เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 18 เกี๊ยวหมูไชเท้าดอง
เขตอันชิ่งตั้งอยู่บริเวณที่บรรจบกันระหว่างทางเหนือและทางใต้ เป็นธรรมดาที่อาหารการกินจะได้รับอิทธิพลจากทั้งสองฝั่ง
ผู้คนกินข้าวสวยกันค่อนข้างเยอะ แต่ก็กินแป้งเช่นกัน พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีเป็นรองพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการส่งผลผลิต [1] ของทุกปีข้าวสาลีถือเป็นผลผลิตหลัก แป้งสาลีที่คนชนบทรับประทานนั้นจะโม่เอง เพื่อนำมาทำหมั่นโถวและเกี๊ยว สีสันจะไม่สวยเหมือนใช้แป้งสาลีคุณภาพสูงทำ เทียบกับแป้งขาวแล้วยิ่งไม่ได้เลย
เมื่อกินแล้วรสสัมผัสไม่นุ่มนวลเท่าแป้งคุณภาพสูง ทว่ากลิ่นหอมดั้งเดิมของข้าวสาลีจะชัดกว่า
ป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลานทำผักดองรสเลิศ
ไชเท้าผิวแดงเนื้อขาวลูกโตเป็นวัตถุดิบหลัก ในน้ำดองประกอบด้วยเกลือและน้ำตาลทรายแดง หลี่เฟิ่งเหมยเติมพริกแดงอีกนิดหน่อย รสเปรี้ยวหวานของไชเท้าที่ดองแล้วเจือด้วยความเผ็ดนิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีมาก หากนำมาปรุงอาหารกับเนื้อสัตว์แล้ว แค่คิดก็น้ำลายแทบไหลทีเดียว
หน้าที่ผสมแป้งเป็นของหลิวเฟิน ให้เซี่ยวเสี่ยวหลานรับไม้ต่อทำไส้ เพื่อการนี้เธอตื่นเช้ากว่าเดิมถึงหนึ่งชั่วโมง ล้างๆ สับๆ อยู่ในครัว รวมแล้วห่อไส้เกี๊ยวไปสองชั่ง ในบ้านมีเนื้อสัตว์อยู่เพียงเท่านี้ เซี่ยเสี่ยวหลานนำเกี๊ยวใส่เต็มโถกระเบื้อง ตนเองกินไปไม่กี่ชิ้น ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้เทาเทาผู้ยังไม่ตื่นนอน
เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
เดี๋ยววันนี้ตอนกลับฉันซื้อเนื้อสัตว์มานะ
เนื้อสัตว์ค่อนข้างมีราคา แต่หนึ่งวันกินสักหนึ่งชั่งก็มิใช่ว่ากินไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าเงินนั้นต้องเก็บ แต่ก็ไม่ใช่หาเงินได้แล้วไม่ใช้เลยสักเฟินเดียว เธอสามารถอดทนไม่ดูเสื้อผ้างดงาม ไม่ไปซื้อขี้ผึ้งทาหน้า ของใช้ส่วนตัวเรียบง่าย แต่ต้องไม่ปล่อยให้ครอบครัวกินไม่อิ่ม
หลี่เฟิ่งเหมยเร่งให้เธอรีบไป ลุงของหลานเตรียมของเสร็จแล้วรออยู่ที่ประตู รีบออกเดินทางเถอะ หลานจะซื้อเนื้อทำไมกัน เมื่อวานป้าให้คนขายเนื้อสัตว์เขาเหลือตับหมูไว้ครึ่งหนึ่ง หลานกับลุงรีบกลับมาแล้วกัน
ต้นข้าวบ้านหลิวหย่งเก็บเกี่ยวใกล้เสร็จแล้ว วันนี้ก็เชิญคนอื่นมาช่วยอีก ตอนเย็นหลี่เฟิ่งเหมยจะต้องทำกับข้าวหลายอย่างให้สุดฝีมือแน่นอน
หลิวหย่งได้บรรจุไข่ไก่ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเข็นจักรยานมารอเธอ
หลานนั่งซ้อนท้ายแล้วหันหลังให้ลุง ระวังอย่าเหยียบไข่ไก่ในตะกร้าสองฝั่งจนแตกล่ะ คืนเมื่อวานแม่หลานจัดการเก็บไข่ไก่ที่แตกไปปวดใจไปเชียวนะ
เสียไข่ไก่ไปตั้งหลายสิบฟอง จะไม่ปวดใจได้ที่ไหนเล่า?
ไข่ไก่พวกนี้ไม่ใช่เก็บมาเปล่าๆ เหมือนไข่เป็ดป่า แต่ต้องรับซื้อด้วยเงินทั้งหมด เซี่ยเสี่ยวหลานไปหมู่บ้านโน้นทีเข้าเรือนนี้ทีล้วนเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก คนล้วนกล่าวว่าในยุค 80 นี้ทุกที่เป็นโอกาส ทว่าแม้เงินจะหาง่ายแต่ต้องจ่ายด้วยหยาดเหงื่อและความเพียรพยายาม
เซี่ยเสี่ยวหลานกอดโถกระเบื้องไว้กับอก นั่งซ้อนท้ายอย่างมั่นคง
หลิวหย่งจึงหัวเราะ ตอนเช้ากินเกี๊ยวไม่กี่ตัวคงไม่อิ่มล่ะสิ? ทนหน่อยนะ ถึงเขตอันชิ่งเมื่อไรเดี๋ยวลุงเลี้ยงของดีๆ เอง!
