เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 71 โจวเฉิงผิดนัด
เซี่ยเสี่ยวหลานกวาดสินค้ามาได้จำนวนสองกระเป๋าใหญ่
ไป๋เจินจูมีแรงกายที่เหลือล้น ช่วยเธอแบกของมาจนถึงบ้านพักรับรอง
วันแรกของเซี่ยเสี่ยวหลานกับการรับซื้อสินค้าดูเหมือนทั้งหมดคือเสื้อไหมพรมและกางเกง
ส่วนเสื้อคลุมนั้นเธอไม่กล้ารับมากเกินไป เสื้อคลุมที่คุณภาพดีมีราคาที่สูง
ฤดูหนาวของมณฑลอวี้หนานหนาวเย็นกว่าหยางเฉิง ดังนั้นเสื้อคลุมตัวบางจึงไม่มีประโยชน์
เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมการไว้ว่ารอบหน้าค่อยรับเสื้อนอกตัวหนา
เธอนำเงินมา 900 หยวน
ครั้งเดียวก็จ่ายไปแล้ว 500 กว่า
หักค่ารถไปกลับ รวมทั้งอาหารและที่อยู่ เงินที่เธอสามารถใช้ได้มีอยู่ไม่เกิน 300 หยวน ส่วนเงินที่เหลือ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจซื้อเสื้อคลุมขนสัตว์คุณภาพดีกว่าเล็กน้อยอีกสักสองตัว
แม้ต้นทุนจะสูง แต่เสื้อผ้าทุกตัวที่ขายออกไปได้กำไรมากเช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานจะเลี้ยงอาหารไป๋เจินจู เดิมหญิงสาวผู้นี้ไม่เห็นด้วย
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยืนกรานที่จะเลี้ยง ไป๋เจินจูจึงรับประทานหมี่น้ำราคาถูก
ตอนกลางคืนเธอจะพักห้องเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เลยอธิบายให้ชัดเจนขึ้นสักสองสามประโยค
ตอนกลางคืนของหยางเฉิงนั้นวุ่นวายทีเดียว ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะพักร่วมกับคนอื่น
ฉันจะไปนอนห้องข้างๆ แทน
ก่อนโจวเฉิงมาถึง ไป๋เจินจูต้องอยู่เคียงข้างเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานจะไล่คนไปได้อย่างไร พี่ไป๋ พี่อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันที่นี่ดีแล้ว
หลังจากเดินชมแผงลอยขายส่ง เซี่ยเสี่ยวหลานเหนื่อยล้าไม่น้อย สภาพของบ้านพักนั้นไม่ถือว่าเลวร้าย
เพียงสามารถอาบน้ำร้อนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมากแล้ว เธอสงสัยว่าไป๋เจินจูรู้จักโจวเฉิงได้อย่างไร
ผลคือก่อนหน้านี้ไป๋เจินจูไม่แม้แต่เคยได้ยินชื่อ ‘โจวเฉิง’ มาก่อน
พี่ชายฉันวานให้ฉันมารับคุณ ทั้งยังต้องดูแลคุณให้ดีๆ ดังนั้นฉันจึงมา
ตระกูลของไป๋เจินจูเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้ พี่ชายของเธอเข้าร่วมกองทัพที่อยู่ทางเหนือ
ในบ้านมีเพียงเธอคนเดียวที่คอยประคับประคองครอบครัว
ปัจจุบันคนร่วมชาติไม่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และหันมานิยมชี่กง [1] ไป๋เจินจูไม่มีช่องทางหาเลี้ยงชีพ จึงเปลี่ยนอาชีพเป็นค้าขายผลไม้
เธอไม่ดูแคลนธุรกิจอิสระแม้แต่น้อย เพราะเธอก็ทำงานแบบนี้เช่นกัน
พี่ไป๋ พี่สุดยอดจริงๆ !
