เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 11 กระต่ายตื่นย่อมกัดคน
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 11 กระต่ายตื่นย่อมกัดคน
ใครยังรังแกเสี่ยวหลานอีก ฉัน…ฉันสู้ไม่ถอยแน่!
หลิวเฟินเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก แม้แต่คำพูดยังไร้ความน่ายำเกรง แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าในเวลานี้หลิวเฟินไม่ได้กำลังล้อเล่น!
เมื่อกระต่ายตื่นตระหนกมันย่อมจะกัดคน
หลิวเฟินคือแม่กระต่ายที่ถูกต้อนจนติดอยู่เชิงหน้าผา ถ้าเธอถอย ก็เป็นเซี่ยเสี่ยวหลานลูกสาวเธอที่ต้องร่วงลงไปก่อน แล้วเธอจะถอยได้อย่างไรเล่า?
เซี่ยต้าจวินกุมความเจ็บปวดบริเวณเอวที่ถูกผลักเอาไว้ ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ!
หลิวเฟินยืนขวางอยู่หน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน เธออยู่ในอารมณ์บ้าคลั่งเข้าจริงๆ เซี่ยต้าจวินกำหมัดแน่นทว่ายังไม่พุ่งกำปั้นออกไป หมัดเดียวของเขาก็ทำให้หลิวเฟินคว่ำลงได้ แต่หลังจากต่อยคว่ำแล้วเล่า? เซี่ยต้าจวินเกรงกลัวขึ้นมาในบัดดล
แววตาของลูกสาวเซี่ยเสี่ยวหลานที่มองเขานั้นมันเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง
ส่วนภรรยาอย่างหลิวเฟินคือเคียดแค้นเจือหวาดกลัว
แม่ พวกเราไปเถอะ
เซี่ยเสี่ยวหลานลดกรรไกรลงพลางคว้าบ่าของหลิวเฟินไว้ ต่อให้สตรีผู้นี้อ่อนแอและตาขาวเพียงใด ทว่าในขณะนี้เธอกล้าหาญมิมีใครเปรียบ การที่เธอปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลานไว้เช่นนี้ได้ส่งมอบความรู้สึกอบอุ่นที่เมื่อชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไม่ถึงให้ แค่เพียงสิ่งนี้ แม้หลิวเฟินจะหัวทึบหรือขี้ขลาดอีกเท่าไร เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอเด็ดขาด
หลิวหย่งอุทานส่อการประณามอย่างเกรี้ยวกราด
สารเลว พวกแกตระกูลเซี่ยหาดีไม่ได้สักคน ขนาดลูกเมียยังไม่เอา หลานสาวฉันยังต้องขอพึ่งข้าวบ้านพวกแกกินอยู่หรือ? ฉันขอบอกไว้เลยนะ ต่อจากนี้ไปเสี่ยวหลานกับตระกูลเซี่ยไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่เงินเหมาเดียว!
