เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 26 กิจการเกิดอุปสรรคเล็กน้อย
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 26 กิจการเกิดอุปสรรคเล็กน้อย
เธออยากไปดูลาดเลาว่าที่ไหนต้องการปลาไหลจำนวนมากหรือ?
ยุ่งวุ่นวายอยู่พักใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานร้อนเสียจนใบหน้าขาวขึ้นสีแดง ราวกับลูกท้อสีชมพูซึ่งมีเสน่ห์จับใจเหลือเกิน โจวเฉิงมองเธอไม่ว่าตรงไหนล้วนสบายตา แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ชอบที่เขาเปิดเผยเกินไป เขาจึงต้องเบนสายตาออกสักหน่อยอย่างเสียไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้า
ไม่ใช่แค่ปลาไหลเท่านั้นหรอก อันที่จริงในชนบทมีของดีอยู่ไม่น้อย ลองถามดูหน่อยคงไม่ได้ยุ่งยาก บางทีอาจจะพบลู่ทางใหม่ๆ ก็ได้นะ?
เกษตรกรเก็บเงินอะไรไม่ได้มาก เพราะว่าราคารับซื้อสินค้าเกษตรต่ำมากมาโดยตลอด
หลังร่วมกันขายให้รัฐแล้ว ก็จะจัดแบ่งสัดส่วนให้แก่เมืองใหญ่ก่อน คนซื้อของไม่มีเงินเท่าไร เมืองที่ได้ส่วนแบ่งสินค้าไปไม่พอ แม้คนมีเงินก็ซื้อของได้ไม่ง่ายเลย พนักงานในเมืองใช่ว่าจะร่ำรวยกันหมด แต่กระนั้นการรับประทานอาหารฟุ่มเฟือยบ้างทุกเดือนยังถือว่าพอไหว เซี่ยเสี่ยวหลานจึงจะค้นหาโอกาสทางการค้าที่เกิดจากข้อมูลทางผู้ซื้อกับผู้ขายไม่สัมพันธ์กัน
โจวเฉิงเห็นเธอดูดีใจ ตนเองก็พลอยดีใจไปด้วย
ต่อให้ต้องทนแดดเสือใบไม้ร่วง [1] ที่แสนสาหัส แต่โจวเฉิงกลับไม่รู้สึกอ่อนล้าแม้แต่นิด
แต่ธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานก็มิใช่ราบรื่น แม้จะหาร้านบะหมี่ได้จำนวนหนึ่ง ทว่าพวกเขาล้วนไม่ค่อยสนใจในการซื้อปลาไหลอย่างสม่ำเสมอเท่าไรนัก นอกจากเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว เดิมทีก็มีคนเสนอจัดหาปลาไหลให้กับพวกเขา ของแบบนี้จับไม่ได้ในซางตู เกษตรกรรอบนอกจึงเข้าเมืองมาขายกัน เซี่ยเสี่ยวหลานอยากรวบรวมตลาดจัดซื้อนี้เอาไว้ก็ต้องเบียดเจ้าอื่นออกไปก่อน… สองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก [2] อยู่ดี หญิงสาวตัวคนเดียวอย่างเธอไม่ระห่ำเหมือนโจวเฉิงและคังเหว่ยเสียด้วย จะใช้กำลังแก้ปัญหาได้อย่างไรกัน?
อาศัยราคาต่ำก็ยิ่งไม่ได้เลย
กดราคาซี้ซั้วก่อกวนระเบียบของตลาดคือการหาความยุ่งยากให้กับตัวเองโดยแท้จริง
ที่คนอื่นเขาขายปลีกกันมากกว่าครึ่งล้วนแล้วแต่จับมาเอง แค่ต้องใช้เวลาและแรงกายสักหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีเงินทองเป็นต้นทุน แต่ปลาไหลของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นได้จากการรับซื้อมา เธอได้เงินที่เป็นกำไรจากส่วนต่างของราคา ยิ่งกดราคาต่ำเท่าไร กำไรของเธอก็ยิ่งน้อยเท่านั้น
ทำได้แค่ขายปลีกจริงๆ หรือ?
หรือต้องขายให้ร้านอาหารของรัฐ?
