เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 ความจริงใจเต็มเปี่ยม
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 ความจริงใจเต็มเปี่ยม
สภาพจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือว่าดีนัก
หลิวหย่งได้รู้จักกับตำรวจคนหนึ่งในสถานีตำรวจและได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มา การที่สามคนนี้ก่อเหตุผิดกฎหมายย่อมได้รับโทษหนัก ทว่าเมื่อเช้านี้คนในครอบครัวได้ไปโวยวายที่สถานีตำรวจด้วย และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้คนวางแผน บอกว่าจะต้องทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเดือดร้อนไปด้วย… อันธพาลหญิงเช่นเสี่ยวหลานก็ต้องโดนพิพากษาเช่นกัน อีกทั้งยังกล่าวหาว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นทำตัวไม่งามท่า ยั่วยวนทั้งสามคนก่อน พอไม่สำเร็จจึงแว้งกัด
อีกอย่างคำสารภาพที่สถานีตำรวจได้รับมาคือสามคนนี้ถูกยั่วยวนด้วยคำพูด
ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สร้างข่าวลืออยู่เงียบๆ หญิงสำมะเลเทเมาเซี่ยเสี่ยวหลานถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่มีคนออกตัวสนับสนุนเธอ อีกทั้งเธอคือหญิงสำส่อนที่ทุกวันมิอาจขาดผู้ชายได้ ขอแค่เป็นผู้ชายล้วนไม่ปฏิเสธ เซี่ยเสี่ยวหลานขายไข่ไก่อยู่ในเมือง เดิมทีอันธพาลทั้งสามมักวิ่งวุ่นไปมาระหว่างในเมืองและชนบท ได้ยินแค่กิตติศัพท์ของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่เท่าไร พอได้เห็นเธอด้วยตาตนเองเข้า จะอดใจได้ที่ไหนกัน?
พวกมันไม่ได้เพียงจะเล่นสนุกเท่านั้น ยังคิดไว้ว่าจะได้ทั้งคนและเงินด้วย
หลิวหย่งฉงนงงงวย หลานก็ไม่ได้ขุดหลุมศพตระกูลเซี่ยสักหน่อย พวกเขาเกลียดหลานขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกไม่ชอบมาพากล เป็นบ้านเซี่ยที่แอบเล่นตุกติกจริงหรือ?
เธอถึงกับคิดว่าตนอาจไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลเซี่ย ไม่แน่ว่าอาจเป็นบุตรีของศัตรูเสียมากกว่า เพราะถูกครอบครัวเลี้ยงดูมา ดังนั้นคนตระกูลเซี่ยจึงทรมานทรกรรมเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ทนไม่ได้ที่เธอจะใช้ชีวิตโดยสงบสุข พอนึกถึงว่าเมื่อวานเกือบโดนคนล่วงเกิน รวมถึงไข่ไก่ที่แตกเสียหายเหล่านั้น เพลิงโทสะของเซี่ยเสี่ยวหลานก็แทบจะสะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นบ้านพัก ลุงหลานทั้งสองจึงคิดว่ากลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันถึงรายละเอียดกัน ยังต้องขอบคุณผู้มีพระคุณโจวเฉิงและคังเหว่ยด้วย
หลิวหย่งพบกับร้านอาหารของรัฐแห่งหนึ่ง
บริกรดูเกียจคร้านซึมกะทือ ราวกับใครติดหนี้ไม่คืนเงินเธออย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยชินกับเหล่าบริกรที่ปฏิบัติกับลูกค้าดุจพระเจ้าในยุคของเธอ จึงไม่เข้าใจท่าทางอวดดีของบริกรร้านอาหารรัฐในตอนนี้ ที่น่าขันกว่านั้นคือพวกเขาเป็นลูกค้ากลุ่มแรกของร้าน บริกรดูเหมือนจะไม่อยากดำเนินธุรกิจของพวกตนเอาเสียเลย
มีตั๋วอาหารไหม?
หลิวหย่งส่ายหน้า ไม่มีตั๋วอาหารหรอก ยกอาหารมาให้พวกเราสักสองอย่างที
ปกติแล้วมาร้านอาหารของรัฐก็รับประทานแค่บะหมี่สักชามเท่านั้น มีตั๋วอาหารจะยิ่งได้ราคาถูกขึ้นอีกมาก
บริกรนั้นดูออกว่าหลิวหย่งเป็นคนบ้านนอก
เธอส่งเสียง หึ อย่างจองหอง ไม่มีตั๋วอาหาร ราคาก็แพงนะ คุณจะรับประทานอาหารแบบไหนล่ะ?
เซี่ยเสี่ยวหลานมิอาจทนอารมณ์เช่นนี้ได้ หากไม่ใช่เพราะเฟ้นหาภัตตาคารชั้นสูงนอกจากร้านอาหารของรัฐไม่ได้แล้ว เธออยากจะหันหลังกลับออกจากร้านจริงๆ
นี่ ดูเธอพูดเข้าสิ มีอะไรก็ยกมาเถอะ คิดว่าพวกเราไม่มีเงินจ่ายหรือ?