เซี่ยเสี่ยวหลานอายุ 18 แล้ว ถือว่าเธอเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
แม้ในชนบทจะปิดกั้นข่าวสารแถมมีความอนุรักษ์นิยม แต่สังคมส่วนรวมยังคงส่งเสริมให้ผู้หญิงยืนหยัดด้วยตนเอง ‘สตรีสามารถค้ำฟ้าได้ครึ่งหนึ่ง [1] ’ คือสิ่งที่ผู้นำสนับสนุน เซี่ยเสี่ยวหลานต้องการออกไปใช้ชีวิตโดยลำพัง อย่างมากก็ถูกคนนินทา หาได้ล่วงล้ำกฎหมายมาตราไหนไม่ ยิ่งไม่ต้องนึกถึงสังคมเก่า [2] ที่ยังต้องได้รับการยินยอมจากตระกูลเลย ของอย่างชื่อเสียงเกียรติยศแบบนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีอยู่แล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงออกแรงดึงหลิวเฟินให้ไปจากตรงนี้
มิใช่เพราะหลิวเฟินทำใจจากไปไม่ได้ แต่เป็นเพราะนัยน์ตาของหลิวเฟินล้นเอ่อไปด้วยความชิงชัง สถานการณ์เมื่อสักครู่นั้นไปสะกิดอะไรบางอย่างในตัวหญิงช่างอดทนกล้ำกลืนผู้นี้
เซี่ยเสี่ยวหลานได้เผชิญหน้ากับลุงของเธอ เซี่ยฉางเจิง
สำหรับสิ่งที่พี่จื่ออวี้ทำกับฉัน เอาไว้ฉันค่อยเจรจากับเธออย่างละเอียดแล้วกัน
สอบติดมหาวิทยาลัยก็ไม่เห็นมีอะไรน่าอัศจรรย์เลย
นักศึกษามหาวิทยาลัยในปี 83 นั้นเลอค่ามาก ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ใช่คนไร้การศึกษา แม้เธอจะลืมความรู้สอบเข้าในหนังสือไปแล้วเกินครึ่ง แต่จะฟื้นฟูใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก รอให้ชีวิตเธอเข้ารูปเข้ารอยกว่านี้ก่อน เธอจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยดูเล่นๆ บ้าง
เซี่ยฉางเจิงปล่อยหลิ่วหย่งโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางของเซี่ยเสี่ยวหลานข่มขวัญคนไม่เบา เธอไม่ปากร้ายอย่างเมื่อก่อน ทว่ากลับให้ความรู้สึกไม่อาจจาบจ้วงได้ แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานก็ฝ่าฟันความยากเข็ญในชาติที่แล้วมาก่อน เธอจึงก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติประจำประเทศจีนได้ หากจะเทียบแค่ความร้ายกาจแล้ว เธอมีทั้งประสบการณ์และความรู้ ย่อมร้ายได้มากกว่าคนตระกูลเซี่ยเยอะโข
เธอกุมกรรไกรไว้ในมือแล้วเอามาจ่อที่คอตัวเองได้ ก็อาจแทงคนอื่นสักทีได้ทุกเมื่อเหมือนกัน
โดยปกติแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานชอบใช้ปัญญาแก้ให้ปัญหามากกว่าความรุนแรง เธอเหน็ดเหนื่อยตรากตรำจนประสบความสำเร็จได้ แล้วมันเรื่องอะไรที่จะเอาหยกล้ำค่าไปแตะกับเศษกระเบื้อง?
ทว่าในตอนนี้สถานะของเธอก็ไม่ใช่หยกล้ำค่าอะไร คนรอบข้างเห็นเธอเป็นเพียงเป้าหมายที่หยามเหยียดตามใจตนได้
ถ้าไม่ร้ายบ้าง คนอื่นก็เหยียบย่ำเธอกันหมดน่ะสิ!
เซี่ยเสี่ยวหลานผู้เคยอรชรอ้อนแอ้น ราวกับถูกปกคลุมด้วยหิมะในบัดดล เซี่ยต้าจวินเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลัวเธอ
อีกทั้งยังจ้องพวกเซี่ยเสี่ยวหลานเข็นจักรยานจากไปตาเขม็ง จนทั้งสามลับตาบริเวณปากทางหมู่บ้านต้าเหอ
เหล่าขามุงเพิ่งที่ใจหายใจคว่ำก็พากันกรูออกมาอีกรอบ ไม่วายยุยงส่งเสริม
ต้าจวิน เมื่อครู่ทำไมไม่ตีหล่อนสักทีเล่า?
ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ ไม่มีกฎเกณฑ์เสียจริง!
พี่ชายเมียเธอรวยแล้วนี่ ออกตัวช่วยเหลือเมียเธอได้แล้ว แม่นั่นแม้แต่ลูกชายสักคนก็ไม่มีให้ เป็นเพราะต้าจวินใจกว้างไม่รังเกียจเธอหรอก
เมียเธอนี่โกรธจนบ้าไปแล้วหรือ?
