เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 2 ไล่ฉันออกไปเถอะ!
ประธานเซี่ยกระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจ
เธอยังไม่ทันจะกล่าวคำว่า ‘แม่’ ออกไปเลย หลิวเฟินกลับคุกเข่าอ้อนวอนคนอื่นเพื่อเธอเสียแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็น ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ สานต่อสถานะและความทรงจำส่วนใหญ่จากเจ้าของเดิม ทว่าเรื่องราวที่เจ้าของเดิมประสบมานั้นทำให้เธอสลดใจอยู่ไม่น้อย—‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ผู้มีใบหน้าสะสวยแต่ในหัวกลับกลวงโบ๋ ไม่ว่าเธอจะสุขหรือเศร้าล้วนมีเสน่ห์น่ามอง อีก 30 ปีข้างหน้าเธอจะต้องเป็นของล้ำค่าที่ใครๆ พร้อมไล่ตาม แต่ในยุค 80 อย่างเธอน่ะเรียกว่า ‘ไร้แก่นสาร’!
คนชนบทไม่รู้จักคำวิเศษณ์ดีๆ แบบนี้เท่าไร พวกเขาจึงอธิบายเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยคำคำเดียวว่า ‘…ไปทั่ว’
เป็นเพราะรูปลักษณ์แบบนี้ ปกติแล้วชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ดีนัก เธอยังแย่งคนรักของเซี่ยจื่ออวี้ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องอีก เรื่องอื้อฉาวคือเธอเปลื้องผ้ายั่วว่าที่พี่เขยในเวลากลางวันแสกๆ ไม่เพียงแต่ถูกคนในหมู่บ้านครหาอย่างหนัก แม้แต่ตระกูลเซี่ยเองก็ทนเธอไม่ไหว
ถึงเรื่องแย่งคนรักจะยังพอเถียงได้
แต่เรื่องแก้ผ้ายั่วว่าที่พี่เขยกลางวันแสกๆ นี่ พูดไม่ออกจริงๆ !
พูดไปใครก็ไม่เชื่อ บางคนถึงกับสาบานอย่างขึงขังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ยั่วยวนพี่เขยของเธอเท่านั้น แต่ยังไปนอนเปลือยกายกลิ้งเกลือกบนกองหญ้ากับพวกเร่ร่อนหมู่บ้านใกล้เคียง ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านจนถึงขั้นรู้กันทั่วสารทิศ เซี่ยเสี่ยวหลานหมดสิ้นหนทางโต้แย้ง บ้านเซี่ยเองก็มาหนุนให้คลื่นมันสูง [1] เข้าไปอีก ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเลือกวิธีเอาหัวโขกเสาฆ่าตัวตาย
ประธานเซี่ยมีประสบการณ์ เธอรู้ว่าโลกนี้มีผู้ถูกปรักปรำอย่างอยุติธรรมอยู่มากมาย ทว่าเธอจะเข้าไปจัดการทุกเรื่องได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็น ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เคราะห์กรรมครั้งนี้เธอต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจเสียแล้ว
คนตระกูลเซี่ยล้วนท่าทางเกรี้ยวกราด อยากจะต้อนเธอจนตายเสียให้ได้ หญิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคือแม่บังเกิดเกล้าของร่างนี้และเป็นคนที่รักเจ้าของร่างเดิมมากที่สุดในตระกูลเซี่ย ประธานเซี่ยไม่คิดทนอีกต่อไป
แม่ ลุกขึ้นก่อนเถอะ!
เธอพยายามดึงหลิวเฟินให้ลุกขึ้น หลิวเฟินกลัวจะไปโดนบาดแผลของลูกสาวเข้าจึงมิได้ขัดขืนแต่อย่างใด
เอาเข้าจริงแล้วเรียกคำว่า ‘แม่’ ออกไปมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด มีสองสิ่งที่ประธานอิจฉาในตัว ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ที่สุด หนึ่งคือเธอสวย และไม่ใช่สวยแบบดาษดื่นธรรมดาเสียด้วย สองคือเธอมีแม่ที่รักเธอสุดหัวใจ ส่วนประธานเซี่ยเองสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่วัยเยาว์ เธอจึงไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้!
เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง
และยังเป็นเซี่ยเสี่ยวหลานที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80
ไม่มีโอกาสให้เลือก มีเพียงแต่สองตัวตนที่รวมเป็นหนึ่งเดียว
เสี่ยวหลาน ฟังแม่นะ ยอมรับผิดกับย่าเถอะ…
ใบหน้าของหลิวเฟินเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลิวเฟินมักต้องรองรับอารมณ์ของแม่สามี รวมถึงสะใภ้คนอื่นๆ สามี และลูกสาวอยู่เสมอ ยอมจำนนอดทนกับทุกๆ เรื่อง น่าเสียดายที่ไม่มีใครในบ้านเซี่ยหันมาใส่ใจในจุดนี้ กลายเป็นยิ่งเธอทนเท่าไร คนเหล่านี้ก็ยิ่งข่มเหงเธอมากขึ้น…—เจ้าของร่างเดิมเองก็ทำไม่ดีเท่าไรในเรื่องนี้
หญิงชราเซี่ยกลับแผดเสียงขึ้นมาโดยพลัน
หลานสาวฉันไม่ทำตัวสำส่อน ไม่ใช่หญิงชั่วไร้ยางอาย ขนาดคนรักของจื่ออวี้แกยังแย่งได้ลงคอ!
ประธานเซี่ยขมับกระตุกตุบๆ
พอหน้าที่การงานของเธอก้าวหน้ามากขึ้น จึงไม่ได้เปิดศึกตัวต่อตัวกับหญิงปากร้ายระดับล่างมานานแล้ว
แต่สองมือที่ฉีกทึ้งพนักงานขายสาวสวยและกำปั้นที่จัดการลูกหนี้ซัพพลายเออร์ [2] เหนียวหนี้ทั้งหลายยังคงอยู่!
คุณย่า!
เธอฮึดแรงกายทั้งหมดตะโกนออกไปสุดเสียง พอที่จะข่มหญิงชราเซี่ยได้ชั่วคราว
ย่าไม่ยอมรับฉันในฐานะหลานสาว แต่ฉันก็จะเรียกคุณว่าย่า ตัวฉันเคารพรักตระกูลเซี่ยอย่างเต็มเปี่ยม… ย่าเอาแต่ด่าทอฉัน คำก็สำส่อน คำก็ชั่วร้าย จะรอให้คนทั้งหมู่บ้านมาสอดส่องว่าเราเอะอะอะไรกันหรือ? ฉันมันไม่มีเกียรติอะไรแล้วอยู่แล้ว แต่พวกพี่สาวน้องสาวในครอบครัวก็ต้องออกเรือนนี่ มานับพี่น้องกับคนสำส่อนอย่างฉันมันมีหน้ามีตามากหรือไง?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าใจจริงๆ ลำเอียงแล้วยังไม่สนอะไรต่อมิอะไรอีก ทำให้ศัตรูชอกช้ำได้พันส่วนแต่ฝั่งตนเองดันเจ็บไปแปดร้อย[3] ความไม่ลงรอยกันในครอบครัวจะเหยียบย่ำเธอจนตาย? ในหมู่บ้านนี่ชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ดีอยู่แล้ว แต่หากหญิงสาวตระกูลเซี่ยขายไม่ออกเพราะเรื่องวุ่นวายแล้วจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร!
แม่เฒ่าเซี่ยสะอึกไปในทันที หน้าตาท่าทางอาสะใภ้สามของเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ดูไม่ได้
สามสาวคนโตแห่งบ้านเซี่ยประกอบด้วยเซี่ยจื่ออวี้ อายุ 20 ปี ไม่เพียงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ยังมีคู่หมายที่พึงใจไว้แล้ว คนต่อมาคือเซี่ยเสี่ยวหลาน อายุ 18 ปี ใครเห็นก็คิดว่าเธอคือหญิงสำส่อนที่ไม่มีโอกาสได้ออกเรือนอีก และลูกสาวคนโตของอาสะใภ้สามที่มีอายุ 17 ปี ไม่ทันไรเธอก็ต้องพูดคุยเรื่องแต่งเข้าบ้านแม่สามีแล้ว
อาสะใภ้โกรธเกลียดเซี่ยเสี่ยวหลานเสียจนฟันกระทบกันดังกรอด แต่ก็จำเป็นต้องเบาเสียงลง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางต่อว่า
แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้หรือ หงเซี๋ยของพวกเราถูกแกถ่วงรั้งไว้ไม่ได้ออกเรือน ทำไมถึงไม่ไปตายเสีย!
ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเซี่ยหงเซี๋ยเองก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นกัน เธออยู่หลังแม่ตัวเองพร้อมทำท่าอยากเอาเรื่องตัวต่อตัวเต็มแก่
หลิวเฟินเคืองจนหน้าขึ้นสี
พี่ เสี่ยวหลานเพิ่งฟื้นนะ…
ร่างกายผ่ายผอมของหลิวเฟินเข้ามาบังลูกสาวเอาไว้ ถึงอยากจะถกเถียงออกไป แต่เดิมทีเป็นคนใจเสาะ โดนคนอื่นกดดันเข้าแค่ประโยคเดียวก็ยากที่จะต่อปากต่อคำให้ลื่นไหลต่อได้
เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ ดึงแม่ให้มาหลบด้านหลังตน
แม่ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ทะเลาะกับพวกเขาหรอก ฉันเองก็มีเหตุผลนะ
หญิงชราเซี่ยอยากจะบี้คนดื้อด้านตรงหน้าให้ตาย ทว่าเจ้าตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สายตากวาดไปรอบๆ แล้วดันยิ้มออกมาแทน
ฉันชนเสาไปรอบหนึ่งแล้วแต่นรกยังก็ไม่ต้อนรับนี่นา ตอนนี้ฉันคิดว่าจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดี ฉันจะมีชีวิตที่ดี และถ้าใครมันทำให้ฉันไม่มีความสุข ฉันก็จะทำให้มันไม่มีความสุข—ย่าบอกว่าฉันอยู่ที่นี่ทำให้ทุกคนอยู่ไม่สุข ไม่เช่นนั้นก็ให้ฉันย้ายออกไป?
ย้ายออกไป?
จะย้ายไปไหนได้ล่ะ?
หลิวเฟินร้อนรนใจ มีผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานคนไหนเขาย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเองเล่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานที่ชนเสาแต่รอดตายและดูจะคุยยากขึ้นเหลือเกิน ท่าทางตัวปัญหานั่นทำเอานางเซี่ยโกรธจนเกือบจะเป็นลมไป
แต่ว่าเดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มีนิสัยโอนอ่อนผ่อนตามอยู่แล้ว หญิงชราเซี่ยแสนเจ้าเล่ห์ อาสะใภ้สามก็ช่างแดกดัน เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่ายเสียด้วย อาสะใภ้สามอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานออกไปอยู่ไกลหูไกลตาเหลือเกิน จะได้ไม่ต้องสร้างความอัปยศให้ใครเห็นอีก
แกจะย้ายไปไหนได้? อย่าได้คิดหนีปัญหาไปบ้านยายแกเพียงไม่กี่วันแล้วกระเสือกกระสนกลับมาเชียว!
ย้ายออกไปก็ดี ห้องที่บ้านใช้สอยไม่พออยู่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเองอยู่คนเดียวถึงหนึ่งห้อง พอย้ายออกห้องจะได้ว่าง อาสะใภ้สามประเมินห้องโกโรโกโสแต่สะอาดเอี่ยมนี้พร้อมตัดสินใจจะให้ลูกสาวตนเองเซี่ยหงเซี๋ยย้ายเข้ามาอยู่—หญิงสาวโตจนใกล้ออกเรือนแล้ว ควรมีห้องส่วนตัวเสียที
ตระกูลเราไม่ใช่ว่ามีบ้านเก่าริมแม่น้ำอีกหรือ? หลังหนึ่งหน้าหมู่บ้าน อีกหลังท้ายหมู่บ้าน ฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั้น ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตาใคร!
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวตามแผนเดิมที่คิดเอาไว้
แม่เฒ่าเซี่ยยังคงไม่ยอมปล่อย
แกทำงามหน้าขนาดนี้ ไม่ตีแกจนตายก็ปรานีแค่ไหนแล้ว ยังต้องมาแบ่งบ้านให้แกอาศัยอีกหรือ?
