม่เป็นไรค่ะพี่เคย์น่า! แต่ทำไมพวกก็อบลินถึงได้มาอยู่ที่นี่! ]
ฉันตะโกน
ปกติแล้วเขาวงกตชั้นบนๆ ควรจะมีแค่ครอกกาไทรส์ แต่ตอนนี้เรากลับเจอฝูงก็อบลิน
ทหารรับจ้างคนอื่นๆ เองก็กำลังต่อสู้กับพวกก็อบลิน เพราะชั้นบนๆ ของเขาวงกตถูกวงคลุมด้วยหมอกเวททำให้การมองเห็นไม่ดีเท่าไหร่ด้วย
จะว่าไปแล้วที่ท่านเรย์จิมาที่นี่ก็เพราะจะมาช่วยคนจากอาณาจักรพิซิเพียร์ที่ถูกก็อบลินลักพาตัวไปนี่นะ
บางทีคงจะเป็นเจ้าพวกก็อบลินพวกนี้คงจะเป็นก็อบลินที่หนีออกมาจากฟาร์มแน่
ฉันฟันใส่ก็อบลิน
[ มาเดีย! ไม่เป็นไรนะ! ]
[ ค่ะ แล้วชิสุจังล่ะ? ]
พวกเรากำลังต่อสู้เพื่อปกป้องมาเดียเพราะเธอไม่สามารถต่อสู้ตรงๆ ได้ ดังนั้นการมาอยู่ท่ามกลางการต่อสู้แบบนี้มันอันตรายมาก
พี่เคย์น่าคอยอยู่ข้างหลังและระวังให้เผื่อมีใครโจมตีจากข้างหลัง
ความเร็วของพี่เคย์น่าเป็นที่ 1 ในเทสซาเซีย หากเป็นการต่อสู้ในที่กว้าง ไม่มีใครสู้พี่เคย์น่าได้หรอก
พี่เคย์น่าควงหอกและเตะก็อบลิน
มาเดียเองก็ใช้เวททำให้ก็อบลินตาบอดเพื่อช่วยพวกเรา
[ จัดการก็อบลินหมดแล้ว! ]
ลีเรียเดินมาขณะที่ทุบก็อบลินด้วยเมซ
[ อย่าเพิ่งประมาทสิลิเร่า… ]
ลีเรียเป็นคนที่คอยรับใช้เทพธิดาเรน่าจึงเกลียดพวกมอนสเตอร์มาก
เมื่อก่อนเพราะเคยโดนปีศาจทำร้าย ตอนนี้เลยเกลียดพวกปีศาจนี้เข้าเส้นถึงขนาดบอกว่าอยากจะจัดการพวกมันให้หมดสิ้นเลยก็ว่าได้
นี่ยังดีนะที่เธอใช้ได้แค่เวทรักษา ไม่งั้นได้ลุยแหลกไปแล้วล่ะ
ส่วนคุณนอร่าเองก็คอยสนับสนุนเธอโดยใช้ธนูและดาบเล็กจัดการก็อบลิน
ทั้งสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ราวกับลมหายใจตรงกัน
ทั้งสองคนค่อยๆ จัดการก็อบลินไปเรื่อยๆ
แต่ยังมีคนที่เก่งกว่าสองคนนั้นอยู่ นั่นก็คือโนวิค
เพราะเขาเป็นผู้กล้าแห่งไฟ โนวิคจึงต้องแข็งแกร่งอยู่แล้ว เขาใช้ดาบที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟฟันใส่ก็อบลิน
[ ยอดเลยโนวิค แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนซะอีกนะ ]
มาเดียพึมพำขณะที่มองไปยังโนวิค
ก็ยอดอยู่หรอกนะ แต่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนรึเปล่านะ?
