เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 32 บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมือง
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 2 ตอนที่ 32 บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมือง
ไฉ่เตี๋ยไม่ใช่ว่าโรงงานยาสูบซางตูเป็นผู้ผลิตหรือ? ทำไมถึงไม่มีของเล่า?
บุหรี่หนึ่งคอตตอนแค่ 3.5 หยวน เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่ซื้อไม่ไหว
แม้เธอจะมีประสบการณ์ความรอบรู้เป็นเวลากว่า 30 ปีเกินยุคสมัย แต่สำหรับตลาดยาสูบในปี 83 เธอไม่รู้จักเลยสักนิด ใบยาสูบเป็นของที่ประเทศผูกขาด ถ้ายกตัวอย่างจาก ‘ไฉ่เตี๋ย’ โรงงานยาสูบซางตูผลิต ‘ไฉ่เตี๋ย’ ได้เท่าไรต่อปีล้วนมีจำนวนที่แน่นอน ‘ไฉ่เตี๋ย’ ที่ผลิตออกมาก็ไม่ใช่ว่าจะขายในขอบเขตของเมืองซางตูหรือแม้แต่ทั้งมณฑลเท่านั้น ทว่าจะแบ่งสันปันส่วนไปยังแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ—‘ไฉ่เตี๋ย’ ที่โรงงานยาสูบซางตูผลิตนั้น คนซางตูกลับหาซื้อได้ยากยิ่ง
อยากซื้อก็ย่อมได้ ต้องหาเครือข่าย ต้องโก่งราคา! ขนาดคนซางตูซื้อปลีกหนึ่งซองสองซองยังยาก เซี่ยเสี่ยวหลานออกปากต้องการหนึ่งคอตตอน ตอนนี้บุหรี่เขาซื้อเป็น ‘คอตตอน’ ที่ไหนกัน เว้นเสียแต่หน่วยงานรัฐจัดการประชุมอะไรสักอย่าง มีการอนุมัติเป็นพิเศษโดยคนตำแหน่งหัวหน้า ถึงจะสามารถซื้อบุหรี่ที่มีสินค้าไม่เพียงพอในหน่วยคอตตอนได้
‘ต้าเฉียนเหมิน’ ที่เซี่ยงไฮ้ถูกผลิตในราคา 0.35 หยวนต่อหนึ่งซองเช่นกัน ลุงของเซี่ยเสี่ยวหลานก็สูบบุหรี่ยี่ห้อนี้ สำหรับเขตชนบทอย่างหมู่บ้านชีจิ่ง ได้สูบบุหรี่ยี่ห้อนี้ก็ถือว่ามีหน้ามีตามากแล้ว ชื่อเสียงของ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ ในประเทศนั้นโด่งดังทีเดียว โดยสรุปแล้วเป็นบุหรี่ขายดีของเซี่ยงไฮ้ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถซื้อ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ ได้ในซางตู แต่กลับซื้อ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ไม่ได้… ขายใบยาสูบต้องกำไรงามเป็นแน่ ความคิดนี้โผล่ออกมาในสมองของเซี่ยเสี่ยวหลาน ทำอย่างไรก็ข่มไว้ไม่ได้
บุหรี่หลายแสนลังต่อหนึ่งปี ถูกแบ่งสรรไปยังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ บุหรี่เป็นธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคสูงมาก นอกเสียจาก ‘บุหรี่โด่งดัง’ ไม่กี่ยี่ห้อที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ คนในแต่ละพื้นที่จะสูบบุหรี่แบบไหนล้วนสูบตามความพึงพอใจของตนเอง คนซางตูเชื่อมั่นในบุหรี่สามยี่ห้อซึ่งผลิตโดยโรงงานยาสูบซางตู เมืองโดยรอบซางตูก็อาจจะชื่นชอบสินค้าประจำถิ่นของพวกเขาเช่นกัน แม้คนซางตูซื้อ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ไม่ได้ แต่ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ในที่อื่นอาจอยู่ในสภาวะขายไม่ออกก็เป็นได้
ถ้านำ ‘ไฉ่เตี๋ย’ ที่แบ่งสรรไปยังพื้นที่อื่นกลับมาขายในซางตูเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกหัวหมุนวิงเวียน
คุณยังจะซื้ออยู่บุหรี่ไหม?
