เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 38 หย่าขาด
หย่า?
หลิวเฟินบอกว่าจะหย่ากับเซี่ยต้าจวินด้วยตนเอง!
สมัยนี้พบการหย่ากันได้ยากมาก อีกทั้งยังเป็นหลิวเฟินผู้โอนอ่อนผ่อนตามมาโดยตลอดที่กล่าวขึ้นมาด้วยตนเอง ก่อขบถแล้วสินะ?
กลุ่มคนที่ยื่นหูฟังอยู่ด้านนอกบ้านหลิวล้วนตะลึงพรึงเพริดกันหมด เซี่ยเสี่ยวหลานเองยังนึกไม่ถึงว่ามารดาของเธอจะเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ นับประสาอะไรกับตระกูลเซี่ยทั้งสามคน
เซี่ยต้าจวินขบคิด หรือว่าช่วงนี้เขาไม่ได้ตีภรรยาผู้นี้เท่าไร ทำให้ในสายตาเธอไร้เงาของสามีตนเองแล้ว?!
เดินทางจากหมู่บ้านต้าเหอมาถึงหมู่บ้านชีจิ่ง อีกทั้งพาพี่สะใภ้และน้องสะใภ้มาด้วย ใช้คนสามคนมาเพื่อรับสองแม่ลูกนั้นถือว่าไว้หน้าหลิวเฟินมากพอแล้ว เธอมีลูกชายให้ไม่ได้ เซี่ยต้าจวินไม่ยินดีทว่าก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนภรรยามาก่อน ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแต่หลิวเฟินกลับบอกว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว ต้องการหย่าขาด!
เธอลองพูดอีกทีสิ!
เซี่ยต้าจวินลุกพรวดพราดขึ้นมา เนื้อตัวแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า แข็งแรงกำยำ ราวกับขุนเขาที่เพียงแค่มองก็ประหวั่นพรั่นพรึง
แกจะทำอะไร? จะทำตัวป่าเถื่อนในบ้านหลิวหรือ?
หลิวหย่งคว้าคานหาบจากข้างกายได้ก็นำมาบังไว้ตรงหน้าน้องสาว ส่วนหลี่เฟิ่งเหมยพุ่งตัวออกไปเรียกคน ตีกันแล้ว มีคนรังแกพวกเราบ้านหลิว รังแกคนหมู่บ้านชีจิ่งแล้ว!
หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานหายตกใจ เธอได้เดินไปดึงมือของมารดาไว้
หลิวเฟินได้รับการสนับสนุนและความกล้าหาญจากลูกสาว ที่นี่คือตระกูลหลิว ไม่ใช่ตระกูลเซี่ย เธอจะกลัวเซี่ยต้าจวินไม่ได้
แม้ตอนนี้จะมีตระกูลเซี่ยหรือไม่ แต่ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตหลิวเฟินก็ต้องพูดความจริง
ฉันบอกว่าจะหย่า ต้าจวิน ฉันกับคุณไปด้วยกันไม่ได้แล้ว พวกเราหย่ากันเถอะ
เซี่ยต้าจวินกำหมัดและพยายามจะหิ้วตัวหลิวเฟินออกมา คานหาบของหลิวหย่งตีเข้าแสกหน้าเขาอย่างจัง ทว่าลงท้ายด้วยร่างกายและกำลังสู้ไม่ได้จึงถูกเซี่ยต้าจวินแย่งคานหาบไป ทั้งสองคนสู้กันนัวเนีย เซี่ยเสี่ยวหลานพามารดาหลบด้านหลังของตน จางชุ่ยร้อนรนกระวนกระวาย
เสี่ยวหลาน เธอบอกแม่ให้ใจเย็นก่อน มีเรื่องอะไรพวกเราไม่นั่งลงคุยกันดีๆ ล่ะ? ไม่ทันไรก็บอกว่าจะหย่า รู้ไหมว่าทำร้ายความรู้สึกกันมากเพียงใด?
เซี่ยเสี่ยวหลานใบหน้าไม่แยแส ถ้าอย่างนั้นตอนที่พ่อตีแม่ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำร้ายความรู้สึกหรือ? ป้าใหญ่ ตอนนั้นฉันไม่เคยเห็นป้าจะเกลี้ยกล่อมให้พ่อหยุดเลย
จางชุ่ยอยากพูดออกไป ผู้หญิงโดนตีมิใช่ธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่โบราณหรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยได้พาคนในหมู่บ้านกลับมาด้วย ชาวบ้านจำนวนหนึ่งจับเซี่ยต้าจวินกับหลิวหย่งแยกออกจากกัน มีบางคนที่สนิทสนมกับหลิวหย่งยังแอบกระทืบเซี่ยต้าจวินไปหลายที
จะทำไม? ยังกล้ามากร่างในหมู่บ้านพวกเราหรือ?