ฉันเฝ้ามองการต่อสู้ของโนวิคขณะที่ขบคิด
โนวิคน่ะเป็นคนที่เก่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว
นอกจากมีพรสวรรค์เรื่องดาบและยังมีพรสวรรค์ด้านการใช้เวทด้วย
โนวิคได้เรียนรู้วิชาดาบจากพ่อฉันและเทคนิคการใช้เวทมนตร์ก็ได้พ่อของมาเดียมาสอนให้
ฉันเองก็พยายามจะเรียนอยู่หรอกนะ แต่ตัวเองดันไม่มีพรสวรรค์นี่สิ
ฉันไม่มีกำลังเลย แค่แกว่งดาบไม่กี่ครั้งก็เหนื่อยซะแล้ว
ซึ่งพ่อเสียชีวิตเพราะการรุกรานของพวกปีศาจ จากนั้นฉันจึงได้ผันตัวมาเป็นทหารรับจ้างและได้ดาบเวทมนตร์มา
จนอาชีพทหารรับจ้างกลายเป็นชีวิตของฉันไปแล้ว
แม่เคยถามฉันว่า ให้แม่แต่งงานใหม่แล้วเรามาอาศัยอยู่ด้วยกันมั้ย แต่ก็ต้องขอปฏิเสธล่ะ
สามีใหม่ของแม่ก็ดูเป็นคนดีอยู่หรอกนะ แต่พ่อของฉันมีแค่คนเดียวก็พอแล้ว
ฉันกับพี่เคย์น่าจะเดินตามเส้นทางทหารรับจ้างเหมือนพ่อนี่แหละ
ในตอนนั้นทั้งโนวิค ฉัน และพี่เคย์น่าก็ต่างทำภารกิจร่วมกันตลอด
แต่เพราะโนวิคที่เป็นนักดาบเวทเป็นสิ่งที่หาได้ยากจึงทำให้โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นฉันก็ได้เป็นเพื่อนกับมาเดียและลีเรียที่ทำงานด้วยกันกับคุณนอร่าก็กลายเป็นเพื่อนของฉันด้วย
ในตอนนั้นเองที่โนวิคถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งไฟ
เขาได้รับภารกิจที่เจาะจงเฉพาะตัวบุคคลแตกต่างจากพวกเรา
ซึ่งนานๆ ครั้งเท่านั้นที่ฉันจะได้พบกับโนวิค น่าอิจฉาในพรสวรรค์นั้นจัง
[ มีอะไรเหรอชิสุเฟย์ ตกหลุมรักฉันเข้าแล้วเหรอไง? ]
โนวิคพูดขณะที่หัวเราะ สงสัยฉันจะมองเขาจนไม่ได้สังเกต
[ อย่ามาพูดเรื่องบ้าๆ นะ!! ]
ใครจะไปตกหลุมรักคนอย่างนายกัน ถึงจะโดนเรียกว่าผู้กล้าแห่งไฟแต่ภาพลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก
สำหรับฉัน เขาก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ แม้ตอนนี้ก็ยังใช่
โนวิคนี่ทำตัวเด็กได้ตลอดเลยนะ น่าจะหัดเอาอย่างท่านเรย์จิบ้าง
ท่านเรย์จิน่ะทั้งใจดีและเป็นสุภาพบุรุษ
ฉันจำเรื่องเมื่อคืนได้
ความจริงในตอนนั้นฉันก็อยากคุยกับท่านเรย์จิอยู่หรอกนะ
แต่เพราะสายตาเย็นยะเยือกของนักปราชญ์ผมดำนะสิ ทำให้ฉันไม่กล้าพูดอะไรมากนัก และหลังจากเจ้าหญิงของอาณาจักรพิซิเพียร์มาหาท่านเรย์จิ ฉันก็เลยต้องกลับทันที
