เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 33 ผู้หญิงมีโอกาสเกิดใหม่สองหน
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 2 ตอนที่ 33 ผู้หญิงมีโอกาสเกิดใหม่สองหน
หูหย่งไฉไม่ได้บอกว่าจะซื้อไข่ไก่ของเซี่ยเสี่ยวหลานด้วย
ไม่ใช่คนคนนี้ตระหนี่ แต่ปลาไหลกับไข่ไก่นั้นแตกต่างกัน เพราะปลาไหลที่บ้านพักรับรองใช้ทุกวันไม่สามารถรับประกันปริมาณได้ ส่วนไข่ไก่มีเตรียมพร้อมเสมอ แต่อย่างไรบ้านพักรับรองก็เป็นองค์กรสาธารณะ ไม่ซื้อไข่ราคาสูงเหมือนประชาชนคนสามัญ
หากหูหย่งไฉซื้อไข่ของเซี่ยวหลาน จะไม่ทำให้เธอได้กำไร ทว่าทำให้เธอขาดทุนต่างหาก!
ปลาไหลจำนวนยี่สิบกว่าชั่ง หูหย่งไฉหิ้วด้วยมือเดียวยังไหว แต่เขาไม่อยากตัวเลอะเฉอะแฉะด้วยกลิ่นคาวจึงเรียกคนหนุ่มในครัวมาช่วยแทน และถือว่าปลาไหลถูกซื้ออย่างลับๆ ล่อๆ
ชายหนุ่มผู้นั้นไม่กล้ามองเซี่ยเสี่ยวหลานมากนัก ชั่งปลาไหลเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานนำปลาไหลมาทั้งหมด 24 ชั่ง หูหย่งไฉให้ราคา 1.2 หยวนต่อหนึ่งชั่ง ราคาเท่ากับที่เซี่ยเสี่ยวหลานขายปลีก นี่คือพลังแห่งต้าเฉียนเหมินหนึ่งคอตตอน… แค่ปลาไหล 24 ชั่งนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถหากำไรได้อย่างน้อย 9 หยวน เงินซื้อบุหรี่ก็ไม่เท่าไรด้วยซ้ำ ในช่วงนี้มีคนที่สภาพคล่องทางการเงินดีอยู่น้อย ถึงได้เกิดโอกาสให้เซี่ยเสี่ยวหลานสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ มิเช่นนั้นโชคจะวนมาให้เธอได้ทำความรู้จักกับหูหย่งไฉได้อย่างไร
เรียบร้อยแล้ว เธอกลับบ้านระมัดระวังนะ วันมะรืนค่อยส่งปลาไหล 20 ชั่งมาอีก ต้องการมากน้อยแค่ไหนฉันจะบอกเธอให้เร็วที่สุด
พิจารณาแล้วจำนวนรับซื้อที่หูหย่งไฉกำหนดคือสองวัน 20 ชั่ง เฉลี่ยเป็นทุกวัน 10 ชั่ง หนึ่งเดือนก็คือ 300 ชั่ง ถ้าสามารถรับประกันจำนวนเท่านี้ได้ ขายให้บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองเจ้าเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานจะได้กำไรเกือบร้อยหยวนต่อเดือนแน่นอน
รอยยิ้มของเธอเป็นกันเองขึ้นเล็กน้อย ฉันทราบแล้วค่ะ ไว้พบกันใหม่นะคะ พี่หู
เธอขี่จักรยานจากไป หูหย่งไฉเรียกสติชายหนุ่มผู้มาช่วยถือปลาไหลที่กำลังเหม่อลอย
พี่หู เธอเป็นญาติพี่หรือ?
หูหย่งไฉกลอกตาขาวให้เขาไปหนึ่งที นายเห็นว่าหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลหลิวของฉันมีควันลอยออกมาแล้วหรือถึงได้มีญาติที่สวยขนาดนี้? ฉันรับซื้อตามกฎเกณฑ์ นายอย่าพูดเหลวไหลเชียว
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเงอะงะ พี่หู ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมแค่คิดว่าหญิงสาวคนนี้สวยเหลือเกิน พนักงานหญิงของบ้านพักพวกเรายังสู้เธอไม่ได้เลย
หูหย่งไฉคิดในใจ นายจะไปรู้อะไรกัน
เหล่าพนักงานต้อนรับหญิงของบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองล้วนเป็นสาวงามจากหนึ่งในร้อย แต่นั่นเป็นความสวยสง่างดงามแบบมีภูมิฐาน เป็นความงามที่คนหมู่มากให้การยอมรับ หากว่ากันตามมุมมองของผู้ชาย อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นนี้ถึงเรียกตราตรึงใจคน แต่เธอรูปลักษณ์แบบนี้แล้วใครจะกล้ารับมาทำงานเป็นพนักงานรับรองในบ้านพักกัน?
ดึงดูดคนมากไปก็ไม่ได้ เป็นเชื้อไฟให้เหล่าผู้บริหารก่อความผิดได้เลยทีเดียว!
