CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

อัศวินดำ - ตอนที่ 60

  1. Home
  2. อัศวินดำ
  3. ตอนที่ 60
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

◆ อัศวินดำคุโรกิ

ณ นอกเมืองของเทสซาเซีย

เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นในที่ราบห่างไกลจากทางหลวง

[ ทำได้แล้วค่ะคุณคุโรกิ ]

เคียวกะพูดด้วยเสียงมีความสุข

เคียวกะสามารถใช้เวทมนตร์ไปถูกเป้าหมายได้สำเร็จ

เป็นครั้งแรกหลังจากใช้เวทมนตร์มาถึง 36 ครั้ง

สำหรับนักเวทคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเธอแล้วนี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่

เพราะเธอไม่เคยใช้เวทมนตร์มาก่อน

[ เอ่อ… คุณมิโด แต่ยังไงนี่ก็เป็นแค่การฝึกนะครับ ]

ผมบอกกับเคียวกะ

[ เรียกเคียวกะก็ได้ค่ะคุณคุโรกิ ยังไงตอนนี้คุณก็เป็นอาจารย์ของฉันแล้ว! ]

เคียวกะจับมือผม

[ ไม่หรอก… ผมไม่เก่งขนาดที่คุณจะมาเรียกว่าอาจารย์ได้หรอก… ]

โดนเรียกว่าอาจารย์มันน่าอายนะ

ที่จริงผมก็ไม่ได้สอนเก่งอะไรด้วย

เมื่อคืนขณะที่เรากำลังทานอาหารค่ำกันอยู่ เคียวกะก็บอกผมว่าอยากเรียนเวทมนตร์

แต่ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอาจารย์สอนเวทมนตร์ได้

จึงปฏิเสธไป แต่เคียวกะก็ยังไม่ยอมแพ้จนในที่สุดผมก็ยอมตกลงและสอนเธอ

เช้าวันรุ่งขึ้น เราย้ายไปที่บริเวณนอกเมืองของเทสซาเซีย

ที่นี่จึงมีแค่ผม เคียวกะ ชิโรเนะ และคายะ

เรน่าดูเหมือนจะกลับไปที่เอลีอัส

เรจิน่าและพวกลิซาร์ดแมนกำลังรออยู่ที่แม่น้ำคิช

โนวิคเองก็โดนห้ามไว้

ผมมองไปยังสถานที่อันว่างเปล่าที่เคียวกะใช้เวทมนตร์ไป

เวทมนตร์ของเธอมันแรงเกินไป แม้จะเป็นการใช้พลังเวทเพียงส่วนน้อย แต่ก็ยังมีพลังทำลายมากอยู่ดี

ดังนั้นผมจึงต้องแนะนำให้เคียวกะหัดออมแรงให้ได้

แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะออมแรงไม่อยู่

การที่เธอตั้งใจจะออมแรง บางครั้งมันก็จะทำให้พลังเวทนั้นไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

แต่หลังจากที่ฝึกหลายครั้งจนเข้าใจ

ในที่สุดในครั้งที่ 36 เธอก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้สักที

[ จะลองอีกครั้งนะคะ กระสุนไฟ!! ]

แต่ลูกไฟที่เคียวกะปล่อยออกมากำลังลอยไปผิดทาง

[ ขจัดเวท!! ]

ผมทำการลบเวทมนตร์ที่ลอยไปผิดทางนั้นอย่างรวดเร็ว มันคงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่หากไปโดนใครเข้า

[ พลาดอีกแล้ว… ]

เคียวกะดูหดหู่ ราวกับอารมณ์ดีใจแล้วจู่ๆ ก็เศร้าไป

[ ความล้มเหลวไม่ผิดนี่ครับ ยังมีคนอีกมากมายที่ถึงแม้จะพยายามแค่ไหนก็ทำได้ไม่ดีขึ้น ทุกครั้งผมที่ผิดพลาดตัวผมเองก็หดหู่เหมือนกัน ]

ผมพยายามปลอบใจเคียวกะ 

อย่าไปกลัวความล้มเหลว แล้วสบายใจเถอะถึงจะได้ผลลัพธ์ที่เลวร้าย

[ แต่… ท่านพี่กับคุณจิยูกิใช้เวทมนตร์ได้เก่งได้ตั้งแรกเลย แถมฉันยังไม่เห็นพวกเขาล้มเหลวเลยสักครั้ง… ]

เคียวกะพูดด้วยสีหน้ามืดมน

[ ทุกคนไม่สามารถเก่งได้ตั้งแต่เริ่มต้นหรอกนะ ตัวผมในอดีตก็พบเจอแต่ความล้มเหลวมาเสมอ… ]

จากที่เคียวกะเล่า ดูเหมือนเรย์จิจะเก่งทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กแล้ว

แต่ทุกคนนั้นไม่ได้เก่งกันมาตั้งแต่เกิด คนเรามันไม่เท่าเทียมกัน

ผมเองก็ไม่ได้เป็นคนที่เก่งตั้งแต่แรก บางทีอาจจะมีพรสวรรค์ต่ำกว่าเรย์จิมากด้วยซ้ำ

ดังนั้นการอิจฉาในพรสวรรค์ของคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

หากจะต้องแข่งกับคนที่มีพรสวรรค์จะต้องมีความพยายามเพื่อทดแทนในส่วนที่ขาดไป

นี่คือข้อสรุปที่ผมได้หลังจากชนะเรย์จิและหวนคืนจากความเศร้าได้

เห็นได้ชัดเลยว่าเคียวกะไม่มีความอดทน เธอไม่ชอบโดนการที่ตัวเองโดนเปรียบเทียบกับคนรอบๆ

แต่อย่าไปกังวลกับคนรอบข้างนักเลย ถ้างั้นความผิดพลาดก็จะไม่ผลิดอก

ไม่ว่าอดีตจะต้องเจอเรื่องแย่แค่ไหน 

ผมคิดว่าความรู้สึกของเคียวกะน่ะเข้าใจง่าย

จากนั้นเคียวกะก็มองผมราวกับรู้สึกตกใจ

[ งั้นเองเหรอคะ? เพราะงั้นคุณคุโรกิถึงได้ทำเรื่องต่างๆ ได้และยังแข็งแกร่งขนาดนั้น ]

[ ผมไม่ได้แข็งแกร่งหรอกนะ เมื่อก่อนผมเองก็เคยอ่อนแอกว่าชิโรเนะ… มีหลายครั้งที่เคยคิดว่าตัวเองมันช่างไร้ค่า ไม่อยากเชื่อเลยใช่มั้ยล่ะ? ]

ผมพูดไปขณะที่หัวเราะ

เมื่อก่อนชิโรเนะแข็งแกร่งมาก ฉันจำได้เลยล่ะว่าตัวเองมักจะร้องไห้บ่อยๆ ในตอนที่ฝึกที่สำนัก

และตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรหรอก 

ถึงแม้ผมจะสามารถชนะเรย์จิได้ แต่นั้นก็เพราะอีกฝ่ายบ้าคลั่งขณะที่กำลังต่อสู้ เป็นความรู้สึกแบบนั้นล่ะ

[ ค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยค่ะ งั้นที่ฉันได้ยินจากคุณชิโรเนะว่าคุณคุโรกิเมื่อก่อนอ่อนแอมากก็เป็นเรื่องจริงสิค่ะ ]

เคียวกะยิ้ม

และมองไปที่ชิโรเนะและคายะที่อยู่ด้านหลัง

ชิโรเนะที่อยู่ข้างหลังเอียงหัว

ราวกับบอกว่า ‘มาทำไมกันนะ?’

