เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 เข้าเมืองขายไข่เป็ด
มันเทศ 20 ชั่งต่อคนสองคน อย่างไรเสียก็อยู่ได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ผลผลิตใหม่ของปีนี้ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว เซี่ยต้าจวินกลับมาเมื่อไรย่อมต้องมาตามหาหลิวเฟินกลับไปแน่นอน แต่บ้านเซี่ยจะให้อภัยเสี่ยวหลานหรือไม่? หลิวเฟินกำลังคิดจะกลับบ้านแม่ตัวเองไปหาทางออกก่อน แม้บ้านตระกูลหลิวเองก็จนเหมือนกัน แต่ลุงของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นคนจนที่เอื้อเฟื้อ ไม่มีทางยอมมองหลานสาวอดตายต่อหน้าหรอก
ในขณะที่หลิวเฟินกำลังครุ่นคิด เซี่ยเสี่ยวหลานก็หอบกิ่งไม้แห้งกลับมา นัยน์ตาเป็นประกาย ออกปากว่าอยากกินมันเผา หลิวเฟินเห็นเธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ทำเอารู้สึกว่าจะทนทุกข์แค่ไหนล้วนเต็มใจทำเพื่อลูกทั้งนั้น
ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่เผามันให้นะลูก
เธอกลับเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานแหวกฟืนออก เผยให้เห็นไข่เป็ดป่า
หลิวเฟินดีใจไม่น้อย ไข่เป็ดป่ามีขนาดพอๆ กับไข่ไก่ แค่เห็นก็รู้ได้ว่าไปเก็บมาจากดงต้นอ้อ พอมีไข่จำนวนนี้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้กินของที่สามารถบำรุงร่างกายบ้าง ตอนนี้ลูกสาวซูบผอมเสียจนลมพัดทียังล้มได้ หลิวเฟินเป็นห่วงยิ่งนัก
ไว้แม่ต้มไข่เป็ดให้ลูกด้วย
บ้านเก่าโทรมหลังนี้ไม่มีเครื่องครัว เนื่องจากคนในชนบทไม่ค่อยเรื่องมาก ใช้แค่หม้อกระเบื้องเคลือบต้มไข่ย่อมไม่มีปัญหา เซี่ยเสี่ยวหลานกลับยั้งมารดาเอาไว้
ยังกินตอนนี้ไม่ได้นะแม่ ชีวิตดีๆ ของพวกเราขึ้นอยู่กับไข่เป็ดแล้วนะ ตอนนี้ชาวบ้านกำลังกังวลเรื่องผลผลิตในไร่นา ไม่มีเวลาตัดต้นอ้อ ฉันอยากหาไข่เป็ดไปขายในเมืองเพิ่มอีกหน่อย คืนนี้พวกเราไปดงต้นอ้อกันเถอะ เจอไข่เป็ดอีกสักใบสองใบก็ยังดี
หลิวเฟินไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
ตระกูลเซี่ยยังไม่แยกครอบครัวกัน ปกติแล้วไข่ไก่ที่เก็บมาได้จะถูกนำไปขายในเมืองโดยแม่สามีกับพี่สะใภ้ใหญ่ จากหมู่บ้านต้าเหอเข้าไปยังตัวเมืองใช้เวลาถึงสองชั่วโมง หากไม่มีธุระทุกคนก็ไม่ไปที่นั่น แต่เซี่ยเสี่ยวหลานมีวาทศิลป์นัก หลิวเฟินไม่สามารถโน้มน้าวลูกสาวได้ เดิมทีตนเองก็ชินกับการเชื่อฟังอยู่แล้ว จึงหาคำปฏิเสธใดๆ ไม่ได้เลย
สองแม่ลูกกินมันเผากันคนละหัว หลิวเฟินคิดว่าหากจะนำไข่เป็ดเข้าไปขายในเมือง อย่างน้อยต้องมีตะกร้าสักสองใบ จึงออกไปหาก้านต้นอ้อมาจำนวนหนึ่ง แล้วนำมาทำเป็นตะกร้าใบน้อย
ไม่มีเครื่องมือแถมยังไม่ได้แช่น้ำ ใช้ได้ไม่ถึงเดือนก็คงพัง
หลิวเฟินใช้หินทับตะกร้าสานแล้วเอาไปแช่ในแม่น้ำ ดูๆ ไปแล้วก็นึกชังฝีมือประดิดประดอยของตนเองอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับคิดว่านั่นคืองานหัตถกรรมจักสานแล้ว อย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งร่างเดิมและร่างใหม่ก็ทำของแบบนี้ไม่เป็นหรอก!
