เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 16 วีรบุรุษร่วงหล่นจากฟากฟ้า
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 16 วีรบุรุษร่วงหล่นจากฟากฟ้า
กายท่อนบนของเซี่ยเสี่ยวหลานถูกคนห้อมล้อม
ประโยค ‘เซี่ยเสี่ยวหลานแห่งหมู่บ้านต้าเหอ’ นั่นทำเธอตกใจ แต่เธอยังคงร้องเรียกให้คนช่วยอย่างที่ควรจะเป็น พวกสารเลวนี่เคยสืบรายละเอียดของเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกร้อนรน ในเวลานี้เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวัน ผู้คนบนถนนหนทางจึงมีน้อย ที่นี่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวด้วย
ชายสามคน มีสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป
หากปล่อยให้เธอร้องย่อมต้องมีคนผ่านมาแน่ ชายที่ไม่บาดเจ็บจึงพุ่งเข้าไปปิดปากเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีกรรไกรแล้วจึงใช้เท้าเตะเข้าที่ส่วนล่างของอีกฝ่ายอย่างจัง การเตะครั้งนี้หนักหน่วงมาก มันเจ็บปวดเสียทำให้อีกฝ่ายปล่อยเซี่ยเสี่ยวหลานไป เขาขดงอตัวราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก
เซี่ยเสี่ยวหลานเตะไปอีกสองรอบและไม่สนว่าลูกเตะหลังจากนั้นจะเตะโดนหรือไม่ เธอฉวยโอกาสนี้ฝ่าวงล้อมวิ่งไปทางปากตรอก
เมื่อคนถูกบีบบังคับจนร้อนรนย่อมปะทุพละกำลังที่ยากจะจินตนาการได้ออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้กลัวพวกเขาจะขโมยเงิน แต่เธอกลัวว่าพวกอันธพาลจะล่วงเกินเธอ… หญิงสาวผู้ไร้มลทิน เธอยังอยากมีความรักดีๆ กับเขาในยุค 80 บ้างนะ
เหล่าอันธพาลด่าทอเธอ นังชั่ว พลางรีบตามมาติดๆ
ในใจเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกระวนกระวายนัก ร่ายกายนี้ของเธออ่อนแอเกินไป แม้จะไม่ได้เตี้ย แต่ก็เอาชนะอันธพาลสามคนไม่ไหวแน่!
สายตาเห็นว่าใกล้จะพ้นตรอกแล้ว เบื้องหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏเงาคนขึ้น ใครบางคนขวางทางออกเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่ใจของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ยังนึกว่าเป็นพวกเดียวกันกับอันธพาล จึงตรงเข้าชนประสานงากับร่างของเขาเสีย
คนคนนั้นยื่นมือมาประคองเธอไว้ให้มั่น ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับผู้ร้ายนะ!
แค่อ้าปากก็ไม่ใช่สำเนียงอันชิ่ง
คนผู้นี้ดึงเซี่ยเสี่ยวหลานไปทางด้านหลังตน สารเลวอย่างพวกแกกล้าดีนี่ ข่มเหงผู้หญิงกลางวันแสกๆ ระเบียบความปลอดภัยของเขตอันชิ่งก็แย่เกินไปแล้ว เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉัน…
เซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งหนีเสียเหงื่อท่วมกาย ใบหน้าเล็กขาวๆ ขึ้นสีแดง
คนเข้าช่วยอ้าปากค้างทันทีทันใด
มีคนตะโกนขึ้นโดยพลัน
พี่.. พี่เฉิ่งจื่อรีบมาเร็วเข้า พวกนักเลงลวนลามผู้หญิง!
ลวนลามผู้หญิงก็แย่แล้ว ทำไมต้องลวนลามสตรีผู้นี้ด้วย? ตั้งแต่ไม่กี่วันก่อนที่พบกับเซี่ยเสี่ยวหลานตรงแผงลอยในอันชิ่งนั้น เขาก็ได้แต่เฝ้าคิดถึงอีกฝ่ายตลอดมา มักรู้สึกว่าขณะเซี่ยเสี่ยวหลานกินบะหมี่แล้วเงยหน้ามามองเขานั้น นัยน์ตาดุจหมอกหนาที่สะท้อนประกายจากผิววารี ราวกับอยากเอื้อนเอ่ยวาจาทว่ายังยับยั้งเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจลืมเลือนได้เลย
เลือดรักความถูกต้องพุ่งขึ้นสมอง เขาให้เซี่ยเสี่ยวหลานหลบด้านหลังตน ท้าเรียกด้วยความขุ่นเคืองพลางพุ่งเข้าประชิดอันธพาลทั้งสาม
เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยสบายใจขึ้น
ดูแล้ว เขาคงมาช่วยเธอสินะ!
