อัศวินดำ - ตอนที่ 62
◆ อัศวินดำคุโรกิ
เพราะเห็นว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมเลยช่วยไปตามสัญชาตญาณ
ครั้งก่อนเธอก็จะถูกฆ่าและครั้งนี้เองก็จะถูกฆ่าอีก
แต่ผมก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน
[ คุณจิยูกิ! ปลอดภัยใช่มั้ยคะ?!!! ]
เด็กสาวผมสั้นรีบวิ่งมาหาเธอ
[ อือ ไม่เป็นไรหรอกคุณนาโอะ… เพราะเขาช่วยไว้ ]
เด็กสาวที่ชื่อจิยูกิมองผม
ดวงตาอันงดงามของเธอและผมจ้องมองกัน มันเป็นความรู้สึกเหมือนกำลังโดนตำหนิอยู่
จากนั้นผมก็มองไปยังเด็กสาวอีกคนที่ชื่อนาโอะ
เพราะมีเรื่องต้องบอกเธอ
ผมยื่นมือออกไป
[ อะไรคะ? ]
[ ผมมารับเพื่อนของผมคืน ]
ผมยื่นมือและพยายามจะไปจับนัค
[ โอย๊ะ พี่ชายมาเอาตัวรับตัวรูบี้งั้นเหรอ เอาล่ะรูบี้ออกมาสิ ]
เธอพูดอย่างนั้นแล้วเอานัคออกมา
ดูเหมือนเธอเองก็สังเกตถึงตัวตนของนัคอยู่เหมือนกัน
[ ท่านไดร์ฮาร์ด~!!! ]
นัคกระโดดมาหาผม
[ ทำไมหนูถึงพูดได้ล่ะ!? ]
จิยูกิส่งเสียงตกใจ
ดูเหมือนจิยูกิจะไม่ได้รู้ตัวเหมือนกับนาโอะ
[ ไม่คิดเลยว่าจะมาช่วยกระผมจี๊ด! ]
นัคปีนขึ้นมาบนหน้าของผมและส่งเสียงร้อง
[ แน่นอนว่าต้องมาช่วยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอไปจัดการเทพปีศาจก่อนแล้วกัน ]
จากนั้นผมก็วางนัคลงบนพื้น เพราะหากนัคอยู่ในเวทป้องกันนี้ก็จะปลอดภัย
[ เข้าใจแล้วจี๊ด! ]
จากนั้นผมก็มองไปยังเลวิลรุส
เลวิลรุสนั้นลุกขึ้นและกำลังเฝ้ามองผมอยู่ระวังและไม่มาใกล้
[ ฉันเองก็จะช่วยอีกแรง ]
จิยูกิพยายามจะช่วยผม แต่ผมห้ามไว้
[ ไม่เป็นไร ดูเหมือนคุณจะเหนื่อย พักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง ]
ผมพูดอย่างนั้นแล้วตรงไปหาเลวิลรุส
[ ทำไมอัศวินดำมาอยู่ที่นี่? ทำไมถึงได้มาช่วยผู้กล้า?!!! ]
เทพปีศาจเลวิลรุสตะโกน
ผมไม่ได้มาช่วยเรย์จิ
นี่ก็เพราะคำขอของชิโรเนะต่างหาก
ก่อนอื่นเลย ทำไมผมต้องมาช่วยเรย์จิด้วยล่ะ?