ผู้หญิงนั้นหรือ สวยหรือไม่สวยล้วนไม่มีประโยชน์ ยังต้องดูว่าสามารถกุมโอกาสเกิดใหม่สองหนให้มั่นได้หรือไม่
หนแรกคือการมาเกิดจริงๆ อีกหนหนึ่งก็คือการออกเรือน ยกตัวอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน ดูแล้วไม่ค่อยมีความสามารถในการเลือกเกิดเท่าไรนัก ครอบครัวที่หวงแหนลูกสาวมากๆ อย่างไรเสียก็ต้องหางานมีหน้าตาและสุขสบายให้สักหน่อย หญิงสาวสะสวยอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำค้าขายเอง แสดงว่าครอบครัวไม่มีศักยภาพในการวางแผนอาชีพ เด็กสาวหน้าตาดีถึงเพียงนี้ ไม่จำเป็นต้องการศึกษาสูง ขอเพียงรู้หนังสือก็ยัดเข้าเป็นพนักงานขายในห้างสรรพสินค้าได้แล้ว!
แต่พอดูออกว่าเป็นทะเบียนบ้านชนบท แม้แต่คุณสมบัติสมัครงานยังไม่มี
หูหย่งไฉทำงานดูแลจัดซื้อสินค้าให้กับหลังบ้านขององค์กร เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ช่ำชองของหน่วยงาน จึงทายปูมหลังครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานได้เกือบถูกต้อง
เขาก็ไม่ได้พูดว่าดูแคลนเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอหน้าตาสะสวยจริงๆ ไม่แน่เธออาจจะอาศัยโอกาสเกิดใหม่หนที่สองเปลี่ยนแปลงชีวิตเมื่อไรก็ได้ หูหย่งไฉครุ่นคิด หญิงสาวผู้นี้มีแผนการของตัวเองอยู่ เมืองซางตูใหญ่โตถึงเพียงนั้น เธอกลับเจตนามาขายสินค้าถึงบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมือง คนที่มักจะปรากฏตัวแถวบ้านพักรับรองนี้ย่อมเป็นผู้บริหารของหน่วยงานราชการแต่ละระดับแน่นอน
อืม วันไหนอาจจะบินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ฟ้า[1] ก็บอกแน่นอนไม่ได้เลยทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ว่าหูหย่งไฉมองเธออย่างไร ขอเพียงมีธุรกิจให้ทำ หูหย่งไฉจะประเมินเธอเช่นไรล้วนไม่สำคัญ
เธอร้องเรียกขายของไปตามทาง เมื่อเห็นลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อของจึงรุกเข้าไปหาว่าต้องการไข่ไก่หรือไม่ วนรอบเมืองซางตูได้ครบหนึ่งรอบ ในที่สุดก็ขายไข่ไก่ที่เหลือร้อยกว่าใบได้หมด ทว่าไม่ว่าจะระวังเท่าไรย่อมต้องมีไข่แตกสักสิบกว่าใบ ในเมื่อไม่มีพลาสติกรองไข่ เซี่ยเสี่ยวหลานรักษาดีเพียงใดล้วนมีความผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้นบ้าง ทว่าเธอไม่คิดจะขายไข่ไก่เก็งกำไรอีกต่อไป หรืออีกอย่างหนึ่งคือไข่ไก่ได้กลายเป็นสินค้ารอง พอคิดแบบนี้ก็สบายใจขึ้นมากแล้ว!
ที่บ้านยังเลี้ยงปลาหมูและปลาไนจำนวนมาก หลี่เฟิ่งเหมยได้ปลูกพวกไชเท้าผักใบเขียวในที่ดินแบ่งสรร [2] อีกไม่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานเดินวนไปหนึ่งรอบ นอกจากเนื้อหมูแล้วก็ไม่รู้ควรซื้อผักอะไร ถ้าอย่างนั้นซื้อเนื้อหมูต่อไปดีกว่า แผงเนื้อสัตว์ยามบ่ายไม่มีเนื้อติดมันขายแล้ว เหลือเพียงเนื้อไร้มัน อันที่จริงเนื้อไรมันก็รสชาติดี แรกเริ่มเดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานมันเทศไปถึงสองมื้อ ต่อมาได้อาศัยที่บ้านหลิว พอดีกับเข้าช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว อาหารของบ้านหลิวจึงดียิ่งนัก ท้องไส้เธอจึงไม่ขาดสารอาหารอะไรขนาดนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานตัดเนื้อมาสองชั่ง อีกทั้งซื้อเครื่องปรุงหลายชนิด
ฝีมือทำอาหารของป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยถือว่าพอได้ ทว่าทำอาหารที่บ้านใช้แต่เกลือซีอิ๊วน้ำส้มสายชูเท่านั้น อย่างมากที่สุดก็เติมต้นหอม กระเทียมหรือขิงที่ปลูกในบ้านสักหน่อย เครื่องปรุงจำพวกโป๊ยกั๊ก พริกเสฉวน ใบกระวานล้วนไม่มีอยู่เลย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงซื้อกลับไปด้วยจำนวนหนึ่ง คนเราท้องอิ่มแล้วจึงจะแสวงหารสชาติได้ ให้ตนเองได้ใช้ชีวิตที่ดีเสียบ้าง ในสภาวะที่มีเงื่อนไขจำกัด ถึงจะเกิดแรงผลักดันในการหาเงินต่อไป