เธอเองก็จำคนคนนี้ได้แล้ว มิใช่หนุ่มต่างถิ่นที่เอาแต่มองเธอในแผงบะหมี่หรือ
ทางปากตรอกมีเสียงของฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา ฝีเท้าหนักแน่น หน้าตาหล่อเหลาถึงขีดสุด ท่าทางมีพละกำลัง ศีรษะทรงผมเกรียนนั้นประดับด้วยเครื่องหน้าเจ้าเล่ห์ รูปลักษณ์ร้ายกาจทว่าเปี่ยมเสน่ห์และซื่อตรงโผงผาง… ชายคนนี้นั้นรับมือยาก!
เมื่อโจวเฉิงเงยหน้า สายตาก็ประสานเข้ากับเซี่ยเสี่ยวหลาน
ใบหน้าเธอโทรมเหงื่ออีกทั้งหายใจหอบ ทว่าไม่สามารถปิดบังความงามที่น่าพิศวงนั่นได้ โจวเฉิงไม่รู้พวกคำคุณศัพท์แบบสุภาพชน เขาแค่คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานน่ามองไปเสียหมด ทำให้เขารู้สึกปากคอแห้งผาก
คังเหว่ยพูดถูก ในเขตอันชิ่งเล็กๆ เช่นนี้ ที่แท้ก็ซ่อนสาวงามไร้เทียมทานเอาไว้
ไม่แปลกใจเลยที่ระหว่างไปเมืองฮู่นั้นคังเหว่ยพูดถึงเธอตลอดทาง พอตอนนี้ก็ฮึดเข้าสู้อย่างไม่คิดชีวิต โจวเฉิงเลิกคิ้ว มีหน้าตาเจ้าปัญหาเช่นนี้ยิ่งควรจะระวังตัวเสมอ อยู่ดีไม่ว่าดีเดินผ่านที่เปล่าเปลี่ยว มิใช่ว่าเปิดโอกาสให้พวกอันธพาลหรืออย่างไร?
ถ้าไม่พวกเขาเหยียบเบรกตรงปากทางเข้า เธอคงโดนล่วงเกินไปแล้ว
ไม่รู้ว่าไฟโทสะในใจของโจวเฉิงนั้นมันโผล่มาจากที่ไหน เห็นคังเหว่ยจัดการอันธพาลทั้งสามจนกองกับพื้นแล้ว แต่อารมณ์ยังคงไม่คลาย จึงหยิบอิฐครึ่งก้อนจากตีนกำแพงฟาดเข้าที่ศีรษะของหนึ่งในอันธพาลอย่างแรง อีกฝ่ายร้องโอดโอยแล้วร่วงลงแน่นิ่งกับพื้น
พี่เฉิงจื่อ!
คังเหว่ยรีบสลัดอีกสองคนออก พี่อย่าบุ่มบ่ามนักสิ ไม่คุ้มค่าหรอก
โจวเฉิงชำเลืองเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานจัดเผ้าผม เธอยังคงหวาดกลัวอยู่
เวลานี้ก็ไม่มีคนอื่นแล้วด้วย ถ้าสองคนนี้เป็นคนไม่ดีเล่า?
โจวเฉิงไม่ปูดว่าเขารู้ทันความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เอาอย่างไรกับสามคนนี้ดี?
เซี่ยเสี่ยวหลานดูเชิง ทั้งสองท่าน ขอบคุณทั้งสองมากจริงๆ ! ส่งพวกเขาไปสถานีตำรวจได้หรือไม่?