[ เปลวไฟพวกนี้เกะกะจังแฮะ… ]
ผมโยนเปลวไฟสีดำและทำให้เปลวไฟสีแดงที่อยู่ทั่วห้องหายไป
[ บ้าน่า!! เปลวไฟของข้า! ]
เลวิลรุสดูตกใจ
[ โทษทีนะ แต่เทพเฮย์บอสขอร้องมา ให้ผมจัดการนายน่ะนะ… ]
ผมจับดาบ
[ เดี๋ยว!! ]
ผมได้ยินเสียงจากข้างหลัง
ที่ตรงนั้นคือเรย์จิที่ฟื้นตัวแล้วยืนอยู่
[ มีอะไร… ]
[ ถึงจะไม่มีความช่วยเหลือจากนาย! ฉันก็ชนะได้อยู่แล้ว!!! ]
เรย์จิพูดขึ้นขณะที่ถือดาบสองเล่มและมีเล่มหนึ่งที่หักไปแล้ว
[ ไม่ได้ตั้งใจจะช่วย มันต่างกัน… ]
นายนี่มีโชคจังนะ
เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากช่วยตั้งแต่แรกหรอก
เพราะไม่เห็นว่าผมจะได้ประโยชน์อะไรสักนิด
ผมไม่สนใจเรย์จิและหันดาบเข้าหาเลวิลรุส
[ ทำไมกัน!? ทำไมผู้กล้าแห่งแสงกับอัศวินดำถึงร่วมมือกัน! นี่มันหมายความว่ายังไง!! ]
เลวิลรุสยกขวานขึ้น
เรย์จิและผมตรงเข้าไปหาเลวิลรุส
และแล้วการร่วมต่อสู้ของอัศวินดำและผู้กล้าแห่งแสงเพื่อจัดการเทพปีศาจก็เริ่มขึ้น
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ นี่ คุณจิยูกิ สถานการณ์มันเป็นมายังไงกันแน่คะ? ]
ริโนะถามฉัน
[ ถึงจะถามไป ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน… ]
ตรงหน้านั้นเรย์จิกับอัศวินดำกำลังต่อสู้กับเลวิลรุสอยู่
พวกเราไม่ได้สนับสนุนพวกเขาเลย
แต่เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเรย์จิกำลังได้เปรียบ
เลวิลรุสถูกไล่ต้อนด้วยการโจมตีของทั้งสองคน
ดูเหมือนถึงเราไม่ทำอะไรก็คงไม่เป็นไร
นอกจากนี้เรายังไม่เหลือแรงแล้วด้วย
พลังเวทเองก็ไม่ฟื้นตัวหากไม่พักสักหน่อย
โดยเฉพาะซาโฮโกะนั้นได้รับภาระค่อนข้างหนักหนาเอาการ
เพราะเธอต้องใช้เวทรักษาและเวทป้องกันมาเป็นเวลานาน
ตอนนี้เลยกำลังนอนราบอยู่ ฉันล่ะอยากขอบคุณสำหรับความพยายามของเธอจริงๆ
[ ถึงจะไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ แต่ดูท่าว่าเราจะรอดแล้ว… ]
[ งั้นเหรอคะ… ]
สถานการณ์กลับตาลปัตรเมื่ออัศวินดำปรากฏตัวขึ้น
เลวิลรุสพยายามโจมตีด้วยไฟและสายฟ้า แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเลย
การโจมตีด้วยขวาน หอก และดาบเองก็ถูกป้องกันได้อย่างง่ายดาย
เพราะพลังอันมหาศาลของอัศวินดำทำให้ไล่ต้อนเลวิลรุสได้จนไม่เหลือทางสู้
นอกจากนี้ยังมีเรย์จิคอยช่วย
เรย์จิโจมตีเลวิลรุสพร้อมกับอัศวินดำ
แสงจากดาบของเรย์จิและเปลวไฟสีดำของอัศวินดำราวกับกำลังร่ายรำ
เป็นการเต้นรำของแสงและความมืด
◆ อัศวินดำคุโรกิ
[ ประกายแสง!! ]
ดาบของเรย์จิและดาบของผมฟันเข้าใส่เลวิลรุส
ผมต้องคอยหลบดาบของเรย์จิขณะที่ต่อสู้ด้วย
เพราะเรย์จิไม่ได้สนใจสักนิดว่าผมจะเป็นยังไง ตอนที่โจมตี
จากมุมมองของเรย์จิ ผมไม่ใช่เพื่อน เพียงแค่มีศัตรูคนเดียวกันเท่านั้น
ดังนั้นเวทมนตร์วงกว้างของเขาจึงใช้โดยไม่สนใจตัวผมสักนิด
เรย์จิรู้เพียงว่าต้องปกป้องเด็กผู้หญิงพวกนั้นเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงระวังแค่ด้านหลังก็พอ
พูดตามตรงเป็นการต่อสู้ที่ลำบากชะมัด
ผมก้มลงเพื่อหลบเวทแสงของเรย์จิที่มาจากด้านหลัง
จากนั้นก็ฟันเลวิลรุสทั้งอย่างนั้น
ดูเหมือนตอนนี้ผมเลยมาอยู่กึ่งกลางระหว่างการโจมตีของทั้งคู่แล้ว