เสี่ยวหลานนี่ก็เหลือทน เดี๋ยวจะตายเดี๋ยวจะอยู่…
เสียงคำนินทาน่ารำคาญจนเซี่ยต้าจวินไม่มีสมาธิไตร่ตรองสิ่งใด ขนาดพี่ชายคนโตเซี่ยฉางเจิงก็ยังเดินมาถอนหายใจแล้วกล่าวกับเขาว่า ฉันฟังน้ำเสียงของเสี่ยวหลานแล้ว ดูท่าแม้แต่จื่ออวี้ก็พาลเกลียดไปด้วย เด็กคนนี้นะไม่รู้จักแยกแยะเสียเลย จื่ออวี้ไม่ได้บาดหมางกับเธอเสียหน่อย แต่เธอกลับ… เฮ้อ ไม่พูดเรื่องปวดหัวนี่แล้ว พวกเราเข้าไปดูแม่กันหน่อยเถอะ!
เซี่ยต้าจวินเจอคำพูดของพี่ชายเข้าไปเช่นนั้น ทั้งอับอายทั้งรู้สึกผิดเสียจนเงยหัวไม่ขึ้นแล้ว
สามพี่น้องปิดประตูลง ทำให้เหล่าแม่บ้านปากมากพากันผิดหวังเหลือเกิน
เซี่ยต้าจวินกุลีกุจอเข้าไปปรนนิบัติมารดาในห้อง หวังจินกุ้ยลากสามีตนไปอีกทาง ยังคงพูดถึงเรื่องห้องของเซี่ยเสี่ยวหลานที่ว่างไว้
หลิวเฟินจะกลับมาหรือไม่ก็ช่างมัน เอะอะมะเทิ่งเสียดูไม่ได้ขนาดนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานที่ผีเข้าผีออกนั่นไม่กลับมาหรอก
หวังจินกุ้ยจะยึดห้องว่างเอาไว้ก่อน คนตระกูลเซี่ยเบียดอยู่ในบ้านเดียวกัน พื้นที่ใช้สอยก็ไม่กว้างขวางเอาเสียเลย
เซี่ยฉางเจิงไปอยู่เป็นเพื่อนมารดาที่ ‘ล้มป่วยอยู่บนเตียง’ ก่อนสักครู่ มีแต่น้องชายรองของเขาเท่านั้นที่คิดว่ามารดาป่วยจริง เซี่ยฉางเจิงรู้ว่านั่นคือการเสแสร้ง แต่เขาจะพูดไปทำไมเล่า? มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้น้องรองรู้สึกผิดแล้วเชื่อฟังคำมารดา ยินยอมหาเงินเลี้ยงคนทั้งบ้านต่อไป
นอกจากท่อนไม้อย่างเซี่ยต้าจวินแล้วนั้น พี่น้องอีกสองคนล้วนมีลูกคิดอันน้อย [3]กันหมด
จางชุ่ยผู้เป็นภรรยาของเซี่ยฉางเจิงอยู่พัดวีให้แม่สามีในห้อง พูดถึงเหตุที่เกิดขึ้นบ้างครั้งคราว ทำเอาเซี่ยต้าจวินถูกความโมโหเผาหัวจนแทบสิ้นสติ อยากจะพาลูกสาวดื้อด้านอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาเฆี่ยนให้ตายให้ได้
จางชุ่ยเห็นวิกฤติเกือบผ่านพ้นแล้วถึงได้ออกมานอกห้อง ลอบใช้เวลาที่ไร้คนระบายกับเซี่ยฉางเจิงอย่างหัวเสีย
นังเด็กนั่นหนีไปกับลุงแล้ว จื่ออวี้วานให้พวกเราจับตามองเธอไว้นะ…
จางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงสองสามีภรรยามีลูกชาย แต่เซี่ยจื่ออวี้ดูมีอนาคตมากที่สุด พวกเขาจึงบูชาคำพูดของลูกสาวดุจกฤษฎีกา เซี่ยฉางเจิงข่มความโกรธเอาไว้ เธอยังจะพูดอะไรแบบนี้อีก บอกเองไม่ใช่หรือว่าเซี่ยเสี่ยวหลานโขกหัวจนแตก ดูแล้วไม่น่ารอดน่ะ? ฉันได้ยินข่าวแล้วอุตส่าห์จงใจถ่วงเวลาไว้สองวัน พอกลับมายังอยู่สบายดีเสียได้ ทั้งยังร่าเริงตามหลิวหย่งไปแล้ว!