[ ชิ~โร~เนะ~! นี่ไปแฉเรื่องของผมตอนที่ผมไม่รู้งั้นเหรอーーーーーー!!! ]

[ อุว๊าาา! ขอโทษ ขอโทษด้วยคุโรกิ!!  ]

ชิโรเนะหัวเราะกลบเกลื่อน

[ ชิโรเนะ! นี่เธอพูดอะไรไปบ้างห๊ะ! ]

[ เอ่อก็… ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือที่คุโรกิซ่อนไว้ใต้เตียงหรือไม่ก็หลังชั้นวางหนังสือ….  ]

เธอตอบขณะที่เกาแก้ม ขณะที่ดวงตาของผมกำลังจ้องเขม็งไปที่เธอ

[ เดี๋ยวก่อนเซ่!! อย่าไปค้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจะได้ม๊ายยยーーー! ]

[ ฮะฮะฮะ! ]

เธอหัวเราะเพื่อกลบความผิด

เมื่อสมัยก่อนผมเคยเข้าไปในห้องของชิโรเนะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตรงกันข้ามกัน เธอกลับโกรธผมมาก นี่มันขี้โกงไม่ใช่เหรอ

แล้วนี่เธอบอกเรื่องนั้นกับทั้งเคียวกะและคายะแล้วเหรอ?

ผมมองแบบจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคน

เคียวกะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าใดๆ

แต่คายะดูจะกลัวเล็กน้อย

[ เอ่อ ท่านคุโรกิ… มีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ? ]

จู่ๆ คายะก็พูดขึ้น มันเป็นเสียงที่แฝงด้วยความโกรธเล็กน้อย

[ หืม อะไรงั้นเหรอ…? ]

ผมอย่างไปแบบเฉื่อยชา

[ คงไม่ใช่ว่าท่านคุโรกิมองคุณหนูด้วยสายตาลามกระหว่างที่กำลังฝึกหรอกใช่มั้ยคะ? ]

ใบหน้าของคายะดูหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็น่ากลัวมาก

[ ไม่เลยๆ ! ผมไม่ได้มองเธอด้วยสายตาแบบนั้นเลยสักนิด! และผมไม่คิดจะทำตัวหยาบคายกับเธอหรอกนะ!! ]

ผมรีบร้อนและตอบไปตรงไปตรงมา

เคียวกะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์

เพราะตอนนี้อารมณ์ค่อนข้างอุ่นกว่าทางทวีปตะวันออก เคียวกะเลยกำลังใส่เสื้อผ้าบางๆ อยู่ ความจริงสายตาของผมมันไปเพ่งเล็งที่หน้าอกที่กำลังโตของเธอนั้นล่ะ

ดังนั้นผมเลยพยายามเต็มที่เพื่อที่จะไม่จ้องเคียวกะที่กำลังพยายามฝึกอย่างเต็มที่อยู่

ดังนั้นผมไม่ได้มองเคียวกะด้วยสายตาลามก นั่นล่ะความจริง

ผมตอบขณะที่โดนคายะจับจ้อง

[ …. ดูเหมือนจะพูดความจริง ถ้าเช่นนั้นจะยกโทษให้แล้วกันค่ะ… ]

คายะก้มหัวและเชื่อที่ผมพูด

[ ไม่เลย… ]

คายะดูเหมือนจะเอาใจใส่เคียวกะจริงๆ

แม้จะถูกอัญเชิญมายังต่างโลกก็ยังคอยรับใช้เคียวกะ

ความสัมพันธ์ของเคียวกะและคายะแตกต่างจากนายจ้างและคนรับใช้ทั่วไป ดูแล้วพวกเธอจะมีความสัมพันธ์พิเศษลึกซึ้งต่อกันอยู่

ผมเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเล็กน้อย

[ แต่มันก็ยอดเลยนะคุโรกิ ขนาดคุณจิยูกิคอยสอนก็ยังไม่พัฒนาเลยแท้ๆ แต่คุโรกิกลับสอนได้ซะอย่างนั้น ]

ชิโรเนะพูดขณะที่หันหลังกลับ

พูดตาม ผมก็มีเรื่องอยากจะถามชิโรเนะอยู่หลายเรื่อง แต่ตอนนี้ต้องพักไว้ก่อน

จิยูกิเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพวกเรา

ตัวเธอในโรงเรียนเป็นคนมีชื่อเสียงมาก ถูกเรียกกันว่าสาวสวยผมดำ

ว่ากันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มากด้วยพรสวรรค์ จนกลายเป็นข่าวลือที่รู้จักกันไปกว้างขวาง

แม้จะได้เห็นเธอ แต่สุดท้ายก็จะเจอกับสายตาอันเย็นชาและจบลงที่ต้องยอมแพ้ไป

เคียวกะเองก็คงเจอสถานการณ์แบบนั้น เพราะนักดาบที่มากพรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องเป็นอาจารย์สอนดาบที่ดี

ชิโรเนะคงกำลังต้องการจะบอกแบบนั้น น่า มันก็จริงล่ะนะ

เพราะเหตุนี้เอง เคียวกะถึงต้องทุกข์ใจและไม่ได้เรียนการใช้เวทมนตร์

[ ผมเองก็ไม่ได้สอนอะไรมากนักหรอก… ]

ผมพูดออกไปตรงๆ ใช่ ผมไม่ได้สอนอะไรมากนักหรอก

ก็แค่บอกให้เธอดึงพลังออกมา ไม่จำเป็นต้องยึดตัวเสมอไป อาจารย์ของสมาคมผู้ใช้เวทได้สอนเธออย่างถูกวิธีรึเปล่านะ?