เลวิลรุสหัวเข่าทรุด
[ ทำไม! ทำไมผู้กล้าแห่งแสงกับอัศวินดำถึงร่วมมือกัน!!! ]
เลวิลรุสตะโกนร้อง
แต่เราไม่ได้ร่วมมือกัน
เลวิลรุสกำลังเข้าใจผิด
แม้จะดูเหมือนพวกเราร่วมมือกันแต่การโจมตีของเรย์จิที่โจมตีมาจากข้างหลัง ผมเองก็ต้องหลบด้วย
ไม่ได้ต่อสู้ร่วมกัน แต่แค่มีเป้าหมายเดียวกัน
เลวิลรุสปล่อยสายฟ้าจากเขาและไฟออกมาจากปาก
แต่ทั้งไฟและสายฟ้ามันไม่ได้ผลกับผมหรอก
เลวิลรุสพยายามใช้ขวานและหอกฟัน
แต่วงสวิงก็กว้างเกินไป
การโจมตีแบบนั้นทำอะไรผมไม่ได้เช่นกัน
ผมฟันแขนของเลวิลรุสที่ถือขวานและหอกจนฉีกเกือบจะขาดออกจากกัน
จากนั้นก็หลบไปด้านข้าง
เรย์จิที่ตามมา ก็ฟันลงไปในตำแหน่งที่ผมเคยฟันมาก่อน นอกจากนี้ยังเกือบจะฟันโดนผม
เรย์จิมุ่งหน้าตรงเข้าหาเลวิลรุส
เลวิลรุสที่ใช้โล่ป้องกันไว้ไม่ได้ ทำให้การโจมตีทะลุการป้องกันและปลิวไป
[ มออออออ!! ]
เลวิลรุสกลิ้งตัวไปตามพื้น
จากนั้นพื้นห้องก็ส่องแสงอีกครั้ง
เลวิลรุสลุกขึ้นยืนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[ ไม่ว่าพวกแกจะโจมตีมายังไง! ข้าก็ไม่แพ้!!! ]
เลวิลรุสตะโกน
เลวิลรุสไม่ได้รับผลจากการโจมตีเลย แม้ว่าจะโจมตีหนักแค่ไหนก็ฟื้นตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปจะลำบาก
ต้องรีบจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด
ในขณะที่กำลังต่อสู้กับเลวิลรุส ผมได้แอบเตรียมแผนการบางอย่างไว้แล้ว
[ ชิโรเนะ ตอนนี้ล่ะ!! ]
ผมส่งสัญญาณให้ชิโรเนะ
จากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็บินมาด้วยความเร็วสูงจากประตูและมุ่งไปยังแท่นบัลลังก์ด้านหลัง
แน่นอนว่านั่นคือชิโรเนะ
[ อะไรกัน?! ]
เลวิลรุสสังเกตเห็นชิโรเนะ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ชิโรเนะบินไปด้วยความเร็วสูงจนถึงแท่นบัลลังก์
[ คิดจะทำอะไรกันแน่!? ]
เลวิลรุสพยายามรีบร้อนกลับไปที่แท่นบัลลังก์
[ โทษทีนะ แต่ไม่ยอมให้ไปหรอก! ]
ทันใดนั้นทั้งห้องก็ถูกโอบล้อมด้วยแสงสว่าง
แสงนั้นค่อยๆ หายไปและทิวทัศน์รอบๆ ก็เปลี่ยนไป
[ ที่นี่คือ? ]
เลวิลรุสมองไปยังพื้นที่รอบๆ
ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในเขาวงกตใต้ดินชั้น 13 อีกแล้ว
[ นี่เป็นอุปกรณ์หลบหนีฉุกเฉิน ที่เทพเฮย์บอสสร้างขึ้นเพื่อหนีออกมาจากชั้น 13 อย่างนายเองก็น่าจะรู้นะ ]
ผมพูดและหันดาบไปยังเลวิลรุส
ในชั้นที่ 13 เวทมนตร์เคลื่อนย้ายธรรมดาไม่สามารถใช้ได้ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์หลบหนีฉุกเฉินก็ยังใช้ได้อยู่
โดยอุปกรณ์เวทนั้นซ่อนอยู่ที่ด้านหลังของบัลลังก์ที่เลวิลรุสนั่งอยู่ เมื่อเปิดใช้งานจะทำให้ทุกคนในห้องนั้นถูกบังคับให้ออกมาจากเขาวงกต
[ แค่นี้นายก็ฟื้นฟูร่างกายไม่ได้อีกแล้ว! แน่นอน ฉันไม่ยอมให้หนีแน่! นายแพ้แล้วเลวิลรุส!!! ]
◆ สตรีแห่งดาบชิโรเนะ
เมื่อเปิดใช้อุปกรณ์เวทที่แท่นบัลลังก์ ทุกคนก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากเขาวงกต
นั่นคือสิ่งที่คุโรกิบอกให้ฉันทำ
เพราะเลวิลรุสจะมีพลังไร้ขีดจำกัดหากอยู่ในเขาวงกต
จึงจำเป็นต้องลากเขาออกมาจากเขาวงกตให้ได้