เล่นคนสารเลวอย่างมันให้ตายเถอะ ผู้ชายตีภรรยามันพวกชั่วช้า ยังกล้าลงมือกับพี่หย่งอีก
บุกมาถึงหน้าประตูบ้าน คิดว่าหมู่บ้านชีจิ่งสู้ไม่ได้หรือ!
ก็ไม่รู้ว่าขณะที่หลี่เฟิ่งเหมยไปตามคนมานั้นบอกกล่าวกันอย่างไร ชาวบ้านยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ร่วมมือกันรุมทำร้ายเซี่ยต้าจวินไปหนึ่งยก สองหมัดสู้สี่มือไม่ได้ เซี่ยต้าจวินถูกต่อยเสียจนนอนคว่ำลงกับพื้น หลิวเฟินจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้แน่น และได้รู้ว่าผู้ชายที่ข่มขวัญเสียจนตัวเธอสั่นเทาก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธีเอาชนะได้จริงๆ เซี่ยต้าจวินอยู่ที่บ้านโบกกำปั้นใสเธอ อยู่ข้างนอกกลับเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด
วางมือให้หมด!
ชายชราอายุราวหกสิบปีเดินมือไพล่หลังเข้ามาในบ้านตระกูลหลิว
ชาวบ้านจำนวนหนึ่งจับเซี่ยต้าจวินกดกับพื้นไว้ไม่ให้เขาขยับเขยื้อน
ลุงต๋ามาแล้ว
ลุงต๋า ไอ้คนแซ่เซี่ยผู้นี่ช่างเลวยิ่งนัก
อย่าเพิ่งพูด ลุงต๋าต้องมีความคิดอะไรอยู่แน่นอน
ลุงต๋ามีชื่อว่าเฉินวั่งต๋า เป็นหัวหน้าหมู่บ้านชีจิ่ง เฉินก็คือสกุลใหญ่ของหมู่บ้านชีจิ่งเช่นกัน เฉินวั่งต๋าดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี มีเกียรติศักดิ์มากนักในหมู่บ้าน เมื่ออายุยังน้อยเฉินวั่งต๋าเคยเข้าร่วมกองทัพ แม้ว่าไม่ได้สร้างผลงานอะไรใหญ่โต แต่เขาคือทหารผ่านศึกปฏิวัติ [1] ตัวจริง ถึงแม้เขาจะยินยอมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่ง แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้สหายร่วมรบของเขาอาจได้ตำแหน่งสูงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
อย่าว่าแต่หมู่บ้านชีจิ่งเลย ในเขตชนบทไปจนถึงในตัวเมืองนั้นเฉินวั่งต๋าก็แขวนชื่อเสียงเรียงนามของตนเอาไว้
เฉินวั่งต๋ายังเคยถูกเลือกเป็นผู้แทนประจำเขตตัวเมืองเพื่อเข้าร่วมสภาประชาชนอีกด้วย เมื่อก่อนถึงหลิวหย่งจะเหลวไหลแค่ไหนก็ไม่กล้าอหังการต่อหน้าเฉินวั่งต๋า
ลุงต๋า ลุงมาแล้ว เชิญนั่งก่อน
หลิวหย่งเชิญให้เฉินวั่งต๋านั่งก่อน เฉินวั่งต๋าจึงไม่เกรงใจ ก้นหย่อนลงแล้วถึงได้มองไปทางหลิวเฟิน
ถึงครอบครัวของพวกเธอจะเป็นคนสกุลนอกที่หลบหนีภัยแล้งมา ไม่ได้จำเป็นต้องให้บรรพบุรุษสกุลเฉินของฉันดูแล แต่ในเมื่อใช้ชีวิตในหมู่บ้านชีจิ่งมาหลายสิบปี พวกเธอย่อมเป็นคนของหมู่บ้านชีจิ่ง พ่อแม่ของพวกเธอไม่อยู่แล้ว ฉันก็พอหน้าด้านเป็นผู้อาวุโสแทนได้ วันนี้ฉันจะเป็นตัวแทนให้กับเธอ หลิวเฟิน เธอบอกลุงต๋ามา จะหย่ากับสามีของเธอหรือไม่?