ถูกพนักงงานขายเรียกให้หลุดจากภวังค์ เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เอาต้าเฉียนเหมินให้ฉันหนึ่งคอตตอนแทนแล้วกัน
ต้าเฉียนเหมินหนึ่งคอตตอนนั้นยังมี
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีตั๋วยาสูบ บุหรี่ที่กำหนดราคาไว้ 0.35 หยวนต่อซอง ทำเธอต้องจ่าย 5 เหมาต่อหนึ่งซองแทน นี่ก็เป็นเพราะ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ ผลิตได้มาก มิเช่นนั้นเธออย่าคิดว่าอยากซื้อก็สามารถได้เลย
ถือบุหรี่ที่ต้องถูหนังปากตนเองจนสึก [1] กว่าจะซื้อมาได้ ผ่านไปสักพักเซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้อารมณ์สงบลง
ใช่แล้ว ยาสูบกำไรดีมากเหลือเกิน ทว่าเธอต้องหาเครือข่ายให้ได้ นี่ไม่ใช่การค้าขายส่วนบุคคล ดังนั้นจำเป็นต้องมีคนของหลวง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีหนทางทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีทางรู้จักบุคคลแบบนี้ เรื่องพัฒนาเครือข่ายก็เริ่มจากหูหย่งไฉแล้วกัน
เป้าหมายเดิมคือหาลูกค้าให้กับปลาไหล แต่ไม่ใช่ว่าเธอทำได้แค่ขายปลาไหลตลอดไปหรอกนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานไปทางตะวันตก
เมื่อก่อนชานเมืองตะวันตกคือผืนดินร้างว่างเปล่า แต่หลังจากยุค 50 โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างฝ้าย ล้อหินเจียระไน เครื่องขุดถ่านหิน การพิมพ์ย้อมและอื่นๆ ได้ทยอยก่อตั้งในชานเมืองตะวันตกของซางตู คณะกรรมการประจำเมืองจึงตัดสินใจสร้างอาคารสำนักงานใหม่ที่ชานเมืองตะวันตก ในเมื่อสถานที่ตั้งสำนักงานก็ย้ายแล้ว จึงสร้างบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองไปด้วย ในปี 63 ตึกใหญ่ของบ้านพักรับรองได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ ทุกวันนี้ผ่านไปแล้ว 20 ปี ลักษณะภายนอกของบ้านพักยังคงรักษาไว้ได้ไม่เลว สิ่งก่อสร้างสูง 5 ชั้นล้อมรอบด้วยแนวเสาระเบียง หลังคาและชายคายื่นออกด้านนอก ทำให้ภาพรวมของอาคารดูไม่เนี้ยบนักแต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ยิ่งยอดหลังคาประกอบด้วยกระเบื้องกระจก [2] กับลายฉลุแล้ว ในความยิ่งใหญ่เกรียงไกรก็เจือด้วยความวิจิตรบรรจง