แต่พอห้อยเกียรติคุณห้อยท้ายเอาไว้ว่าเป็น ‘ของรัฐ’ แล้ว คนของร้านล้วนมองลูกค้าด้วยความเย่อหยิ่ง และคงไม่เปิดไฟเขียวให้เซี่ยเสี่ยวหลานเพียงเพราะว่าเธอหน้าตาดีหรอก โจวเฉิงเห็นเธอกังวล อยากพูดเหลือเกินว่าเธอเลิกทำเสียยังดีกว่า แค่ให้คังเหว่ยนำสินค้าติดมือจากทางใต้มายังเขตอันชิ่งทุกครึ่งเดือน ยังได้กำไรดีกว่าเธอขายปลาไหลเสียอีก
ธุรกิจนี้เธอยังทำได้อีกสองเดือนนี่? พอถึงเดือนพฤศจิกายนจะจับปลาไหลไม่ค่อยได้แล้ว เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะทำธุรกิจนี้ตลอดไปสักหน่อย คิดเยอะขนาดนั้นทำไมเล่า เก็บเงินต้นทุนเพียงพอเมื่อไร ค่อยวานคังเหว่ยนำเสื้อผ้าเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นต้นทุนให้เธอขาย
เซี่ยเสี่ยวหลานถามกลับด้วยความสงสัย พี่รู้ได้อย่างไรว่าฉันจะขายเสื้อผ้า?
โจวเฉิงหัวเราะในทันที เมื่อครู่ตอนเธออยู่ในตลาดสินค้าเกษตรน่ะ สายตาจ้องเจ้าของแผงไม่กะพริบเลย อยากเขาไปคว้าเขาออกมาแล้วทำเองสินะ? ขายเสื้อผ้าเป็นธุรกิจที่ดีทีเดียว เสื้อผ้าจากหยางเฉิงราคาถูกด้วย
โจวเฉิงยังมีวาจาที่ยังไม่ได้กล่าวอีก เซี่ยเสี่ยวหลานมองเจ้าของแผงตาไม่กะพริบ ไม่แน่คนคนนั้นอาจจะเข้าใจผิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสนใจตัวเองอยู่ ดังนั้นเขาถึงจงใจบอกกับผู้อื่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นคนรักของเขา คนที่หน้าตาดีเกินไปก็ไม่ดี เดือดร้อนจนไปถึงไหน เขาต้องตามไปปกป้องถึงนั่น!
ให้คังเหว่ยนำเสื้อผ้ากลับมา?
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเอาเปรียบแม้แต่น้อยหรอก แต่เธอไม่เชื่อมั่นในรสนิยมของชายแท้อย่างคังเหว่ยมากกว่า
เรื่องเสื้อผ้าต้องให้เธอไปหยางเฉิงเพื่อเลือกเฟ้นด้วยตนเอง รถไฟจากซางตูไปหยางเฉิงนั้นพอมีอยู่บ้าง ไม่มีอะไรเสียหายเกินไปกว่าสภาพแย่และใช้เวลานานนิดหน่อยเท่านั้น โจวเฉิงรู้ดีว่าเธอยืนหยัดในความคิดของตน จึงไม่ออกความคิดเห็นอื่นใดต่อไปอีก บอกว่าจะไปร้านอาหารเพื่อกินข้าวอีกแล้ว ครานี้เซี่ยเสี่ยวหลานยืนยันไม่ยอมแล้ว เธอพยายามทำตัวสบายให้มากที่สุดในสภาพที่มีขีดจำกัด แต่เข้าร้านอาหารทุกมื้อมันเลยข้อจำกัดในตอนนี้ของเธอไปแล้ว
แม้มากกว่าครึ่งนั้นเป็นโจวเฉิงที่จ่ายเงิน แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะใช้เงินของโจวเฉิงอย่างสบายใจกัน?
โจวเฉิงไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงซื้อซาลาเปาจำนวนหนึ่งตามไปเท่านั้น
ขณะทั้งสองกำลังจะกลับ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้แวะไปวนในตลาดสินค้าเกษตรอีกหน แผงขายเนื้อสัตว์ยังมีซี่โครงที่ขายไม่หมดอยู่ เดี๋ยวนี้ผู้คนชอบกินเนื้อติดมัน เนื้อไร้มันมักถูกเลือกอย่างจุกจิก เนื้อติดกระดูกก็ยิ่งไม่คุ้มค่าเข้าไปใหญ่ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานชอบ จึงซื้อซี่โครงสองชั่งที่เหลืออยู่บนแผงเนื้อไปทั้งหมดเลย
โจวเฉิงรู้ว่าตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยที่บ้านของลุง ไม่เช่นนั้นเขาคงหน้าด้านขอลองชิมอาหารที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำเองเสียหน่อยแล้ว
คิดๆ ไปก็ช่างเถอะ เธอขาวใสนุ่มนิ่มไม่เหมาะการรมควันอยู่กับไฟ อีกหน่อยก็จ้างแม่บ้านสักคนไว้ช่วยทำอาหารแล้วกัน
พวกเถ้าแก่ใหญ่ทางใต้นั้นล้วนจ้างแม่บ้านกันหมด เหล่าข้าราชการอาวุโสในปักกิ่งก็มีพนักงานดูแลบ้าน แล้วทำไมโจวเฉิงจะจ้างไม่ได้เล่า? เพียงแต่คนผู้นี้ยังไม่เคยแม้แต่จะจับจูงมือของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยซ้ำ รู้จักกันวันที่สามก็คิดไปถึงเรื่องราวหลักแต่งงานเสียแล้ว
ผู้นำ [3] กล่าวไว้ว่าความรักที่ไม่ยึดถือการแต่งงานไว้เป็นเป้าหมายคือการกลั่นแกล้ง [4] โจวเฉิงถูกใจเซี่ยเสี่ยวหลาน อยากใช้ชีวิตกับเธอ ย่อมคิดถึงการแต่งงานเป็นธรรมดา
ตอนขากลับโจวเฉิงนำตะกร้าที่อยู่ด้านหลังมาซ้อนกันแล้ววางไว้ฝั่งเดียว ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานจึงนั่งซ้อนท้ายโดยไม่ต้องงอขา เมื่อเธอได้นั่งอย่างมั่นคงแล้วโอกาสที่มือจะจับเอวของโจวเฉิงก็น้อยลง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างมาก
เป็นเพราะใจอ่อนเหลือแสน ทนไม่ได้ที่จะให้เซี่ยเสี่ยวหลานคดขาจนนั่งไม่สบายตัว ทำให้เขาไร้สิ่งใดให้เอาเปรียบบ้าง
เมื่อทั้งสองคนมาถึงเขตอันชิ่ง เวลายังไม่ดึกมาก โจวเฉิงจะไปส่งเซี่ยเสี่ยวหลานที่หมู่บ้านชีจิ่ง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เห็นด้วย
พี่เองก็ไม่มีรถ ส่งฉันกลับแล้วต้องเดินกลับเข้าตัวเมือง แบบนี้ไม่สะดวกเกินไปแล้ว
โจวเฉิงคิดในใจว่าเขาไม่รังเกียจความยุ่งยากหรอก เขาคาดหวังให้ฟ้ามืดเกินจนต้องพักอาศัยที่หมู่บ้านชีจิ่งด้วยซ้ำ แต่เยี่ยมเยือนบ้านผู้อื่นมือเปล่าไม่ใช่วิถีของเขา ใจก็ยังกังวลถึงเรื่องทางคังเหว่ย โจวเฉิงจึงตักเตือนเซี่ยเสี่ยวหลานให้ระวังตัวอยู่หลายรอบถึงยอมปล่อยเธอจากไป
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานไปไกลสิบกว่าเมตรได้แล้ว โจวเฉิงก็นึกขึ้นได้ พรุ่งนี้เธอยังจะไปซางตูหรือไม่?