คืนนี้ สองแม่ลูกจะเป็น ‘โจรขโมยไข่’ เมื่อสานตะกร้ากันเสร็จจึงรีบเข้านอน ประตูที่ลงกลอนไม่ได้ก็เอาท่อนไม้มาขัดไว้ก่อน ในบ้านไม่มีเตียง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำก้านอ้อที่สะอาดมาปูบนพื้น โชคดีที่ตอนนี้เป็นเดือนสิงหา มิเช่นนั้นบ้านซ่อมซ่อที่มีรูลมผ่านอยู่ทั่วหลังนี้คงจะทำเอาหนาวสั่นจนเจ็บป่วยได้
ไม่มีนาฬิกาบอกเวลา อีกทั้งในใจก็มีเรื่องเก็บไว้ เซี่ยเสี่ยวหลานนอนหลับได้ไม่นานก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงดังกรอบแกรบ ที่แท้เป็นเพราะหลิวเฟินได้นำตะกร้าสานขึ้นมาจากแม่น้ำแล้ว
ลูกนอนอีกสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวแม่ไปหาก่อน
ต้นอ้อบาดผิวทำเอาแสบไปหมด หากไข่เป็ดไปอยู่ในที่ที่หาเจอง่าย ตรงนั้นจะไม่มีคนไปเก็บได้อย่างไร? งานนี้ถือว่าเหนื่อยเอาเรื่อง หลิวเฟินไม่อยากให้ลูกสาวลำบาก เซี่ยเสี่ยวหลานเดิมทีออกจะถนิมสร้อย ไม่ค่อยทำงานในนาในไร่เท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหัว เราไปด้วยกันนี่แหละ
สองคนหาได้ว่องไวอีกทั้งปลอดภัยทั้งคู่ด้วย พวกเธอไม่มีแม้แต่ไฟฉายสักกระบอก จึงได้แต่อาศัยแสงจันทร์ส่อง ยังดีที่คืนนี้แสงจันทร์สุกสกาวมาก คาดว่าพรุ่งนี้อากาศจะแจ่มใสแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาหิ้วตะกร้าใบน้อย พยายามไปค้นหาในจุดที่ดูร้าง พอเจอกับดงต้นอ้อเข้าพวกเป็ดป่าก็ตกใจบินหนี กว่าจะเจอรังเป็ดสักรังหนึ่ง ทว่าข้างในดันว่างเปล่าเสียได้
ยังไม่ทันจะเจอรังที่มีไข่ก็ดันไปทำสุนัขเฝ้าคอกวัวตกใจเข้า
ตาเฒ่าหวังที่เฝ้าคอกวัวอยู่คนเดียวรับรู้ได้ไวมาก ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!
แสงจากไฟฉายสาดส่องไปมาอยู่ชั่วครู่ หลิวเฟินให้เซี่ยเสี่ยวหลานหลบอยู่ด้านหลัง ตนเองรู้สึกอับอายเอามากๆ
ลุงจ๊ะ ฉันเอง มาเก็บไข่ไปให้ลูกบำรุงหน่อยน่ะจ้ะ
อ้าว คนบ้านต้าจวินเองหรือ?
ชายชราหวังเห็นสองแม่ลูกที่บนศีรษะเต็มไปด้วยเศษหญ้า
เรื่องที่เซี่ยเสี่ยวหลานโดนขับออกจากบ้านนั้นทั้งหมู่บ้านล้วนรู้กันหมด ชายแก่ผู้นี้เองก็ไม่ได้เอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานสักเท่าไร ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องกิริยาท่าทาง เด็กสาวคนนี้ดันไม่เห็นหัวผู้ใหญ่นัก ปกติแล้วไม่แม้แต่จะทักทายคนอื่น อย่างไรก็ตามหลิวเฟินช่างน่าสงสาร ผ้าพันแผลบนหน้าผากเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ยังมีเลือดซึมอยู่ เขาครุ่นคิดสักพักจึงเอาไฟฉายในมือส่งให้หลิวเฟิน
พรุ่งนี้ค่อยคืนฉัน
หลิวเฟินซาบซึ้งใจเสียจนเบ้าตาเจือสีแดง
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้มีแต่คนใจร้ายไปเสียหมด เธอจึงกล่าวด้วยใจจริง
ขอบคุณปู่หวังนะจ๊ะ
ชายชรารู้สึกประหลาดเล็กน้อย เขาชำเลืองมองเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วจูงสุนัขกลับเข้าคอกวัวไป ไม่ใส่ใจกับเรื่องของสองแม่ลูกอีก
พอมีไฟฉายช่วยอีกแรง รังเป็ดป่าผืนนี้ถือว่าถึงคราวซวยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาเดินหาไม่กี่ชั่วโมงก็เก็บไข่เป็ดได้ถึงเจ็ดแปดสิบใบ ทั้งสองคนใช้ตะกร้าสานบรรจุไข่ทั้งหมดเอาไว้ ตัวหลิวเฟินเองยังคงงุนงงอยู่
นอกเหนือจากไข่เป็ดแล้ว พวกเธอยังพบรังที่มีลูกเป็ดฟักออกมาแล้วด้วย
พวกเราเลี้ยงมันได้นะ