จื่ออวี้พูดไว้ไม่ผิด เซี่ยเสี่ยวหลานใจแคบที่สุด ต้องลงบัญชีแค้นพวกเขาทั้งบ้านอย่างแน่นอน
แต่ที่หวังเจี้ยนยอมรับนับถือต่อจื่ออวี้ก็เพราะจื่ออวี้โดดเด่น เซี่ยฉางเจิงจึงไม่คิดว่าตนกระทำสิ่งใดผิดไป
เขาแค่ฟังลูกสาวตนเท่านั้น เซี่ยจื่ออวี้พูดว่าอีกหน่อยหวังเจี้ยนหัวต้องมีอนาคตก้าวไกล ดังนั้นผู้ชายคนนี้จึงปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานครอบครองไม่ได้ หลาวสาวได้ดี มีหรือลุงอย่างเขาจะได้อานิสงส์ด้วย ต้องให้ลูกสาวเขาได้ดีสิถึงจะมีชีวิตดีไปด้วย!
ทุกสิ่งทุกอย่างของหมู่บ้านต้าเหอถูกเซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งไว้ที่หลังสมอง [4] ชั่วคราว
บ้านหลิวเฟินในหมู่บ้านชีจิ่งห่างจากหมู่บ้านต้าเหอ 3 ชั่วโมง ที่หนึ่งอยู่ทางตะวันออกของเขตอันชิ่ง อีกที่อยู่ฝั่งตะวันตก ตายายของเซี่ยเสี่ยวหลานหนีภัยแล้งมาตั้งรกรากที่เขตอันชิ่งหมู่บ้านชีจิ่งได้หลายปีแล้ว แต่ก็จากโลกนี้ไปเร็วเช่นกัน ลูกสามคนที่เหลืออยู่ไร้ญาติขาดมิตรมาดูแล หลิวหย่งตอนวัยรุ่นไม่ทำการทำงาน ทว่ายังพาน้องสาวสองคนโตมาจนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานยังมีน้าหญิงที่แต่งงานย้ายไปอยู่เขตหลินอีกคน โดยปกติไม่ค่อยมาเยี่ยมเยียนกันบ่อยเท่าไรนัก
หลิวหย่งเองเหลวไหลจนอายุสามสิบกว่าถึงหาภรรยาได้ มีลูกชายหรือลูกพี่ลูกน้องของเธอหนึ่งคน ปีนี้อายุเพิ่ง 6 ขวบ ถือว่าเป็นลูกชายคนเดียวที่จะสืบสกุลหลิวต่อไป ขณะที่หลิวหย่งพาเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดากลับถึงหมู่บ้านชีจิ่งท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว จึงไม่ได้เตะตาคนในหมู่บ้านมากนัก
ป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลานหลี่เฟิ่งเหมยนอนไม่หลับ ยังคงอุ้มลูกชายรออยู่ที่ห้องโถง
เมื่อได้ยินเสียงขยับเขยื้อนหน้าประตูจึงรีบมาเปิดในทันที
กลับมาแล้วหรือ พวกเสี่ยวหลานเป็นอย่างไรบ้าง?