ไป๋เจินจูรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ใครมีปัญหากับฉัน
ฉันก็จะต่อยพวกเขา หมัดใครแข็งกว่า คนนั้นก็มีเหตุผล
เซี่ยเสี่ยวหลานจะค้าขายเสื้อผ้า ไป๋เจินจูรู้ตัวดีว่าช่วยเหลืออะไรได้ไม่มาก
หากเซี่ยเสี่ยวหลานยอมขายผลไม้ ไป๋เจินจูก็กล้าบอกแหล่งสินค้าราคาถูกที่สุด
ไป๋เจินจูไม่ได้ผ่านการเกิดใหม่ เธอคือหญิงสาวผู้เกิดและเติบโตในหยางเฉิง
ค่านิยมของหยางเฉิงเปิดกว้างกว่าอวี้หนาน คนที่ทำธุรกิจอิสระเหมือนไป๋เจินจูจึงมีอยู่มากมายเหลือล้น
เงินทองในยุค 80 ช่างหาได้ง่ายดายนัก ขอเพียงไม่ถูกหลอกลวง
มั่นคงตั้งใจ และมีความคิดอีกนิดหน่อย ย่อมไม่มีทางขาดทุนแน่นอน
ทว่าต่อให้ธุรกิจผลไม้ของไป๋เจินจูจะเฟื่องฟูสักเท่าไร
สิ่งที่ทำให้เธอภาคภูมิใจยังคงเป็นพี่ชายผู้เข้าร่วมกองทัพของเธอ เลื่อนขั้นแล้ว ค่อยหาพี่สะใภ้ให้ฉันสักคน
ชาตินี้พี่ชายฉันยังบกพร่องอะไรอีก? ฉันก็แค่ขยันหาเงิน
รอเวลาที่พี่ชายฉันจะแต่งงาน ไม่ยอมให้ครอบครัวว่าที่พี่สะใภ้ปรามาสได้!
ยอมแล้ว เธอก็เป็นเพียงหญิงสาวประเภทอุทิศตนคนหนึ่งล่ะนะ
ด้วยขีดจำกัดของยุคสมัยทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ความสามารถในการอธิบาย
ความคิดเห็นของเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนเราต้องใช้ชีวิตเพื่อตนเองเป็นอันดับแรก แต่ไป๋เจินจูรู้สึกว่าการอุทิศตัวเพื่อพี่ชายมีความสุขกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความตั้งใจไปแก้ไขความคิดของเธอ ทั้งสองคนสนทนากัน จากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ
เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
วันต่อมายังเป็นไป๋เจินจูที่คอยติดตาม เซี่ยเสี่ยวหลานตะลอนไปยังตลาดค้าส่งหลายๆ
แห่งในหยางเฉิงจนครบ
สินค้าดีสวยงามละลานตา สิ่งที่ทำกำไรมากกว่าเสื้อผ้าคือเครื่องใช้ไฟฟ้า
ขนาดเล็กอย่างนาฬิกาข้อมือ เครื่องคิดเลข และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างเครื่องเล่นวิทยุ
โทรทัศน์ สิ่งของที่นึกได้ล้วนพบได้ที่หยางเฉิง ทั้งข้อจำกัดการใช้ตั๋วซื้อสินค้าแทบไม่พบในหยางเฉิงแล้ว
ตลาดของที่นี่คับคั่งไปด้วย ‘สินค้าทางน้ำ’ หลากหลายชนิด ทุกวันจะมีเรือขนส่งสินค้าจากฮ่องกงลอบขนสินค้าเข้ามา แม้ศุลกากรจะสามารถจับและยึดไว้เป็นจำนวนใหญ่
ทว่ายังคงมีปลาที่หลุดลอดแหไปได้
ถ้ามีเส้นสายก็สามารถซื้อสินค้าต่างๆ จากคลังของจุดตรวจสอบศุลกากรได้ในราคาย่อมเยา
สินค้าเถื่อนที่ถูกอายัดจะไม่โดนทำลาย แต่จะจัดการมอบให้ผู้ร่วมผลประโยชน์ในราคาถูก
สินค้าพวกนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ล้วนขายเลหลังเป็นลัง เครื่องซักผ้า โทรทัศน์
ตู้เย็นก็ไม่น้อยหน้า หากเงินหนาอีกสักหน่อย
ถึงขั้นสามารถซื้อรถยนต์หนีภาษีที่ถูกยึดไว้ได้ด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานอาจหาญมากพอ สิ่งของที่คนอื่นกล้าขายเธอก็กล้าเช่นกัน
แต่เธอขาดต้นทุนน่ะสิ!!
มองหยางเฉิงที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่ทุกหนทุกแห่ง
หยางเฉิงที่รุ่งเรืองและเปิดกว้างมากกว่าเมืองซางตู
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่เสียใจอย่างสุดซึ้ง
เธอไม่ต้องการอยู่ที่หยางเฉิงแล้ว สินค้าได้เลือกสรรเรียบร้อย ทุกคืนของบ้านพักรับรองคือเงิน
เพียงเพื่อพบหน้าโจวเฉิงที่หยางเฉิง? เธอกลับไปรอโจวเฉิงที่เขตอันชิ่งได้ด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่ในเวลานี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แม้แต่ ‘ลูกพี่ใหญ่ [2]’ ก็ยังไม่มี
เพจเจอร์เพิ่งกำเนิดในเซี่ยงไฮ้ โทรศัพท์บ้านเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่รวดเร็วที่สุด
รองลงมาก็คือโทรเลข ไม่ว่าเป็นรูปแบบไหน อีกฝ่ายหนึ่งต้องไม่โยกย้ายตนเอง
ใครกันจะรู้ว่าโจวเฉิงเดินทางถึงที่ไหนแล้ว?
โจวเฉิงเจอปัญหาเล็กน้อย
รถของเขาและคังเหว่ยโดนคนขวางเข้า โจวเฉิงลั่นไกปืนโดยไร้ซึ่งความลังเล
ทำให้ทั้งสองได้รับโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป หลังจากนั้นเขารับใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยจากข้างทาง
ลูกตาของคังเหว่ยแทบหลุดออกจากเบ้า
นี่ไม่ใช่ลุงของพี่สะใภ้หรือ?
เสื้อผ้าบนร่างกายของหลิวหย่งชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ส่วนมากเป็นเลือดของคนอื่น และส่วนน้อยคือเลือดของเขา
เห็นแล้วน่ากลัวยิ่งนัก ด้านหลังโดนคนฟันเป็นแผลฉกรรจ์ มีเลือดไหลเป็นทาง
โจวเฉิงเรียกคนมาทำแผลให้หลิวหย่ง หลิวหย่งมีไข้สูงไม่ลดลงเลย เขาและคังเหว่ยจะทิ้งคนไว้ที่โรงพยาบาลกลางคันได้อย่างไร?
หลิวหย่งน่าจะถูกคนกลุ่มเดียวกับที่ต้องการปล้นเขาและคังเหว่ยทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยบอกว่าลุงของเธอออกไปทำงานก่อสร้างแล้ว
เดินทางจากเขตอันชิ่งถึงพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้เพื่อทำงานก่อสร้างงั้นหรือ? โจวเฉิงไม่มีวิธีอื่นจึงทำได้เพียงติดต่อคนอีกครั้ง เขาได้โทรศัพท์ไปยังบ้านพักรับรองที่หยางเฉิง
เสี่ยวหลาน ครั้งนี้ฉันไปหยางเฉิงไม่ได้แล้ว เธอกลับอันชิ่งไปคนเดียวก่อนนะ
ตอนขากลับฉันจะไปพบเธอ
ได้เลย!
ภรรยาในอนาคตผู้ใจร้ายคนนั้นของเขาวางโทรศัพท์ด้วยความกระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน!
โจวเฉิงร้องไห้ไม่ออกหัวเราะก็ไม่ได้
ทว่านี่เป็นโชคดีของเขา ยังบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อเป็นภรรยาของเขาได้หรือ? แม้หลิวหย่งเป็นเพียงลุง
แต่สถานะในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานสำคัญกว่าเซี่ยต้าจวินเสียอีก โจวเฉิงช่วยหลิวหย่ง
มิใช่เป็นการช่วยชีวิต ‘พ่อตา’ หรือ?!