เพราะเหตุนั้น ฉันกับคุโรกิจึงตัดสินใจใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายฉุกเฉินซึ่งอยู่ในแบบแปลน
ขณะที่คุโรกิดึงดูดความสนใจจากเลวิลรุส ฉันก็จะไปเปิดใช้งานอุปกรณ์เวท
แผนของเราเป็นไปอย่างราบรื่น
ดังนั้นทุกคนจึงได้ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากเขาวงกต
ปลายทางคือบนจตุรัสบนพื้นดินของเขาวงกต
ฉันหันหน้าไปมองบนฟ้ารอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปหาคุณจิยูกิ
[ คุณชิโรเนะ!! ]
คุณจิยูกิเรียกชื่อฉัน
[ ทุกคนปลอดภัยดีนะ!! ]
ฉันมองไปที่ทุกคนที่ดูจะเหนื่อยล้ามาก แต่ดูจะปลอดภัยกันดี
[ ที่ฉันรอดมาได้ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ค่ะ คุณชิโรเนะ ]
คุณจิยูกิมองไปที่คุโรกิ
แต่การต่อสู้ยังไม่จบ
คุโรกิกับเรย์จิเริ่ต่อสู้กับเลวิลรุสอีกครั้ง
แต่เราชนะแล้ว
[ ยอดเลยค่ะคุณชิโรเนะ! อย่างกับว่าลมหายใจของทั้งสองคนเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย!! ]
นาโอะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
[ ทั้งที่มันเป็นการต่อสู้ด้วยกันครั้งแรกของพวกเขาแท้ๆ …. ]
ฉันเฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งสองจากทางเข้า
ทั้งสองคนเข้าขากันได้ดีมากจนน่าประทับใจ
นี่ล่ะคือฉากที่ฉันอยากจะเห็น
ฉันคิดแบบนั้น ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สว่างขึ้น
ฉันมองไปที่บนฟ้า
ที่ตรงนั้นมีเรือลอยฟ้าขนาดใหญ่อยู่
และรอบๆ เรือลอยฟ้ามีเหล่านางฟ้าติดอาวุธอยู่รายล้อมเต็มไปหมด
ที่บนหัวเรือมีคนยืนอยู่
[ นั่นมันเรน่า? ]
เทพธิดาเรน่ากำลังใส่ชุดเกราะที่ห่อหุ้มทั้งตัวและยืนอยู่บนหัวเรือ
◆ อัศวินดำคุโรกิ
บนท้องฟ้ากำลังมีเรือล่องลอยอยู่
ที่หัวเรือตรงนั้นมีเรน่าที่ยืนอยู่พร้อมหอกและโล่
บางทีเธอคงมารอที่ด้านบนฟ้าของเขาวงกต
จากนั้นพวกเธอลงมายังพื้นดินของเขาวงกตด้วยเวทเคลื่อนย้าย
ทั้งเรย์จิและเลวิลรุสหยุดการต่อสู้และมองไปที่บนฟ้า
[ ไม่เจอกันนานนะเลวิลรุส ]
เรน่าหัวเราะอ่อนๆ
แม้ว่าจะอยู่ห่าง แต่จากตรงนี้ก็มองเห็นหน้าของเธอได้ชัดเจน ทั้งเรย์จิและเลวิลรุสต่างจ้องมองเธอ
[ เรน่า! มาหาข้าแล้วงั้นเหรอ?! ในที่สุดก็รับรักของข้าแล้วสินะ?!!! ]
เลวิลรุสพูดเข้าข้างตัวเอง
[ โทษทีนะเลวิลรุส… แต่นั่นมันก็แค่รักข้างเดียวของนายและฉันก็รับรักของของนายไว้ไม่ได้ ]
จากนั้นเรน่าก็มองที่ผมและเรย์จิ
[ เทพธิดาผู้เป็นเสมือนดอกฟ้ากลับเลือกชายที่มาจากต่างโลกงั้นเรอะ!! ]
เลวิลรุสตะโกน
[ ใช่แล้วเลวิลรุส คนที่ฉันรักน่ะมาจากต่างโลก ไม่ว่าจะเวลาไหนก็คิดถึงเขา ถึงขนาดที่ตอนกลางคืนนอนไม่หลับเลยทีเดียว ]
เรน่าพูดออกมาด้วยรอยยิ้มจนแทบจะละลาย
ดวงตาของเรน่าเร่าร้อนมาก
คำสารภาพรักของเทพธิดาดังก้องไปทั่ว
เรย์จิที่อยู่ข้างๆ ผมถึงขนาดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ใช่แล้ว เรน่าเป็นเทพธิดาที่งดงามมาก ไม่มีใครไม่พอใจหรอกหากถูกเธอสารภาพรักนะ
[ บัดซบ! ข้าจะฆ่าแก!! ]
เลวิลรุสโจมตีใส่เรย์จิ
แต่เรย์จิก็หลบได้อย่างง่ายดาย