หลิวหย่งถอยเล็กน้อย เสี่ยวหลานแทรกตัวออกมาร้องเรียกป้าสะใภ้
หลี่เฟิ่งเหมยได้ยินเสียงเธอเข้าจงชี่ [5] ค่อยสมบูรณ์หน่อย น้ำเสียงแสดงถึงความสบายใจโดยไม่รู้ตัว
ได้ยินว่าหลานโขกหัวจนแตกที่บ้าน ทำป้าตกใจเกือบตาย ลำพังน้องชายหลานป่วยไข้สูง ป้าก็วางใจไม่ได้ โชคดีที่หลานไม่เป็นไรนะ!
เพราะไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ทันท่วงที หลิวหย่งกลับมาก็ยังถกเถียงกับเธออีกยกใหญ่
หลี่เฟิ่งเหมยรู้สึกแย่ มากกว่านั้นคือเธอกลัว หากเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นอะไรขึ้นมา หลิวหย่งคงไม่ยอมจบเรื่องกับเธอแน่
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังสุขสบายดี หลี่เฟิ่งเหมยจึงรีบอธิบาย
มิใช่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าใครดีใครร้าย ป้าสะใภ้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเหมือนลุงของเธอ อีกอย่างใครจะไม่ห่วงลูกตัวเองมากกว่ากัน? รักลูกสาวคนอื่นมากกว่าอย่างเซี่ยต้าจวินนั้นมันคือส่วนน้อยต่างหาก
ป้า ฉันไม่เป็นไร เทาเทาดีขึ้นหรือยังจ๊ะ?
เทาเทาคือลูกพี่ลูกน้องชายของเซี่ยเสี่ยวหลาน เด็กน้อยถูกหลี่เฟิ่งเหมยอุ้มเอาไว้ สีหน้าดูเหนื่อยอ่อน
หลิวหย่งออกจะกระวนกระวาย เข้าไปคุยในบ้านเถอะ น้องฉันก็มาด้วย เดี๋ยวเธอกับเสี่ยวหลานจะมาอยู่บ้านด้วยกัน
หลี่เฟิ่งเหมยเพิ่งรับรู้ หลิวเฟินไม่ส่งเสียงใด ตามหลังเซี่ยเสี่ยวหลานมาเงียบๆ จักรยานของหลิวหย่งมีสัมภาระบานเบอะ ในหัวหลี่เฟิ่งเหมยเต็มไปด้วยคำถาม ของที่เอามาด้วยมันเยอะเกินไปแล้ว ดูไม่เหมือนลาบ้านสามีกลับมาพักผ่อนบ้านตนเองเลย
นี่แสดงว่าแตกหักกับตระกูลเซี่ยแล้วสินะ?
เชิงอรรถ
[1] 妇女能顶半边天 สตรีสามารถค้ำฟ้าได้ครึ่งหนึ่ง เป็นคำพูดของเหมาเจ๋อตุง หมายถึง ผู้หญิงก็มีความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่แพ้ผู้ชาย เป็นกำลังหลักของการขับเคลื่อนสังคมเช่นกัน
[2] 旧社会 สังคมเก่า หมายถึง ยุคสมัยก่อนปี 1949
[3] 小算盘 ลูกคิดอันน้อย เปรียบเปรยว่า มีแผนการที่คำนวณไว้เพื่อหาประโยชน์ให้ตนเอง (มักใช้ในเรื่องเห็นแก่ตัว)
[4] 抛在大脑后 ทิ้งไว้ที่หลังสมอง หมายถึง ไม่คิดถึง ไม่ใส่ใจ
[5] 中气 จงชี่ หมายถึง ลมปราณบริเวณระบบย่อยอาหาร ในที่นี้เปรียบเปรยว่า หลี่เฟิ่งเหม่ยทราบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังอยู่ดี จึงสบายใจขึ้น