เลยแทบไม่ได้คุยอะไรกับท่านเรย์จิเลย
เดิมทีเขาก็เป็นคนที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับฉันอยู่แล้ว
ในตอนแรกรอบข้างตัวเขาก็มีแต่สาวสวยเต็มไปหมด จนฉันไม่มีที่ให้ยืนหรอก
พวกเราเดินต่อไป
เราจัดการก็อบลินได้หมดแล้ว แต่ปัญหาก็คือรูปปั้นก็อบลินมากมายระหว่างทางนี้สิ
ไม่ต้องสงสัยเลย มันเป็นฝีมือของครอกกาไทรส์แน่ๆ
ปีศาจอย่างครอกกาไทรส์ถ้าเจอเข้าเราคงแทบจะไม่มีโอกาสชนะ ภาวนาว่าจะไม่เจอแล้วกัน แต่ดูแล้วจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะระหว่างทางเริ่มมีรูปปั้นหินมากขึ้นๆ เรื่อยๆ
[ แกร๊ซซซ――――――――!! ]
ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้น
และเรายังได้ยินเสียงร้องของทหารรับจ้างด้วย
[ บ้าชะมัด! ครอกกาไทรส์ หนีเร็วเข้า! ]
พี่เคย์น่าร้องตะโกน
ฉันเห็นร่างใหญ่ๆ ของครอกกาไทรส์จากไกลๆ
ครอกกาไทรส์กำลังพ่นหมอกสีเทาออกมา ซึ่งมันเป็นพิษและทำให้ผู้ที่สัมผัสโดยหมอกนั้นกลายเป็นหิน
เมื่อก่อนฉันเคยเห็นครอกกาไทรส์จากแค่ไกลๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันเข้ามาใกล้ขนาดนี้เลยขาแข็งไปหมด
อาจจะเพราะมันกำลังวิ่งมาทำให้ก็อบลินหนีตายมาทางนี้
ครอกกาไทรส์กำลังตรงมาทางพวกเรา ฉันต้องหนีแล้ว
[ แกร๊ซซซ! ]
[ มาเดีย!! ]
มาเดียสะดุดล้ม
[ บ้าเอ้ย!! ]
โนวิคพยายามไปต้านครอกกาไทรส์ไว้
ขณะเดียวกันฉันก็รีบพยุงมาเดียขึ้น
ครอกกาไทรส์ตัวสองฉันพวกเรากว่าสองเท่า
[ ทางนี้โว้ย !! ]
โนวิคพยายามฟันมัน เพื่อไม่ให้มันไปทางมาเดีย
พี่เคย์น่าใช้หอกแทงเพื่อพยายามจะจัดการครอกกาไทรส์
ทางคุณนอร่าเองก็ใช้ธนูเล็งไปที่หัวของครอกกาไทรส์
[ ทุกคนหลบเร็วเข้า!! ]
ฉันตะโกน
และในตอนนั้นครอกกาไทรส์ก็อ้าปาก
และพ่นหมอกสีเทาออกมา
นั่นคือหมอกพิษที่ทำให้กลายเป็นหิน ถ้าโดนเข้าไปมีหวังร่างกายกลายเป็นหินแน่
[ กำแพงไฟ!! ]
โนวิคสร้างกำแพงไฟขึ้นมาเพื่อลบหมอกพิษ
โดยหมอกนั้นจะหายไปเมื่อโดนกำแพงไฟ
[ ไม่เป็นไรกันใช่มั้ย? ]
โนวิคหัวเราะ
[ สู้ด้วยไม่ไหวหรอก หนีกันเถอะ!! ]
ฉันตะโกนออกมา
และในตอนนั้นเองครอกกาไทรส์ก็พุ่งมาโดยไม่สนใจกำแพงไฟ