ไม่แล้ว พรุ่งนี้อย่างมากก็ไปแค่เขตอันชิ่ง จะไปรับซื้อของที่หมู่บ้านอื่นน่ะ
โจวเฉิงรู้อยู่แก่ใจดี
พอกลับถึงที่พัก คังเหว่ยกำลังนั่งยองๆ ข้างรถพลางสูบบุหรี่ ข้างตัวเขามีผู้ชายคนหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ หน้าตายับเยิน เหตุเพราะถูกคังเหว่ยจัดการเสียจนยอมจำนนแต่โดยดี
คนคนนี้ก็คือจางเสเพลจากหมู่บ้านสือพัวจื่อ
ปกติเขาเป็นพวกเกเรในหมู่บ้าน โดยหลักการไม่น่ายอมแพ้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
ทว่าคังเหว่ยไม่เพียงหมัดหนัก ทั้งยังนำปากกระบอกปืนดำขลับจ่อที่หัวของเขาอีก จางเสเพลแทบปัสสาวะราดกางเกง ช่วงนี้เจ้าหน้าที่กำลังปราบปรามอย่างหนัก วันสองวันนี้บรรยากาศในตัวเมืองยิ่งเข้มงวด จางเสเพลยังคิดว่าตนเคยไปทำอะไรผิดกฎหมายมาหรือไม่ จึงถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจับเข้าแล้ว ผลกลายเป็นคังเหว่ยพาเขากลับเข้าตัวเมืองโดยไม่ได้มุ่งไปยังสถานีตำรวจและมาที่บ้านพักแทน
จางเสเพลยิ่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่สุข
พี่เฉิงจื่อ พี่กลับมาแล้วหรือ? ไอ้ขี้ขลาดกลัวจนฉี่ราด กลิ่นคลุ้งทำเอาผมจะตายอยู่แล้ว
ไม่แปลกใจที่คังเหว่ยอยู่ห่างจากจางเสเพลหลายเมตร
พามันกลับห้องไป พวกนายมายืนอยู่ในลานที่พัก หากคนเห็นย่อมไม่เกิดผลดีแน่
อย่างไรเสียพวกเขาก็มิใช่คนอันชิ่ง มังกรข่มงูเจ้าถิ่นไมได้ [5] โจวเฉิงไม่อยากทำอะไรอึกทึกครึกโครม ในเมื่อคังเหว่ยพาคนกลับมาแล้ว ต้องมีเหตุผลของตนเองเป็นแน่ ทำไมชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้ป่นปี้ยับเยิน บางทีปริศนานี้อาจแก้ได้ด้วยจางเสเพล
แววตาของโจวเฉิงมืดมนไม่น้อย
จางเสเพลแค่นึกว่าคังเหว่ยนั้นร้ายกาจ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองได้สะกิดดาวหางมรณะ [6] ที่แท้จริงเข้าให้แล้ว
เชิงอรรถ
[1] 秋老虎 เสือใบไม้ร่วง หมายถึง อาการร้อนจัดหลังจากผ่านจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว
[2] 双拳难敌四手 สองกำปั้นเอาชนะสี่มือได้ยาก เดิมทีมาจาก ฝีมือดีเอาชนะสองกำปั้นได้ยาก หมายถึง แม้ฝีมือดีแค่ไหน แต่ถ้ากำลังคนน้อย ก็ยากที่จะเอาชนะได้
[3] 主席 ผู้นำ หมายถึง ผู้นำสูงสุดหรือผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศจีน ในเนื้อความหมายถึงเหมาเจ๋อตุง
[4] 不以结婚为目的都是耍流氓 ความรักที่ไม่ยึดถือการแต่งงานไว้เป็นเป้าหมายคือการกลั่นแกล้ง เป็นคำพูดที่เหมาเจ๋อตุงเคยกล่าวไว้ เชื่อกันว่ามีที่มาจากคำพูดของเชคสเปียร์ หมายถึง เมื่อมีความรักควรจริงจังต่ออีกฝ่าย ไม่ทำให้เป็นเรื่องล้อเล่น มิเช่นนั้นก็ถือเป็นการกลั่นแกล้งกัน
[5] 强龙不压地头蛇 มังกรข่มงูเจ้าถิ่นไม่ได้ หมายถึง แม้เป็นผู้มีพละกำลังหรือความสามารถแข็งแกร่ง แต่ก็สู้อิทธิพลท้องถิ่นไม่ได้
[6] 煞星 ดาวหางมรณะ หมายถึง ดาวหางที่ผู้คนเชื่อว่านำภัยพิบัติมาให้