สถานที่นี้พัฒนาได้ยี่สิบสามสิบปีแล้ว จึงไม่ได้รกร้างดั่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไว้ ทว่าคนซางตูดั้งเดิมเคยชินกับการเรียก ‘ชานเมืองตะวันตก’ เพื่อให้แตกต่างกับใจกลางเมืองเก่า ผู้ที่มาบ้านพักรับรองไม่มาเพื่อประชุมก็มาทำธุระงานหลวง พวกเขาล้วนเป็นพนักงานของหน่วยงานและบุคลากรของรัฐ
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานมาถึงนี่ จดหมายแนะนำก็ไม่มี หน้าตาสวยแค่ไหนก็ยังมีรูปลักษณ์แบบคนชนบทอยู่ดี
บ้านพักรับรองมิได้บอกว่าห้ามคนชนบทเข้าไป แต่ในเมื่อไม่มีจดหมายแนะนำ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องรับประทานอาหารหรือพักอาศัยเลย ทั้งหมดย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานแจ้งว่าเธอมาหาญาติ คนของบ้านพักรับรองจึงให้เธอรออยู่ที่ประตูหลัง
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ผู้ชายร่างเตี้ยอายุราวสามสิบกว่าปีออกมาจากประตูหลัง เขาไม่มีความแตกต่างอะไรกับคนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยพบในยุคนี้ นอกเสียจากคนคนนี้ค่อนข้างอวบอ้วน ทุกวันนี้ใครๆ ล้วนท้องไส้ไม่มีสารอาหาร ในปี 83 มีคนผอมมากคนอ้วนน้อย สมกับที่เป็นคนดูแลการจัดซื้อของบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมือง เป็นงานที่อมผลประโยชน์ได้ดีจริงๆ
พอใบหน้าอวบอ้วน ดวงตาก็ปิดเล็กลง
หูหย่งไฉเบิกตาขนาดเม็ดถั่วเขียว งงงวยไม่รู้ว่าตนมีญาติเป็นเซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไร
เซี่ยเสี่ยวหลานดูโดดเด่นถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นญาติห่างๆ กัน แค่ได้พบหน้ากันหนึ่งครั้ง หูหย่งไฉต้องไม่ลืมแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานจะปล่อยให้เขาครุ่นคิดรายละเอียดได้อย่างไร
ฉันชื่อเซี่ยเสี่ยวหลาน คุณลุงจู้เหลียงให้ฉันมาหาคุณค่ะ
หูหย่งไฉนึกๆ ดู หูจู้เหลียงที่ขายบะหมี่ปลาไหลหรือ?
เขาและหูจู้เหลียงเป็นญาติกัน ทว่าการไปมาหาสู่ของทั้งสองคนมีไม่บ่อยนัก หูหย่งไฉถือว่าพอมีอำนาจในมืออยู่บ้าง จึงเกรงว่าจะมีคนมาขอให้เขาช่วยเหลือโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เซี่ยเสี่ยวหลานรีบส่งถุงในมือให้ มีเรื่องเล็กน้อยจะรบกวนพี่หูสักหน่อยค่ะ
หูหย่งไฉเห็นสิ่งของในถุงแล้วเปลือกตาก็เลิกขึ้น
เรื่องเล็กน้อยนี่ใหญ่เท่าไรกัน ถึงขนาดให้ต้าเฉียนเหมินหนึ่งคอตตอนเลยหรือ?