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกคิด หลิวหย่งเข้าเมืองครานี้นอกจากไปสืบเรื่องราวแล้ว หลักๆ คือเพื่อแสดงความขอบคุณต่อโจวเฉิงและคังเหว่ยด้วยความตั้งใจจริง ไม่ว่าสมัยใดการแสดงความขอบคุณนั้นก็ไม่พ้นเลี้ยงอาหาร เพียงแต่มื้อนี้ที่หลิวหย่งเป็นผู้เลี้ยงต้องมิใช่แค่บะหมี่ธรรมดาชามเดียวแน่นอน
เงินทุนที่เธอยืมจากลุงยังไม่ทันคืน ยังต้องมารบกวนให้เขาเสียเงินเสียทองอีก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ค่อยเบิกบานนัก
ลุง… ลุงช่างดีกับฉันจริงๆ
เขาร่างเล็กสันทัด สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วกลับห้าวหาญเหมือน ‘บิดา’ มากกว่าคนร่างสูงกำยำอย่างเซี่ยต้าจวิน
หลิวหย่งก้มหน้ามองจักรยานเงียบๆ ใจคิดว่าเด็กคนนี้พูดอะไรโง่เง่าอีกแล้ว
ความรู้สึกที่เขารักเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ต่างกับที่เขารักเทาเทาลูกชายของตนเอง ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลหลิวทั้งนั้น จะไม่ห่วงหาอาทรได้หรือ?
ถ้าเขาสำนึกได้เร็วกว่านี้สักหลายปี ตอนนี้คงทำให้ครอบครัวได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย จะปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานหาเงินเล็กน้อยจากการขายไข่ไก่ได้ที่ไหนกัน!
หลิวหย่งปั่นมาได้ครึ่งทาง เห็นคนรออยู่ข้างถนนลิบๆ ในใจระแวงขึ้นมาในทันที ฟ้าจะสางก็ยังไม่สาง ไอ้หนุ่มบ้านไหนว่างขนาดนี้ คงไม่ใช่พวกเดียวกับอันธพาลเมื่อวานมาดักกลางทางรอหาเรื่องหลานสาวเขาหรอกนะ?!
เสี่ยวหลาน ดูคนข้างหน้านั่นหน่อยสิ รู้จักไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานหันศีรษะไปมอง ในม่านแสงอาทิตย์รุ่งอรุณ ทรงผมเกรียนที่เป็นเอกลักษณ์กับใบหน้าครั้นผ่านตาก็มิอาจลืมเลือน นอกจากโจวเฉิงแล้วจะมีผู้ใดอีก?
พี่โจวเฉิงน่ะ เมื่อวานเป็นเขากับเพื่อนอีกคนที่ช่วยฉันไว้เอง!
หลิวหย่งรีบหยุดรถ เซี่ยเสี่ยวหลานกระโดดลงจากที่นั่งซ้อน
พี่โจว มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?
น้ำค้างยามเช้าทำเอาบ่าของโจวเฉิงเปียกชื้น ไม่รู้ว่าเขารออยู่ที่นี่นานเท่าไร มองเห็นบนพื้นมีก้นบุหรี่อยู่เจ็ดแปดชิ้น
โจวเฉิงเห็นเซี่ยเสี่ยวหลาน จึงทิ้งบุหรี่ที่สูบได้ครึ่งมวนลงพื้นแล้วเหยียบลงไปสองที
ไม่ใช่ว่าฉันบอกให้เธอออกจากบ้านช้าหน่อยหรือ?
เขามองที่หลิวหย่งอีกครั้ง เซี่ยเสี่ยวหลานเลยไม่รีรอแนะนำ นี่คือลุงของฉันน่ะ เขาบอกว่าจะมาขอบคุณพวกพี่ทั้งสอง ลุงจ๊ะ นี่คือพี่โจวเฉิง
โจวเฉิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เซี่ยเสี่ยวหลานขาวผ่องสะโอดสะอง หลิวหย่งกลับตัวเล็กคล้ำแดด บอกว่าเป็นลุงก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ได้พบกับผู้ปกครองเร็วถึงเพียงนี้ โจวเฉิงยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย แต่เขาเองเป็นคนอิสระไม่หยุมหยิมเรื่องกฎเกณฑ์ พอเปิดปากก็ใช้คำเรียกตามเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
คุณลุงครับ ผมคือโจวเฉิง
ชายหนุ่มผู้นี้ดูดียิ่งนัก
ความสูงคงต้องสักหนึ่งร้อยแปดสิบห้าได้ ตอนแรกเหมือนคนระเบียบหย่อนยาน ทว่าพอยืนเอวตั้งหลังตรงขึ้นกลับดูหล่อเหลาเอางานเอาการ
แค่เวลาคุยกับเขานั้นหลิวหย่งต้องเงยหน้า เหนื่อยอยู่เหมือนกัน
ใบหน้าหลิวหย่งฉายแววมิตรไมตรี คุณโจวเฉิง ขอบคุณคุณมากจริงๆ ผมอยู่ที่บ้านก็บอกแล้วไม่ว่าอย่างไรต้องพาเสี่ยวหลานมาขอบคุณพวกคุณทั้งสองให้ได้ เด็กคนนี้ช่างไม่รู้จักที่เหมาะที่ควรเลย ผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตไว้จะจบแค่บะหมี่ชามเดียวได้อย่างไรเล่า? ใช่แล้ว ยังมีคุณคังเหว่ยอีกคนนี่?