เข้าเมืองซางตูเว้นวันนั้นถูกต้อง
วันนี้แสงแดดเจิดจ้ามาก ข้าวของบ้านหลิวตากจนเกือบจะนำเข้ายุ้งฉางได้แล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานทำเงินในวันนี้ไป 20 กว่าหยวน เดิมทีอารมณ์ขณะกลับมาหมู่บ้านชีจิ่งก็สดชื่นเบิกบานมากแล้ว เพิ่งถึงบ้านพร้อมจอดจักรยานเรียบร้อย หลิวหย่งได้นำข่าวดีมาฝากเธอ
จางเสเพลจากหมู่บ้านสือพัวจื่อถูกคุมตัวแล้ว ท่าทางจะได้รับโทษหนักแน่
เซี่ยเสี่ยวหลานไปขายของในซางตู ตอนกลางวันหลิวหย่งก็ไปเขตอันชิ่งอีกรอบ หากอันธพาลทั้งสามคนยังไม่ถูกพิพากษา เขาจะไม่สามารถวางใจได้ ผลคือวันนี้ในเขตอันชิ่งได้มีขบวนปราบปราม ในเวลานั้นผู้กระทำผิดหลากหลายข้อหาถูกจับมาห้อยป้ายอัดกันอยู่บนรถ เสียงโทรโข่งตะโกนดังเซ็งแซ่ วิ่งวนรอบถนนเขตอันชิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
หลิวหย่งบังเอิญพบกับการปราบปรามครั้งนี้เข้าพอดี เขาไม่รู้จักจางเสเพล แต่ข้างหน้ามีป้ายแสดงชื่อและสถานะแขวนไว้ เป็นคนจากหมู่บ้านสือพัวจื่อ มีเพียงจางเสเพลที่เข้าทาง หลิวหย่งเองอยากจัดการจางเสเพลมาตั้งนานแล้ว ทว่าช่วงนี้มีการปราบปรามอย่างรุนแรง เขาจึงไม่อยากทำให้เพื่อนฝูงที่คุ้นเคยโดนหางเลขไปด้วย ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ทันได้ลงมือ จางเสเพลก็ถูก ‘ปราบปราม’ เสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ดีใจสิถึงแปลก
ไอ้สารเลวนั่นเคยกระทำเรื่องไม่ดีต่อ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ แล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่เจ้าของร่างเดิมถูกหวังเจี้ยนหัวช่วยเอาไว้ ครั้งที่สองก็คือตอนเกิดข่าวลือที่เป็นชนวนก่อนเจ้าของร่างจะชนเสา… การที่ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ หาทางตาย ในระหว่างนั้นมีคนอื่นกำลังโหมเรื่องให้มันแย่เข้าไปใหญ่ จางเสเพลก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลัก
ระหว่างเธอกับจางเสเพลไม่เคยเกิดพฤติกรรมอัปยศขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่พูดออกไปแล้วใครเล่าจะเชื่อเธอ?
อย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็พูดกันด้วยความเชื่อมั่น ราวกับล้วนเคยพบเคยเห็นเธอและจางเสเพลเกลือกกลั้วบนฟางด้วยตาของตนเองจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานยังคิดอยู่ว่าจะชำระแค้นครั้งนี้อย่างไร ไม่คาดคิดว่าจางเสเพลถูกจับเสียแล้ว!
เขาถูกจับด้วยเหตุผลอะไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย หากเหตุมาจากเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสม จางเสเพลพยายามลากเธอลงน้ำด้วยกันขึ้นมาจะทำอย่างไร มีความสัมพันธ์ชู้สาวมั่วซั่ว ผลของการกระทำมิได้พุ่งเป้าจัดการแค่ผู้ชายเท่านั้น ยังมีหญิงสาวที่ต้องถูกยิงตายด้วยเหตุผลนี้ด้วย!
คงไม่สามารถไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้ตลอดหรอก
ใบหน้าซูบคล้ำของหลิวหย่งผ่อนคลายขึ้น มันย่องเบาลักทรัพย์ คนของสถานีตำรวจบอกว่าขโมยไปจำนวนมหาศาล คราวนี้ได้รับโทษหนักแน่นอน!
เชิงอรรถ
[1] 飞上枝头变凤凰 บินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ฟ้า มักหมายถึงผู้หญิงที่เดิมมีพื้นเพไม่ได้ดีมาก แต่เพราะได้อาศัยฐานะของผู้ชายจึงกลายเป็นคนที่สูงส่งยิ่งขึ้น
[2] 自留地 ที่ดินแบ่งสรร คือ พื้นที่สำหรับแบ่งให้เพื่อทำการเกษตร ไม่สามารถขายหรือทำการอื่นนอกจากเกษตรกรรม คล้ายๆ กันกับที่ดินส.ป.ก. ของประเทศไทย