เคียวกะเป็นคนที่กลัวความผิดพลาดจนเวทมนตร์ออกมาสูญเปล่า

แล้วทำไมพวกเขาถึงสอนเคียวกะไม่ได้เหรอ?

เมื่อลองคิดถึงคนที่อยู่รอบตัวเคียวกะ ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเรย์จิ

ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเรย์จิทุกคนต่างยอดเยี่ยม

ทุกคนต่างเก่งกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว

ดังนั้นทุกคนเลยไม่สังเกตสถานะของเคียวกะเลย

เพราะเธอโดนความสามารถของคนรอบข้างกลบจนหมด

มันเป็นแรงกดดันที่มีแค่ตัวเองคนเดียวที่ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง ดังนั้นจึงอยากใช้เวทมนตร์ให้ได้

เหมือนตกอยู่ในความโชคร้าย

[ ไม่หรอก ต้องขอบคุณคุโรกิที่ทำให้ฉันใช้เวทมนตร์ได้ค่ะ!! ]

เคียวกะยื่นมือมาจับและชื่นชมผม

[ ไม่… หรอกครับ ]

ผมไม่ได้สอนอะไรมากมายถึงขนาดที่เธอจะมาขอบคุณหรอก แล้วผมก็รับมือกับรอยยิ้มของสาวสวยไม่ไหวด้วยนะ

[ ฉันเองก็เริ่มมีแรงใจขึ้นมาแล้วค่ะ! ถ้าหากมีความพยายามก็สามารถชนะท่านพี่ได้สินะคะ!! ]

เคียวกะพูดด้วยรอยยิ้มที่ปราศจากพิษภัย

งั้นผมจับอีกสักนิดคงไม่ผิดอะไรสินะ

ผมเองก็อยากพูดอะไรไป แต่ในใจกลับบอกว่าอย่าพูดดีกว่า

[ เอาล่ะ ต้องฝึกให้มากกว่านี้อีก! คายะ เตรียมเป้าให้อีกที!! ]

[ ค่ะ คุณหนู ]

เคียวกะเริ่มการฝึกและปล่อยมือจากผม

แม้จะยังไม่จุดที่ไม่เข้าใจ แต่ถ้าเธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นก็ดีแล้ว

เวทมนตร์ของเคียวกะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

จนในที่สุดก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ผมรู้สึกกังวลเล็กน้อยขณะที่มองไป นี่ไม่ใช่ว่าผมให้กำเนิดศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าแล้วหรอกเหรอ?

ผมยอมรับคำขอของเธอเพราะความใจอ่อน แต่ยังไงเธอก็เป็นศัตรู

สักวันเธอจะต้องบุกมาที่นากอลกับเรย์จิและเราก็ต้องสู้กัน

ในตอนนั้นเวทมนตร์ของเธออาจจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการต่อสู้ก้ได้

นี่ผมคิดน้อยไปรึไงนะ

[ เป็นอะไรไปคุโรกิ? หลับกลางวันรึไงนะ? ]

ชิโรเนะเข้ามาทักผมจากด้านหลัง

[ ไม่… ไม่มีอะไรเลยยย…. ]

ผมตอบชิโรเนะไป

แต่เคียวกะก็อาจจะแก้ไขปัญหาได้เองถึงผมจะไม่ได้สอนเธอเลยก็ตาม

ตราบเท่าที่แข็งแกร่งก็เรียนรู้ได้

เคียวกะรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองใช้เวทมนตร์ได้

ถึงมันจะดีต่อเธอก็เถอะนะ แต่มันเหมือนชีวิตของผมสั้นลงยังไงไม่รู้

ผมคิดอย่างนั้น

 

 

 

◆ เทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะเรน่า

ฉันกลับไปที่เอลีอัส เพราะไม่มีทางเลือกน่ะนะ ถ้าฉันหายไปนานเกินไปจะเกิดเรื่องเอะอะขึ้นได้

คฤหาสน์ของนั้นตั้งอยู่ในเกาะลอยฟ้าที่เชื่อมกับภูเขาเอลีอัสด้วยสะพานสายรุ้ง เกาะลอยฟ้ามีสวนและน้ำพุที่เมื่อมองไปจะให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับมา

[ ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะท่านเรน่า ]

เมื่อกลับไปเนียร์และเหล่าวาลคีเรียก็กล่าวต้อนรับด้วยความยินดี

[ ขอบคุณนะที่ออกมาต้อนรับ ]

ฉันถอดฮู้ดและมอบไปนางฟ้าซึ่งเป็นวาลคีเรียคนหนึ่ง

[ พอใจแล้วรึคะ? ]

เนียร์ถามฉัน

[ อา แค่นี้ก็พอแล้ว ]

ฉันรู้สึกมีความสุขหลังจากได้เจอคุโรกิ หลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน แล้วจะไปหาเขาอีกทีเมื่อไหร่ดีนะ?

[ พอแล้ว? แต่เรย์จิยังไม่ถูกช่วยออกมาเลยนะคะ…? ]

ฉันได้ยินเสียงของเนียร์ที่ดูกังวล

ทำไมถึงถามหาเรย์จิล่ะ? ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเธอหมายถึงอะไร

[ ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังกังวลอะไรนะเนียร์ แต่ถ้าเรย์จิละก็ไม่เป็นไรหรอก ]

เนียร์ดูจะทำสีหน้าแปลกๆ

[ เช่นนั้นรึคะ? ]

[ ใช่แล้ว ]

ฉันตอบออกไปด้วยความมั่นใจ

คุโรกิกำลังมุ่งหน้าไปที่เขาวงกตของเลวิลรุส ความคิดที่คุโรกิจะแพ้เลวิลรุสไม่อยู่ในหัวฉันเลยสักนิด คุโรกิจะต้องช่วยเรย์จิได้แน่ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

นั่นคือเหตุผลที่ฉันตอบเธอไปแบบนั้น

[ เพราะอัศวินของฉันน่ะแข็งแกร่ง ]

 

 

◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ

ในตอนบ่าย ฉันกับคุโรกิกำลังดำน้ำกันในแม่น้ำคิช

แน่นอนว่าเพื่อช่วยพวกเรย์จิ

ทำไมต้องมาตอนบ่ายเหรอ ก็เพราะตอนเช้าคุโรกิต้องไปฝึกให้คุณเคียวกะนะสิ

หากพวกเรย์จิกลับมา คุโรกิคงจะต้องกลับไปที่นากอลทันทีแน่

ดังนั้นก่อนหน้านั้นคุโรกิจึงต้องสอนก่อน

ตอนนี้คุณเคียวกะกับคุณคายะกำลังฝึกกันอยู่

ดูท่าว่าคงไม่ต้องให้คุโรกิสอนแล้วล่ะ

คุโรกิบอกว่าคุณเคียวกะมีพรสวรรค์ตั้งแต่แรกแล้ว ก็แค่ปรับปรุงนิดหน่อยก็พัฒนาได้เร็วแล้ว

ฉันมองไปยังคุโรกิที่อยู่ข้างๆ

ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเกราะอัศวินดำ ฉันรู้สึกไม่ชอบรูปลักษณ์นี้เอาซะเลย

ถ้าเขาอยู่กับพวกเราแล้วไม่กลับไปที่นากอลก็คงดีนะ

แต่ว่าคุโรกิก็ไม่ยอมรับและจะกลับท่าเดียว

สงสัยว่าเพราะโดนเด็กที่ชื่อคุนะควบคุมอยู่ เลยไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสินะ?