เช้าตรู่ขนาดนี้ไม่หลับไม่นอน มารอเสี่ยวหลานกลางทาง?
หลิวหย่งหัวเราะร่วน ชดเชยบุญคุณผู้ช่วยชีวิตด้วยบะหมี่หนึ่งชามนั้นย่อมไม่พอ แต่ก็ไม่อาจยกหลานสาวของเขาให้ไปอยู่ดี
หลิวหย่งเป็นเพียงแค่ลุง แต่เขาออกหน้าช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลาน ความสัมพันธ์ลุงและหลานสาวต้องดีแน่นอน โจวเฉิงเองก็มิได้เฉยเมย
เมื่อวานพวกเราอยู่ที่บ้านพักในอันชิ่ง ทั้งยังมีของอีกหนึ่งคันรถ ผมให้คังเหว่ยเฝ้าไว้ ได้ยินว่าวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะเข้าเมือง เกรงว่าอันธพาลเมื่อวานนั้นจะมีพวกพ้อง ก็เลยมารอเธอกลางทางครับ
หลิวหย่งพยักหน้า
ไปกันเถอะ พวกเราเข้าเมืองก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เดิมทีโจวเฉิงนั้นตั้งใจมากรับเซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวหย่งไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของเขา ทว่าตอนนี้มีหลิวหย่งอยู่ด้วย เขาจึงต้องสนทนากับ ‘คุณลุง’ ด้วยความเคารพแล้ว เขารับมอบจักรยานที่มีไข่ไก่มาจากมือหลิวหย่งแล้วค่อยๆ เข็นไป พยายามไม่แอบมองเซี่ยเสี่ยวหลานมากเท่าที่จะเป็นไปได้
กว่าจะเดินทางถึงในเมือง โจวเฉิงก็ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานได้มากทีเดียว
เขาได้รู้ว่าเธอกับมารดาอยู่บ้านลุงชั่วคราว ไม่กี่วันก่อนเพิ่งริเริ่มการค้าไข่ไก่เก็งกำไร เป็นเพราะช่วงทำเกษตรกรรม ที่บ้านแบ่งแรงงานคนอื่นไปช่วยไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไปมาโดยลำพัง เมื่อวานถึงได้เพิ่งเจออันธพาลเป็นครั้งแรก โจวเฉิงย่นหน้ายู่คิ้ว เธอทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ ไปรับซื้อไข่ไก่ทุกหนแห่ง นี่มิใช่ว่าพาตนเองส่งไปในสถานการณ์ที่อันตรายหรอกหรือ?
เมื่อถึงที่พัก คังเหว่ยรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นานแล้ว
เมื่อมองเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานดวงตาก็เปล่งประกาย แต่พอเห็นโจวเฉิงไม่พูดไม่จา คังเหว่ยก็เหงาหงอยสร้อยซึมขึ้นมานิดๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งเกี๊ยวหมูไชเท้าดองให้กับคังเหว่ย อีกทั้งแนะนำลุงของตน คังเหว่ยยังไม่ทันคิดแต่ก็เรียก ‘คุณลุง’ ตามเธอเช่นกัน
โจวเฉิงร้อง หึ เบาๆ เรียกมั่วแล้ว นายต้องเรียกลุงหลิวสิ
หลิวหย่งไม่ส่งสุ้มเสียง
เขาเข้าใจแล้ว ลูกหมาป่าใจอำมหิต [2] อย่างโจวเฉิงนี้ ไม่คิดปิดบังสิ่งใดแม้แต่นิดเดียว!
เชิงอรรถ
[1] 交公粮 ส่งผลผลิต คือ เกษตรกรหรือหน่วยงานเกษตรกรรมส่งผลผลิตทางการเกษตรให้รัฐบาลในทุกปี ถือเป็นภาษีเกษตรกรรม
[2] 狼子野心 ลูกหมาป่าใจอำมหิต หมายถึง แม้เป็นเพียงลูกหมาป่า แต่ก็มีสัญชาตญานดุร้าย เปรียบเปรยว่า คนที่โหดร้ายป่าเถื่อนก็ย่อมมีจิตใจร้ายกาจยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้