หลิวหย่งบีบมือแน่น ขอบตาแดงรื้น
คนในหมู่บ้านไม่ทำเหมือนครอบครัวพวกเขาเป็นคนนอก การแบ่งไร่นาแบ่งที่ดินล้วนมีครอบครัวพวกเขารวมอยู่ด้วย มีสิ่งดีก็ไม่กีดกัน ขนาดตอนนี้เฉินวั่งต๋าจะออกหน้าแทนหลิวเฟิน หลิวหย่งยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
หลิวเฟินเองย่อมต้องซาบซึ้งมากแน่นอน
ด้วยเหตุผลแล้วเธอออกเรือนไปตั้ง 20 ปี อีกทั้งมิได้แซ่เฉิน เฉินวั่งต๋าจะไม่ใส่ใจเลยก็ย่อมได้
ลุงต๋า ฉันจะหย่า รบกวนลุงเป็นพยานให้ด้วยจ่ะ
เฉินวั่งต๋าพนักหน้าตกลง ฉันดูแลแค่ครั้งนี้นะ ถ้าวันไหนเธอเสียใจขึ้นมาทีหลังและอยากกลับไป ลุงต๋าก็ถือว่าเธอเป็นเพียงสามีภรรยาที่กลับมาคืนดีกันอย่างมีความสุข จะขอให้ฉันออกรับหน้าแทนนั้นไม่ได้อีกแล้ว หลิวหย่ง ไปเอากระดาษปากกาและหมึกประทับตรามา วันนี้ก็เขียนหนังสือรับรองให้เรียบร้อยเถอะ
เซี่ยต้าจวินที่โดนคนเหยียบอยู่กับพื้นสำลักพลางตะโกนกึกก้อง
ฉันไม่ยอม เธอแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยของพวกเรา มีชีวิตอยู่เป็นคนตระกูลเซี่ย ตายแล้วก็ต้องเป็นผีตระกูลเซี่ย เธอเป็นภรรยาของฉัน!
จางชุ่ยและหวังจินกุ้ยยังนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะวุ่นวายได้ขนาดนี้ พวกเธอทั้งสองไม่รู้จักสภาพการณ์ของหมู่บ้านชีจิ่ง ทว่าเห็นท่าทางของเฉินวั่งต๋าก็รู้ว่าไม่ใช่เล่น เห็นชัดเจนว่ามาไกล่เกลี่ยหลิวเฟินและลูกสาว แต่ทำไมไปๆ มาๆ ก็พูดถึงเรื่องหย่าร้างจากกันได้?
เสี่ยวหลาน รีบยั้งแม่หลานเร็ว ตอนนี้แม่เธอกำลังอารมณ์ไม่ดี ผู้หญิงคนหนึ่งหย่าแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร? ทะเบียนบ้านของแม่เธอก็ยังอยู่ในหมู่บ้านต้าเหอ พวกเธอแม่ลูกอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งจะไม่มีแม้แต่ที่ดินสักแปลงเดียวนะ
เกษตรกรไม่มีที่ดินแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?