ต้องใช่แน่ๆ ดีล่ะ ฉันจะต้องทำให้เขาได้สติกลับมาให้ได้

แต่ตอนนี้ต้องไปช่วยพวกเรย์จิก่อน

ฉันกับคุโรกิดำลงไปในแม่น้ำ

ฉันสามารถหายใจในน้ำด้วยพลังของสปิริตน้ำ ดูเหมือนคุโรกิเองก็หายใจในน้ำได้เพราะมีพลังของมังกรน้ำที่สถิตในร่าง

พวกลิซาร์ดแมนนำทางเราไป

จนเราพบทางน้ำที่จะเข้าไปสู่เขาวงกต คุโรกิตรวจสอบแบบแปลนเขาวงกตกับการตรวจสอบของลิซาร์ดแมน

ทางน้ำตรงนี้ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับชั้นห้าที่พวกเรย์จิคุงอยู่

มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเข้าไปในรูเล็กๆ นั้นได้ แต่หากตัวเล็กลงก็คงได้ แต่ฉันใช้เวทมนตร์แบบนั้นได้ที่ไหน

มันมีเส้นแบ่งระหว่างทางเส้นทางน้ำและแม่น้ำอยู่ บางทีนั่นคงเป็นบาเรียเวท

แต่บาเรียนั้นไม่ได้ครอบคลุมเขาวงกตอย่างสมบูรณ์แบบ

หากหาช่องโหว่เจอก็น่าจะทำลายบาเรียได้โดยง่าย แต่ปัญหาก็คือคนที่หามันเจอนี่ล่ะ

ถ้าไม่มีคุโรกิกับพวกลิซาร์ดแมนก็คงจะพาช่องโหว่ของบาเรียนี้ไม่เจอแน่

ถ้าบาเรียนี้หายไปก็จะช่วยทุกคนเอาวไ้ได้

ฉันดึงดาบออกมา

[ ฉันจะช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะทุกคน ]

ฉันเหวี่ยงดาบและฟันจากด้านบน

 

 

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

[ คราวนี้… อะไรอีกล่ะ… ]

ฉันพึมพำออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

เพราะรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังเวท

ขณะที่นาโอะและริโนะกำลังดื่มชากับฉัน ทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้เช่นกัน

[ คุณจิยูกิ… ดูเหมือนว่าบาเรียจะหายไปแล้ว ฉันรู้สึกแบบนั้นค่ะ ]

[ ฉันเองก็ได้ยินเสียงจากคุณสปิริตแล้วค่ะ คุณจิยูกิ ]

พวกเราจ้องมองกันและพยักหน้า

ดูเหมือนว่าพวกชิโรเนะจะทำสำเร็จแล้ว

[ ทุกคนเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ]

เรย์จิที่มาพร้อมกับซาโฮโกะและยูเลียเข้ามาในห้องอาหาร

[ ฟุฟุ เรย์จิคุง ดูเหมือนบาเรียจะหายไปแล้ว ดูท่าว่าคุณชิโรเนะจะทำสำเร็จแล้วล่ะ ]

ทั้งสามคนต่างประหลาดใจ

[ ชิโรเนะเหรอ สมกับที่คาดหวังไว้เลยนะ ]

[ ฟุฟุ เรย์คุงพูดถูกต้องเลยนะ ดีแล้วล่ะที่เชื่อใจแล้วนั่งรอ ]

เรย์จิและซาโฮโกะหัวเราะ

[ อะไรนะ… บาเรีย… อโทรา… นี่มันเรื่องอะไร? ]

ยูเลียพึมพำบางอย่าง

[ เจ้าหญิงยูเลีย? มีอะไรงั้นรึคะ? ]

เมื่อฉันถาม ยูเลียก็เกิดอาการตกใจ

[ มะ ไม่มีอะไร! อ่ะ ใช่แล้ว! ต้องรีบไปบอกทุกคนที่นี่แล้วล่ะ!! ]

ยูเลียรีบร้อนออกไปจากห้องอาหาร

เกิดอะไรขึ้นกันนะ?

[ ถ้าบอกว่าบาเรียหายไปแล้วก็หนีได้แล้วสิ ]

[ ใช่แล้วล่ะเรย์จิคุง ถ้าเรารวมใช้เวทมนตร์ตอนนี้ก็สามารถพาทุกคนในเมืองหนีไปได้!! ]

 

 

 

◆ เทพผู้ชั่วร้ายเลวิลรุส

[ ว่าไงนะบาเรียหายไปแล้ว! นั่นมันหมายความว่ายังไง? ]

ข้าตะโกนออกมาหลังจากได้รับรายงานจากมิโนทอร์ตัวหนึ่ง

เหล่ามนุษย์ผู้หญิงที่รายล้อมบัลลังก์ต่างตกใจกลัว

ข้ากำลังหงุดหงิด

ผู้หญิงพวกนี้คือเหล่าหญิงสาวที่มาจากประเทศต่างๆ

ทุกคนต่างเป็นหญิงสาวที่ข้าถูกใจและถูกพาตัวมาในชั้นที่ 13 นี้

ผู้หญงมนุษย์นั้นจะสวยกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่ส่วนมากแล้วจะตายได้ง่าย แม้จะเป็นการจูบเบาๆ ก็มีน้อยกว่า 10% ที่รอดมาได้

ด้วยเหตุนี้พวกนางจึงสนองตัณหาของข้าไม่ได้

นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากได้ผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แน่นอนถ้าแค่แข็งแกร่งอย่างเดียวก็ไร้ค่า จะต้องสวยด้วย

ข้ายังจำครั้งแรกที่เจอกับเรน่าได้ เทพธิดาที่งดงามคนนั้นช่างเหมาะที่จะเป็นภรรยาของข้าเหลือเกิน

ว่าแต่อโทราคัวกำลังทำอะไรอยู่?