คุณลุงครับ คุณนี่จริงๆ เลย…
คังเหว่ยรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่เฉิงจื่อน่าหวาดกลัวมาก พังพอนที่ขโมยไก่สำเร็จก็ทำได้แค่นี้
ขณะพักฟื้นบนเตียงในโรงพยาบาล หลิวหย่งร่างกายกระสับกระส่ายอยู่ในสภาวะหลับไหล
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ของทางด้านโจวเฉิงแม้แต่น้อย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนกำลังทำตัวเป็นผู้กตัญญูแทนเธออยู่
ข้าวหนึ่งเซิงเป็นบุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น [3] หากบุญคุณเกินเลยข้าวหนึ่งโต่วไปไกล ไม่กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตไปจนตาย
ก็ทำได้เพียงเกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกัน ไป๋เจินจูทุ่มเทกายใจ
ส่งเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นรถ เซี่ยเสี่ยวหลานแบกเสื้อผ้าสามกระเป๋าใหญ่นั่งรถไฟกลับซางตูอีกครั้ง
เสื้อผ้าสตรีสามกระเป๋าได้กักเงินต้นทุนทั้งหมดของเธอในตอนนี้แล้ว
ยังมีเงินที่หลี่เฟิ่งเหมยให้ยืมอีกจำนวน 300 หยวน
ถ้าสินค้าเกิดสูญหายขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานต้องกลับไปอยู่สภาพเดิมเป็นแน่
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไปหยางเฉิงครั้งนี้ เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการนั่งรถไฟ
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหงเซี๋ยจดจ้องประตูโรงเรียนทุกวันโดยไม่ให้คลาดสายตา
ในที่สุดเธอก็รอจนได้พบเฉินชิ่ง
เฉินชิ่งไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว
เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานมาโรงเรียน และได้มอบเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษที่สรุปเองกับเขา
เฉินชิ่งทำตามวิธีการเรียนรู้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ไม่อาจบอกว่าก้าวหน้าพันลี้ในหนึ่งวัน แต่ก็พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เฉินชิ่งชื่นมื่นหาสิ่งใดเปรียบ สุดท้ายตัดสินใจว่าสัปดาห์นี้จะกลับบ้าน
หาโอกาสขอคำแนะนำจากเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทว่าพอออกจากประตูโรงเรียน เขาก็ถูกเซี่ยหงเซี๋ยไล่ตามจับไว้
เธอคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่?
เฉินชิ่งหูร้อนจัด เซี่ยหงเซี๋ยเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าตนเองคิดไว้ไม่ผิด
เซี่ยหงเซี๋ยราวกับนายพรานที่ล่าสัตว์ได้สำเร็จ
พยายามกลั้นความภูมิใจของตนไว้อย่างถึงที่สุด
…ฉันมีเรื่องของเซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกเธอ
พ
เชิงอรรถ
[1]气功 ชี่กง คือ การฝึกออกกำลังกายชนิดหนึ่งโดยให้ความสำคัญกับ ‘ชี่’ หรือลมปราณในร่างกาย
[2]大哥大 ลูกพี่ใหญ่ หมายถึง โทรศัพท์พกพาที่มีลักษณะคล้ายกระบอก
เดิมคำนี้เอาไว้เรียกหัวหน้าใหญ่สูงสุดของกลุ่มใต้ดิน
บ้างว่ามีที่มาจากภาพยนตร์ฮ่องกง ซึ่งพวกลูกพี่ใหญ่มักจะใช้โทรศัพท์รูปแบบนี้
[3]升米恩斗米仇 ข้าวหนึ่งเซิงเป็นบุญคุณข้าวหนึ่งโต่วคือความแค้น หมายถึง
เมื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน
แม้เป็นเพียงการช่วยเล็กน้อยแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งในบุญคุณ
ทว่าพอช่วยมากครั้งเข้า จนในที่สุดอาจช่วยไม่ไหวหรือหยุดช่วย อีกฝ่ายกลับรู้สึกโกรธเคืองถึงขั้นคับแค้นใจ
(เซิง 升 / โต่ว 斗 เป็นหน่วยชั่งข้าว โดยเซิงเป็นหนึ่งในสิบส่วนของโต่ว)