ครอกกาไทรส์สามารถทนทานต่อไฟได้ จึงเป็นการจับคู่ที่ไม่เหมาะกับโนวิคที่ถนัดธาตุไฟ
และขนแข็งๆ ของมันยังทำให้ฟันเข้าได้ยาก การสร้างบาดแผลให้มันด้วยดาบจึงเป็นไปได้ยาก
จุดอ่อนของครอกกาไทรส์ก็คือน้ำ เจ้าปีศาจนี้ไม่ชอบที่ตัวเปียกน้ำ ดังนั้นจึงชอบอาศัยอยู่ในที่ที่หลบฝนได้
[ อ๊ากก! ]
โนวิคถูกครอกการไทรส์ชนเข้า
[ โนวิคไม่เป็นไรใช่มั้ย!? ]
ฉันรีบวิ่งไปหาโนวิค
แต่ครอกกาไทรส์เองก็วิ่งตรงมาทางนี้ด้วย
[ พยายามได้ดีมากแล้วล่ะโนวิค!! ]
พี่เคย์น่าถือหอกและก้าวออกไป
[ ความมืดมิด!! ]
มาเดียปิดกั้นการมองเห็นของครอกการไทรส์ด้วยเวทความมืด เท่านี้ก็คงปลอดภัยไปได้สักระยะ แล้วก็คงอีกสักพักกว่ามันจะพ่นหมอกพิษได้อีกครั้ง พอถึงตอนนั้นก็คอยหาโอกาสหนี
[ ย๊า!! ]
คุณนอร่าคอยสนับสนุนด้วยการยิงหัวมันด้วยธนู
ในระหว่างนี้ฉันกับลีเรียจะต้องแบกโนวิคหนีไป
[ ขอโทษนะที่เป็นตัวถ่วง ]
โนวิคพูดด้วยเสียงอ่อนแรง เท้าขวาของเขาแข็งไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเพราะไปสัมผัสกับหมอกพิษจนกลายเ็นหิน
[ ลีเรีย รักษาทีสิ!! ]
แต่ลีเรียส่ายหัว
[ แค่เวทรักษาของฉันมันเป็นไปไม่ได้หรอก… คงได้แต่แบกเขาหนีไปเท่านั้น ]
[ เข้าใจแล้ว ]
ฉันกับลีเรียพยายามแบกโนวิค
[ จะทำอะไรนะ! วางฉันลงแล้วพวกเธอหนีไปเถอะ! ]
[ งี่เง่า! ฉันไม่ยอมทิ้งนายแน่! ]
ตอนนี้ครอกกาไทรส์กำลังมองไม่เห็นเพราะเวทของมาเดีย แต่มันก็ใช้ได้ไม่นานนัก จังหวะนี้ต้องรีบหนี
[ แกร๊ซซซ――――――――!! ]
เวทความมืดที่ปิดกั้นการมองเห็นของครอกกาไทรส์หายไปแล้ว มันเลยเริ่มอาละวาดอีกครั้ง
และตรงมาหาพวกเรา
ไม่ทันการแล้ว
ฉันคิดแบบนั้น
[ ฮา!! ]
มีคนกระโดดข้ามพวกเราไปและฟันใส่ครอกกาไทรส์
ครอกกาไทรส์คอขาดในพริบตาและไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
[ ไม่เป็นไรใช่มั้ยชิสุเฟย์? ]
[ ท่านเรย์จิ!! ]
คนที่กระโดดมานั้นก็คือท่านเรย์จิ เขามองฉันและส่งรอยยิ้มสดใสให้
[ สุดยอด… จัดการครอกกาไทรส์ได้ในดาบเดียว… สมกับเป็นท่านผู้กล้าแห่งแสง ]
มาเดียพึมพำ
ขระที่ฉันกำลังทึ่งกับครอกกาไทรส์ที่ตายไปเพราะหัวขาดอยู่นั้น
นักปราชญ์ผมดำก็ตามท่านเรย์จิมาพอดี
[ ปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ? ดูเหมือนจะบาดเจ็บกันสินะคะ ]
นักบุญศักดิ์สิทธิ์มองไปทางโนวิคที่ล้มอยู่
เมื่อเธอสัมผัสกับขาที่กลายเป็นหินของโนวิคก็เกิดประกายแสงเล็กๆ ขึ้น
[ เอ๊ะ? หายแล้ว? ]
ขาของโนวิคที่กลายเป็นหินกลับเป็นปกติ
[ มันคงไม่กลายเป็นแบบนี้หรอก…. ถ้าคิดแผนไว้ล่วงหน้าสักหน่อย ]
นักปราชญ์ผมดำพึมพำ
[ ต้องขอโทษด้วยค่ะ! ]
ฉันก้มหัวให้ท่านเรย์จิ
[ นี่ จู่ๆ ก็ขอโทษเรื่องอะไรน่ะ? ]
ท่านริโนะถาม
[ เอ่อ ที่ฉันบอกว่าชั้นบนมีแค่ครอกกาไทรส์… แต่มันกลับ… ]
[ อ่อ เรื่องนั้นเองเหรอ…. นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ดังนั้นฉันเองก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องมีก็อบลินจำนวนมากอยู่ที่นี่ ]
นักปราชญ์ผมดำดูจะยอมยกโทษให้พวกเรา
[ ใช่แล้วชิสุเฟย์ไม่ต้องกังวลหรอก… มันก็ดีแล้วที่ไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของมัน ]
ท่านเรย์จิพูดเสริมขึ้นมา
พวกเราทำอะไรมันไม่ได้เลยนอกจากดูอยู่เฉยๆ
[ สุดยอด… ไปเลยแฮะ ]
โนวิคพึมพำ
ใช่แล้วการเคลื่อนไหวของท่านเรย์จิน่ะสุดยอดไปเลย ถึงเราจะมีอาวุธเวทที่ดีขนาดไหนก็คงทำแบบนั้นไม่ได้แน่
เพราะครอกกาไทรส์นั้นแข็งแกร่งมาก แต่กลับโดนท่านเรย์จิจัดการได้ในดาบเดียว ไม่ใช่โนวิคคนเดียวหรอกที่ทึ่ง ฉันเองก็ทึ่งไปด้วยเหมือนกัน
ฉันเข้าใจดีแล้วล่ะว่าพวกเขาเหนือกว่าเรามากนัก
[ แข็งแกร่ง… แถมยังมีสาวสวยรอบกายมากมาย ]
คุณนอร่าพึมพำ รอบกายของท่านเรย์จิมีแต่สาวสวยรายล้อมเสมอ
โนวิคดูจะหลงใหลกับท่านนักบุญที่ช่วยรักษาขาให้มากเลยล่ะ
[ พวกเธอสวยกันหมดเลยน้า… ]
ฉันพึมพำ ไม่มีที่ว่างให้ฉันไปแทรกหรอก
[ สวยจริงๆ … แถมยังใหญ่! ]
โนวิคพูดขึ้น เอ้า นี่นายพูดถึงเรื่องหน้าอกหรอกเรอะ?
จากนั้นโนวิคก็มองมาที่หน้าอกของฉัน
[ กำลังเปรียบเทียบฉันกับใครกันยะ!? ]
ฉันสงสัยว่าเขากำลังเปรียบเทียบขนาดของฉันกับใครอยู่ แต่ยังไงก็คงเทียบของท่านนักบุญไม่ไหวหรอก
เดิมทีแล้ว นี่นายคิดอะไรกับท่านนักบุญกันห๊ะ?
[ ไม่มีอะไรสักหน่อย… แค่หวังว่ามันจะใหญ่กว่านี้สักนิดล่ะนะ ]
โนวิคพูดเรื่องหยาบคายขณะที่หัวเราะ อยากจะโดนชกใช่มั้ย?