ทั้งที่เกิดเรื่องอย่างบาเรียเขาวงกตพัง แต่กลับไม่มีรายงานมาเลย

ยัยแมงมุมอัปลักษณ์นั้นใช้การไม่ได้เอาซะเลย

ข้ากัดฟัน

ในตอนนี้ข้าไม่มีบาเรียอีกแล้ว

แต่ถึงจะไม่มีบาเรียข้าก็ยังแข็งแกร่ง

ข้าจะปล่อยให้เจ้าพวกผู้กล้าหนีไปไม่ได้เด็ดขาด

[ บอกไปให้ทั่วซะ! อย่าปล่อยให้ผู้กล้าหนีไปได้เด็ดขาด! ]

 

 

 

 

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

[ ซูนลักพาตัวเจ้าหญิงยูเลียแล้วหนีไปแล้ว?? ]

ฉันถามคนรับใช้ของยูเลียที่ใจกลางจัตุรัสของเมือง

และคนในเมืองก็ถูกพาหนีไปที่นอกเขาวงกตแล้ว หลังจากนั้นฉันก็ได้รับข่าวว่ายูเลียถูกมิโนทอร์-ซูนลักพาตัวไป

[ ใช่แล้วค่ะ ท่านจิยูกิ จู่ๆ เจ้ามิโนทอร์นั้น… ก็พาตัวเจ้าหญิงไปและยังบอกว่าจะไม่ยอมให้เธออกไปจากเขาวงกตนี้ ข้าเองก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิง… ได้โปรดช่วยเจ้าหญิงด้วยเถอะค่ะ ]

คนรับใช้คนนั้นก้มหัวให้ฉัน แต่สีหน้าของคนรับใช้กลับไม่ต่างจากปกติเลย นี่เธอเป็นห่วงยูเลียอยู่จริงๆ นะเหรอ?

หากถูกลักพาตัวไปเธอก็ไม่น่าจะสงบได้ขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่เก่งเรื่องแสดงอารมณ์ออกมารึเปล่านะ

[ ถ้างั้นเราคงต้องไปช่วยเธอก่อน! ]

ซาโฮโกะดูแตกตื่น

[ เจ้ามิโนทอร์นั้นหลอกพวกเรา! ในตอนนั้นฉันน่าจะ… ฆ่ามันซะ ]

เรย์จิดูท่าทางจะผิดหวังในตัวซูน

[ ไม่จริงน่าก็ซูน… มันแปลกๆ นะ เพราะเขาน่าจะโดนเวทเสน่ห์ของคุณริโนไปแล้วนี่นา ]

ฉันสงสัย เพราะริโนะเองก็ใช้เวทมนตร์ทำให้ซูนบอกความจริงและเชื่อฟังไปแล้ว แล้วนี่เขาจะออกไปจากชั้นห้าได้ยังไง

ทั้งที่ไม่น่าจะต่อต้านเวทมนตร์ของริโนะได้

น่า เดิมทีฉันก็ไม่คิดอยู่แล้วว่ามิโนทอร์จะอ่อนโยนได้ขนาดนั้น

ถึงแม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ช่างเถอะ

[ แต่มันเป็นความจริงนะจิยูกิ… เราต้องรีบไปช่วยยูเลียและบางทีเธออาจจะอยู่ที่ชั้นล่างของเขาวงกตนี้ ]

เรย์จิพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่อยากเชื่อ

เรย์จิไม่ทิ้งเด็กผู้หญิงเด็ดขาด แต่ขืนทำแบบนั้นเราจะตายเข้าสักวันนะ

[ แต่จะทำยังไงล่ะ เราเองก็ไม่รู้ลงไปยังชั้นล่างด้วย… ]

ฉันไม่รู้ว่ามันจะมีทางลงไปชั้นล่างได้ยังไง จึงไม่มีทางเลือกนอกจากอยู่ที่เดิม

แต่ถ้าทำแบบนั้นก็อาจจะโดนบาเรียขังอีกครั้ง

ไม่เพียงแค่ยูเลีย แต่เราก็จะอันตรายไปด้วย

มันอาจจะไม่ดีต่อยูเลีย แต่ชีวิตของพวกเราทุกคนสำคัญกว่าของเธอคนเดียว ดังนั้นควรตัดสินใจให้ทิ้งเธอไปดีกว่า

[ ตรงนั้นค่ะคุณจิยูกิ ดูเหมือนจะมีทางลงไปอยู่ที่ก้นของทะเลสาบ ]

นาโอะพูดขณะที่ชี้ไป

[ ด้านล่างทะเลสาบเหรอ? ]

ทะเลสาบที่ชั้นห้ามีขนาดใหญ่มาก แล้วเราจะลงไปที่ใต้ดินได้จากด้านล่างของทะเลสาบงั้นเหรอ?

[ ค่ะ ไม่ผิดแน่นอนเพราะรู้สึกได้ค่ะ แถมริโนะจังยังบอกอีกว่าน้ำมันไหลจากที่นี่ลงไปที่ชั้นล่างค่ะ ]

[ ใช่แล้วค่ะคุณจิยูกิ ฉันรู้สึกได้ว่าน้ำกำลังไหลลงจากก้นของทะเลสาบค่ะ ]

ถ้านาโอะกับริโนะบอกก็คงไม่ผิดแน่

ฉันมองไปยังเรย์จิ

[ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปช่วยยูเลีย ]

[ ฮะฮะ …. ตามที่คาดนั้นแหละ… งั้นก็ไปกันเลย… ฝากบอกพวกคุณชิโรเนะที่อยู่ข้างนอกด้วยนะคะ ]

ฉันพูดอย่างนั้นและคนรับใช้ของยูเลียก็พยักหน้า

ฉันใช้เวทมนตร์และเคลื่อนย้ายคนรับใช้ของยูเลียออกไปข้างนอก

ที่นี่จึงเหลือแค่เรย์จิ ฉัน ซาโฮโกะ ริโนะ และนาโอะ

[ ไปกันเถอะทุกคน! ]

ด้วยเสียงนำของเรย์จิ พวกเรามุ่งตรงไปที่ทะเลสาบ

 

 

◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ

พวกเรามาที่ทะเลสาบเขตนอกเมือง

[ ดูเหมือนตรงนี้จะสามารถลงไปที่ชั้นล่างได้ใช่มั้ย? ]

[ ใช่ค่ะ คุณจิยูกิสังเกตได้จากน้ำที่ไหลจากก้นทะเลสาบนั้น ]