วาจาสำเนียงปักกิ่งของคังเหว่ยทำเอาบริกรอวดดีถึงกับตกใจ
เดี๋ยวนี้สำหรับผู้คนหลายหนแห่งแล้วคนปักกิ่งนั้นช่างสูงส่ง อย่างไรก็เป็นถึงเมืองหลวง ยโสโอหังอยู่พอตัว พอดูดีๆ แล้ว ในสี่คนนี้มีแค่หลิวหย่งที่ดำคล้ำตัวเตี้ย อีกสามคนล้วนดูดีมีชั้นเชิงไม่แพ้กัน
บริกรไม่กล้าหยิ่งยโสอีกต่อไปแล้ว ฉันไปถามในครัวสักครู่
ผ่านไปสักพักเดินก็กึ่งวิ่งออกมา พ่อครัวจูบอกว่ามีปลาชิง [1] ที่เพิ่งส่งมาจากอ่างเก็บน้ำไป๋ซี [2] หนักสัก 18 ชั่งได้ พวกคุณกินไหวไหม?
หลิวหย่งเป็นคนบ้านนอกคอกนา ได้แต่คิดว่าปลาจะมีอะไรอร่อยกัน ปลาที่จับได้ในชนบทนั้นทุกคนล้วนกินจนเบื่อและไม่อยากกิน ในเมื่อจะเลี้ยงอาหารผู้อื่นแล้ว ก็ต้องยกอาหารประเภทขาหมูชิ้นโตมาเสียมากกว่า
ทว่าบริกรร้านอาหารรัฐช่างน่าเหลืออด เขาจึงพยักหน้ารับอย่างไม่สบอารมณ์
ก็กินมันนั่นแหละ ยกอาหารอย่างอื่นมาอีกหน่อยแล้วกัน
คุณลุง ปลาชิง 18 ชั่งพอกินแล้วครับ
โจวเฉิงอธิบายกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ปลาชิงใหญ่ไปเล็กไปก็ไม่อร่อยทั้งนั้น น้อยกว่า 10 ชั่งไม่อวบอ้วนพอ เกิน 20 ชั่งเนื้อปลาจะแก่เกิน 18 ชั่งถือว่ากำลังพอดี
นี่ไม่ใช่การอธิบายให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังให้บทเรียนกับหลิวหย่งอยู่
แต่โจวเฉิงทำเช่นนี้กลับไม่ทำให้คนรำคาญ หลิวหย่งมิอาจไม่ยอมรับว่าโจวเฉิงนั้นมีเสน่ห์ ได้แต่บ่นอุบอิบว่าเกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวเขาจะได้ปล่อยไก่ต่อหน้าหนุ่มปักกิ่งสองคนนี้แน่ แม้ว่าท้องไส้ของผู้คนส่วนใหญ่ในปี 83 ยังคงพร่องอาหารดีๆ แต่โจวเฉิงไม่เหมือนคนขาดแคลนเงินทองเอาเสียเลย หากยกอาหารประเภทขาหมูมาจริงเขาก็ไม่น่ามีปฏิกิริยาใดๆ รอให้ปลาชิง 18 ชั่งนั่นขึ้นโต๊ะเสียก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้รู้แล้วว่าร้านอาหารของรัฐมันเจ๋งตรงไหนกัน
เนื้อปลาครึ่งหนึ่งนำไปแล่เป็นแผ่นบางแล้วทำปลาต้มพริกเสฉวน
อีกครึ่งหนึ่งทุบจนเนื้อนิ่มเป็นปุยแล้วทำซุปลูกชิ้นปลา หัวปลานำไปนึ่งกับพริกสับ เอาเนื้อปลาชิ้นใหญ่ไปทอดจิ้มกินกับงาและเกลือ
ปลาหนึ่งตัวทำอาหารได้ถึงสามอย่างกับน้ำแกงอีกอย่าง เพิ่มด้วยเครื่องเคียงที่ปริมาณพูนขอบทุกจาน หลิวหย่งรับประทานปลาต้มพริกเนื้อนุ่มนวลลิ้นโดยไม่ปริปาก
แท้จริงแล้วไม่ใช่ปลาที่ไม่อร่อย แต่คนชนบทไม่มีฝีมือขนาดนั้น และทำใจใส่น้ำมันปรุงอาหารเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร
อาหารของวันนี้และมื้อนี้ เป็นมื้อที่เซี่ยเสี่ยวหลานผู้ข้ามมาถึงปี 83 แล้ว กินได้อย่างสบายใจที่สุดมื้อหนึ่งเลยทีเดียว
แต่บรรยากาศระหว่างรับประทานอาหารก็แปลกพิกล หลักๆ คือคังเหว่ยที่ทำตัวแปลก โจวเฉิงสงวนท่าทีแล้วส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตา คังเหว่ยถึงได้เชิญชวนดื่มเครื่องดื่มพร้อมกับอวยพรอย่างยิ้มแย้ม เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจได้ คังเหว่ยเองก็ไปสถานีตำรวจด้วยกัน น่าจะรับรู้แล้วว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เป็นคนที่ชื่อเสียงไม่น่าพิสมัย
เธอคิดอย่างไม่ยี่หระ อย่างไรเสียก็แค่คนที่พบกันโดยวาสนา หากพวกเขาจะดูถูกเธอเพียงเพราะข่าวลือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปมาหาสู่กันดีกว่า