[ นี่ๆ โนวิค งั้นก็ทำให้มันใหญ่ขึ้นซะสิ? ] (ว่ากันว่าถ้ามีคนนวดจะใหญ่ขึ้น)
พี่เคย์น่ากอดฉันจากข้างหลังไว้ ขณะที่บอกโนวิค
[ พี่เคย์น่าจะทำอะไรกัน!! ]
ฉันท้วงพี่เคย์น่า
ยังไงฉันก็ไม่คิดว่าจะใหญ่กับเท่าท่านนักบุญได้หรอก
[ เข้าใจแล้ว ไว้ใจข้าได้เลย ]
เขาพูดขึ้นจากนั้นก็ยกมือและทำทางจะมานวดหน้าอกฉัน
[ คิดจะทำอะไรกันย๊า!! หยุดเลยนะ!! ]
ฉันชกโนวิคไป
เหล่าเพื่อนๆ ต่างหัวเราะกัน
เพราะนี่เป็นเส้นทางที่พวกท่านเรย์จิเคยผ่านมาแล้ว จึงไม่มีปีศาจอยู่เลย
พวกเราตามหลังพวกท่านเรย์จิไป
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ เป็นยังไงบ้างนาโอะ? ]
ฉันถามนาโอะที่กำลังตรวจสอบที่ชั้นบน
[ ไม่มีอะไรผิดสังเกตที่ชั้นบนนี้เลยค่ะ ]
นาโอะส่ายหัว
บนชั้นบนมีอาคารอยู่หลายหลัง มันคงเคยเป็นเมืองที่สวยมากจนกระทั่งมิโนทอร์มาที่นี่
แต่ตอนนี้มันก็ถูกทำลายไปแล้ว อาคารหลายแห่งดูเหมือนจะไม่เหลือเค้าโครงที่อยู่อาศัยของมนุษย์เลย
ดูท่าว่าผู้คนจะถูกพาตัวไปที่ใต้ดินจริงๆ แล้วจะทำยังไงดี?
ทหารรับจ้างกว่าครึ่งก็โดนจัดการไป
ถ้าเป็นแค่ก็อบลินความเสียหายมันก็ไม่มากนักหรอก
แต่เพราะมีครอกกาไทรส์ที่ตื่นขึ้นและอาละวาดเพราะก็อบลินนะสิ
ครอกกาไทรส์โจมตีเพื่อจัดการก็อบลินขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเราได้รับลูกหลงไปด้วย
แต่ให้นาโอะค้นหาคนเดียวคงไม่ได้ คงต้องให้พวกเขาช่วยด้วยแล้วล่ะนะ
เหล่าทหารรับจ้างที่กลายเป็นหินก็กลับเป็นปกติด้วยเวทของซาโฮโกะแล้ว
ตอนนี้พวกเราอยู่ในอาคารขนาดใหญ่ตรงจุดกึ่งกลาง
ตรงหน้าพวกเรามีบันไดลงไปอยู่ ดูท่าทางว่าจะต้องลงไปจากทางนี้
[ นาโอะ ถ้าเราลงไปแล้วไม่ได้อะไรจะแย่เอา พอรู้มั้ยว่ามีคนเคยผ่านที่บันไดนี้กี่คนนะ? ]
ฉันถามนาโอะ จากนั้นเธอก็ตรวจสอบที่พื้น
[ ไม่ผิดแน่ค่ะ ดูเหมือนจะพึ่งมีคนมากมายผ่านที่บันไดนี้เมื่อไม่นานนี้เองค่ะ พวกเขาคงจะถูกพาตัวไปที่ชั้นใต้ดินแน่ๆ ]
[ เข้าใจแล้ว… งั้นคุณชิสุเฟย์ ข้างล่างใต้ดินจะมีปีศาจอย่างครอกกาไทรส์อยู่มั้ยคะ? ]
ฉันถามชิสุเฟย์
[ ไม่มีหรอกค่ะท่านนักปราชญ์… ในนั้นไม่มีปีศาจอันตรายหรอกค่ะ จะมีก็แต่ค้างคาวยักษ์ หนูยักษ์ ไม่ก็ปีศาจที่อ่อนแอนะคะ ]
ชิสุเฟย์บอกมาเช่นนั้น
[ ค่ะ แต่ฉันได้ยินว่าใต้ดินเป็นเขาวงกต พอจะมีแผนที่มั้ยคะ? ]
[ ค่ะ ]
เมื่อฉันถาม ชิสุเฟย์ก็เอาแผนที่จากถุงออกมา
ในนั้นมีแผ่นที่อยู่สี่แผ่นโดยจะมีตั้งแต่ชั้นใต้ดินชั้น 1 ถึงชั้น 4 แต่ดูเหมือนชั้น 5 จะยังไม่รู้เส้นทาง
แผนที่นี้ดูเหมือนจะถูกเขียนขึ้นโดยสมาคมทหารรับจ้าง
เพราะผู้ที่ออกสำรวจสถานที่ที่ไม่เคยสำรวจจะได้รับรางวัล จึงมีการอัปเดตแผนที่อยู่เป็นครั้งคราวด้วย
[ แล้วตรงจุดช่องว่างบนแผ่นที่ตรงนี้หมายถึงอะไรเหรอคะ? ]
[ ตรงนั้นมีกับดักอยู่ค่ะ… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเข้าไปที่นั้น ]
[ งั้นเองเหรอคะ… ]
ฉันคิดว่าถ้าเราฝ่ากับดีกไปจะเร็วกว่ารึเปล่านะ? เพราะต้องรีบลงไปที่ชั้นล่างด้วยสิ
[ แล้วมันเป็นกับดักแบบไหนเหรอคะ? ]
[ ค่ะ มันเป็นกับดักแมลงนะคะ ]
[ แมลงเหรอคะ? ]
[ ค่ะ เพราะคนที่เข้าไปจะถูกมันกินจนร่างกายไม่เหลือและจากนั้นไม่นานก็จะตายค่ะ แต่กับดักก็ขึ้นอยู่กับแต่ละจุดนะคะ ]
ไอ้เจ้ากับดักแมลงนี้มันอะไรกันนะ? แต่ดูเหมือนทุกคนที่เป็นทหารับจ้างจะรู้ดีเพราะสมาคมทหารรับจ้างประกาศออกไปแล้ว
ชิสุเฟย์เองก็บอกว่าไม่ชอบแมลงเพราะมันน่าขนะแขยงด้วยสิ
ฉันมองไปที่ซาโฮโกะ ริโนะ และนาโอะ ทุกคนต่างรู้สึกขยะแขยงแบบเดียวกับที่ฉันรู้สึกเลยล่ะ
จากนั้นฉันก็มองไปทางเรย์จิ
[ ตกลงเราจะใช้ทางอ้อม เข้าใจนะเรย์จิคุง งั้นคุณชิฟุเฟย์รบกวนด้วยนำทางด้วยค่ะ! ]
◆ เทพแห่งความตาย(ยมทูต) ซัลคิซิส
[ ดูเหมือนพวกมันจะมากันแล้ว เรวิลรุส ]
[ ใช่แล้วซัลคิซิส ]
ราวิลรุสหัวเราะ
ในชั้นใต้ดินชั้นที่ 13 มีเพียงข้ากับราวิลรุสเท่านั้น
[ หลังจากที่พวกมันมาถึงชั้น 5 จากนั้นก็จะไปต่อไม่ได้ พวกมันก็จะกลายเป็นหนูที่ติดในกรงที่หนีไปไหนไม่ได้ ]
มนุษย์ธรรมดามาเกินชั้นห้าไมไ่ด้หรอกเพราะชั้นห้าก็คือคุก มันมีกลไกที่จะคอยดักจับผู้บุกรุกอยู่
หากไม่ใช้วิธีพิเศษหน่อยก็มาถึงชั้นหกไม่ได้ ถ้าไม่รู้สึกตัวเลยก็คงไม่มีวันมาถึงที่ชั้น 13 ไปตลอดชีวิตนั้นล่ะ
[ คุคุคุคุ รอก่อนเถอเรน่า ข้าจะเอาเจ้ามาเป็นของข้าให้ได้ ]
เรวิลรุสหัวเราะทั้งๆ ที่น้ำลายไหล