นาโอะตอบคำถามฉัน

นี่เป็นทะเลสาบี่เราเคยมาปิกนิกกันมาก่อน

ที่บนพื้นดินของชั้นห้ามีแสงสว่างจากคริสตัลขนาดยักษ์ส่องไปทั่ว

น้ำในทะเลสาบสะท้อนแสงจนส่องสว่างงดงาม

ถ้ามองไปยังผิวน้ำที่ไม่นิ่งจะเดาได้น้ำในทะเลสาบกำลังหมุนวนอยู่

ดังนั้นฉันคิดว่าอาจจะมีทางออกอยู่ที่ไหนสักแห่งของทะเลสาบ

ทำไมถึงไม่ไปตรวจสอบในทะเลสาบเหรอ ก็เพราะมันอันตรายหากริโนะจะดำน้ำลงไป เพราะพลังของเธอถูกปิดผนึกไว้ครั่งหนึ่ง

พลังของสปิริตน้ำของริโนะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้หากมีการต่อสู้ใต้น้ำ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเราไม่ควรสำรวจทะเลสาบในตอนนั้น

ไม่ว่าจะอยากหนีขนาดไหนก็ไม่ควรไปฝืนให้ริโนะทำหรอกนะ

[ จงออกมาคุณเคลพี ]

ริโนะอัญเชิญเคลพีซึ่งเป็นสปิริตธาตุน้ำระดับกลางออกมา

จากนั้นม้าสีทองก็ปรากฏออกมาตรงหน้าพวกเรา

[ ไปกันเถอะทุกคน ]

เมื่อเรย์จิพูด เคลพีก็นำทางทุกคนไป

สปิริตธาตุน้ำรูปร่างม้าพาเราดำลงไปในทะเลสาบ

เคลพีเป็นสปิริตที่น่ากลัวที่จะทำให้มนุษย์จมน้ำตาย แต่พวกเราไม่จมน้ำหรอกเพราะเราใช้เวทมนตร์ที่ทำให้หายใจในน้ำได้

เคลพีนำทางไปยังชั้นล่างตามคำสั่งของริโนะ

มันสว่างเพราะมีแสงจางๆ อยู่ในทะเลสาบ

เราว่ายน้ำผ่านฝูงปลา

ปลาที่คล้ายกับปลาคาร์พแหวกว่ายไปมา

ปลาที่คล้ายกับปลาคาร์พนี้ไม่ได้อยู่เฉพาะเขาวงกตชั้นห้านี้เท่านั้น แต่ยังเป็นปลาที่พบได้บ่อยๆ ในโลกนี้และยังกินได้

อาหารปลาส่วนใหญ่ก็ใช้เจ้าปลานี้ล่ะ แม้ว่ามันจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะแต่ก็ดูมีชีวิตชีวา

โดยทั่วไปแม้ไม่มีการกินแบบซาชิมิหีอก แต่จะเป็นการเพิ่มผักและสมุนไพรเข้าไปหลังทำการปรุงออกมาเป็นอาหารมากมาย

เพราะมีการใช้สมุนไพรต่างๆ มากมาย เวลากินเลยไม่รู้สึกเบื่อและอร่อยมาก

เราผ่านมาจนกระทั่งถึงพื้นที่สีฟ้าที่มีปลาแหวกว่ายกัน

[ หยุดก่อน! ]

ทันใดนั้นนาโอะก็หยุดทุกคน

ที่จริงตอนที่อยู่ใต้น้ำเราไม่ได้พูดคุยกันจริงๆ หรอกนะ แต่ใช้การสื่อสารผ่านเวทมนตร์แทน

[ เกิดอะไรขึ้นเหรอนาโอะจัง? ]

ซาโฮโกะถามด้วยความกังวลใจ

[ มีอะไรใหญ่มากกำลังมา ]

นาโอะชี้ไปยังบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ด้านล่างของทะเลสาบ

[ ว้าว~  เต่ายักษ์นี่นา! ]

ริโนะทำเสียงหวานเมื่อเห็นมันเคลื่อนไหว

แต่อย่างที่ริโนะว่า มันเป็นเต่ายักษ์ที่เคลื่อนไหวได้เร็วมาก

และหัวของมันยังมีหนาม หน้าตาดุเหมือนสิงโตที่มีเขี้ยวรอบปาก

มันไม่ใช่เต่าธรรมดา

[ นั่นมันไม่ใช่เต่าค่ะคุณริโนะ นั่นมันเทอราสคอน!! ]

ฉันตะโกน

สิ่งที่ริโนะเรียกว่าเต่านั้นแท้จริงแล้วเป็นมังกรเรียกว่าเทอราสคอน

ฉันเคยพบกับเทอราสคอนครั้งนึงเมื่อก่อน

พวกมันอาศัยอยู่ในป่าใกล้กับอาณาจักรเอลเดียซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่ทางใต้ของสาธารณรัฐลีนาเรีย ในตอนนั้นเราได้จัดการเทอราสคอนไป เพียงแต่ในตอนนั้นมันอยู่บนบกไม่ใช่ในน้ำเท่านั้นเอง

เทอราสคอนเป็นสัตว์ร้ายในหมู่สัตว์ร้าย มีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยปีโดยไม่เคลื่อนไหว แม้จะไม่กินอะไรก็ไม่ตาย

บางทีเทอราสคอนตรงหน้าฉันคงนอนหลับมาตลอด เมื่อเราเข้ามาใกล้มันจึงตื่นขึ้นมา

เทอราสคอนอ้าปากขนาดใหญ่และกัด

แต่ไม่สามารถจับเราได้

เราหนีกันไปคนละทิศละทางจากนั้นก็มารวมกลุ่มกันอีกครั้ง

ความเร็วในน้ำของพวกเราดูท่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักนะ

เพื่อหลบเทอราสคอนจึงหาโอกาสเปลี่ยนทิศทาง

[ จะจัดการมันยังไงดี? ]

เรย์จิมองไปที่ทุกคน

ไม่มีใครพูดอะไร

เทอราสคอนเป็นปีศาจที่มีพลังป้องกันสูง มันเป็นปีศาจที่เกิดจากราชันย์มังกรน้ำและสปิริตระดับกลางธาตุไฟโบโนคอนจึงสามารถทนได้ต่อการโจมตีทั้งธาตุน้ำและไฟ

สายฟ้าได้ผล แต่หากใช้สายฟ้าในน้ำ พวกเราก็โดนไปด้วยสิ

นอกจากนี้กระดองของมันยังแข็งว่าเหล็ก การโจมตีทางกายภาพเลยทำอะไรมันไม่ค่อยได้

การจะจัดการมันก็ทำได้หรอก แต่ออกจะยุ่งยากนิดหน่อย

ไม่มีใครพูดอะไร

[ ฉันเอง ทุกคนคอยช่วยทีนะ ]