ปฏิกิริยาตอบรับแรกของเขาคือการปฏิเสธ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมให้เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมากไปกว่านี้จึงกล่าวเรื่องอยากเชิญหูหย่งไฉสร้างสัมพันธ์รับซื้อปลาไหลออกไปโดยตรง
ถ้าคุณคิดว่าได้ ฉันนำสินค้าตัวอย่างมาด้วย
สินค้าตัวอย่างอะไร เป็นของเหลือจากการขายในตลาดสินค้าเกษตรชัดๆ
หูหย่งไฉพอเข้าใจสถานการณ์แล้ว รับซื้อของนิดหน่อยไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เซี่ยเสี่ยวหลานมอบบุหรี่หนึ่งคอตตอนให้ถือว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ
ปลาไหลที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำมาขนาดก็ไม่เล็ก พูดตามตรงคือได้มาตรฐานของการรับซื้อทั้งหมด แต่เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจเดินทางมาถึงที่นี่ อีกทั้งส่งของขวัญให้ คงมิใช่เพียงเพื่อปลาไหลยี่สิบกว่าชั่งนี้แน่ นี่เธอตั้งใจจะหาเงินเท่าไรกัน? ไม่ควรค่าใช้ต้าเฉียนเหมินหนึ่งคอตตอนสานสัมพันธ์เอาเสียเลย
หูหย่งไฉเองอยากไว้หน้าหูจู้เหลียงผู้แนะนำเซี่ยเสี่ยวหลานมา และด้วยความเห็นแก่ต้าเฉียนเหมิน จึงพูดเรื่องสัตย์จริงกับเซี่ยเสี่ยวหลานไป
เธออย่าดูแค่ว่าบ้านพักขนาดมันไม่เล็กนะ วัตถุดิบอย่างปลาไหลนี้ จริงๆ ก็ใช้ไม่เท่าไร คนมาประชุมไม่ว่าจะเป็นระดับหัวหน้าหรือหน่วยงานรัฐทั่วไป หนึ่งวันก็เป็นมาตรฐานอาหาร 1 หยวนทั้งนั้น ปลาไหลที่เธอนำมาวันนี้ฉันสามารถรับผิดชอบรับซื้อไว้ได้… แต่ถ้าเยอะเท่านี้ทุกวัน บ้านพักรับรองกินไม่หมดแน่นอน
บ้านพักรับรองมีมาตรฐานอาหารของตัวเอง นอกจากรับรองหัวหน้าหน่วยงานแต่ละระดับที่มาพักในซางตูแล้ว ยังมีสถานที่จัดการประชุมขนาดใหญ่ซึ่งกุมบังเหียนโดยรัฐบาลท้องถิ่นและคณะกรรมการประจำเมือง รวมถึงการประชุมผู้แทนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานระดับไหนมา ล้วนเป็นมาตรฐานอาหารเดียวกัน จ่ายด้วยเงินจากการคลังจำนวนหนึ่งหยวนให้ทุกคนในทุกวัน คนที่รับประทานอาหารจ่ายเพียงตั๋วอาหารจำนวนหนึ่งชั่งเท่านั้น
เงิน 1 หยวนกินอาหารหลักต้องอิ่มท้องเพียงพออยู่แล้ว มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก แต่ไม่อาจกินปลาไหลทั้งวันได้หรอก!
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ถอดใจ ในคำพูดของหูหย่งไฉมีความหมายมากกว่านั้น ยี่สิบกว่าชั่งต่อทุกวันกินไม่หมด อย่างนั้นเว้นสักสองสามวันเล่า? ทำธุรกิจต้องพูดถึงการลงทุน ที่เธอต้องการมิใช่กำไรมหาศาลในทันทีทันใด ขอเพียงสร้างสัมพันธ์อันดีกับหูหย่งไฉได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าปลาไหลของเธอจะขายไม่ออก
ฉันฟังตามที่คุณว่าค่ะ
หูหย่งไฉเห็นเธอไม่ตอแย ใจกว้างอีกทั้งหน้าตาสะสวย ความประทับใจของเขาต่อเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นดีทีเดียว
หูจู้เหลียงมีศักดิ์โตกว่าฉัน เธอก็อย่าเรียกคุณเลย เรียกชื่อฉันก็ได้
ได้ค่ะพี่หู!
หูหย่งไฉยิ้มแย้มจนดวงตากลายเป็นเส้นเล็กๆ เธอรอตรงนี้สักครู่ ฉันจะไปเรียกคนออกมาชั่งปลาไหลให้
เชิงอรรถ
[1] 磨破嘴皮子 ถูหนังปากจนสึก หมายถึง อดทนอดกลั้นในการขอร้องหรืออธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
[2] 玻璃瓦 กระเบื้องกระจก คือ กระเบื้องมุงหลังคาชนิดหนึ่ง เป็นวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมของจีน ไม่ได้ทำจากกระจกจริง แต่ใช้ความดันและความร้อนสูงในการผลิต ทำให้มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน เรียบ ดูดน้ำน้อย ทนกรดและด่าง