จางชุ่ยมิได้ห่วงใยหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เธอไม่ต้องการให้สองคนนี้หลุดจากหูตาตน
เปลือกตาของเฉินวั่งต๋าไม่ขยับขึ้นด้วยซ้ำ ย้ายทะเบียนบ้านของพวกเธอสองแม่ลูกมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก อดีตพี่สะใภ้อย่างเธอนี่เป็นกังวลแทนจังเลยนะ ไม่ต้องรบกวนเธอกังวลหรอก พวกเธอย้ายทะเบียนบ้านมาเมื่อไร หมู่บ้านชีจิ่งย่อมแบ่งไร่นากับที่ดินให้พวกเธอสองแม่ลูกอยู่แล้ว
ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่หวงแหนไร่นาแม้แต่นิดเดียวและไม่คิดจะอยู่ในชนบทระยะยาวด้วย ทว่าคำพูดของเฉินวั่งต๋าทำให้เธอรู้สึกขอบคุณมาก
เฉินวั่งต๋ากำลังสนับสนุนพวกเธอ
พอเห็นชาวบ้านเหล่านั้นที่เหยียบเซี่ยต้าจวินไว้ ทั้งยังมีคนในหมู่บ้านเดียวกันที่เมียงมองอยู่นอกบ้าน เมื่อเฉินวั่งต๋ากล่าวว่าจะแบ่งที่ดินให้แก่หลิวเฟินและลูกสาว ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีแน่นอน แต่ไม่มีใครคัดค้านในทันที เกียรติภูมิความน่าเชื่อถือของเฉินวั่งต๋าสูงมาก คนในหมู่บ้านชีจิ่งก็รู้ดีว่าเวลานี้ต้องสนับสนุนหลิวเฟินและลูกสาว จำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกันรบศึกนอก จะโซ่หลุด [2] ไม่ได้โดยเด็ดขาด!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องปริปากเองเลย เมื่อเฉินวั่งต๋าปรากฏตัวก็จัดการเรื่องนี้ให้จนแล้วเสร็จ
ออกมาเขียนหนังสือสักคนหน่อย
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่ห้อมล้อม เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักเขา เขามีชื่อว่าเฉินชิ่ง เป็นหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน และเป็นนักเรียนมัธยมปลายของหมู่บ้านด้วย เวลาเฉินชิ่งเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมักจะหน้าแดง ทว่าเขาที่ก้าวออกมาในตอนนี้แววตามั่นคงไม่วอกแวก ให้ความรู้สึกของปัญญาชนไม่น้อย
นี่ไม่ใช่การหยอกเย้าแต่อย่างใด ในชนบทของปี 83 คนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายนั้นถือว่าเป็นปัญญาชนแล้ว เกาเข่าปีนี้เฉินชิ่งหลุดจากอันดับ ช่วยเหลืองานในนาในไร่ของครอบครัวเสร็จก็จะกลับไปเรียนซ้ำที่โรงเรียน นักเรียนมัธยมปลายไม่มีการแบ่งงาน [3] ให้ ที่พาดอยู่ตรงหน้าของเฉินชิ่งมีเพียงสองทาง คือเรียนซ้ำแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือกลับชนบทไปเป็นเกษตรกร
เฉินวั่งต๋ากล่าวหนึ่งประโยค เฉินชิ่งเขียนตามหนึ่งประโยค
หนังสือสัญญาลายมือแบบเดียวกันสามฉบับช่างละม้ายกับหนังสือหย่าในยุคอนาคต แต่หลิวเฟินและเซี่ยต้าจวินมีเพียงบ้านสองห้องแสนซอมซ่อ ไม่มีทรัพย์สินใดให้แบ่งเลยจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ต้องเลือกว่าจะอยู่กับใคร เธออายุ 18 ปีเต็มแล้ว ไม่ต้องมีใครมาดูแลเธออีก
จางชุ่ยได้แต่ร้องห้าม หลิวเฟินยังคงไม่ไหวติง
เซี่ยต้าจวินไม่ยอมลงชื่อและพิมพ์ลายนิ้วมือ เฉินวั่งต๋าไม่สนว่าเขายินดีหรือไม่ วานให้คนจับมือของเซี่ยต้าจวินพิมพ์ลงกระดาษไปเสีย
หลิวเฟินได้รับสัญญา เธอมองไปยังเซี่ยเสี่ยวหลานรวมถึงพี่ชายกับพี่สะใภ้ ไม่มีใครคัดค้าน
เธอไม่มองเซี่ยต้าจวินแม้แต่นิดเดียว จุ่มหมึกแดงแล้วประทับนิ้วโป้งสองข้างลงไปอย่างหนักแน่น
เฉินวั่งต๋านำกระดาษแผ่นหนึ่งยัดให้จางชุ่ย นี่เป็นฉบับของครอบครัวพวกเธอ อีกฉบับหนึ่งให้หลิวเฟินไว้ ส่วนอีกชุดฉันจะส่งให้สถานีพลเมืองประจำเมืองเก็บเข้าคลังเอกสารด้วยตัวเอง ถ้าพวกเธอไม่มีธุระก็กลับไปได้แล้ว
เชิงอรรถ
[1] 老革命 ทหารผ่านศึกการปฏิวัติ หมายถึง ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมปฏิวัติในประเทศจีนตั้งแต่ยุคแรกๆ ในที่นี้คือทหารที่เข้าร่วมสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามปฏิวัติภายใน
[2] 掉链子 โซ่หลุด หมายถึง ทำผิดพลาดในช่วงเวลาสำคัญ
[3] 工作分配 ระบบแบ่งงาน คือ การจัดสรรงานให้กับนักศึกษาที่จบมหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาสายอาชีพภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน