อัศวินดำ - ตอนที่ 51
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ เจอทางไปแล้ว ]
ฉันพูดขณะที่อยู่บนทางเดินแคบๆ
พวกเราหลบกับดักด้านหน้าและเดินเข้าไปในทางลับที่ซ่อนอยู่บนกำแพงด้านข้าง
[ มันสะดวกดีนะคะ นี่แปลว่าคงเคยมีคนผ่านเส้นทางนี้แล้วหลายคนแน่เลยค่ะ ]
นาโอะหันหลังกลับมาแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้ที่หูของนาโอะมีหูสัตว์อยู่และยังมีหาด้วย นี่คือร่างครึ่งสัตว์ หากนาโอะกลายร่างเป็นสัตว์เต็มตัวก็จะเป็นเสือดำดูสง่าและมีปีกด้วย(ต่างโลกไม่มีเปรมชั*นะครับ)
ซึ่งเมื่อเธออยู่ในร่างกายประสาทสัมผัสจะเฉียบคมขึ้นและพลังกายยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่มันก็จะทำให้จับอะไรได้ยากขึ้น เกราะที่สวมอยู่ก็ลดลงทำให้การป้องกันต่ำลงและพลังต้านทานต่อเวทสปิริตยังลดลงอีกด้วย
พูดได้ว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นการจะใช้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย
ตอนนาโอะเลยอยู่ในร่างครึ่งสัตว์เพื่อสำรวจเขาวงกต เมื่อกลายเป็นครึ่งสัตว์แล้วรัศมีการตรวจจับก็จะมากขึ้น จากที่คาดเดาผู้คนที่ถูกลักพาตัวไปคงต้องผ่านเส้นทางนี้มาแน่
[ ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่ามีคนเคยผ่านเส้นทางนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตรวจจับไม่พบอะไรเลยค่ะ ]
[ มันไม่มีอะไรเลยเหรอ น่าเบื่ออ่า ]
[ โถ่ เรย์คุง ริโนะจัง! มันไม่มีอะไรก็ดีแล้วนะ! ]
ซาโฮโกะพูดออกมา ใช่แล้ว ไม่มีอะไรนี่ล่ะดีแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไมมิโนทอร์ถึงได้ทำการลักพาตัวครั้งใหญ่ขึ้นหรือมันจะทำไปโดยไม่มีเหตุผลกันนะ?
มันคงง่ายอยู่นี้เยอะเลยนะถ้าพวกเขาอยู่ชั้นบนกัน
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองแล้ว ถึงชั้นแรกจะเต็มไปด้วยกับดักแต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนักหรอก
กว่าคนจะมาพบทางไปต่อ เหล่าทหารรับจ้างที่มาสำรวจเขาวงกตนี้ต้องสังเวยชีวิตไปเท่าไหร่แล้วนะ
เหล่าทหารรับจ้างไปกันได้ถึงแค่สี่ชั้น หากเราเดินไปตามเส้นทางปลอดภัยมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่หลังจากชั้นห้าขึ้นไปนี่ก็บอกอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีใครเคยรอดกลับมาจากชั้นห้าเลยสักคน
บางทีเราคงจะต้องไปต่อเองตั้งแต่ชั้นห้าล่ะนะ
จากนั้นชิสุเฟย์ก็หยุดลง
[ เกิดอะไรขึ้นชิสุเฟย์? ]
[ ท่านเรย์จิ จากตรงนี้ไปจะเป็นชั้นใต้ดินชั้นสามค่ะ จากนี้จะมีปีศาจที่ทำให้ต้องลำบากสักหน่อย ฉันเลยจะบอกไว้ก่อนนะคะ ]
ข้างหนัาชิสุเฟย์คือบันไดลงไปที่ชั้นใต้ดินชั้นสาม
[ งั้นเหรอ? มันเป็นปีศาจแบบไหนล่ะ? ]
[ แอซพาลี่กับอีวิลอายส์ค่ะ ปีศาจพวกนี้จะคอยเดินวนอยู่ที่ชั้นสามและชั้นสี่ ]
แอซพาลี่เป็นมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์แต่ไม่มีคอ ไม่มีหัว แต่มีตาอยู่ที่หน้าอกสองข้างและมีปากอยู่ที่ท้อง คล้ายกับโยไค(ปีศาจ,ภูติผี)ของจีน
แอซพาลี่มีร่างกายแข็งเหมือนเหล็กจึงรับมือกับอาวุธที่ฟันเข้ามาได้และดูเหมือนจะสามารถพ่นกรดจากปากได้อีกด้วย
ส่วนเอวิลอายส์เป็นปีศาจที่มีแต่เส้นหนวดและดวงตาขนาดใหญ่ลอยอยู่ แสงที่ถูกปล่อยออกมาจากตาขนาดใหญ่ของมันสามารถทำให้เป็นอัมพาต ดึงดูด และกลายเป็นหินได้
โดยมันจะจับเหยื่อด้วยหนวดรอบๆ เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว
ปีศาจทั้งสองตัวอันตรายมากสำหรับคนธรรมดา
ว่ากันว่าเคยมีทีมสำรวจพบแอซพาลี่เข้าในอดีต
ในตอนนั้นทหารรับจ้างครึ่งนึงต่อสู้เพื่อเสียสละชีวิต ทำให้ที่เหลือหนีออกมาได้
ซึ่งในนั้นมีโกดอลอยู่ด้วย
ทำให้โกดอลไม่ค่อยสบายใจเวลาเจอชิสุเฟย์ เพราะทำให้นึกถึงเรื่องตอนที่เจอกับแอซพาลี่
[ ไม่ต้องห่วงชิสุเฟย์ ถ้าอยู่กับพวกเราก็หายห่วง ]
[ ท่านเรย์จิ…. ]
เรย์จิดูเหมือนจะพูดเพื่อให้ชิสุเฟย์มีกำลังใจขึ้น
ส่วนโนวิคที่อยู่ข้างๆ ดูจะไม่ได้สนใจอะไรนัก
[ พวกโกดอลจะเป็นอะไรมั้ยนะ เพราะพวกเขาล่วงหน้ามาก่อน ]
◆ ทหารรับจ้างหญิงชิสุเฟย์
[ ระเบิดอากาศ!! ]
มาเดียใช้เวทที่มีคุณสมบติเหมือนเวทคลื่นโซนิค แต่เป็นเวทที่เบากว่า
ทำให้ค้างคาวยักษ์บินหลงทิศทางและหล่นลง
เมื่อเห็นมันร่วงลงมา ฉันและพี่เคย์น่าก็รุมจัดการมัน
ถ้าปีศาจแค่นี้พวกเราจัดการได้สบายมาก
แถมข้างหลังเรายังมีท่านเรย์จิอยู่
เจ้าพวกปลาซิ่วปลาสร้อยพวกนี้ พวกเราต้องพยายามรับมือเองไม่ให้ไปถึงมือท่านเรย์จิ อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงชั้นสี่
โนวิค ลีเรีย และคุณนอร่าจัดการซอมบี้ที่มาจากทางด้านขวา
[ หยุดก่อน! ชิสุเฟย์! ]
ฉันหยุดทันทีตามเสียงของท่านนาโอะที่อยู่ในร่างครึ่งสัตว์
[ มีบางอย่างกำลังมา… ]
ท่านนาโอะชี้ไปยังส่วนของตำแพงที่แตก จากนั้นก็มีดวงตาขนาดใหญ่โผล่ออกมา
[ เอวิลอายส์!! ]
ปีศาจที่มีหนวดล้อมรอบและมีดวงตาขนาดใหญ่
[ แสงจงปกป้องทุกคน! ]
เมื่อท่านนักบุญร่ายเวท จากนั้นดวงตาของอีวิลอายส์ก็เรืองแสง
ฉันเอามือขึ้นมาปิดหน้าไว้
แต่เมื่อลืมตาดูอีกที กลับยังไม่เป็นไร แสงจากอีวิลอายส์ถูกสะท้อนออกไปหมด
ดูเหมือนท่านนักบุญจะปกป้องเราเอาไว้ ยอดไปเลย
[ หลบไปชิสุเฟย์ ]
ท่านนักปราชญ์ผมดำก้าวออกมาข้างหน้า
[ ท่านนักปราชญ์คะ! อีวิลอายส์มีพลังเวทที่สูงมากทำให้ไม่แพ้เวทมนตร์นะคะ! ]
มาเดียแนะนำท่านนักปราชญ์ ใช่แล้ว อีวิลอายส์เป็นปีศาจที่มีพลังเวทแข็งแกร่งมาก ดังนั้นควรต่อสู้ด้วยดาบแทนที่จะเป็นเวทมนตร์จะดีกว่า
[ หืม งั้นก็ลองดูนี่หน่อย กระสุนระเบิด!! ]
จากนั้นบอลสีแดงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าท่านนักปราชญ์และตรงเข้าหาอีวิลอายส์
ทันทีที่โดนตัวอีวิลอายส์ ตัวมันก็ระเบิดและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
[ โกหกน่า…. จัดการอีวิลอายส์ได้ด้วยเวทมนตร์… ]
ฉันเองก็ทำหน้าตกใจไม่แพ้มาเดีย
[ เอ่อ มาอีกแล้วค่ะ ]
ท่านนาโอะชี้ไปอีกมุมหนึ่ง
[ งั้นคราวนี้ถึงตาริโนะบ้างล่ะน้า รบกวนด้วยค่ะคุณซาลาแมนเดอร์ ]
จากนั้นก็มีมนุษย์กิ้งก่าไฟที่ร่างกายมีเมือกออกมา
เมือกสีแบบนั้น ฉันเคยเห็นมาก่อนครั้งนึงเมื่อก่อน มันเป็นศัตรูที่ร้ายกาจมากและมีกรดที่อันตรายมาก
ท่านริโนะจัดการมอนสเตอร์ที่โผล่มาคนละฝั่งด้วยการโจมตีครั้งเดียว
[ งั้นไปกันต่อเถอะ ]
ท่านเรย์จิพูดแล้วเราก็เริ่มเดินต่อ
เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[ จัดการปีศาจพวกนั้น….. ได้อย่างง่ายดาย… ]
โนวิคพึมพำ
ฉันได้ยินแล้วก็พยักหน้า
นักปราชญ์ผมดำท่านจิยูกิ ผู้ใช้เวทฝีมือฉกาจ
ท่านซาโฮโกะ นักบุญผู้ขาวบริสุทธิ์
ท่านริโนะ ผู้ใช้สปิริต
ท่านนาโอะ ผู้มีความสามารถในการตรวจจับอันยอดเยี่ยม
และท่านเรย์จิ ผู้กล้าแห่งแสงซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งปาร์ตี้
พวกเขาต่างมีทั้งหน้าตาและความแข็งแกร่ง
แต่รู้สึกจะขาดใครไปอยู่ คนที่มีฉายาว่าสาวแห่งดาบ คนๆ นั้นเองก็ต้องสุดยอดมากแน่
ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่เก่งขนาดนี้อยู่ตั้งมากมายในโลกนี้ คนที่ชนะพวกเขาได้คงจะไม่มีอยู่แล้วในโลกนี้ก็ได้
ท่านเรย์จิและสหายเดินไปอย่างองอาจ ไม่มีปีศาจตัวไหนเลยที่จะหยุดพวกเขาได้
[ พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ ]
เมื่อฉันพูดขึ้น ทุกคนก็พยักหน้า
จากนั้นเราก็ก้าวเดินตามพวกเขาไป
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ ย๊ากกก!! ]
เมื่อเราลงไปที่ชั้นสี่ก็เจอกับโกดอลที่กำลังต่อสู้กับแอซพาลี่
โล่ของแอซพาลี่และขวานของโกดอลปะทะกัน
แอซพาลี่ดันขวานของโกดอลกลับจากนั้นก็โจมตีด้วยดาบ
โกดอลโดดหลบไปข้างหลัง
ค่อนข้างสูสีกันดี แต่ดูโกดอลจะเสียเปรียบอยู่นิดหน่อย
ร่างของโกดอลอยู่ห่างจากแอซพาลี่ประมาณ 2 เมตร
โดยรอบๆ ที่พวกเขากำลังสู้กันมีทหาารรับจ้างล้มอยู่มากมายเพราะการต่อสู้ของโกดอลและแอซพาลี่
เมื่อเห็นโกดอลถอยออกมา มันก็อ้าปาก
[ บัดซบ! ]
โกดอลใช้โล่ขนาดใหญ่กันเอาไว้
แอซพาลี่พ่นน้ำกรดจากปากจนกระจายไปทั่ว
[ อ๊ากกก!! ]
แม้โกดอลจะปลอดภัยเพราะมีโล่อยู่ แต่ทหารรับจ้างที่ล้มลงอยู่ต่างโดนกรดของแอซพาลี่กันหมด
เมื่อร่างของทหารรับจ้างโดนกรดก็เกิดควันขึ้นและกัดกร่อนได้ชุดเกราะของพวกเขา
อาจจะเพราะโล่ของโกดอลคือโล่เวทมนตร์ถึงได้ปลอดภัย
ซึ่งเป็นโล่ที่เหล่าทหารรับจ้างขอร้องให้คนแคระสร้างให้โกดอล
[ นี่มันแย่แล้วไม่ใช่เหรอคะ…. ]
นาโอะพูดขึ้นเพราะเห็นว่าเขาท่าทางจะแพ้
นี่คงเพราะฝีมือต่อสู้ของเขาต่างจากทหารรับจ้างคนอื่นๆ รึเปล่านะ ถึงได้ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งดิน?
แล้วฉันคิดว่าตอนนี้เขาไม่น่าจะต่อสู้ไหวอีกแล้ว ดังนั้นควรจะรีบช่วย
[ ฉันจัดการเองแล้วกัน เพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ]
เรย์จิเดินไปข้างหน้าพร้อมกับชักดาบออก
ถ้าเรย์จิเป็นคนลงมือก็คงจะจบในดาบเดียว
[ เอาล่ะนะ ประกายแสง!! ]
จากนั้นความเร็วของเรย์จิก็เร็วขึ้นและฟันใส่แอซพาลี่อย่างรวดเร็ว
แอซพาลี่ถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อนและล้มลง
[ ยอดเลย… ]
[ ไม่เห็นแม้แต่ใบดาบด้วยซ้ำ ]
[ นี่คือพลังของผู้กล้าแห่งแสง… ]
เหล่าทหารรับจ้างที่ได้เห็นต่างส่งเสียงชื่นชม
[ ขอโทษที่ต้องให้เจ้ามาลำบาก ผู้กล้าแห่งแสง ]
โกดอลก้มหัวให้
จากนั้นเขาก็ไปรักษาคนที่บาดเจ็บ
ทหารรับจ้างส่วนใหญ่ที่เป็นแนวหน้าร่างกายไปต่อไม่ไหวแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พอจะเดินได้
[ แบบนี้ดูท่าจะแย่ งั้นที่เหลือพวกเราไปกันเองจะดีกว่า ]
ฉันบอกกับชิสุเฟย์และโกดอล
ที่เราให้เธอนำทางให้ก็เพราะอยากเลี่ยงห้องที่มีกับดักจะมาผ่านมาอย่างปลอดภัย
แต่ทว่าตั้งแต่ชั้นห้าซึ่งอยู่ตรงหน้านี้เป็นต้นไป ไม่มีใครที่สามารถจะนำทางได้แล้ว แม้ว่าจะพาพวกเขาไปด้วยก็คงไม่ดีนัก
ดังนั้นพวกเราไปกันเองจะดีกว่า
[ ขอโทษด้วยนะคะท่านเรย์จิ ที่นำทางไม่ได้จนถึงสุดทาง… ]
ชิสุเฟย์ขอโทษเรย์จิ
[ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ไว้ฉันกลับมาไปดื่มหรือไปเดทด้วยกันดีมั้ย? ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่ด้วยกันแค่สองคนนะ ได้มั้ย? ]
เรย์จิพูดแล้วหัวเราะขึ้น
[ ค่ะ ด้วยความยินดี ]
ชิสุเฟย์ดูมีความสุขมาก ขณะที่ฉันแอบมองจากข้างหลัง
จากนั้นชิสุเฟย์และโกดอลก็กลับไปในทางเดิม
เหลือเพียงพวกเรา
[ จากตรงนี้เหลือแค่พวกเราแล้ว คุณนาโอะทางนี้แน่นอนใช่มั้ยคะ? ]
[ ไม่ผิดแน่ ได้กลิ่นของมนุษย์ที่ไม่ใช่ทหารรับจ้างเคยผ่านที่นี่ไปอยู่ด้วย ]
นาโอะดมกลิ่นรอบๆ และให้คำตอบ
[ แปลว่าคนที่ถูกลักพาตัวไปเคยผ่านเส้นทางนี้สินะ? ]
[ บางทีล่ะนะ แต่ปัญหาคือไปไกลแค่ไหนนี่สิ? ]
เรย์จิพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาโดนพาตัวไปไว้ไกลแค่ไหน
ถ้ามันกินเวลามากเกินไป ฉันว่าเราควรกลับจะดีกว่า
[ อยากกลับเร็วๆ แล้วอ่ะ ในนี้มันมืดเกินไปแล้ว ]
[ อดทนอีกนิดนะคุณริโนะ มันเริ่มจะสว่างขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะ ]
ตลอดทางของเขาวงกตมีแสงจากเวทมนตร์อยู่เล็กน้อย
ดูเหมือนว่าแม้ผู้ที่ไม่ได้มีความสามารถมองเห็นในความมืดก็เข้ามาในนี้ได้
[ จะต้องไปอีกไกลแค่ไหนเนี่ย? ]
[ ก็ไกลจนกว่าจะพบคนที่โดนลักพาตัวไปนั้นแหละค่ะ… ถ้าหาพบเร็ว เราก็จะได้กลับไปเร็วด้วยค่ะ ]
อย่างน้อยที่ชั้นห้าก็เป็นชั้นที่ไม่เคยมีใครรอดกลับมา ดังนั้นเลยไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
[ เอาล่ะ ไปกันเถอะทุกคน ]
เมื่อได้ยินเสียงเรย์จิ พวกเราก็เริ่มเดินต่อ
◆ ทหารรับจ้างหญิงชิสุเฟย์
[ เฮ้อ… ออกมาได้สักที ]
เมื่อกลับมาที่ผิวดิน ฉันก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
เพราะไม่มีท่านเรย์จิ เวลากลับจึงยากกว่ามาก แต่ยังไงก็กลับขึ้นมาได้แล้ว
เหล่าทหารรับจ้างเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับฉันคือความรู้สึกโล่งอกที่รอดมาได้
เขาวงกตชั้นสี่มันอันตรายมาก
ราวกับปาฏิหาริย์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยในชั้นนั้น เรื่องนี้คงต้องขอบคุณท่านเรย์จิ
[ ถึงอย่างนั้น คนพวกนั้นก็สุดยอดเลยนะ… ]
มาเดียพูดขณะที่มองไปยังบันไดที่เข้าสู่เขาวงกตชั้นแรก
[ สุดยอดจริงๆ นั้นแหละ… ถึงฉันจะสื่อสารกับสปิริตได้ แต่ก็ควบคุมสปิริตไม่ได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ ]
คุณนอร่ากำลังพูดถึงท่านริโนะ
[ ท่านนักบุญเองก็ยอดเหมือนกัน ที่ใช้เวทปกป้องพวกเราได้ ]
[ ท่านนาโอะเองก็ไม่แพ้กัน ขนาดในที่แคบแบบนั้นยังเคลื่อนไหวได้ขนาดนั้น ]
ลีเรียและพี่เคย์น่าต่างชื่นชมท่านนักบุญและท่านนาโอะ
[ เวทมนตร์ของท่านนักปราชญ์ก็ยอดไปเลย แม้ว่าฉันจะเรียนเวทมนตร์ไปขนาดไหนก็ใช้เวทแบบเธอไม่ได้แน่ ]
มาเดียชมท่านนักปราชญ์
ทุกคนต่างชื่นชมวีรกรรมของพรรคพวกท่านเรย์จิ
มันอาจจะไม่ดีต่อโนวิค แต่ท่านเรย์จินี่ล่ะคือผู้กล้าตัวจริง
เขาแตกต่างกับผู้กล้าคนอื่นราวฟ้ากับเหว
ฉันมองไปยังผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้กล้าแห่งไฟ โนวิคกำลังทำท่าทางอึดอัด
บางทีโนวิคคงจะไม่ค่อยชอบท่านเรย์จิเท่าไหร่นัก
ฉันอยู่ด้วยกันกับโนวิคมาตั้งแต่เด็กจึงรู้ว่าตอนที่เขาเกลียดใครเป็นยังไง แต่ฉันคิดว่าจะไปเป็นศัตรูกับท่านเรย์จิก็ไม่ได้หรอกนะ
เพราะท่านเรย์จิคือคนที่ท่านเทพธิดาได้เลือกแล้ว อาจจะมีคนอื่นที่เป็นผู้กล้าอยู่ก็จริง แต่ท่านเรย์จิเป็นผู้กล้าเพียงคนเดียวที่ท่านเทพธิดามอบความรักให้
ดังนั้นจะไปมีความรู้สึกต่อต้านผู้เรย์ที่เป็นคนพิเศษน่ะไม่ได้หรอกนะ
[ โนวิค ทำไมทำหน้าไม่พอใจล่ะ? ]
[ ไม่มีอะไรสักหน่อย… ก็แค่อารมณ์ไม่ดี ]
ฉันถอนหายใจกับท่าทางอารมณ์บูดของโนวิค
[ นี่คงไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับท่านเรย์จิอยู่ใช่มั้ย!! อย่าพยายามคิดจะไปสู้กับเขาเลยเชียวนะ!! ]
[ น๊ะ!! ]
โนวิคส่งเสียงประหลาดแล้วจ้องมองมาที่ฉัน
แค่มองหน้าเขาฉันก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คิดจะไปสู้กับท่านเรย์ล่ะสิ น่าจะเอาอย่างท่านเรย์จิแล้วเป็นผู้ใหญ่ซะบ้างนะ
[ น่า พูดแบบนั้นไม่ได้น้า~ ชิสุเฟย์♪ ]
พี่เคย์น่าจับฉันไว้จากด้านหลัง
[ พี่เคย์น่า!? ]
เมื่อหันหน้าไปก็เห็นพี่เคย์น่าที่กำลังหัวเราะและยิ้มอยู่
[ เขาน่ะสนใจเรื่องที่ผู้กล้าแห่งแสงชวนชิสุเฟย์ในตอนท้ายต่างหาก ใช่มั้ยล๊า~ ]
[ พี่เคย์น่า!!! ]
โนวิคตะโกน
[ ถึงฉันจะถูกท่านเรย์จิชวนไปดื่มด้วย… แล้วมันยังไงเหรอคะ? ]
[ นั่นก็เพราะชิสุเฟย์… อุ๊บ ]
โนวิครีบไปปิดปากพี่เคย์น่า ทำให้ฉันไม่รู้ว่าพี่เคย์น่าพยายามจะบอกอะไร
[ ยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ถึงท่านเรย์จิจะชวนฉันไปดื่มด้วย แต่เขาก็คงไม่ทำอะไรฉันหรอกน่า ]
เพราะอย่างท่านเรย์จิมีสาวสวยอยู่ข้างกายตั้งขนาดนั้นแล้วคงไม่สนใจตัวฉันหรอก
[ เฮ้อ…. ชิสุเฟย์นี่ไม่รู้อะไรเลยนะ… นี่ชักจะแย่แล้วสิ ]
โนวิคพูดขณะที่ส่ายหัว
ถึงท่านเรย์จิจะชวนฉันแล้วยังไง?
โนวิคก็ไม่เห็นจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนที่ฉันถูกเชิญไปนี่?
[ ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด! เรื่องที่เหลือไว้คุยกันหลังกลับไปที่เทสซาเซียแล้วกัน! ]
ฉันพูดอย่างนั้นแล้วเริ่มเดิน
และได้ยินเสียงถอนหายใจจากเพื่อนร่วมปาร์ตี้จากข้างหลัง
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่นะ?
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
พวกเราไปเจอพื้นที่ห้องกว้างๆ เข้า
และที่ด้านหลังของห้องนี้มีประตูบานใหญ่อยู่
ดูเหมือนว่าหากจะลงไปที่ชั้นห้าจะต้องผ่านประตูบานนั้น
แต่ในห้องขนาดใหญ่นั้นมีผู้พิทักษ์อยู่
เรามองไปที่กลางห้อง
ที่ตรงนั้นมีโกเล็มขนาดมหึมาอยู่
[ นั่นคงเป็นผู้พิทักษ์ของประตูชั้นห้า ]
ที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถไปที่ชั้นห้าได้ก็เพราะมีผู้พิทักษ์ประตูอยู่ นั่นคือสิ่งที่ชิสุเฟย์บอกมา
แต่เคยได้ยินว่ามีคนเคยรอดอาศัยจังหวะช่องว่างของโกเล็มและเข้าไปที่ชั้นห้าได้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
[ ทำยังไงดีล่ะเรย์จิคุง? จะจัดการโกเล็มหรือเลี่ยงการต่อสู้กับมัน? ]
การเลี่ยงการต่อสู้อาจจะดีกว่า แต่หากคำนึงถึงว่าต้องพาผู้คนกลับออกมา การจัดการมันก่อนคงจะดีกว่า
[ ไม่ล่ะ เราจะสู้กับมัน จิยูกิหากเราจะต้องพาคนที่โดนลักพาตัวไปกลับมาจากชั้นห้าก็ควรจัดการอุปสรรคไว้ก่อน ]
เรย์จิชักดาบ
ดาบของเรย์จิคือดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงที่ได้มาจากเรย์น่า เมื่อดึงมันออกมาแสงสีทองจึงออกมาจากใบดาบด้วย
[ ก็จริงล่ะนะ ]
ฉันจับที่ไม้เท้า
[ เอาล่ะน้า ]
นาโอะถือบูมเมอแรง
[ แล้วใครจะเริ่มก่อนล่ะ? ]
[ ฉันเอง คุณริโนะอย่าใช้เวทสปิริตล่ะเข้าใจนะ ]
ฉันบอกกับริโนะเอาไว้ล่วงหน้าก่อน
ริโนะอาจจะเป็นผู้ใช้สปิริตที่เก่ง
แต่เวทสปิริตมันไม่เหมาะกับพื้นที่ปิดแบบนี้หรอกนะ
หากริโนะเรียกซาลามานเดอร์หรือสปิริตที่ไม่ใหญ่กว่านี้ก็คงพอได้อยู่หรอก แต่หากเป็นสปิริตระดับสูงเกินไปคงไม่ไหวแน่
และเพราะอีกฝ่ายเป็นโกเลมด้วยยิ่งไม่เหมาะกับเวทสปิริต
เป็นศัตรูที่ไม่เข้ากันกับริโนะเลยสักนิด
ฉันจึงจะเริ่มก่อน
โกเลมมันจะไม่ขยับหากไม่เข้าไปใกล้จนถึงระยะหนึ่งก่อน
มันเป็นโกเลมรูปร่างประหลาด ที่เหมือนเอาคนสองคนมาเชื่อมต่อกัน มีสี่มือและสี่ขา ในมือทั้งสี่ข้างถือดาบเวทขนาดใหญ่อยู่
ร่างกายเป็นโลหะส่องประกายหมองๆ ขนาดตัวประมาณ 5 เมตร
ฉันเริ่มร่ายคาถา จากนั้นบอลสีแดงขนาดเท่าตัวฉันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
[ กระสุนระเบิดแบบเต็มกำลัง!! ]
ลูกไฟสีแดงกระทบเข้ากับโกเลมยักษ์และระเบิด
เวทกระสุนระเบิดเป็นเวทต้นฉบับของฉันเองเพราะมันไม่ต้องใช้พลังเวทมากนัก แม้ว่าะเป็นโกเลมยักษืที่เสริมความแข็งแกร่งมาขนาดไหน โดยเข้าไปก็ต้องเสียหายหนักแน่
ควันจากระเบิดเริ่มหายไปและมองเห็นชัดขึ้น หนึ่งในแขนของยักษ์หักลงและมีรอยแตกตามร่างของมันเต็มไปหมด
[ แข็งจังนะ ดูท่าว่าจะทำลายไม่ได้ง่ายๆ … ]
ฉันคงต้องใช้เวทที่มีพลังทำลายมากกว่านี้ ความคิดของฉันคงอ่อนหัดเกินไปที่คิดว่าเวทแค่นั้นก็จัดการมันได้
นอกจากนี้โกเลมยักษ์ดูเหมือนจะสร้างมาจากโลหะชนิดพิเศษจึงแข็งแรงมาก
แต่ยังไงมันก็ยังมีรอยแตกอยู่ดี ถ้าโจมตีอีกครั้งมันจะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ แน่
ดวงตาทั้งสี่ของโกเลมส่องแสงสีแดง ดูเหมือนว่ามันจะรับรู้ถึงพวกเราแล้ว
จากนั้นบนพื้นห้องและผนังก็มีแสงขึ้น
[ เอ๊ะ? อะไรนะ? นี่มันอะไรกันคะ? ]
ซาโฮโกะส่งเสียงตกใจ
ร่างของโกเลมยักษ์เองก็ส่องแสงแบบเดียวกับกำแพงและพื้นห้อง จากนั้นแขนที่หักก็กลับคืนสู่สภาพเดิม รอยแตกที่ร่างของมันก็ค่อยๆ หายไป
[ โกหกน่า รักษาตัวเองได้? แปลว่าทั้งห้องนี้มีอุปกรณ์เวทที่ช่วยทำให้มันรักษาตัวเองอยู่งั้นเหรอ? ]
ค่อนข้างเป็นศัตรูที่น่ารำคาญ
โกเลมยักษ์เคลื่อนไหวและยกดาบขึ้นขณะที่ตรงมาหาเรา
เรย์จิก้าวไปข้างหน้า
[ งั้นเจอเจ้านี้หน่อย! ประกายแสง! ]
การเคลื่อนไหวของโกเลมยักษ์ถูกหยุดไว้ด้วยการโจมตีอันรวดเร็วของเรย์จิ
[ เรย์จิคุงหลบไป! กระสุนระเบิดใหญ่เต็มกำลัง!! ]
ฉันปล่อยการกระสุนระเบิดสามลูกเสริมการโจมตีของเรย์จิ ขณะที่เขาหลบไปข้างๆ
โกเลมยักษ์โดนเข้าก็กระเด็นออกไป
[ สำเร็จมั้ยคะ? ]
[ ไม่ แค่นี้ยังหรอก ]
ฉันปฏิเสธคำพูดของซาโฮโกะ
เมื่องมองไปก็เห็นมันกำลังใช้ดาบทั้งสี่ป้องกันไว้ ไม่เหมือนกับในตอนนี้
ดูเหมือนความเสียหายแค่นั้นจะยังเอาชนะมันไม่ได้
ห้องเริ่มเปล่งแสงอีกครั้ง และโกเลมยักษ์ก็เคลื่อนไหว มันกำลังฟื้นตัว
การโจมตีแค่ครึ่งๆ กลางๆ เอาชนะมันไม้ได้ แต่ถ้าใช้เวทที่มีพลังสูงกว่านี้ห้องอาจจะเละไปเลยก็ได้
[ นาโอะจัดการเอง! ]
นาโอะโยนบูมเมอแรงใส่มัน
เมื่อบูมเมอแรงเข้าใกล้โกเลมยักษ์ก็เกิดพายุหมุน
และเข้าปะทะกับโกเลมยักษ์
แต่ห้องก็เกิดแสงประกายขึ้นอีกครั้ง
บูมเมอร์แรงที่อ่อนแรงลงและถูกโกเลมยักษ์ปัดทิ้งด้วยดาบ
[ อะไรกัน?! จะแข็งเกินไปแล้ว ]
นาโอะชื่นชมต่อความแข็งของเกราะมัน
นาโอะมีพลังตรวจสอบยอดเยี่ยม แต่พลังโจมตีเบามาก
ดูเหมือนการที่นาโอะจะสร้างความเสียหายให้โกเลมยักษ์ได้ คงเป็นไปได้ยาก
[ คุณนาโอะ คุณริโนะถอยไปค่ะ! ที่นี่ให้ฉันกับเรย์จิคุงจัดการเอง!! ]
มันคงจะยากเกินไปสำหรับนาโอะและริโนะ ดังนั้นที่นี่ควรให้ฉันกับเรย์จิจัดการดีกว่า
[ ไม่ จิยูกิก็หลบไปก่อนเถอะ ที่นี่ให้ฉันคนเดียวก็พอ ]
เรย์จิพยายามบอกว่าอย่าให้ฉันไปขวาง
[ ก็ได้เรย์จิคุง แต่โกเล็มนั้นมันแข็งแกร่งมากเลยนะ ]
[ ไม่เป็นไรจิยูกิ ฉันจะหาทางทำอะไรสักอย่างเอง ]
จากนั้นเรย์จิก็ส่งรอยยิ้มสดใสมา
และดึงดาบออกจากด้านหลังเล่มหนึ่งออกจากข้างหลัง นอกจากดาบที่ได้จากเรน่า เรย์จิยังมีดาบอีกเล่มที่ได้มาจากคนแคระ
เรย์จิใช้ดาบสองเล่มและคิดจะใช้กระบวนท่าดาบคู่
ความจริงแล้วเขายังไม่ได้ให้ชิโรเนะรู้เรื่องนี้หรอก เพราะนี้อาจจะทำให้เขาเอาชนะเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะได้ก็ได้
เรย์จิฟันใส่โกเลมยักษ์
เขาผ่านร่างของโกเลมยักษ์ไปและร่างของโกเลมยักา์ก็มีรูขนาดใหญ่และรอยแตกมากมาย จากนั้นโกเลมก็แตกออก
ห้องเริ่มเปล่งแสงอีกครั้ง แต่ดูเหมือนโกเลมจะฟื้นตัวไม่ได้แล้ว
มันกลายเป็นชิ้นๆ จนประกอบเข้าด้วยกันใหม่ไม่ได้อีกแล้ว
[ สำเร็จจนได้นะคะ! ]
[ คุณเรย์จิ! ]
[ เรย์คุง! ]
ทั้งสามคนรีบวิ่งไปหาเรย์จิ และกอดแขนเรย์จิจากทั้งสามมุมพล่างชมว่าเขาสุดยอดแบบนี้ แบบโน้นบ้าง
ฉันเองก็คิดว่าเขาเก่งล่ะนะ ที่สามารถทำลายเจ้าโกเลมยักษ์นั้นได้
นอกจากนี้ดูเหมือนเรย์จิจะยังไม่ได้เอาจริง
ฉันเองก็วิ่งไปหาเรย์จิด้วย แต่ฉันไม่ได้ไปกอดหรอกนะ ก็แค่ชมเท่านั้นเอง
[ สำเร็จแล้วนะเรย์จิคุง! ]
[ แน่นอน แล้วตกหลุมรักฉันอีกครั้งแล้วรึไงนะ? ]
เรย์จิมองมาที่ฉันขณะที่หัวเราะ
ฉันคิดว่าคงดีกว่าหากปล่อยให้เขาพูดตามใจไป
ก็เพราะเขาคือเรย์จิ มันก็ช่วยไม่ได้
[ โถ่ พูดอะไรไร้สาระอยู่ได้ รีบไปกันต่อได้แล้ว ]
ฉันพูดขณะที่มองไปยังประตูที่โกเลมยักษ์ปกป้องอยู่
จากตรงนี้ไปไม่รู้ว่ามีอะไรคอยพวกเราอยู่
พวกเราเปิดประตูเข้าไป
และเจอกับบันไดทางลง
เมื่อลงไปก็เจอกับห้องขนาดใหญ่อีกห้อง
แต่มันก็เล็กกว่าห้องเมื่อกี้อยู่ มันเป็นห้องที่ค่อนข้างกว้างและมีวงเวทอยู่ตรงกลาง
[ บางทีนี่คงเป็นเวทเวทสำหรับเคลื่อนย้าย? แต่มันดูเหมือนมันจะพาไปที่ไหนสักแห่ง ]
ฉันมองที่วงเวทแล้วพูด
[ คุณจิยูกิ มีรองเท้าตกอยู่ด้วยค่ะ ]
ดูเหมือนนาโอะจะพบบางอย่างเข้า
ทุกคนมองไปทางนาโอะ
[ ดูเหมือนรองเท้าเด็กเลยนะ ]
ริโนะพูด
[ ก็แปลว่าเป็นของเด็กที่ถูกลักพาตัวไปสินะคะ? ]
[ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันซาโฮโกะ บางทีคงถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนสักแห่ง ]
ความเห็นของเรย์จิมีความเป็นไปได้สูง แต่จะพาคนที่ลักพาตัวไปไว้ที่ไหนกันล่ะ?
[ คิดจะทำอะไรนะเรย์จิคุง เราไม่รู้นะว่ามันเชื่อมต่อกับที่ไหน… ]
[ มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปไม่ใช่เหรอไง? ตราบใดที่พวกมันพาตัวมนุษย์ธรรมดาไป ก็ไม่น่าจะใช่สถานที่ที่มนุษย์อยู่ไม่ได้หรอก ]
[ เรื่องนั้นก็ใช่อยู่ แต่ว่า… ]
พวกมันต้องการมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าไม่น่าจะกับดักอันตรายที่ทำให้มนุษย์นั้นตายในทันที ยกตัวอย่างเช่น จุดหมายในการเคลื่อนย้ายคงไม่ใช่ในบ่อลาวาหรอก
หากตรวจสอบวงเวทเคลื่อนย้ายนี้ก็คงจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางได้อยู่ แต่มันจะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้
และยิ่งไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจอกับอะไร
ปล่อยให้เรย์จิไปคนเดียวจะดีกว่ารึเปล่านะ เพราะยังไงเรย์จิก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว คงจะไม่เป็นไร
แต่ข้างหน้าอาจจะมีกับดักเวทอยู่ จึงจำเป็นที่ฉันต้องไปด้วย
และเรายังต้องการพลังในการตรวจสอบของนาโอะ
เวทรักษาของซาโฮโกะก็ขาดไปไม่ได้
ริโนะเองก็เป็นผู้ใช้สปิริตและยังไม่ชอบที่ถูกทิ้งไว้แน่
ดังนั้นคงต้องไปกันหมดทุกคนอยู่ดี
พวกเรามองหน้ากันและพยักหน้า
จากนั้นทุกคนก็ไปอยู่กลางวงเวท
วงเวทเปล่งแสงออกมา
ทิวทัศน์เริ่มบิดเบี้ยวและเราก็ถูกพาไปยังห้องๆ หนึ่ง
มันเป็นห้องปิดที่และมีแสงเล็ดลอดออกมาจากข้างนอก
[ แสง? ที่นี่มันที่ไหนกันนะ? ]
พวกเราออกไปข้างนอกพร้อมกับคำพูดของซาโฮโกะ
[ กว้างจนเหลือเชื่อไปเลย… ไม่อยากเขื่อเลยว่าที่นี่จะเป็นข้างในเขาวงกต ]
อย่างที่คุณานาโอะบอก ที่นี่กว้างใหญ่มาก เพดานที่สูงยิ่งกว่าตึก 10 ชั้นซะอีก
และบนเพดานมีคริสตัลขนาดใหญ่ยื่นออกมา แสงจากคริสตัลนั้นสะท้อนไปทั่ว
แสงส่องไปจนทั่วพื้นที่กว้างขนาดนี้ได้จนหมด จนเราไม่คิดว่าที่นี่เป็นข้างในเขาวงกต
[ มีทั้งป่าไม้ ทะเลทราบ เหมือนกับข้างนอกเลยนะ ]
ริโนะส่งเสียงประหลาดใจ
ฉันเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน เพราะไม่นึกว่าข้างในเขาวงกตจะมีสถานที่แบบนี้อยู่
[ ที่ตรงทุ่งหญ้าตรงนั้น ดูเหมือนจะมีคนอาศัยอยู่นะ ]
เรย์จิพูดขณะที่มองไปยังสถานที่ไกลๆ