[ เทพปีศาจเลวิลรุส นายนี่ขี้น้อยใจไม่เอาไหนซะเลย! แค่ผู้หญิงที่ชอบไม่รักตอบก็มาทำร้ายคนที่เธอรักซะแล้ว! ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ควรอยู่เงียบๆ คอยดูผู้หญิงที่รักมีความสุขสิ!!! ]
เรย์จิหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่หลบการโจมตีของเลวิลรุส
[ หุบปากกกกก!! ]
เลวิลรุสยังพยายามโจมตีอยู่ต่อไป
[ เร็วอีกสิเลวิลรุส! ยิ่งนายดิ้นรนแค่ไหน! ก็ยิ่งทำให้เห็นความต่างของลูกผู้ชายระหว่างฉันกับนาย!! ]
การต่อสู้ระหว่างเรย์จิกับเลวิลรุสเริ่มขึ้น
ชิโรเนะและผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังก็เข้ามาสนับสนุนเรย์จิกันแล้ว
เหล่านางฟ้าบนฟ้าเองก็โจมตีเลวิลรุสอยู่เหมือนกัน
เลวิลรุสไม่ใช่ผู้ชนะอีกแล้ว
ผมเดินออกมาจากที่แห่งนั้นอย่างเงียบเฉียบ
ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องสู้อีกแล้วและยังช่วยนัคได้สำเร็จแล้วด้วย
เฮ้อ ต้องมาช่วยพวกเรียจูนี่มันเศร้าใจชะมัด
[ ท่านไดร์ฮาร์ด~~!!]
นัคกระโดดเข้ามาหาผม นัคเองก็ดูเหมือนจะถูกเคลื่อนย้ายมาด้วย
[ นัคช่วยกลับไปที่นากอลกลับไปที่นากอลก่อนจะได้มั้ย? ]
[ มีอะไรถึงไม่กลับไปด้วยกันเลยล่ะครับจี๊ด? ]
[ อา ดูเหมือนคุนะกำลังมุ่งตรงมาที่นี่นะ ดังนั้นผมคงต้องไปรับก่อนนะ ]
ผมมองไปที่แหวนที่อยู่มือซ้าย
คุนะกำลังมา ดังนั้นว่าเธอจะทนรอผมไม่ไหวเลยมาที่นี่ด้วยตัวเอง
[ รับทราบแล้วใต้เท้า กระผมจะไปรายงานกับองค์เหนือหัวให้ ]
[ ขอบคุณมากนะนัค ]
จากนั้นผมก็ให้เครื่องมือเวทกับนัคไป
เรามองไปยังเลวิลรุสที่กำลังต่อสู้กับเรย์จิ
แม้เลวิลรุสจะไม่ได้อยู่ในเขาวงกตก็ยังแข็งแกร่ง
แต่ก็ค่อยๆ ถูกไล่ต้อนไปทีละนิด
[ ถ้าผมไม่อยู่คงไม่เป็นไร…. ตัวผมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว ]
ขณะที่ผมคิดกำลังจะไปนั้น ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งกำลังลอยมาจากทางเทือกเขากลาง
เจ้าสิ่งนั้นกำลังเข้าใกล้เรน่าที่อยู่บนเรือบิน ผมใช้เวทบินและปัดมันไว้ได้ทัน
สิ่งที่ลอยมาก็คือหอก
จากนั้นหอกก็ลอยกลับไปยังทิศเดิมที่มันมา
เหลือเพียงผมและเรือลอยฟ้า
ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะช่วยหรอก แต่ร่างกายมันขยับไปเอง
[ ขอบคุณนะคุโรกิที่ช่วยปกป้องฉัน ]
เพราะทุกคนกำลังต่อสู้กับเลวิลรุสอยู่ เลยไม่ได้สนใจรอบข้างเลย
ดังนั้นจึงเหลือแค่เพียงผมที่ปกป้องเรน่าได้
เรน่าเลยขอบคุณผมที่ช่วยปกป้องเธอไว้
ผมและเรน่ามองไปยังทิศที่หอกนั้นลอยมา
ที่ตรงนั้น ผมเห็นนกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ทางเทือกเขากลาง
[ นั่นมันร็อก!? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? ]
เรน่าส่งเสียงประหลาดใจ
ร็อกคือนกยักษ์ที่อาศัยอยู่ในทวีปทางใต้ ไม่ควรจะมาอยู่ในพื้นที่แถบนี้
หากมองดูดีๆ จะเห็นว่ามีใครกำลังขี่ร็อกอยู่
[ นั่นมันซัลคิซิส? และยังมีอีกคนนั่งอยู่ด้วย… เรน่ารู้มั้ยว่านั่นเป็นใครนะ? ]
มีอยู่สองคนที่นั่งอยู่บนหลังของร็อก หนึ่งในนั้นคือซัลคิซิส เพราะผมจำหน้ากากนั้นได้
และข้างๆ ซัลคิซิสยังมีผู้หญิงอยู่อีกคน
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดสีแดงและถือหอกด้วยมือขวา
เธอเป็นคนขว้างหอกใส่เรน่างั้นเหรอ?
ทั้งที่เธอคนนั้นก็ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ทำไมถึงได้ไปอยู่กับซัลคิซิสได้
[ โกหกน่า….ราชินีอสรพิษเดียดอนน่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้…? ]
เรน่าจ้องมองผู้หญิงที่กำลังขี่ร็อกคนนั้นขณะที่ตาเปิดโพล่ง
ผมเคยได้ยินเรื่องของราชินีอสรพิษเดียดอนน่ามาก่อน เธอคือเทพธิดาที่เหล่ากอร์กอนและลาเมียซึ่งอาศัยอยู่ทางเกาะทางใต้ต่างเคารพบูชา
และเธอยังเป็นเทพธิดาซึ่งเป็นลูกน้องของเทพแห่งการทำลายล้างนากอลอีกด้วย
เพราะเหตุนั้น เธอเลยอยู่ฝ่ายเดียวกับซัลคิซิส
จากนั้นนกยักษ์ร็อกก็บินเข้ามาใกล้จนถึงระยะหนึ่ง
เมื่อทุกคนสังเกตเห็นก็หยุดการต่อสู้ลง
[ ข้ามาช่วยแล้วเลวิลรุส!! ]
เดียดอนน่ากระโดดลงจากร็อก
และถอดเสื้อคลุมออกจากร่างกาย
ปีกที่ค้างคาวขนาดใหญ่ก็งอกจากหลังของเธอและครึ่งล่างก็กลายเป็นงูขนาดใหญ่
บนหัวมีเขาอยู่สองอัน ดวงตาส่องประกายสีทอง
[ ไม่ได้การ! โล่เอ่ย! ช่วยปกป้องพวกเราด้วย!!! ]
เรน่ายกโล่ขึ้นเหนือฟ้าจากนั้นก็มีแสงสีฟ้าส่องไปทั่วท้องฟ้า
ดวงตาของเดียดอนน่าเปล่งแสงออกมาทำให้รอบๆ สว่างจ้าไปหมด
[ นั่นมันอะไรกัน…? ]
มันเป็นเวทแสงที่ทรงพลังมาก จนทำให้มองรอบข้างไม่เห็นเลย
เมื่อแสงหายไป ซัลคิซิส เดียดอนน่า เลวิลรุสและนกยักษ์ร็อกก็หายไป
[ เมื่อกี้มัน… ]
[ มันคือดวงตาคำสาปที่ทำให้กลายเป็นหินของเดียดอนน่าคุโรกิ หากเป็นเทพก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่า… ]
เรน่ามองไปยังสถานที่ที่นกร็อกเคยอยู่
[ ดูเหมือนเลวิลรุสจะหนีไปได้… ไม่คิดเลยว่าเดียดอนน่าจะปรากฏตัวออกมาแบบนี้ ]
สีหน้าของเรน่าดูมืดมน
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะพวกเขาหนีไปแล้ว
[ ร่าเริงหน่อยเถอะเรน่า แม้ว่าพวกเขาจะหนีไปได้ แต่เราก็หยุดแผนร้ายของเลวิลรุสไว้ได้ นี่ก็แปลว่าเธอชนะใช่มั้ยล่ะ ดังนั้นก็ควรจะยิ้มสิ ]
เมื่อได้ยินคำพูดของผม เรน่าก็ยิ้มออกมา
[ อือ… ต้องร่าเริงสินะ เพราะคุโรกิก็ช่วยปกป้องฉันไว้แล้วนี่นา ]
เรน่าหันมามองผม
[ เรื่องนั้นผมไม่… ]
เพราะใบหน้างดงามของเธอจ้องมอง ทำให้ผมตื่นตระหนกผิดปกติ
เรน่ายิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นสีหน้าผม
[ งั้นฉันต้องไปหาเรย์จิที่อยู่ข้างล่างแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ ]
เรน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ลงไปจากเรือลอยฟ้า
ผมมองไปยังกลุ่มเด็กสาวที่รายล้อมเรย์จิ
พวกเธอกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุขขณะที่กำลังล้อมรอบตัวเรย์จิ
พวกเขาคงดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งล่ะนะ
นอกจากนั้น ที่นั้นยังมีชิโรเนะอยู่ด้วย
ชิโรเนะกอดเพื่อนเพราะดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง
ผมคิดว่าแบบนี้ดีแล้วล่ะ
เป็นไปได้ผมก็อยากให้ชิโรเนะมีความสุข