อาหารสองมื้อย่อมชดใช้บุญคุณที่ช่วยที่ชีวิตไว้ไม่หมด เธอได้ดิบได้ดีเมื่อไรจะต้องตอบแทนอีกครั้งแน่นอน เมื่อตอบแทนแล้ว นับจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป
ตะเกียบคู่หนึ่งคีบเนื้อท้องปลาที่นุ่มที่สุดใส่ชามของเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้าขึ้น โจวเฉิงยิ้มให้กับเธอ
เวลาเขายิ้มช่างดูดีเสียจริง
หลิวหย่งมองอยู่ก็รู้สึกว่าพังพอนตัวนี้จะขโมยลูกไก่ในบ้านของเขาต่อหน้าต่อตา เลยรีบตัดบทความคลุมเครือดุจคลื่นใต้น้ำที่กำลังถาโถมนี้
มา มา มา ดื่มเถอะ ฉันขอดื่มให้คุณทั้งสองหนึ่งจอก ขอบคุณพวกคุณทั้งสองอีกครั้งที่ช่วยเสี่ยวหลานไว้
โจวเฉิงยกจอกขึ้นมา คังเหว่ยจึงไม่กล้าไม่ยกจอกตาม
โจวเฉิงกล่าวด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด ผมกับเสี่ยวหลานถูกชะตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ คุณลุงไม่ต้องเกรงใจแล้ว เรียกผมว่าโจวเฉิงได้ หรือเรียกผมว่าเฉิงจื่อก็ไม่เป็นไร ผมและเสียวเหว่ยขอดื่มให้คุณลุงหนึ่งจอกเช่นกัน
โจวเฉิง คุณพูดจาให้มันระวังหน่อย อะไรคือถูกชะตากับเสี่ยวหลานตั้งแต่แรกพบ คำพูดแบบนี้มันพูดไปเรื่อยได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานนั้นงดงาม เป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มจะถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ทว่ารู้จักกันได้แค่วันเดียวก็กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสนั้นช่างเหลาะแหละเกินไปเสียแล้ว ราวกับไม่เห็นว่าเสี่ยวหลานเป็นคนที่มีค่า เชิดหน้าชูตาให้เป็นตัวจริง หลิวหย่งรู้สึกโกรธไม่น้อย คิดว่าตัวเองไม่ควรพาคังเหว่ยไปสถานีตำรวจด้วยกันเลย
โจวเฉิงวางจอกเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน
คุณลุงวางใจเถอะ ผมอายุ 20 ปีแล้ว ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ข่าวลือของเสี่ยวหลานพวกนั้น เมื่อครู่คังเหว่ยได้บอกกับผมแล้ว ผู้อาวุโสในบ้านผมท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ จะมองคนหรือมองเรื่องราวต้องไม่นิยามด้วยคำพูดของคนอื่น แต่ต้องสัมผัสด้วยตนเอง ตัดสินด้วยตนเอง… เสี่ยวหลานเป็นคนเช่นไร ผมมีวิจารณญาณของตัวเอง แต่กระนั้นถึงต่อให้ผมถูกภาพลักษณ์ประดิษฐ์ที่เสี่ยวหลานแสดงออกหลอกลวงแล้ว นั่นก็เป็นเพราะผมยินดีกระโดดลงไปในหลุมพรางเอง โทษใครไม่ได้ทั้งนั้น ผมพูดแบบนี้ไม่มีความหมายอื่นใด และไม่ได้จะนำเรื่องบุญคุณมาทำให้เสี่ยวหลานคบหากับผม ผมเพียงแต่อยากบอกคุณลุงว่าผมมีความจริงใจเหลือเกินที่จะผูกมิตรกับเสี่ยวหลานครับ
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะเคยมีช่วงเวลาหนึ่งกับคนอื่นแล้วจริงๆ โจวเฉิงก็ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
อย่าได้สนว่าเมื่อก่อนเธอชอบใคร จากนี้ไปเธอต้องชอบเขาอย่างแน่นอน!
เชิงอรรถ
[1] 青鱼 ปลาชิง หรือปลาคาร์ฟดำ มีรสชาติดี ผู้คนนิยมรับประทาน
[2] 白溪水库 อ่างเก็บน้ำไป๋ซี ตั้งอยู่ที่เมืองหนิงปัวเขตหนิงไห่ มีหน้าที่หลักคือเก็บน้ำและกันน้ำหลาก รวมไปถึงผลิตกระแสไฟฟ้า