ขนบนตัวมันขึ้นเต็มแล้ว หลิวเฟินดีใจอยู่ทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกถึงบ้านที่เก่าจนกันได้แค่คนมาดีแต่ไม่กันคนมาร้าย [1] และส่ายหัว เลี้ยงจนโตก็ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์อะไร ขายไปด้วยเถอะแม่
หลิวเฟินแอบเสียดาย
แต่ขนาดเรื่องปากท้องของตัวเธอและเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีปัญหา เลี้ยงเป็ดป่าสองสามตัวก็ดูจะสะดุดตาไปสักหน่อย
ทั้งสองกลับบ้านและตรวจไข่ทีละใบ รวมกับไข่ 12 ใบที่เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บมาได้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดรวมเป็นไข่ที่ฟักไม่ได้ 82 ใบ ยังไม่ทันรอถึงรุ่งสาง เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินก็ออกเดินทางเข้าเมืองด้วยกัน สองแม่ลูกไม่ลืมคว้ามันเทศสองหัวมาสำรองเป็นอาหารด้วย
ของกินอย่างมันเผา สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานที่กินในมื้อแรกก็คิดว่าสดใหม่และดูเป็นเสน่ห์ของชนบทดี
แต่พอกินติดกันสองมื้อแล้วเธอดันรู้สึกไม่พอใจนัก ยังดีที่ตอนเด็กเธอลำบากมามาก ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังพอยืนหยัดอยู่ได้ หากไป๋ฟู่เหม่ยต้องมาใช้ชีวิตเช่นนี้ ไม่ทันพ้นวันแรกก็คงบ้าคลั่งไปแล้ว
มีชีวิตอยู่สิ ต้องอยู่ในยุคนี้ให้ได้ถึงจะมีสิทธิ์หวังกับชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยความยึดมั่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานรีบก้มหน้าก้มตาเดินทาง พอมาถึงตัวเมืองฟ้าจึงเริ่มสาง แม้หมู่บ้านต้าเหอจะยากจน แต่เศรษฐกิจในตัวเมืองชิ่งอัน [2] กลับไม่เลวนัก ที่นีมีโรงงานค้าเนื้อสัตว์และโรงงานเครื่องจักรการเกษตร เลี้ยงคนงานจำนวนหลายชีวิต วัวที่หมู่บ้านต้าเหอเลี้ยงก็ต้องส่งมาขายให้กับโรงงานค้าเนื้อนี้เช่นกัน
แม้แต่คนงานของโรงงานเนื้อก็พอจะสามารถหาซื้อพวกเนื้อสัตว์ได้ ทว่าไข่กลับเป็นของหาซื้อยาก หมู่บ้านที่อยู่ภายใต้ตัวเมืองอันชิ่ง [3] นี้จะเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวเสียมากกว่า ส่วนสัตว์ปีกนั้นค่อนข้างน้อย
ไปขายที่ไหนกันดี?
ในอันชิ่งมีโรงงานขนาดใหญ่อยู่สองแห่ง คนงานที่นี่มีเงิน สินค้าตลาดมืดก็หมุนเวียนได้ด้วยสองโรงงานนี้ แต่โรงงานเนื้อสัตว์นั้นผลประกอบการดี กระเป๋าเงินของคนงานย่อมหนักกว่า หากวิเคราะห์จากที่หลิวเฟินกล่าวก็ควรเอาไข่ไปขายข้างโรงงานที่นั่น
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเลือกทำตรงกันข้าม
พวกเราไปวนๆ ดูข้างนอกโรงงานเครื่องจักรเกษตรกันเถอะ
โรงงานเครื่องจักรเกษตรคนงานเยอะ เซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงงานแบบนี้มากกว่า
เมื่อไปถึงโรงงานเครื่องจักรเกษตรแล้วฟ้าก็สว่างพอดี เหล่าคนงานขี่จักรยานเข้างาน เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นข้างทางมีคนถือของชนิดต่างๆ มาเช่นกัน ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมวงการค้าขาย ดีจริง มีคนถือไก่ หิ้วมันเทศสดที่ขุดใหม่ๆ วันนี้เธอไร้คู่แข่งในการขายไข่แล้ว
เพิ่งได้เจอที่ขายของ ก็มีป้าๆ ถือกระเป๋าจ่ายตลาดเข้ามาล้อมรอบ
ขายไข่ไก่หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดทำท่าทางกลับกลอก ไข่เป็ดป่าจ้ะ ใหม่ทั้งนั้นเลยนะ ถ้าอยากได้เดี๋ยวฉันขายให้ราคาถูกกว่าไข่ไก่อีกจ้ะ
ลักษณะไข่เป็ดป่ากับไข่ไก่มันก็คล้ายกันกันนั่นแหละ! ถูกกว่าไข่ไก่แบบนี้มันก็คุ้มค่ากว่าอยู่แล้ว รสสัมผัสจะนุ่มนวลหรือไม่จะสนอะไรเยอะแยะ!