แต่เพราะข้างตัวเรย์จิมีสาวสวยอยู่มากมายขนาดนั้น บางทีชิโรเนะอาจจะไม่ได้รับความรักจากเรย์จิก็ได้
แต่นั่นก็เป็นเส้นทางที่ชิโรเนะเลือกแล้ว ผมมองไปที่พวกเขาอย่างเงียบๆ
เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากจะสู้กับชิโรเนะหรอก
และเรน่าก็เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขา
เมื่อพวกเธอเห็นเรน่าก็เปิดทางให้ทันที
เรย์จิจับมือเรน่า
จนกลายเป็นภาพของเรย์จิและเรน่าซึ่งเป็นคนรักกันและถูกรายล้อมด้วยสาวสวยมากมาย
ผมมองไปด้วยความอิจฉา
ไม่ใช่แค่ชิโรเนะกับสาวๆ คนอื่น แต่เรย์จิยังมีเทพธิดาที่งดงามอย่างเรน่าอยู่ข้างกาย
ไม่รู้ทำไม แต่เมื่อผมมองไปที่พวกเขากลับรู้สึกหดหู่ขึ้นมา
[ อุ๊… หยุดดีกว่า…. ขืนมองไปมากกว่านี้จะยิ่งหดหู่ไปมากกว่าเดิม ]
ผมพูดอย่างนั้นและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
จะไปอิจฉาคนอื่นก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ผมเองก็ต้องไปหาความสุขของตัวเองบ้าง
ผมบินไปยังทิศของดินแดนนากอล
เพื่อไปเจอกับคุนะ
ผมล่องลอยไปในท้องฟ้ายามอาทิตย์ตกดินอย่างเดี่ยวดาย
◆ นักปราชญ์ผมดำจิยูกิ
[ คุณจิยูกิแสงเมื่อกี้มันอะไรกันนะคะ?!! ]
ริโนะตะโกน
[ ไม่รู้เหมือนกัน… บางทีคงเป็นเวทมนตร์บางอย่าง… ]
จู่ๆ ผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงูก็ปรากฏตัวขึ้นและดวงตาของเธอก็เปล่งประกาย
เมื่อแสงนั้นหายไปเลวิลรุสก็หายไปแล้ว
ดูเหมือนเขาจะหนีไปซะแล้ว
[ ดูนั่น! นางฟ้าพวกนั้น! ]
ฉันมองไปยังทิศที่ริโนะชี้ นางฟ้าที่ต่อสู้ร่วมกับเราเมื่อกี้กลายเป็นรูปปั้นที่ใสเหมือนอัญมณีไปแล้ว
[ บางทีคงเป็นคำสาปที่ทำให้เป็นหิน …. คงยังไม่ตายหรอก ดังนั้นน่าจะหาทางยกเลิกเวททีหลังได้ ]
ฉันมองไปยังนางฟ้าที่กลายเป็นรูปปั้น
คำสาปที่มีพลังทำให้กลายเป็นหินเหรอ น่าจะยังไม่ตายหรอก หากทิ้งไว้ก็อาจจะกลับเป็นเหมือนเดิมเองก็ได้
[ ถึงอย่างนั้นก็เป็นปีศาจที่แข็งแกร่งมากเลยนะ… นี่ถ้าเรน่าไม่ใช้เวทป้องกันให้พวกเรา เราคงจะกลายเป็นหินไปแล้ว…. ]
ฉันพยักหน้า
ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะลืมตาขึ้น เรน่าก็ใช้เวทมนตร์ป้องกันได้ทันเวลา เพราะแสงสีฟ้าของเรน่าทำให้เรารอดมาได้
แต่เพราะเหล่านางฟ้ามีพลังต้านทานเวทมนตร์น้อยกว่าพวกเรา เลยไม่สามารถต้านทานไว้ได้
นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่กลายเป็นหินธรรมดา แต่กลายเป็นหินอัญมณี
นางฟ้ากลายเป็นรูปปั้นหินมรกตงดงาม แม้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ยากจะคลายเวทอยู่เหมือนกัน
[ แล้วที่พวกเราต่อสู้มาก็…. ]
นาโอะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
ทั้งที่ต่อสู้แทบตายแต่เขากลับหนีไปได้
ใบหน้าของทุกคนมืดมน
[ ทุกคน! สำหรับตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่ปลอดภัยกันหมดแล้วล่ะ! ]