มันเป็นอาคารที่เหมือนวิหาร วิหารนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้มองเห็นได้จากตรงนี้
และที่นี่ยังมีทุ่งนา ป่า และทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ด้วย
[ ที่อยู่ไกลๆ ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็นเมืองนะคะ… ]
นาโอะพูดขณะที่มองไปข้างหน้า
เรามองเห็นอาคารบ้านเรือนหลายแห่งจากตรงนี้
[ ไม่มีทางเลือกคงต้องไปกันสินะ ไม่แน่ว่าบางทีคนที่ถูกลักพาตัวไปอาจจะอยู่ที่นั้นก็ได้ ไปกันเถอะทุกคน ]
พวกเราพยักหน้าให้คำพูดของเรย์จิ
ไม่รู้ว่าอะไรกำลังรอคอยพวกเราอยู่ข้างหน้า แต่ก็ต้องก้าวเดินต่อไป
เราเริ่มเดินไปยังเมืองแห่งนั้น
◆ อโทราคัว
ในคฤหาสน์ของข้าที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่า เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรพิซิเพียร์-ยูเลียกำลังนั่งมองนอกหน้าต่างไปยังที่อันแสนไกล
[ ฟุฟุ ท่านเรย์จิน่ะสุดยอดไปเลยล่ะค่ะ ตอนนั้นที่ฉันกำลัง…. ท่านเรย์จิก็…. ไม่คิดว่างั้นเหรอคะอโทราน่า? ]
ยูเลียพึมพำขณะที่มองไปยังทิศที่เขาวงกตตั้งอยู่
[ ท่านยูเลีย… ซัลคิซิสต้องการพลังของผู้กล้านะคะ ]
[ แบบนั้นก็เสียของสิค่ะ ให้เขาเป็นของฉันดีกว่า ]
ข้ารู้สึกปวดหัวเมื่อได้ยินคำพูดของยูเลีย
เธอเป็นลูกสาวของราวิลรุสกับราชินีของอาณาจักรพิซิเพียร์ซึ่งเป็นมนุษย์
ถึงพ่อของเธอคือเทพ-เลวิลรุส แต่เด็กคนนี้ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีพลังมากมายอะไร
แต่ถึงเธอจะเป็นมนุษย์ แต่หากแสดงท่าทีหยาบคายก็จะอันตรายเพราะยังไงพ่อของเธอก็คือเลวิลรุส
ข้าจึงก้มหัวให้เธอ
เจ้าหญิงสวยมากและคล้ายกับแม่ นี่คือความโชคดีที่เธอไม่ได้เศษเสี้ยวของพ่อมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้หน้าตาไม่แย่แบบเลวิลรุส
[ งั้นสัญญาล่ะคะ… ]
[ ช่างมันสิ ขอแค่ฉันขอกับท่านพ่อ สัญญาอะไรนั้นของซัลคิซิสก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ ]
ยูเลียหัวเราะ รอยยิ้มของเธอดูคล้ายกับเลวิลรุสที่ตรงไหนสักแห่ง
พ่อของเธอ-เลวิลรุสเป็นชายที่ทรยศได้ทุกคน ดูถูกผู้หญิง และยังมีความปรารถนาที่คลุ้มคลั่ง ลูกสาวของเธอถึงได้หยิ่งและมีความโลภเหมือนพ่อของเธอเอง
แน่นอน เรื่องนี้ฉันก็เข้าใจดี
เลวิลรุสเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้และฉีกสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างง่ายๆ หากเป็นคำขอของลูกสาวของเลวิลรุสย่อมมีน้ำหนักกว่าซัลคิซิสและซัลคิซิสก็จะดูดพลังชีวิตจากผู้กล้าไม่ได้
ยูเลียยิ้มอย่างไร้เดียงสา ช่างโลภมากทั้งพ่อแม่เลยนะ
[ ที่สำคัญเป้าหมายของคุณคือเรน่าไม่ใชหรอ คิดดูสิหากคนรักของเธอถูกฉันแย่งไป เรน่าจะต้องรู้สึกเศร้าใจขนาดไหน ]
ยูเลียพูดขณะที่แก้มย้อมด้วยสีแดง
ในตอนนั้นเธอกับผู้กล้าแห่งแสงก็ได้มีอะไรกันแล้วและเธอก็ชอบผู้กล้าแห่งแสงมาก
ยูเลียพูดถูก
ข้าต้องการเพียงแค่จัดการเรน่า ยัยเทพธิดาเวรนั้น อาจจะไม่ดีต่อซัลคิซิสแต่ข้าไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกนี้ได้
เธอคงจะยอมทำตามทุกอย่างตามที่ข้าสั่ง
หากข้าไปหาเรน่าและบอกว่าข้าจับผู้ชายคนสำคัญของเจ้าไว้แล้ว คงจะดีไม่น้อย
อย่างเจ้าน่ะมันเหมาะกับเลวิลรุสที่หน้าอัปลักษณ์นั้นแล้ว
พอข้าคิดอย่างนั้นก็เผลอหัวเราออกมานิดหน่อย
เมื่อข้าคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรน่า จิตใจข้าก็ตื่นเต้นไปหมด