แม้ว่าบ้านเก่าริมแม่น้ำจะโอนเอนใกล้ร่วง หน้าร้อนยุงชุม หน้าหนาวหนาวจัด คอกวัวที่อยู่ในหมู่บ้านข้างเคียงก็กลิ่นแรง แต่หญิงชราเซี่ยนั้นไม่อยากตกปากรับคำให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้อยู่อย่างเป็นสุขจนเกินไป
เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่เซี่ยเสี่ยวหลานฟื้นขึ้นมา
แม้จะยังเป็นตัวปัญหาแต่กลับดูมีความคิดขึ้น… แม่เฒ่าเซี่ยถือว่าความรู้สึกไวไม่หยอก และไม่อยากปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานพ้นเงื้อมมือตนไป
เซี่ยเสี่ยวหลานคลี่ยิ้มหวาน
ฉันไม่ย้ายออกไปก็ได้ อยู่บ้านน่ะมีให้กินให้ดื่ม อย่างไรเสียชื่อเสียงของฉันมันป่นปี้ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เป็นสาวเทื้อคาบ้านอย่างสงบดีกว่า! พี่ใหญ่เป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย อีกหน่อยคงไม่ปล่อยให้น้องสาวตัวเองอดตายหรอกนะ?
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดยากเสียเหลือเกิน ทำเอาป้าสะใภ้ใหญ่ที่เงียบมาตลอดถึงกับหนังตากระตุกอย่างแรง
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะเกาะจื่ออวี้ลูกสาวตนอย่างนั้นหรือ?!
เอาน่า ป้าใหญ่ไม่เชื่อคำพูดคนพวกนั้นหรอก เสี่ยวหลานยังโมโหทุกคนอยู่ เป็นสาวเป็นแส้จะออกไปอยู่คนเดียวอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวป้าคุยกับย่าให้ พวกเราทุกคนก็ถอยคนละก้าว ใจเย็นๆ กันก่อนเถอะนะ
ป้าสะใภ้ใหญ่พาแม่สามีออกจากห้อง อาสะใภ้สามก็กุลีกุจอตามไปเช่นกัน
เหล่าผู้น้อยที่เหลือในห้องล้วนใช้สายตาอาฆาตจ้องมองมาที่เซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวเฟินกำลังร้องไห้เงียบๆ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงได้แต่ถอนหายใจ
แม่อย่าร้องไห้เลย ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านต่อไปไม่ได้หรอก
คำด่าดูแคลนน่ะไม่เท่าไร บ้านเซี่ยไม่มีทางเอาเธอถึงตายหรอก… แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากทน เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!
ผ่านไปไม่นานนัก หญิงชราเซี่ยพร้อมพรรคพวกก็เข้ามาในห้องอีกรอบ
แกไปอยู่บ้านเก่าเสีย แล้วจะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราตระกูลเซี่ยอีก!
เซี่ยเสี่ยวหลานได้คืบจะเอาศอกมิวายขอเครื่องเรือนสำหรับย้ายบ้าน นางเซี่ยสุดจะทนกับตัวปัญหาคนนี้เสียจริง แต่สุดท้ายก็โยนหัวมันถุงเล็กให้เธอ
รีบไสหัวไป!
เชิงอรรถ
[1] 推波助澜 หนุนคลื่นลมให้สูง หมายถึง ทำให้ปัญหาหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นยิ่งแย่ขึ้นไปอีก
[2] ซัพพลายเออร์ Suppliers หมายถึง ผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายให้กับบริษัทต่างๆ ที่ได้ยื่นใบสั่งซื้อสินค้าให้
[3] 伤敌一千,自损八百 จัดการศัตรูได้หนึ่งพัน ฝั่งตนสูญเสียไปแปดร้อย หมายถึง ดูเหมือนจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายหรือเจ็บได้มาก แต่แท้จริงแล้วฝั่งตนก็เสียหายไปไม่น้อยเช่นกัน ในที่นี้นางเซี่ยด่าทอเซี่ยเสี่ยวหลานเสียๆ หายๆ แต่ก็เป็นการประจานให้คนนอกมานินทาว่ากล่าวคนตระกูลตัวเองเช่นกัน