เพราะมันช่วยไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจนำเอง

ฉันขี่เคลพีและมุ่งหน้าตรงไปหาเทอราสคอน

ฉันหยิบรูน 6 แผ่นที่มีตัวอักษรเวทออกมาจากอก

การใช้รูนก็คล้ายกับการใช้เวทมนตร์แต่ใช้จากแผ่นรูนแทน

เทอราสคอนหันมาทางฉันและเริ่มโจมตีอีกครั้ง

ฉันส่งให้เคลพีเปลี่ยนทิศทางก่อนที่มันจะโจมตีทัน ในจังหวะนั้นก็ปล่อยรูนเข้าไปในปากของเทอราสคอน

[ เรย์จิคุง! โจมตีเทอราสคอนเลย! เอาเลย!! ]

ฉันตะโกนเสียงดัง

[ เข้าใจแล้วจิยูกิ ]

กระสุนแสงของเรย์จิพุ่งโจมตีใส่เทอราสคอน

เทอรราสคอนหดหัวและแขนเข้าไปในกระดอง

จนทำให้ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย

แต่มันเป็นไปตามแผนของฉัน

ฉันทำให้รูนที่เทอราสคอนกลืนลงไปทำงาน

รูนสามารถใช้ได้ทุกเมื่อทุกเวลา เว้นเสียแต่จะถูกขัดจังหวะด้วยเวทอื่น

คลื่นกระแทกขนาดเล็กไหลผ่านรอบตัวเทอราสคอน

จากนั้นตัวของมันก็ลอยขึ้นไปเหนือน้ำขณะที่มือกับหัวที่หดเข้าไปในกระดอง

รูนที่ฉันให้เทอราสคอนกลืนเข้าไปก็คือกระสุนเวทนับร้อยต่อหนึ่งแผ่น ซึ่งมันกินเข้าไปทั้งหมดหกแผ่น ดังนั้นจึงเหมือนกระสุนเวทโจมตีมันจากข้างในกระดอง

และเพราะเทอราสคอนหดตัวเข้าไปในกระดองจึงทำให้แรงระเบิดไม่มีผลอะไรกับเรา ทุกคนเลยปลอดภัย

ฉันไม่เห็นเคยได้ยินว่ามีเทอราสคอนอยูในทะเลสาบจากชาวเมืองอุสึเลย เป็นไปได้ว่ามันคงนอนอยู่ที่ก้นทะเลสาบมาเป็นเวลานานและให้ฆ่าคนที่พยายามจะลงไปที่ฉันล่าง ดังนั้นเมื่อเรามาที่ด้านล่างทะเลสาบ มันถึงได้ตื่นขึ้นมา

และเพราะนอนหลับมาตลอด ตื่นมาก็คงหิวล่ะนะ

[ ได้กินจนอิ่มท้องรึยังล่ะ? ]

ฉันหัวเราะ

[ ทำได้ดีนี่ ]

เรย์จิที่อยู่ข้างๆ พูด

[ สมกับเป็นคุณจิยูกิ ]

[ ล้มคุณเต่าได้อย่างง่ายๆ เลยนะคะ ]

[ สุดยอดเลยค่ะคุณจิยูกิ แค่นี้เราก็ไปกันต่อได้แล้ว ]

ทุกคนต่างชื่นชมฉัน

[ เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะ ]

เรามุ่งหน้าไปยังก้นทะเลสาบซึ่งมีทางไปยังชั้นล่าง

 

 

◆ อัศวินดำคุโรกิ

[ พวกเรย์จิไปช่วยเจ้าหญิงยูเลียที่ถูกลักพาตัวไปที่ชั้นล่างเหรอ ]

ที่นี่คือห้องหนึ่งในวิหารเรน่าที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่า

ตอนนี้ชิโรเนะกำลังฟังรายงานจากคนรับใช้ของเจ้าหญิงยูเลียที่ถูกเคลื่อนย้ายมายังวิหารอยู่

คนที่ถูกจับตัวอยู่ในเขาวงกตหลังจากทำลายบาเรียได้ ได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังวิหารแห่งนี้

พวกเขาต่างดีใจเมื่อได้กลับมายังอาเรียดิน่าและชื่นชมพวกเรย์จิกันใหญ่

สาวรับใช้บอกว่า พวกเรย์จิกำลังมุ่งหน้าไปยังชั้นล่างของเขาวงกตเพื่อช่วยเจ้าหญิงยูเลีย

โดยในห้องนี้มีผม เรจิน่า ชิโรเนะ เคียวกะ คายะ และคนรับใช้ของเจ้าหญิงยูเลียห้าคน

[ ค่ะ พวกท่านเรย์จิขณะนี้กำลังไปช่วยเจ้าหญิง ได้โปรดท่านชิโรเนะไปช่วยเจ้าหญิงด้วยเถอะค่ะ ]

เธอพูดออกมาโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย แม้แต่คายะที่อยู่ข้างๆ ก็ยังมีเผลอแสดงอารมณ์ออกมาบ้าง แต่คนรับใช้พวกนี้ราวกับไร้อารมณ์ความรู้สึก

[ จำเป็นต้องไปช่วยด้วยเหรอ? เพราะได้ยินจากอโทราคัวว่าเจ้าหญิงยูเลียเป็นลูกสาวของเทพผู้ชั่วร้ายคนนั้นนี่นา ]

เมื่อได้ยินคำพูดของชิโรเนะ ร่างของคนรับใช้ก็สั่นเล็กน้อย

ขากรรไกรของพวกเธอกำลังสั่น

คายะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและฟาดที่หลังคอของคนรับใช้ทั้งห้า เป็นการเคลื่อนไหวที่ราวกับฟ้าผ่า

เมื่อคายะฟาดที่หลังคอ

พวกเธอก็คายบางอย่างออกมา

[ บางทีนี่คงเป็นยาพิษ คงถูกสั่งให้ฆ่าตัวตายหากตัวตนถูกเปิดโปง…. ]

นั่นคือยาพิษที่ซ่อนเอาไว้หลังฟันด้านหลัง

และคงได้รับคำสั่งให้ฆ่าตัวตายหากมีใครรู้ตัวจริง

[ รู้สึกแย่จังเลยค่ะ ]

เคียวกะมองไปยังเหล่าคนรับใช้ที่ล้มลงอยู่

พวกเธอเหมือนกับเครื่องมือที่ใช้แล้วทิ้ง บางทีคงจะมีเวทมนตร์คอยผูกมัดไว้

เคียวกะคงกำลังเข้าใจผิดว่าพวกเธอมีความจงรักภักดีล่ะนะ

เลยเป็นห่วงเหล่าคนรับใช้ที่ล้มลงอยู่

[ จะทำอะไรนะชิโรเนะ? ]

ผมถามสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้ว

[  แน่นอน ก็ต้องไปช่วยทุกคนสิคุโรกิ!! ]

ชิโรเนะพูดราวกับเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องทำ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปช่วย

และดูเหมือนจะมุ่งมั่นมาก

ถึงผมจะไม่มีความรู้สึกอยากช่วยเรย์จิเลย แต่นัคก็ถูกเพื่อนของเรย์จิจัยตัวไว้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปด้วยกัน

[ ฉันเองก็จะไปด้วยค่ะคุณชิโรเนะ ]

เคียวกะบอกกับชิโรเนะ

[ ไม่ได้นะคะคุณหนู มันอันตรายเกินไป ]

แต่คายะปฏิเสธในทันที

[ หมายความว่ายังไงคะ! ตอนนี้ฉันเองก็ใช้เวทมนตร์ได้แล้วนะ!! ]

เคียวกะพูดใส่คายะ แต่คายะส่ายหัวและสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

[ ไม่ได้เด็ดขาดค่ะคุณหนู เวทมนตร์ของคุณหนูยังไม่เสถียร มันอาจจะล้มเหลวอีกก็ได้และข้างในเขาวงกตก็อันตรายเกินไป ]

[ อุ๊… ]

เคียวกะพูดไม่ออกเพราะคำพูดของคายะ

อย่างที่คายะบอก เวทมนตร์ของเคียวกะไม่ใช่จะสำเร็จเสมอไป ยิ่งเป็นในสภาพในตอนนี้ยิ่งไม่ไหว

[ คุณเคียวกะกับคุณคายะช่วยรออยู่ที่นี่ได้มั้ยครับ? เพราะผมยังมีเรื่องที่กังวลอยู่ ] 

ตอนนี้คงต้องขอยืมเรือของคายะ

[ สิ่งที่กังวลเหรอคะ? ]

[ ครับ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนอย่างอโทราคัวอยู่ที่พื้นดิน และเป็นไปได้ว่าผมกับชิโระเนะอาจจะต้องติดอยู่ในเขาวงกตจึงต้องมีใครบางคนคอยอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือจริงมั้ยครับ? ]

ผมมองไปที่นัยต์ตาของเคียวกะ

ถึงคำพูดครึ่งนึงจะโกหก แต่ก็เป็นความจริงอยู่ครึ่งนึง

นี่ก็เพราะผมเป็นห่วงเคียวกะถึงไม่พาเธอไปด้วย

และที่สำคัญกังวลเกี่ยวกับเรื่องของซัลคิซิสที่อโทราคัวเคยพูดไว้ด้วย ดูเหมือนตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่ในเขาวงกต งั้นเขาไปที่ไหนล่ะ?

ดังนั้นจะดีกว่าหากมีคนที่อยู่ข้างนอกคอยรับมือ

[ ค่ะ เข้าใจแล้ว… ถ้าคุณคุโรกิพูดอย่างนั้น คงช่วยไม่ได้นะคะ ]

เคียวกะพูดแบบผิดหวังเล็กน้อย

[ งั้นหลังจากเรจิน่านำทางพวกเราก็อยู่ที่นี่กับพวกลิซาร์ดแมนนะ? ]

[ รับทราบแล้วค่ะนายท่าน ]

เรจิน่าตอบอย่างมีความสุข

[ ฟุฟุ งั้นแบบนี้ก็จะมีแค่ฉันกับคุโรกิที่เข้าไปในเขาวงกตกันสองคน ]

ชิโรเนะพูดอย่างดีใจ

[ น่า มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้นะ… ]

เคียวกะกับคายะอยู่ที่นี่ จึงเหลือแค่ผมกับชิโรเนะที่ต้องเข้าไปในเขาวงกต

[ มาพยายามกันเต็มที่เพื่อช่วยพวกเรย์จิกันเถอะคุโรกิ! ]

ชิโรเนะจับมือผมและพูดออกมาด้วยสายตาเปล่งประกาย

[ อา ]

เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นจนผมรู้สึกหดหู่ นี่เธอดีใจขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้ไปช่วยเรย์จิ?

ผมมีความรู้สึกซับซ้อน

[ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ออกผจญภัยกับคุโรกิ นานแล้วเหมือนกันนะ… ทำเอาคิดถึงความหลังเลยนะคุโรกิ ]

แต่สถานที่จากนี้ไปมันอันตรายมากเลยนะชิโรเนะ

จากน้ำเสียงของชิโรเนะ เธอไม่มีความรู้สึกเลยว่าเราอาจจะพลาดก็ได้

และที่บอกว่านานแล้วที่ไม่ได้ผจญภัยด้วยกัน นั่นมันก็แค่เล่นกัน

เป็นเรื่องเมื่อสมัยก่อนที่เล่นสวมบทบาทกัน

เมื่อสมัยเด็กเราเคยเล่นด้วยกันมาตั้งมากมาย แต่ผมคิดว่าอย่าพูดอะไรไปตอนนี้ดีกว่า

เหตุผลก็คือชิโรเนะเริ่มไปเข้าหากับเรย์จิ

ตัวผมเองก็ไม่มีเพื่อนมากมายเลยเหลือแค่ตัวคนเดียว

ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้

คริสมาสต์ที่ไม่มีงานเลี้ยงอีกแล้ว เพราะไม่มีชิโรเนะและยังไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกมากมาย

ดังนั้นการที่ผมจะรู้สึกเหงาก็ช่วยไม่ได้

เพราะสำหรับผมชิโรเนะมีความหมายมาก

แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ผมมีคุนะอยู่ด้วยแล้ว

นี้ก็พักนึงแล้วที่ผมไม่ได้เจอคุนะเลย อยากกลับไปเจอหน้าคุนะจังนะ

เอาล่ะ มาจบเรื่องนี้ให้เร็วๆ แล้วไปเจอคุนะดีกว่า ผมคิดเช่นนั้น

[ ไปกันเถอะคุโรกิ! ไปช่วยพวกเรย์จิกัน! ]

ชิโรเนะหัวเราะอย่างสดใส

ผมพยักหน้าตอบรับ

ผมเข้าไปในเขาวงกตกับชิโรเนะเหมือนออกผจญภัยกันเมื่อสมัยก่อน แน่นอน นี่คงเป็นการผจญภัยการครั้งสุดท้ายของผมกับชิโรเนะ

และแล้วการเล่นออกผจญภัยกับชิโรเนะก็เริ่มขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 60"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์