ชิโรเนะพูดขึ้นและกอดฉัน
[ ชิโรเนะ… ]
[ ดีใจจังที่ทุกคนปลอดภัย! เป็นห่วงมากเลยรู้มั้ย! ]
ใบหน้าของชิโรเนะเหมือนกำลังจะร้องไห้ ดูท่าเธอจะเป็นห่วงพวกเรามากจริงๆ
[ ร้องไห้ไม่ได้นะชิโรเนะ…. เดี๋ยวก็ทำให้พวกเราเป็นห่วงหรอก ]
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเรย์จิ ทุกคนก็หัวเราะตาม
[ เรย์จิปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ ]
เรน่าเดินมา
[ เรน่า!! ]
เรย์จิเองก็วิ่งไปหาเรน่า
[ ขอโทษนะเรน่า! คงเป็นห่วงมากเลยสินะ!! ]
เรย์จิเอากุมมือของเรน่าและขอโทษ
[ ฉันเชื่ออยู่แล้วล่ะว่าต้องปลอดภัยกัน แต่ก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อยว่าเรย์จิและสงสัยว่าเขาอาจจะเจ็บตัวมา… ]
เรน่าพูดด้วยเสียงเศร้าเล็กน้อย
ฉันรู้สึกสะกิดใจกับวิธีพูดของเรน่า
มันแปลกนิดหน่อยนะ ที่พูดว่า [ เขาอาจจะเจ็บตัว ]
แต่ก็แค่ส่วนเล็กน้อยนั้นเรย์จิคงไม่ได้เก็บมาคิดอะไร
เรย์จิประทับใจในคำพูดของเรน่ามาก
[ เรน่า! เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของฉันอีกแล้วล่ะ!! ]
เรย์จิพยายามกอดเรน่าแต่เธอหลบได้
[ เรย์จิ… ฉันเองก็อยากฉลองที่พวกคุณปลอดภัยอยู่หรอกนะคะ แต่ตอนนี้ฉันต้องรักษาพวกคนที่อยู่ที่นี่ก่อน ทีเหลือเอาไว้คุยกันทีหลังเถอะค่ะ ]
จากนั้นเรน่าก็มองไปยังเหล่านางฟ้าที่กลายเป็นรูปปั้น
แต่ไม่ใช่นางฟ้าทุกคนที่กลายเป็นรูปปั้นโดยสมบูรณ์ บางคนก็ปลอดภัยดีแต่มีบางส่วนกลายเป็นรูปปั้น
เรน่าออกคำสั่งกับเหล่านางฟ้าที่ยังรอดปลอดภัย
เหล่านางฟ้านำรูปปั้นขึ้นไปเป็นเรือลอยฟ้า
จากนั้นเรน่าก็ไปจากที่นี่
เหลือไว้แต่เพียงพวกเรา
[ เรย์จิ เรากลับไปที่สาธารณรัฐอาเรียดิน่ากันเถอะค่ะ ]
[ นั่นสินะ ]
ยูเลียถูกเคลื่อนย้ายไปที่อาเรียดิน่า ก่อนที่จะต่อสู้กับเลวิลรุสแล้ว (ต่อสู้รอบสองครับ)
เราเองก็ควรกลับไปที่อาเรียดิน่าเช่นกัน
เพราะชิโรเนะเองก็บอกแล้วว่าเคียวกะกับคายะกำลังรออยู่ที่นั้น
[ จะว่าไป แล้วคุโรกิล่ะ? ]
ชิโรเนะมองไปรอบๆ
แต่ที่นี่ก็ไม่มีใครนอกจากพวกเรา
[ ใช่แล้ว เขาไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะชิโรเนะ? หรือจะกลับนากอลไปแล้ว? ]
ฉันเองก็มองหาเขาด้วย เพราะยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย
ชิโรเนะส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
[ อะไรกัน… ฉันยังไม่…. กลับไปที่นากอลซะแล้วเหรอ…. ]
ชิโรเนะร้องไห้
[ ไว้ขอฟังเรื่องราวโดยละเอียดหน่อยนะคะ แต่ตอนนี้เรากลับไปที่อาเรียดิน่าก่อนเถอะ พวกคุณเคียวกะกำลังอยู่ ]
ฉันต้องขอฟังเรื่องราวโดยละเอียดจากชิโรเนะอีกครั้ง เขาหายไประหว่างที่เราไม่สังเกตเหรอ?
ฉันเองก็อยากรู้เรื่องของเขาให้มากกว่านี้หน่อย
ในขณะที่คิดถึงเรื่องของคุโรกิเพื่อนสมัยเด็กของชิโรเนะ ฉันก็ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายไปพร้อมกัน