โจวเฉิงพยักหน้าตอบรับ
คังเหว่ยกระทืบแรงๆ ไปหนึ่งเท้า อย่าแกล้งตาย ลุกขึ้นมาให้หมด
คังเหว่ยไม่แม่แต้จะกล้ามองเซี่ยเสี่ยวหลาน
โจวเฉิงกลับเห็นแผลที่เพิ่งจะตกสะเก็ดบนหน้าผากของเธอ เกิดอะไรขึ้นกับหน้าผากหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่คิด คนคนนี้ไม่เกรงอกเกรงใจเรื่องส่วนตัวกันเลยสักนิด
ทว่าการปฏิบัติตัวต่อผู้มีพระคุณนั้น เธอไม่ควรทำกริยาสามหาว จึงตอบพอเป็นพิธี
ไม่ระวังแล้วหกล้มน่ะ
ยิ่งโจวเฉิงมองบาดแผลนั่นยิ่งรู้สึกไม่สบายตา ใบหน้าดั่งหยกขาวไร้มลทิน พอมีบาดแผลแล้วช่างขัดตายิ่งนัก อีกทั้งไม่รู้ว่าจะเหลือรอยแผลเป็นหรือไม่
คังเหว่ยรวบตัวทั้งสามคน หนึ่งในนั้นยังคงพ่นคำพูดสกปรก
นังนั่นก็แค่รองเท้าผุพัง คนอื่นนอนได้ แล้วพวกเราแตะต้องไม่ได้หรือ? พวกพี่ชายก็ผู้ชายเหมือนๆ กัน มาสนุกด้วยกันดีกว่าน่า!
คังเหว่ยประทับบาทาบนหน้าเขาอีกรอบ อีกฝ่ายถึงกับฟันหลุดออกมาจำนวนหนึ่ง และแล้วจึงไม่มีคำพูดเหยียดหยามออกจากปากพวกเขาอีก ทว่าบรรยากาศยังคงกระอักกระอ่วนเหลือเกิน สีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ดูไม่สู้ดี เธอยกจักรยานของตนขึ้นมา ไข่ไก่นั้นแตกไปไม่น้อยจริงด้วย
ไข่ทุกใบเธอขายได้ราคา 1 เฟิน
ทนแดดเผาไปรับซื้อไข่จากหมู่บ้านแต่ละแห่ง ทั้งเดินทางเข้าเขตอันชิ่งอีกวันละสองหน ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าจนกระทั่งสามสี่ทุ่มถึงได้นอน ระหว่างเดินทางไม่ได้หยุดพักผ่อน ทำเช่นนี้หนึ่งวันเธอก็ได้เงินแค่สิบหยวนเอง ตกพื้นนั้นเท่ากับสิ่งที่เธอทำมาทั้งวันมันสูญเปล่าแล้ว
เมื่อชาติก่อนเคยลำบากมามาก แน่นอนว่าเรื่องที่ลำบากกว่านี้เธอก็ยังเคยประสบมาแล้ว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกหม่นหมองอยู่ดี
ใครมันอยากเกิดใหม่ในปี 83 หรือ?!
ชาติที่แล้วใช้เวลาฝ่าฟัน 20 ปีถึงประสบความสำเร็จ ตื่นขึ้นจากหลับใหลดันหมดสิ้นเสียแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานตาแดงพลางเตะอันธพาลอย่างไม่ปรานีไปหลายที
แม้แต่ร้องเท้าผุพังก็สมเพชพวกแก ไอ้ขี้ขลาด กล้าแค่กับผู้หญิง!
เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยง่ายๆ
ถึงท่าทางนุ่มนิ่มอ่อนแอ แต่ก่อนจะถูกช่วยเหลือนั้นพวกอันธพาลก็มีบาดแผลเสียแล้ว เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ โจวเฉิงและคังเหว่ยจึงรับผิดชอบเองทั้งหมด สารภาพว่าเป็นพวกเขาที่ลงมือทำร้าย เจ้าหน้าที่เองไม่ได้บอกว่าพวกเขาทำรุนแรงเกินไป กลับชมเชยทั้งสองคนเป็นกิจจะลักษณะด้วยซ้ำ
พวกเราได้รับประกาศจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแล้ว เขตอันชิ่งจะให้ความร่วมมือในการปราบปราม จัดการกับอาชญากรด้วยความรวดเร็วตามโทษสูงสุด! สหายทั้งสองกล้าหาญในสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราจะส่งธงจิ่น [1] ไปยังหน่วยงานของทั้งสองท่าน
คังเหว่ยคิดในใจ เขากับพี่เฉิงจื่อมีหน่วยงานที่ไหนกันเล่า
เซี่ยเสี่ยวหลานออกมาจากอีกห้อง ทัศนคติของเจ้าหน้าที่หญิงดีมาก ทั้งยังปลอบใจเธออีกด้วย
พวกเราจะเก็บเป็นความลับอย่างแน่นอน
โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับสตรี เห็นกันอยู่ว่าเกือบถูกรุกล้ำ หากเรื่องราวแพร่งพรายออกไปไม่แน่ว่าผู้คนคงด่าอันธพาลพร้อมๆ กับวิจารณ์ผู้หญิงด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดี หากไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เธอจะไม่เจอกับอันธพาลทั้งสามอีก ใครใช้ให้พวกเขาอุกอาจถึงเพียงนี้ กล้ากระทำผิดในช่วงปราบปราม ก่อนที่สามคนนี้จะลงมือนั้น คงคิดว่าต่อให้ทำอะไรกับเธอเข้าแล้ว แต่เพื่อรักษาเกียรติของตนเองไว้ เธอจะไม่กล้าแจ้งความอยู่ดี
น่าเสียดายหน่อยที่พวกเขาคิดผิด
ชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รื่นหูนัก เธอก๋ากั่นยิ่งกว่าเสียอีก กล้าใช้กรรไกรจิ้มลูกตาคนยื้อเวลารอความช่วยเหลือได้
ออกจากสถานีตำรวจก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานร้อนรนทว่าไม่สามารถแสดงออกอย่างไร้มารยาทได้ เธอยืนยันจะเลี้ยงข้าวผู้มีพระคุณทั้งสองที่ช่วยชีวิตไว้… เลี้ยงอะไรน่ะหรือ? ก็กินบะหมี่ร้านแผงลอยที่ถนนน่ะสิ
ในกระเป๋าเงินของเซี่ยเสี่ยวหลานช่างละอาย ไม่มีทางเชิญทั้งสองรับประทานอาหารในภัตตาคารได้หรอก
จ่ายเงินสำหรับหนึ่งโต๊ะในร้านอาหารของรัฐ อย่างไรก็ต้องใช้ถึง 20 หยวน เธอมีเงินพอแค่เลี้ยงบะหมี่อีกฝ่ายเท่านั้น ดีที่สุดทำได้เพียงขอให้น้าหญิงเจ้าของแผงบะหมี่เพิ่มไข่ดาวสักสองใบ
คังเหว่ยช่างพูดท่าทางค่อนข้างเปิดเผย โจวเฉิงที่ดูร้ายกาจแท้จริงแล้วพูดน้อย คนคนนี้ดูเหมือนคนเลวทรามมากกว่าอันธพาลทั้งสามคนเสียอีก รอบกายราวกับมีกลิ่นอายคนโฉด ส่วนคังเหว่ยที่สามารถล้มสามคนได้โดยลำพังกลับอ่อนน้อมว่าง่ายต่อโจวเฉิง
พอกินเสร็จแล้วคังเหว่ยพยายามแย่งจ่ายเงิน เซี่ยเสี่ยวหลานรั้งไว้ไม่ยินยอม
บุญคุณที่ทั้งสองมีต่อฉันไม่อาจจะตอบแทนได้ด้วยบะหมี่ชามเดียว วันนี้ให้ฉันเลี้ยงทั้งสองท่านเถอะ!
คังเหว่ยอุบอิบ บ่นว่าตนนั้นไม่เคยให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวเลยสักครั้ง
โจวเฉิงวางตะเกียบลง วันหลังค่อยเลี้ยงเธอกลับก็ได้ วันนี้ดึกดื่นมากแล้ว ฉันไปส่งเธอเอง
ประโยคสุดท้ายนั้น โจวเฉิงตั้งใจพูดกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
เชิงอรรถ
[1] 锦旗 ธงจิ่น คือ ธงหน้าเดียวที่มอบให้กับหน่วยงานหรือคนเพื่อแสดงความชมเชย เคารพ หรือขอบคุณ