ราคากลางของไข่ไก่อยู่ที่ชั่งละ 1.2 หยวน ทั้งยังต้องจ่ายด้วยตั๋วซื้ออาหาร [4] ส่วนไข่ที่พวกเกษตรกรนำมาขายเองไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋ว ราคาอยู่ที่ชั่งละ 1.5 หยวน เซี่ยเสี่ยวหลานสืบเสาะมาแล้ว ใต้จมูกคนเรามีหนึ่งปาก ทักทายคนอย่างสุภาพสักนิด ปากหวานสักหน่อย ไม่มีใครเขาเก็บราคาขายเป็นความลับสุดยอดหรอก
เห็นเหล่าแม่บ้านยืนนิ่งไปไปไหน เห็นชัดว่าสนใจเข้าแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าต้องทำอะไรต่อ
ถ้าซื้อน้อยกว่า 10 ใบ ฉันขายให้ใบละหนึ่งเหมาสามเฟินจ้ะ [5] ถ้าซื้อ 10 ใบขึ้นไป ฉันให้ใบละหนึ่งเหมาสองเฟิน ถ้า 20 ใบขึ้นไป เอาไปใบละหนึ่งเหมาหนึ่งเฟินเลยจ้ะ!
ราคาขายแบบขั้นบันไดทำเอาเหล่าแม่บ้านงงงวย
มีของถูกขนาดนี้ไม่ซื้อก็โง่แล้ว คุณป้าที่เดิมทีจะซื้อแค่เล็กน้อยก็ควักเงินออกมาซื้อไป 21 ใบ อย่าริดูถูกมันสมองในการใช้ชีวิตของเหล่าแม่บ้านเชียว ของถูกก็ต้องรีบคว้า ไม่ถือว่าเสียสติจริงๆ สักหน่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานรับเงินมาสองหยวนสามเหมา ส่วนหนึ่งเฟินที่ขาดไปก็ลดให้
เธอส่งเงินใส่มือหลิวเฟินที่ยังไม่ทันหายตกใจด้วยซ้ำ คนขายของรอบๆ ก็หันมามองเซี่ยเสี่ยวหลาน ผู้หญิงคนนี้ดูอรชรอ้อนแอ้น ไม่คาดคิดว่าจะค้าขายได้คล่องแคล่วกระตือรือร้นเช่นนี้
เชิงอรรถ
[1] 防君子,不妨小人 กันคนมาดี ไม่กันคนมาร้าย ในที่นี้หมายถึง บ้านซอมซ่อของเซี่ยเสี่ยวหลานผุพังมาก หากคนมาดีเจอเข้า แม้จะเห็นว่าเข้าไปได้ง่ายดาย แต่จะไม่ถือวิสาสะเข้าไป กลับกันถ้าคนมาร้ายพบเข้า คงเข้าไปเลยโดยไม่รีรอ
[2] 庆安 ชิ่งอัน ที่เดียวกับ [3]
[3] 安庆 อันชิ่ง ที่เดียวกับ [2]
[4] 粮票 ตั๋วซื้ออาหาร คือ ตั๋วแทนเงินที่รัฐบาลออกให้ประชาชนใช้ซื้ออาหารเลี้ยงชีพในช่วงยุค 50 ถึงต้นยุค 90 เนื่องจากประเทศจีนประสบปัญหาภาวะขาดแคลนอย่างหนัก
[5] 毛เหมา คือ หน่อยเงินย่อยรองจากหยวน 10 เหมามีค่าเท่ากับ 1 หยวน
分เฟิน คือ หน่วยเงินย่อยรองจากเหมา 10 เฟินมีค่าเท่ากับ 1 เหมา